มวยโอลิมปิค

 

     

home

back

 

     

มวยโอลิมปิค (4 ก.ย.44)

  • ข้าพเจ้าเป็นคนชอบดูกีฬา และก็ดูได้เกือบทุกชนิดกีฬา โดยเฉพาะกีฬามวยสากลสมัครเล่นในกีฬาโอลิมปิค เพราะเป็นกีฬาที่ชาวไทยมีโอกาสลุ้นได้สนุกที่สุด จากการที่ข้าพเจ้าดูมวยมาก็มาก สไตน์ของนักมวยแต่ละคนโดยเฉพาะมวยสากลได้กำหนดไว้เพียง 2 สไตน์ ได้แก่ 1. มวยบุก หรือ มวย Fighter 2. มวยถอยตั้งรับ หรือ มวย Boxer แต่ที่ข้าพเจ้าดูน่าจะมีสไตน์ของนักมวยอีกสไตน์หนึ่งซึ่งเป็นสไตน์ที่ 3. ได้แก่มวย Perfect style หรือมวยจังหวะรุกรับ ซึ่งสามารถบุกหรือตั้งรับได้ตามสถานะการณ์ ซึ่งมวยในสไตน์ที่ 3. นี้เป็นมวยที่มีคุณลักษณะที่ดีที่สุด และสมบูรณ์แบบในตัวเองมากที่สุด นักมวยแต่ละบุคคลจะจัดอยู่ในสไตน์ไหนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและนิสัยใจคอของนักมวยแต่ละคน ซึ่งนักมวยแต่ละสไตน์สามารถเอาชนะซึ่งกันและกันได้ ลักษณะของมวยแต่ละสไตน์มีลักษณะดังนี้

  • มวย Fighter (มวยบุก) มวยสไตน์บุก เป็นมวยที่มีจิตใจห้าวหาญและมีสภาพร่างกายดีเยี่ยม อาวุธคือพลังหมัดที่หนักหน่วง ยิ่งถูกต่อยยิ่งเดินเข้าหา จุดที่จะชนะของนักมวยสไตน์บุกก็คือบุกโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่องรุนแรงรวดเร็วและหนักหน่วง ดุจสายน้ำปริมาณมหาศาลที่ไหลลงจากที่สูงย่อมต้องกวาดสิ่งที่ขวางทางกระจุยกระจายไปตามแรงในพริบตา การฝึกซ้อมของมวยสไตน์บุกต้องเน้นพละกำลังและความแม่นยำในการชก การขึ้นชกแต่ละครั้งต้องมีกำลังเหนือคู่ต่อสู้อย่างน้อย 3 เท่าเสมอ และที่สำคัญการป้องกันตัวเองคือการ guard มวยต้องรัดกุมเสมอ จุดแพ้ของมวยสไตน์บุกก็คือถ้าอ่อนแรงเมื่อไหร่ก็จะแพ้ทันทีหรือต่อยคู่ต่อสู้ไม่ถูกจุดก็จะแพ้ทันที

  • มวย Boxer (มวยถอยตั้งรับ) มวยสไตน์ถอยตั้งรับ เป็นมวยที่มีสายตาดี รวดเร็วไม่ชอบเข้าปะทะ อาวุธคือหมัดหน้ารบกวนจังหวะคู่ต่อสู้ และการหลบหลีกหมัดแรกของคู่ต่อสู้และดักต่อยจังหวะสองเก็บคะแนน ดุจต้นอ้อต้นไผ่ที่อ่อนไหวลู่ไปตามแรงกระหน่ำของลมพายุ ถ้าลมพายุอ่อนแรงพัดผ่านไป และยังตั้งอยู่ได้ก็จะได้รับชัยชนะ การฝึกซ้อมของมวยสไตน์ถอยตั้งรับ เน้นความรวดเร็วในการหลบหลีก และจังหวะในการออกหมัดตอบโต้ การทำลายจังหวะคู่ต่อสู้ หมัดหน้าต้องสร้างความยากลำบากในการเข้าทำของคู่ต่อสู้ จุดแพ้ของมวยสไตน์ถอยตั้งรับคือถ้าถูกบีบให้ออกหมัดที่ไม่ถูกเป้าในแต่ละยกมากเกินไปก็จะพ่ายแพ้ตัวเองไปในที่สุด การป้องกันตัวเองคือสายตาและความรวดเร็วในการหลบหลีก

  • มวย Perfect style (มวยจังหวะรุกรับ) มวยจังหวะรุกรับ เป็นมวยที่มีความยืดหยุ่นไปตามสถานะการณ์ของคู่ต่อสู้ ถ้าคู่ต่อสู้ยังแข็งแกร่ง ก็จะตั้งรับสร้างจังหวะคอยตอบโต้จุดที่เปิดช่อง ถ้าคู่ต่อสู้เผยให้เห็นจุดอ่อนก็จะบุกเข้าโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่องรุนแรง จนคู่ต่อสู้อ่อนแรง และได้รับชัยชนะในที่สุด มวยจังหวะรุกรับนี้มีทั้งพละกำลังและมันสมองที่เป็นเลิศ สามารถแก้สถานะการณ์บนเวทีได้ดี นี่เป็นข้อได้เปรียบเพราะถ้ารอให้หมดยกแล้วค่อยให้ผู้ฝึกสอนบอกวิธีการชกให้ คะแนนที่เสียเปรียบในยกนั้นๆ ก็จะห่างไปแล้วยากที่จะไล่ตามคืนได้ มวยจังหวะรุกรับนี้ผู้ฝึกสอนเพียงแค่บอกจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ให้ นักมวยก็จะหาจังหวะเข้าทำได้เองเสมอ การป้องกันตัวก็จะมีทั้งสายตาที่ดีความรวดเร็วและการ guard มวยที่รัดกุม มวยสไตน์จังหวะรุกรับนี้มีการเข้าโจมตีรวดเร็วดุจพายุ และออกถอยตั้งรับมั่นคงแข็งแกร่งปานภูผา

  • การฝึกสอนของมวยทั้ง 3 สไตน์ นั้น สำหรับมวย Fighter และ มวย Boxer อาจต้องใช้ผู้ฝึกสอนคนละชุดกัน เนื่องจากลักษณะบุกคลิกของมวยทั้ง 2 สไตน์ มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงต้องออกแบบตารางการฝึกซ้อมที่มีความแตกต่างกัน ส่วนมวยในสไตน์ที่ 3 คือมวย Perfect style นั้นสามารถใช้ตารางการฝึกของมวย Fighter และ มวย Boxer ได้รวมกัน และเพิ่มแบบฝึกการแก้ทางมวยอีกด้วย

  • ถ้าถามข้าพเจ้าว่าดูกีฬาแล้วได้อะไร คำตอบก็ขึ้นอยู่กับคนดูว่าได้อะไร สำหรับข้าพเจ้าการกีฬาเป็นเรื่องของสรีระศาสตร์ นักกีฬาทุกคนจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสรีระศาสตร์ไม่มากก็น้อย ในทางพุทธศาสนาสรีระของมนุษย์ประกอบด้วยธาตุ 4 ขันธ์ 5 ,ธาตุ 4 ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุทั้ง 4 ถูกธาตุวิญญาณเข้าถือครอง จึงเกิดเป็นขันธ์ 5 ได้แก่ เกิดรูป(ร่างกาย) เกิดเวทนา(ความสุข ความทุกข์ ความไม่สุขไม่ทุกข์) เกิดสัญญา (ความจำได้) เกิดสังขาร(ได้แก่นามสังขาร คือความคิดอ่านต่างๆ) เกิดวิญญาณ(ได้แก่ความรู้ที่ได้รับจากอายตนะทั้ง 6 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) เมื่อมนุษย์ประกอบด้วยธาตุ 4 ขันธ์ 5 แล้วมันก็เป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นคือ ไม่เที่ยงแท้ เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ทั้งหมดนั้นการกีฬาสามารถให้คำตอบได้เร็วที่สุด สำหรับการดูมวยนั้นผมได้เห็นการทำงานของธาตุไฟเป็นพิเศษ ธาตุไฟทำหน้าที่ควบคุมระบบต่างๆ ของร่างกายให้อยู่ในสภาวะที่สมดุลย์ตลอดเวลา ธาตุไฟ ได้แก่ระบบควบคุมอันได้แก่ระบบเซลส์ประสาทต่างๆ อธิบายง่ายๆ ดังนี้ ถ้าระบบภายในร่างกายเกิดความร้อนมากเกิน ธาตุไฟอันได้แก่เซลส์ประสาทก็จะไปควบคุมให้ต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้ำอันได้แก่เหงื่อและของเสียระบายความร้อนออกมาที่รูขุมขนที่ถูกควบคุมให้เปิดกว้างออกเพื่อทำให้ระดับความร้อนในร่างกายสมดุลย์ ธาตุไฟอันได้แก่ระบบเซลส์ประสาทต่างๆ ยังทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ด้วย ถ้านักมวยถูกชกไปที่เซลส์ประสาทรวมอย่างแรง ทำให้เซลส์ประสาทหยุดทำงานชั่วขณะ ก็จะเกิดอาการวูบกล้ามเนื้อต่างๆ ไม่สามารถทำงานไปชั่วขณะ ถึงแม้ว่าสมองจะทำงานอยู่ นักมวยจึงพยายามลุกขึ้นแต่กล้ามเนื้อขา แขน ไม่ถูกสั่งให้ทำงานชั่วขณะจึงเกิดอาการซวนเซทรงตัวไม่อยู่ หรือบางรายเซลส์ประสาทในส่วนของสมองไม่ทำงานก็จะเกิดอาการหลับไปเลย นั่นเป็นอิทธิพลของธาตุไฟ หรือคนที่เจ็บป่วยไม่สบายธาตุไฟแตก ไม่สามารถควบคุมช่องทวารต่างๆ ได้ ก็จะเกิดปัสสาวะ อุจจาระไหล น้ำมูก น้ำกามไหล มีเลือดออกที่ ตา หู จมูก ปาก ตามรูขุมขน และภายในร่างกาย และเสียชีวิตในที่สุด นี่คือการดูมวยเพื่อศึกษาธาตุไฟของข้าพเจ้า


[ home ] [ back ]