แรงจูงใจ(Persuade Power)

 

     

home

back

 

     

แรงจูงใจ

การที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดจะดำเนินชีวิตของตนที่ได้รับมาหรือที่ตนได้ก่อกำเนินเกิดมานั้นให้ดำเนินไปอย่างไรเช่นไร น่า

จะมีบางสิ่งบางอย่างที่มีอิทธิพลอยู่ภายใต้จิตใจอยู่ลึกๆ ไม่มากก็น้อย ซึ่งข้าพเจ้าเรียกสิ่งที่มีอิทธิพลเหล่านั้นว่าแรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจก็ได้ อ้ายเจ้าแรงจูงใจนี้มันมีอิทธิพลทำให้บุคคล หรือกลุ่มชน สามารถทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยทุ่มเทช่วงหนึ่งของชีวิตหรือทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางของเป้าหมายแห่งแรงจูงใจนั้น เป้าหมายปลายทางอาจจะเล็กจะใหญ่ จะมีคุณค่ามหาศาล หรือไร้สาระหาคุณค่าไม่ได้ นั่นก็แล้วแต่สติปัญญาของแต่ละบุคคลที่จะทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อสิ่งที่เป็นแรงจูงใจเหล่านั้น

ในอดีตก็มีแรงจูงใจต่างๆ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ ที่มีการบันทึกสืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าขอ

ยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม สักสองสามเหตุการณ์ดังนี้
1. โคลัมบัส นักเดินเรือผู้มีชื่อเสียงแห่งสเปน โคลัมบัสในวัยหนุ่ม ใช้เวลาเฝ้าดูทองทะเลและขอบฟ้า ประกอบกับประสบการณ์ในการเดินเรือ เกิดคำตอบในใจเสริมกับสมมุติฐานของนักวิทยาศาสตร์ดังก่อนหน้านั้น ที่กลายเป็นคนนอกรีตเพราะบังอาจเสนอว่า โลกกลม ไม่ได้แบนอย่างที่เชื่อกัน โคลัมบัสมีความเชื่อในใจอยู่ ร้อยเปอร์เซ็นว่าโลกกลม และระมัดระวังที่จะเสนอคำตอบในใจอันนี้ของเขาต่อบุคคลอื่น และหาทางพิสูตรคำตอบของเขาอยู่อย่างเงียบๆ ซึ่งข้าพเจ้าถือว่า การหาทางพิสูตรว่าโลกกลมของโคลัมบัสถือว่าเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่ง ซึ่งโคลัมบัสได้ทุ่มเทตลอดชีวิตของเขา การพิสูตรในเรื่องนี้ของเขาก็โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในการเดินเรือของเขา โดยถ้าโลกกลมตามที่เขาคิดจริง เขาก็ต้องสามารถเดินเรือจากสเปนไปอินเดียได้โดยตรงแล้วกลับมาสเปนได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องเดินเรือเรียบชายฝั่งจากยุโรป อ้อมแผ่นดินแอฟริกา แล้วจึงไปคาบสมุทรอินเดียเหมือนแต่ก่อน ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือเพียงเขากำหนดทิศทางของหัวเรือให้แล่นไปได้ตรงๆ เท่านั้น ถ้าโลกกลมจริงเขาก็จะไปถึงอินเดียและแล่นตรงไปเรื่อยๆ ครบหนึ่งรอบของโลกโดยกลับมาที่สเปนเช่นเดิม โคลัมบัสเริ่มวางแผนการให้เป็นจริง การกระทำเช่นนี้เป็นการเสี่ยงอยากมากเพราะเป็นเส้นทางเดินเรือที่ไม่เคยมาก่อนเลย อาจเกิดอันตรายโดยคลื่นลมและพายุใหญ่ได้ ดังนั้นเขาต้องหาเรือที่ใหญ่พอที่จะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางได้ ดังนั้นโคลัมบัสจึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐแห่งสเปนโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาเข้าขอเรือสำเภาใหญ่ และลูกเรือ พร้อมแต่งตั้งเขาเป็นผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดแต่ผู้เดียวเว้นแต่ผู้ที่แต่งตั้งเขา โดยยื่นขอเสนอว่าจะนำทองคำมาให้อยากมากพอเป็นการตอบแทน โดยยุโรปในตอนนั้นเล่ากันว่าอินเดียและจีนมีทองคำมากมายแม้แต่หลังค่าปราสาทราชวังก็ล้วนทำจากทองคำทั้งนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าทองคำที่โคลัมบัสเสนอ หรืออาจจะเป็นความต้องการแฝงของอำนาจรัฐต่อการกระทำของโคลัมบัสในครั้งนี้ข้าพเจ้าก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่โคลัมบัสได้รับการตอบตกลงทุกข้อที่เขาเสนอ แต่อุปสรรคต่อมาของโคลัมบัสก็คือไม่มีใครกล้าไปเป็นลูกเรือของเขาเลยแม้แต่คนเดียวเพราะผู้คนเชื่อว่าโลกแบนการกระทำของโคลัมบัสอาจนำไปสู่หายนะหรือความตาย เนื่องจากเดินเรือตกโลกได้ โคลัมบัสไม่ละความพยายามเข้ายื่นข้อเสนอต่ออำนาจรัฐอีกครั้งหนึ่งเพื่อขออภัยโทษต่อนักโทษให้เป็นอิสระแต่มีข้อแม้ว่าต้องไปเป็นลูกเรือของเขา คราวนี้ได้ผลเขามีลูกเรือมากพอที่จะเดินเรือในครั้งนี้ได้ โคลัมบัสได้เตรียมการฝึกลูกเรือนักโทษเหล่านี้จนชำนาญใช้การได้ เตรียมพร้อมเรื่องเสบียงอาหาร น้ำจืด เรือของโคลัมบัสพร้อมออกไปผจญภัยแล้ว โคลัมบัสพร้อมลูกเรือเบนหัวเรือมุ่งตรงออกสู่มหาสมุทร โคลัมบัสตั้งหัวเรือตรงตามแนวที่คำนวณไว้ Fixed หางเสือไม่ให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ให้มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ตาจับจ้องไปข้างหน้าเพื่อรอคอยว่าเมื่อไหร่จะเห็นแผ่นดินอินเดียอยู่ข้างหน้า เรือมุ่งไปข้างหน้าผ่านวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า รอบลำเรือมีแต่มหาสมุทรหาแผ่นดินไม่เจอ ลูกเรือมองหน้ากันเลิกลั่ก มีหลายครั้งลูกเรือบอกโคลัมบัสให้หันหัวเรือกลับสู่สเปน แต่โคลัมบัสยังยืนยันหนักแน่น วันคืนยังผ่านไปวันแล้ววันเล่าคืนแล้วคืนเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ยังไม่มีวีแววของแผ่นดินที่หัวเรือ ลูกเรือเริ่มวิกฤต ประชุมหาลือจะจับโคลัมบัสไว้แล้วจะเบนหัวเรือกลับสู่สเปนก่อนที่จะถึงหายนะตกโลกไป ลูกเรือช่วยกันจับโคลัมบัสไว้พร้อมกับจะหันหัวเรือกลับ แต่ทันใดนั้นที่หัวมีลูกเรือตะโกนว่า "แผ่นดิน" ลูกเรือพากันดีใจปล่อยโคลัมบัสเป็นอิสระ โคลัมบัสออกคำสั่งเตรียมขึ้นฝั่ง เมื่อขึ้นฝั่งสำรวจก็พบชนเผ่าอินเดียนแดง ที่มีสีผิวเหมือนคนอินเดีย โคลัมบัสจึงเข้าใจว่าเป็นประเทศอินเดีย พร้อมกับให้พาไปพบ King แห่งอินเดีย แต่ชาวอินเดียนแดงกลับพาไปพบหัวหน้าเผ่า โคลัมบัสเห็นชนเผ่าอินเดียนแดงล้าหลังกว่าตนจึงคิดหลอกให้ไปหาทองคำมาให้ตนเพื่อที่จะกลับไปมอบให้แก่อำนาจรัฐของสเปนตามที่สัญญาเอาไว้ แต่ทองคำที่พบไม่มีมากพอและคิดว่าชนเผ่าอินเดียนไม่ยอมบอกแหล่งทองที่แท้จริงให้รู้ จึงไม่รู้จะกลับไปรายงานได้อย่างไร พร้อมลูกเรือที่ไปด้วยมีกำลังน้อยกว่าพวกชนเผ่า จึงคิดให้ลูกเรือส่วนหนึ่งอยู่ที่นี่และนำชนเผ่ากลับไปด้วยเพื่อแสดงว่าตนได้พบเส้นทางลัดที่จะไปประเทศอินเดียได้แล้ว พร้อมขอกำลังทหารเพิ่มเพื่อหาแหล่งทองคำที่เหลือนำกลับไปให้ โคลัมบัสกลับไปรายงานต่ออำนาจรัฐสเปนพร้อมกับทองคำอันน้อยนิดแต่ชนเผ่าทีโคลัมบัสนำกลับไปด้วยกลับเป็นสิ่งที่ประหลาดและวิพากวิจารณ์กันถึงเส้นทางเดินเรือที่โคลัมบัสพบใหม่ที่ไปสู่ประเทศอินเดีย โคลัมบัสได้กลับไปยังแผ่นดินของชนเผ่าอินเดียนอีกครั้งพร้อมกองทหารแห่งอำนาจรัฐสเปน แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าลูกเรือที่ให้อยู่ที่นั้นก่อนหน้านั้นถูกพวกอินเดียนอีกเผ่าฆ่าตายหมดแล้ว โคลัมบัสเริ่มรู้สึกตัวว่าแผ่นดินที่พบใหม่อาจไม่ใช่ประเทศอินเดียอย่างทีคิด และต้องการจะสำรวจรอบๆ แผ่นดินที่พบ แต่กองทหารที่ไปด้วยกลับคิดที่จะรบกลับพวกอินเดียนเพื่อบังคับให้นำทองคำและมอบดินแดนให้ โคลัมบัสไม่ต้องการรบกับพวกอินเดียนต้องการอยู่ร่วมกลับพวกอินเดียนอย่างสันติ จึงขัดแย้งกับพวกทหารและต้องสร้างมิตรภาพกับพวกอินเดียนจึงไม่มีเวลาสำรวจแผ่นดินรอบๆ แต่การพบเส้นทางเดินเรือใหม่จนพบแผ่นดินของโคลัมบัสเป็นที่เลื่องลือออกไป จนมีผู้ต้องการพิสูตรว่าแผ่นดินที่โคลัมบัสพบนั้นเป็นประเทศอินเดียจริงหรือไม่ จึงมีนักเดินเรืออีกผู้หนึ่งชื่อ อเมริโกเรสบุสชี่ เป็นนักเดินเรือชาวอิตาลี ใช้เส้นทางเดินเรือของโคลัมบัสมุ่งสู่แผ่นดินที่โคลัมบัสพบ เมื่ออเมริโกเรสบุสชี่ไปถึงแผ่นดินก็แล่นเรือออกสำรวจไปโดยล้อมแผ่นดิน แล้วก็ออกประกาศกลับไปยังยุโรปว่าแผ่นดินที่โคลัมบัสพบไม่ใช้ประเทศอินเดียแต่เป็นแผ่นดินที่ค้นพบใหม่เป็นทวีปใหม่ที่ยังไม่ได้ระบุอยู่ในแผ่นที่โลก การที่อเมริโกเรสบุสชี่ได้ประกาศว่าเป็นแผ่นดินใหม่ทำให้อเมริโกเรสบุสชี่เป็นที่ยอมรับและได้ชื่อว่าเป็นผู้พบแผ่นดินใหม่นั้น จึงตั้งชื่อแผ่นดินใหม่ที่อเมริโกเรสบุสชี่ประกาศไว้ว่า ทวีปอเมริกา ส่วนโคลัมบัสเมื่อทราบว่าอเมริโกเรสบุสชี่ได้ประกาศว่าแผ่นดินที่ตนเองพบตอนแรกนั้นเป็นแผ่นดินใหม่ไม่ใช่ประเทศอินเดียอย่างที่คิด แท้จริงเป็นทวีปอเมริกาเป็นแผ่นดินที่ขั้นกลางก่อนที่จะไปถึงประเทศอินเดียนั่นเอง ในท้ายที่สุดโคลัมบัสอาจจะยังไม่อาจไปถึงประเทศอินเดียได้ตามเส้นทางใหม่ที่ตั้งใจ ตามประวัติเขาอาจไม่ได้กลับไปสเปนอีก เขาอาจตายที่ทวีปเมริกาหรืออะไรทำนองนั้น แต่ชีวิตทั้งชีวิตเขาก็อุทิศเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางแห่งแรงจูงใจของเขาจนจบชีวิตลงไป
 
2. อัลเบิร์ต ไอสไตย์ ไอสไตย์เป็นนักคณิตศาสตร์ตัวยง เป็นนักทฤษฎี แต่ไอสไตย์ไม่ใช่นักปฏิบัติ นักวิจัย นักทดลอง นักทดสอบ ไอสไตย์อาศัยการเป็นนักคณิตศาสตร์ นักคำนวณที่เก่งกาจสร้างทฤษฎีใหม่ออกมาให้เป็นที่หือฮาในวงการวิทยาศาสตร์อยู่เสมอๆ ที่หือฮาและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือไอสไตย์ได้เสนอทฤษฎีสัมพันธภาพ E=MC ยกกำลัง2 แต่สิ่งที่ไอสไตย์เสนอยังมิได้มีการพิสูตรให้เห็นจริงเป็นรูปธรรมได้ เพียงแต่ไอสไตย์ทราบได้โดยการคำนวณทางคณิตศาสตร์เท่านั้น และก็เป็นแรงจูงใจให้ไอสไตย์ต้องการพิสูตรให้เห็นจริงอยู่ตลอกเวลา แต่ข้าพเจ้าคิดว่าไอสไตย์ต้องการพิสูตรให้เห็นจริงในด้านบวกมากกว่า กอรปกับเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นที่คลั่งในลัทธิจักรวรรดิ์นิยม รบแบบบ้าคลั่งถวายหัวให้แก่จักรพรรดิ์ซึ่งถือว่าเป็นโอรสแห่งอาทิตย์เจ้าแห่งจักรวาล อเมริกันจึงต้องหามาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อดัดหลังญี่ปุ่นให้หงายหลัง อาจจะเป็นเพราะการเกลี่ยกล่อมหรือแรงกดดันที่ยกสถานการณ์ต่างๆ ของอเมริกาต่อไอสไตย์ ทำให้ไอสไตย์ยอมเปิดเผยทฤษฎีสัมพันธภาพ E=MC ยกกำลัง2 ออกมาอย่างไม่ปิดบัง และนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติอย่างจริงจัง ทำให้เกิด Big Bomb ของปรมณูลูกแรกที่ ฮิโรชิม่า และลูกที่สองที่นางาซากิ เป็นผลให้ญี่ปุ่นเกิดสะดุดในแนวรุก และยอมแพ้ต่อสัมพันธมิตรในที่สุด ชัยชนะของสัมพันธมิตรต่อญี่ปุ่นทำให้สองเมืองคือฮิโรชิม่าและนางาซากิพังพินาศราบคาบ ผู้คนล้มตายบาดเจ็บเป็นหมื่นๆ แสนๆ คน ทำให้ไอสไตย์เศร้าโศกเสียใจอย่างมาก ถึงแม้ทฤษฎีสัมพันธภาพของเขาจะพิสูตรให้เป็นจริงได้ ช่วงหลังชีวิตของไอสไตย์ได้อุทิศตนให้กับการกุศลต่อต้านสงคราม แม้แรงจูงใจของไอสไตย์จะประสบผลสำเร็จตามจุดหมายปลายทาง แต่ต้องแลกมาด้วยชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนมากมายมหาศาล
3. อเมริกาส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดมหาอำนาจขึ้นเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ได้แก่ฝ่ายสังคมนิยม โดยมีสหภาพโซเวียตรัสเซียเป็นผู้นำ ฝ่ายเสรี มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ฝ่ายโซเวียตอาศัยความเป็นสหภาพสังคมนิยมที่เบ็ดเสร็จกว่า ก้าวนำอเมริกาไปหนึ่งก้าวโดยสามารถส่งมนุษย์ไปในอวกาศและกลับลงมาได้โดยปลอยภัยเป็นรายแรกของโลก สร้างความพลันพรึ่งต่ออเมริกาเป็นอย่างมาก จนเกิดแรงจูงใจต่อผู้นำของสหรัฐในขณะนั้นว่า โซเวียตส่งคนไปในอวกาศและกลับลงมาได้ แต่อเมริกาต้องการเอาชนะโดยการบอกจะส่งคนไปเหยียบดวงจันทร์และจะกลับมายังโลกโดยปล่อยภัยด้วย แรงจูงใจที่จะเอาชนะถูกตั้งเป็นโครงการอพอลโลของนาซา และอเมริกาสามารถนำยานอพอลโลไปร่อนลงบนดวงจันทร์ได้และกลับลงมายังโลกโดยปลอดภัยสมใจ เป็นอันว่าจนเริ่มต้นของการสำรวจอวกาศไม่ใช่ต้องการจะพิสูตรว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกมีหรือไม่ แต่เป็นการสร้างเทคโนโลยีที่ต้องการเอาชนะกันเท่านั้น โซเวียตไม่สนใจต่อความสำเร็จของอเมริกา กลับพัฒนาสถานีอวกาศเมียร์ขึ้นไปโคจรในอวกาศสำเร็จส่งมนุษย์อวกาศไปค้างไปอยู่ไปกินบนสถานีอวกาศเมียร์เป็นเดือนๆ ปีๆ แถมยังสามารถส่งคนไปสับเปลี่ยนอยู่บนเมียร์ได้ตลอดเวลา โซเวียตส่งมนุษย์อวกาศไปกลับระหว่างโลกกับสถานีอวกาศเมียร์เป็นว่าเล่น สามารถทดลองเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในอวกาศได้เป็นอย่างมาก และดูเหมือนอเมริกาก็ดูจะยอมรับในสถานีอวกาศเมียร์ของโซเวียตอยู่พอสมควร จากแรงจูงใจที่จะเอาชนะโซเวียตในระยะหลังเมื่อสหภาพโซเวียตล้มสลายไปเหลือเป็นประเทศรัสเซีย อเมริกาจึงเข้ามาตีสนิทรัสเซียขอความร่วมมือส่งมนุษย์อวกาศของอเมริกาไปทดลองใช้ชีวิตและทดลองทางวิทยาศาสตร์บนสถานีอวกาศเมียร์บ้าง แต่เนื่องจากบนสถานีอวกาศเมียร์มีอายุการใช้งานนานมากแล้ว ระยะหลังจึงมีเหตุใช้ซ่อมแซมบ่อยขึ้น และล่าสุดสถานีอวกาศเมียร์จะหมดอายุการใช้งานลงและถูกปล่อยใช้ตกลงโดยการเผ่าไหม้ในบรรยากาศ แต่เนื่องจากสถานีอวกาศเมียร์เป็นสถานีอวกาศที่ใหญ่มากคาดว่าจะมีซากเศษที่เหลือจากการเผ่าไหม้ตกลงสู่โลกแถบมหาสมุทรแถวประเทศออสเตรเลีย ข้าพเจ้าขอสดุดีสถานีอวกาศเมียร์ไว้นะที่นี้ด้วย และจะมีสถานีอวกาศนานาชาติโดยความร่วมมือทางเทคโนโลยีของรัสเซีย ประชาคมยุโรป และอเมริกา ส่งขึ้นไปทำหน้าที่แทน และนั่นอาจมาจากแรงจูงใจที่จะเอาชนะมากลายเป็นความร่วมมือ
และท่านทั้งหลายละมีแรงจูงใจในการดำเนินชีวิตให้ไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นหรือไม่ ถ้าท่านมีแรงจูงใจที่อยากจะ
ร่ำรวยแต่ไม่อาจรักษาชีวิตให้รอดเพื่อรักษาความรำรวยนั้นอยู่ได้ ตะวันตกรอท่านอยู่ ถ้าท่านต้องการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงที่ไม่สิ้นสุดและไม่รู้ว่าคำตอบที่สิ้นสุดอยู่ที่ไหน ตะวันตกรอท่านอยู่ แต่ถ้าท่านต้องการคำตอบที่สิ้นสุด ท่านจงไปให้ถึงแห่งแดนสุขาวดี ที่ที่เป็นสุขนิรันดร ไม่มีทุกข์ ไม่มีการเจ็บป่วยทุกข์ทรมานอีก ไม่มีเศร้า ไม่มีเสียใจ ไม่มีการยึดถือสิ่งที่เห็นลวงตาอีก มีแต่ความเป็นจริง และที่นั่นตะวันออกมีคำตอบให้ท่าน แต่ก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของท่านว่าจะหาพบไหมเท่านั้น เพราะก็ไม่ง่ายที่จะได้พบ

[home] [back]