|
|
|
มวยโอลิมปิค (4 ก.ย.44)
ถ้าถามข้าพเจ้าว่าดูกีฬาแล้วได้อะไร
คำตอบก็ขึ้นอยู่กับคนดูว่าได้อะไร
สำหรับข้าพเจ้าการกีฬาเป็นเรื่องของสรีระศาสตร์
นักกีฬาทุกคนจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสรีระศาสตร์ไม่มากก็น้อย
ในทางพุทธศาสนาสรีระของมนุษย์ประกอบด้วยธาตุ
4 ขันธ์ 5 ,ธาตุ 4
ได้แก่ ธาตุดิน
ธาตุน้ำ ธาตุลม
ธาตุไฟ ธาตุทั้ง 4
ถูกธาตุวิญญาณเข้าถือครอง
จึงเกิดเป็นขันธ์
5 ได้แก่ เกิดรูป(ร่างกาย)
เกิดเวทนา(ความสุข
ความทุกข์
ความไม่สุขไม่ทุกข์)
เกิดสัญญา (ความจำได้)
เกิดสังขาร(ได้แก่นามสังขาร
คือความคิดอ่านต่างๆ)
เกิดวิญญาณ(ได้แก่ความรู้ที่ได้รับจากอายตนะทั้ง
6 ได้แก่ ตา หู จมูก
ลิ้น กาย ใจ)
เมื่อมนุษย์ประกอบด้วยธาตุ
4 ขันธ์ 5
แล้วมันก็เป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์
คือ อนิจัง ทุกขัง
อนัตตา นั่นคือ
ไม่เที่ยงแท้
เป็นทุกข์
ไม่มีตัวตน
ทั้งหมดนั้นการกีฬาสามารถให้คำตอบได้เร็วที่สุด
สำหรับการดูมวยนั้นผมได้เห็นการทำงานของธาตุไฟเป็นพิเศษ
ธาตุไฟทำหน้าที่ควบคุมระบบต่างๆ
ของร่างกายให้อยู่ในสภาวะที่สมดุลย์ตลอดเวลา
ธาตุไฟ
ได้แก่ระบบควบคุมอันได้แก่ระบบเซลส์ประสาทต่างๆ
อธิบายง่ายๆ
ดังนี้
ถ้าระบบภายในร่างกายเกิดความร้อนมากเกิน
ธาตุไฟอันได้แก่เซลส์ประสาทก็จะไปควบคุมให้ต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้ำอันได้แก่เหงื่อและของเสียระบายความร้อนออกมาที่รูขุมขนที่ถูกควบคุมให้เปิดกว้างออกเพื่อทำให้ระดับความร้อนในร่างกายสมดุลย์
ธาตุไฟอันได้แก่ระบบเซลส์ประสาทต่างๆ
ยังทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ
ด้วย
ถ้านักมวยถูกชกไปที่เซลส์ประสาทรวมอย่างแรง
ทำให้เซลส์ประสาทหยุดทำงานชั่วขณะ
ก็จะเกิดอาการวูบกล้ามเนื้อต่างๆ
ไม่สามารถทำงานไปชั่วขณะ
ถึงแม้ว่าสมองจะทำงานอยู่
นักมวยจึงพยายามลุกขึ้นแต่กล้ามเนื้อขา
แขน
ไม่ถูกสั่งให้ทำงานชั่วขณะจึงเกิดอาการซวนเซทรงตัวไม่อยู่
หรือบางรายเซลส์ประสาทในส่วนของสมองไม่ทำงานก็จะเกิดอาการหลับไปเลย
นั่นเป็นอิทธิพลของธาตุไฟ
หรือคนที่เจ็บป่วยไม่สบายธาตุไฟแตก
ไม่สามารถควบคุมช่องทวารต่างๆ
ได้
ก็จะเกิดปัสสาวะ
อุจจาระไหล น้ำมูก
น้ำกามไหล
มีเลือดออกที่ ตา
หู จมูก ปาก
ตามรูขุมขน
และภายในร่างกาย
และเสียชีวิตในที่สุด
นี่คือการดูมวยเพื่อศึกษาธาตุไฟของข้าพเจ้า
[
home ] [ back ]
|