|
|
แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ แบบผ้าและแบบ พลาสติกแข็ง
ผ้า ผู้ขายกระเป๋าเดินทางและโรงงานผลิต จะถือว่าผ้าของ DuPont รุ่น Cordura Plus nylon เป็นผ้าที่แข็งแรงที่สุดสำหรับ กระเป๋าเดินทางแบบนิ่ม เพราะผ้าชนิดนี้ใช้เป็นยางเครื่องบินและเข็มขัดรัดในเครื่องบิน ใช้เป็นผ้าหุ้มสายเคเบิลข้ามมหาสมุทร Condura Plus ทนการเกิดรอยถลอก การขัดสี ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อ กระเป๋าถูกโยนลงในรถเข็นกระเป๋า หรือว่าไถไปบนพื้น และกระเป๋าจะถูกยกและโยนลงบนสายพานลำเลียง เมื่ออยู่ในฝ่ายขนส่งกระเป๋าบนเครื่องบิน บางโรงงานผลิตกระเป๋าจาก ไนล่อนทนแรงกระแทก (Ballistic nylon) ซึ่งเป็นผ้าชนิดที่ใช้ทำผ้ากันกระสุน ผ้านี้จะถูกทอลายสองที่จะ ป้องกันการฉีกขาดและแรงกระแทก ผ้าชนิดที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุดเป็น โพลีเอสเทอร์ (Polyester) ซึ่ง ทนทานน้อยกว่าแต่ว่าก็ถูกกว่าด้วย การเลือกผ้าแบบนี้ให้ดูที่หน่วยของความแข็งแรงและแน่นของผ้าหน่วยเป็น denier เช่น 600 denier จะแข็งแรงน้อยกว่า 1200 และ 1800 จะแข็งแรงกว่า 1200 denier ผ้า Polyester สามารถนำมาทอเป็นแบบ ballistic ได้ ซึ่งจะทำให้ผ้าแข็งแรงขึ้นแต่ยังไงก็ยังเป็น polyester อยู่ดี พลาสติกแข็ง มีทั้งแบบ ที่เป็น ABS และ polypropylene แบบ ABS โดยทั่วไปจะมีบุผ้าด้านในโดยมีฟองน้ำเป็นตัวรองผ้าอีกชั้นเพื่อความนุ่ม ตัวกระเป๋าชนิดนี้ราคาจะไม่ค่อยแพง เบากว่า polypropylene และโดยทั่วไปจะมีสันขอบเป็นอลูมิเนียมทั้งสองฝั่งของตัวกระเป๋า เพื่อให้มีการปิดกระเป๋าที่สนิท ข้อเสียจะอยู่ที่ความเปราะของเนื้อพลาสติกจะทำให้ตัวกระเป๋าแตกได้ และอลูมิเนียมที่สันขอบเมื่อเบี้ยวแล้วจะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมามาก เช่นปิดไม่สนิท ล็อกไม่ได้ เข้ารหัสไม่ได้ (ในกรณีกระเป๋ามีรหัส) แบบ Polypropylene เป็นกระเป๋าที่ผลิตด้วยกรรมวิธีการฉีดขึ้นรูปตัวกระเป๋าจะมีความทนทานกว่า แบบ ABS ทั้งตัวถังและการยึดติดกับอุปกรณ์ อื่น ๆ เช่น ล้อ หู และตัวล็อก และมีรูปแบบสวยงามกว่า แต่ราคาจะแพงกว่า ตัวถังแบบนี้จะเหนียว ไม่เปราะ ข้อเสียส่วนใหญ่เกิดจากความนิ่มของพลาสติกทำให้บริเวณบานพับมักจะเกยกันทำให้ ปิดกระเป๋ายาก และพื้นผิวกระเป๋ามักเป็นรอยขีดข่วนได้ง่ายมาก |
|
กว่า 10 ปีมาแล้ว กระเป๋ามีล้อ 4 ล้อและมีสายลาก
สมัยนั้นก็ดูหรูแล้ว แม้ว่าบางทีล้อมักจะตายบ่อย ๆ ก็ตาม แต่เมื่อ Bob Plath
นักบินของสายการบิน Northwest ได้คิดแบบของล้อที่ดีขึ้นเขาพลิกกระเป๋าให้ตั้งสูงขึ้น
แล้วใส่ล้อลงที่ขอบด้านข้างของกระเป๋าแล้วติดหูลากที่ขอบอีกด้าน
กระเป๋าของเขาได้รับความนิยมในหมู่ลูกเรือ ของสายการบิน จนในปี 1990 กระเป๋าแบบนี้ก็ได้ขายออกไปทั่ว และบริษัท Plath's company ก็ผลิตกระเป๋า ยี่ห้อ Travelpro จนเป็นผู้นำตลาด และในปัจจุบันทุกบริษัทก็ผลิตกระเป๋าที่มีล้อออกมาขายกันหมด โดยทั่วไปล้อพลาสติกมักจะแตกเป็นสะเก็ด ล้อยางแบน หรือล้อยางที่เป็นลูกและมีตลับลูกปืนจะดีกว่าเวลาลากจะนุ่มนวล เงียบและสั่นน้อยกว่า ล้อลูกใหญ่จะลากสะดวกและเงียบกว่าลูกเล็ก และล้อเล็กมีแนวโน้มจะเสียง่ายกว่าล้อลูกใหญ่ กระเป๋าควรมีแผ่นแข็งรองที่ก้นกระเป๋าเป็นไม้หรือพลาสติกก็ได้แต่ควรหนาหน่อย เพื่อป้องกันก้นกระเป๋าเมื่อลากไปที่ขรุขระหรือใส่ของหนักมาก ๆ การวางตำแหน่งของล้อก็สำคัญ ถ้ากระเป๋าของคุณเป็นกระเป๋าผ้าใหญ่กว่า 28 นิ้วและเป็นแบบ 4 ล้อแล้วละก็ผมขอแนะนำให้ใส่ล้อ ที่ 5 หรือ 6 ตรงกลางเพื่อป้องกันการย้อยของก้นกระเป๋าเมื่อใส่ของหนัก เพราะนอกจากจะทำให้ไม้รองก้นกระเป๋าไม่แตกแล้ว ผ้าที่ก้นกระเป๋าก็ไม่ขาดด้วย |
|
กระเป๋ามีล้อนั้นโดยปกติจะมีหู 2 ชนิด แบบหูตาย
และแบบยืดหดได้
เลือกแบบที่มี 2 หูหิ้ว อันหนึ่งอยู่ด้านบนของกระเป๋าและ อีกอันอยู่ด้านข้าง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถยกกระเป๋าได้ง่ายทั้ง 2 ทิศทาง หูที่ใช้น็อตแล้วทุบปลายตะปูจะทนกว่าตะปูยิงแต่ถ้าเป็นน็อตไขเฉย ๆ คุณเที่ยวไม่เกิน 2 ครั้งน็อตจะคลาย และหูก็จะหลุด หูแบบตายยังมีอีกแบบที่มีสปริงเพื่อทำให้หูกระเป๋าพลิกกลับมาแนบกระเป๋าเองได้ กระเป๋าที่แพงหน่อยหูหิ้วจะฝังอยู่ในรอยเว้าของกระเป๋าเพื่อป้องกันหูจากการกระ แทกเมื่อกระเป๋าถูกโยน |
|
ซิปมักเป็นส่วนที่อ่อนแอของกระเป๋า โดยเฉพาะบริเวณมุมหรือขอบ
ๆ เพราะชอบถูกชนหรือถูไถ ซิปที่ดีต้องมีส่วนที่ยื่นต่อไปอีกในตัวกระเป๋า 1-2
นิ้ว
ตัวซิปเองส่วนใหญ่จะมีอยู่ 4 แบบแยกตามฟัน ซิปคือ ซิปไนล่อน ซิปทองเหลือง ซิปกระดูกงู และซิปอลูมิเนียม เรียงตามความแข็งแรง เลือกซิปที่ใหญ่ที่สุดและแข็งแรงที่สุดที่คุณสามารถซื้อได้ เพราะว่าเมื่อซิปเสียแล้ว เปลี่ยนยาก แต่ถ้าฟันซิปไม่เสียก็ซ่อมไม่ยากเท่าไหร่ ลองหาร้านซ่อมเราดูก็ได้ ลองตรวจดูรอยเย็บรอบ ๆ ซิปดูด้วย ถ้าเป็นด้ายไนล่อนก็จะดีกว่าด้วยฝ้าย |
|
พื้นกระเป๋าก็เป็นส่วนสำคัญมากส่วนหนึ่งสำหรับกระเป๋าแบบนิ่มที่ปัจจุบันนิยมใช้กัน
มากขึ้น เนื่องจากตัวกระเป๋าเป็นผ้านิ่ม ดังนั้นสัมภาระที่อยู่ด้านในจะคงรูปอยู่ได้ ก็มาจากสองส่วนคือ ขอบแข็งของกระเป๋าและพื้น สำหรับกระเป๋าที่มีคันชักนั้น จะมีพื้นอยู่สองด้านคือ ด้านกว้างกับด้านยาวของขอบกระเป๋าขึ้นอยู่ว่าจะใช้หูหิ้วด้านไหน เช่นถ้าใช้คันชัก ด้านพื้นกระเป๋าก็จะเป็นด้านกว้าง แต่ถ้าใช้หูหิ้วด้านยาวพื้นก็จะเป็นด้านยาวตรงกันข้ามของกระเป๋า เนื่องจากพื้นจะรับน้ำหนักของสัมภาระทั้งหมดจึงต้องมีความแข็งแรงมาก โดยทั่วไปเมื่อกระเป๋าเดินทางถูกกระแทกพื้นและขาตั้งของกระเป๋าจะมีภาระรับ น้ำหนักมาขึ้นถึงเกือบ 20 เท่าของน้ำหนักสัมภาระจะทำให้พื้นแตกหักบริเวณล้อและขาตั้ง เมื่อแตกหักแล้วจะทำให้การลากกระเป๋าเป็นไปได้ไม่สะดวก ทำให้บังคับทิศทางยาก และผลตามมาคือผ้าหุ้มกระเป๋าด้านนอกบริเวณพื้นจะถูกถูจนขาด การเลือกซื้อควรเลือกพื้นกระเป๋าที่มีความหนาไม่ต่ำกว่า 4 มม.ทั้งพื้นด้านกว้างและด้านยาว กระเป๋าแบบนิ่มปัจจุบันจะมีการผลิตด้านในกระเป๋า 2 แบบคือ มีบุและไม่มีผ้าบุขอบ ถ้าเป็นแบบไม่มีผ้าบุเราจะเห็นพื้นได้โดยตรง ถ้าเป็นแบบมีผ้าบุขอบจะต้องรูดซิปผ้าบุขอบออกจึงจะเห็นพื้นกระเป๋า แต่กระเป๋าบางชนิดจะมีแต่ซิปไม่มีหัวซิปให้รูดจึงเปิดออกดูไม่ได้ โดยทั่วไปแล้วกระเป๋าที่ขายอยู่จะผลิตในประเทศและประเทศจีน มีพื้นบางมากไม่สามารถรับแรงกระแทกได้มาก เมื่อซื้อแล้วควรนำมาเสริมพื้นให้หนาขึ้นเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน |
|
การจะซื้อกระเป๋าระดับไหนก็ขึ้นอยู่ว่าคุณใช้กระเป๋าบ่อยแค่ไหน
ถ้าคุณต้องการกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ใช้งานครั้งเดียวในชีวิตหรือแค่เป้กันน้ำ
สำหรับไปล่องแพแล้วโยนทิ้งก็ซื้อแบบถูก ๆ หน่อย แต่ถ้าสำหรับการท่องเที่ยวทั่วไป คุณก็จ่ายมากหน่อยเพื่อจะได้กระเป๋าดีขึ้นนิดนึง การรับประกัน กระเป๋าเดินทางส่วนใหญ่มักจะมีการรับประกันมักจะเป็น 3 ปี 10 ปี หรือตลอดชีพ ไม่ว่าจะประกันนานเท่าไหร่ การประกันก็ประกันเพียงความเสียหายที่เกิดจากการผลิตเท่านั้น เช่น รอยเย็บผิดพลาด หูหิ้วไม่ยืด ล้อติดตั้งไม่ถูกต้อง มันไม่ประกันถึงการใช้ที่ไม่ถูกต้อง ความสึกหรือหรือการฉีกขาด |
|
ล็อกของกระเป๋าชนิดผ้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นซิป นั้นมีตั้งแต่ที่เป็นห่วงที่หัวซิปเพื่อให้คล้องสายยู
และอีกแบบจะเป็นแบบตั้งรหัสที่ติดอยู่กับตัวกระเป๋า ล็อกโดยการเอาหัวซิปใส่เข้าในกุญแจรหัส
ล็อกของกระเป๋าแข็งจะเป็นทั้งแบบรหัส และแบบใช้กุญแจเวลาซื้อให้ลองปิดกุญแจแล้วโยกตัวถังกระเป๋าสองฝั่งไปคนละ ทางถ้ากุญแจไม่ดีแล้ว เขี้ยวของกระเป๋าจะหลุดออกได้ง่าย ทำให้เกิดปัญหาถ้าเดินทางแล้วกระเป๋าเปิดตอนเครื่องบินขนถ่ายสินค้า |