Introduction to Music Computer

Computer Music
     
อย่าคาดหวังมากเกินไปกับ "คอมพิวเตอร์" แต่ก็อย่าคิดว่ามันก็ไอ้แค่ "คอมพิวเตอร์".....
     
  1
  มีแนวคิดที่ต่างกันอยู่ 2 ด้านของผู้ที่คร่ำหวอดในการทำเพลงและการบัน ทึกเสียง
  ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ไม่สามารถทำงาน เพลงออกมาให้ดีได้ขณะที่อีกฝ่ายเชื่อว่า ความสามารถของมันก็ไม่แตก ต่างจากเครื่องมือทำเพลงอื่นๆที่เคยมีมาในอดีตคงยากที่จะสรุปว่าอะไรดี หรือไม่ดีกว่าอะไรแต่สิ่งที่เป็น จริงอยู่ทุกวันนี้ ก็คือ เทคโนโลยีมันไปไกล ขึ้นมากเก่งขึ้นมากถูกขึ้นมาก และง่ายขึ้นมากด้วยคอมพิวเตอร์ จึงถูกนำ มาใช้ในการทำงานเพลงในทุกขึ้นตอนอย่างเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ใช้แต่ง, เรียบเรียง,บันทึกเสียง,ปรับแต่งเสียง และ mix เสียง รวมไปถึงการทำ mastercd.ด้วยเพื่อให้ชัดเจนประเด็นที่ว่าคอมพิวเตอร์ไม่น่าจะ ทำงาน เพลงออกมาดีได้คงหมายถึงเฉพาะส่วนของการบันทึก,ปรับแต่ง และการ mixเสียงเท่านั้นส่วนการแต่ง และการเรียบเรียงไม่เกี่ยว เพราะไม่มีส่วน เกี่ยวข้องกับคุณภาพเสียงครับ และนี่ก็คือประเด็นหลักที่จะพูดถึงครับ
     
2
 
ที่ว่า อย่าคาดหวังมากเกินไปกับ "คอมพิวเตอร์" หมายถึง คอมพิวเตอร์ที่จะใช้สำหรับงานทำเพลงโดย เฉพาะการอัดเสียงนั้น ควรจะได้รับการปรับแต่ง ทั้ง hardward และ software ให้เหมาะสม แน่นอนว่า คอมพิวเตอร์ทั่วๆไปที่เราซื้อมาจากร้าน คงคาดหวังอะไรได้ไม่มากนัก (ยกเว้นร้านที่ขายคอมพิวเตอร์เพื่อ การทำเพลงโดยตรง) และที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือ ผู้ใช้ควรจะเข้าใจระบบของคอมพิวเตอร์และเข้าใจ software ที่ตัวเองเลือกใช้ รวมทั้งมีพื้นฐานทางด้าน sound engineer พอควร ซึ่งถ้าสามารถทำได้ตามเงื่อนไขเหล่านี้ คุณภาพเสียงที่บันทึกได้ ก็น่าจะดีไม่แตกต่างไปจากการบันทึกเสียงในแบบเดิม (analouge) แน่นอนว่ามันมี ความแตกต่างกันในทางเทคนิค แต่โดยรวมคุณภาพเสียงก็ไมต่างกันนัก ส่วนจะเป็นที่ชื่นชอบของใครหรือ ไม่ ก็เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า ยากที่จะสรุปได้ว่าดีกว่าหรือด้อยกว่ากันครับ  
     
 
3
ส่วนที่ว่า แต่ก็อย่าคิดว่ามันก็ไอ้แค่ "คอมพิวเตอร์"..... พูดกันตามข้อเท็จจริงทางเทคนิค แม้จะเป็นคอม พิวเตอร์ home use ทั่วไป ถ้าได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม และผู้ใช้งานมีความรู้ความเข้าใจ มันก็ สามารถให้คุณภาพงานที่ดีได้ จะว่าไปก็อาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เพราะเสียงที่บันทึกด้วยคอมพิวเตอร์นั้น จะถูก แปลงเป็นข้อมูล (data) ชุดหนึ่งและเก็บบันทึกไว้ใน harddisk เมื่อเราต้องการใช้งาน คอมพิวเตอร์จะเรียก ข้อมูลชุดนั้นขึ้นมา อ่านและแปรกลับมาเป็นสัญญาณเสียงดังนั้นไม่ว่าจะนานเท่าไหร่หรือผ่านกระบวนใดๆ คุณภาพของเสียงก็จะยังคงเหมือนเดิม "เสมอ" ขณะที่การบันทึกเสียงแบบ analouge (บันทึกลงบนแถบเทป แม่เหล็ก) ขณะอัด สัญญาณเสียงจะถูกเปลี่ยนเป็นแรงดันไฟฟ้า และสร้างความต่างศักย์ไว้บนแผ่นเทปแม่ เหล็ก ความสึกหรอของเทปและหัวอ่าน รวมถึงเศษฝุ่นขนาดเล็กที่อาจจับอยู่ ทำให้ทุกครั้งเมื่อมีการเล่นหรือ คัดลอก (copy track) จะต้องมีการสูญเสียของสัญญาณเสียง "เสมอ" จะเสียมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ของเทปและหัวอ่าน และการเก็บรักษาดูแลความสะอาดของสิ่งเหล่านี้ และยังรวมถึงความสมบูรณ์ของสาย สัญญาณต่างๆอีกด้วย
     
4
 
ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ(ความจริงมากกว่า 2 ด้วยซ้ำ) ข้อดีของอัดเสียงลงเทปแม่เหล็กคือ เสียงที่ได้จะใกล้เคียง เสียงจริงมาก(อย่างไม่สามารถเปรียบเทียบกับอะไรได้ เพราะไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ) ส่วนข้อจำกัดก็คือ การสูญเสียสัญญาณอย่างที่ว่ามาข้างต้น และต้องมีการดูแลรักษาเครื่องมือต่างๆให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้แรงดันไฟฟ้าไหลได้อย่างสม่ำเสมอ ขณะที่การอัดเสียงด้วยคอมพิวเตอร์(digital) ข้อดีคือ หลังจากที่บัน ทึกเสียงแล้ว จะไม่มีการสูญเสียสัญญาณอีกเลย ส่วนข้อจำกัด(เมื่อเทียบกับการบันทึกแบบ analouge) ก็คือ กระบวนการในบันทึกของมันเอง ที่ใช้วิธีบันทึกเสียงแบบเป็นช่วงๆแล้วนำมาเรียงต่อกัน ซึ่งในทางเทคนิด (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ analouge) ก็ถือว่า ไม่สามารถเก็บบันทึกเสียงทั้งหมดมาได้นั่นเอง แต่แน่นอนว่า ความรู้สึกของคนฟัง ทั่วๆไปนั้น ไม่สามารถรับรู้ถึงช่องว่างเหล่านี้ได้ครับ (ยกเว้นบุคคลบางคนที่อ้างว่า สามารถ)  
     
 
5
  ที่สุดแล้ว สิ่งที่เราต้องการก็คือ คุณภาพเสียงที่ดี ไม่ว่าจะด้วยเครื่องมืออะไร แบบไหน ดังนั้นสำหรับผู้ที่รัก เสียงเพลง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการจะทำเพลงด้วยตนเอง จึงควรทำความเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้ให้ชัดเจน เพื่อ ให้งานที่ผลิตออกมามี คุณภาพเสียงที่ดี ตามเงื่อนไขความเป็นไปได้ในกระบวนการทำงานของแต่ละคนครับ
     
6
 
ดนตรีนั้น มีอยู่แล้วในคนทุกคน เป็นธรรมชาติอันหนึ่งของเรา เครื่องดนตรีต่างๆจึงเป็นเพียงประตูเพื่อให้ เราแสดงออกถึงความรู้สึกทางดนตรี และเพื่อให้เราก้าวเข้าไปสู่โลกของดนตรีในตัวของเราเอง คอมพิวเตอร์ ก็เช่นกัน มันเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อการบันทึกเสียงต่างๆที่เราต้องการสื่อสารออกมา คุณค่าของงานจึงอยู่ ที่ตัวดนตรีซึ่งมาจากภายในตัวเรามากกว่าสิ่งที่ใช้ผลิตดนตรี เสมอ ครับ  
     
     
 
Computer Music
 
Studee : The Studio Education for Thai Musician..