อำนาจใกล้มือ(Power)

 

     

home

back

 

     

อำนาจใกล้มือ

การที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดจะแสดงอำนาจของตนต่อบุคลอื่นๆ นั้น จะต้องมีแรงบีบคั้นอันเกิดขึ้นในจิตใจแบบสะสม
เพิ่มพูนจนแรงบีบคั้นนั้นถึงจุดวิกฤต จนแสดงภาวะของอำนาจของแรงบีบคั้นที่จุดวิกฤตนั้นออกมา โดยไม่สามารถควบคุมภาวะของจิตใจที่จุดวิกฤตของแรงบีบคั้นนั้นได้ ทุกอย่างของสิ่งใกล้ตัวจะถูกนำเข้าร่วมเพื่อแสดงพลังแห่งแรงบีบคั้นที่จุดวิกฤตนั้น แต่อาจจะแปลกตรงที่ระดับของพลังอำนาจที่แสดงออกอาจสามารถกำหนดได้ด้วยตัวบุคคลนั้น คืออาจจะแสดงพลังอำนาจออกมามากหรือน้อยก็ได้ แต่จะต้องแสดงออกมาอย่างแน่นอน นั่นอาจหมายถึงระดับการแสดงพลังอำนาจอาจมีการไต่ตรองและบันทึกอยู๋ในจิตใจอยู่ก่อนแล้วก่อนถึงจุดวิกฤตของแรงบีบคั้น และเมื่อจิตใจเกิดแรงบีบคั้นเพิ่มสะสมไปจนถึงจุดวิกฤตเมื่อใด ก็จะแสดงระดับของพลังอำนาจที่จิตบันทึกไว้ออกมาโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่าง มีคุณครูคนหนึ่งกำลังสอนนักเรียนอยู่ในชั้น ขณะที่คุณครูกำลังตั้งใจสอนอยู่นั้น ก็มีกลุ่มนักเรียนส่งเสียงคุยกัน ทำให้สมาธิของนักเรียนข้างเคียงเริ่มแตก ไม่ฟังคุณครู คุณครูเริ่มเตือนครั้งที่1. ให้นักเรียนเงียบเสียงลงหน่อย เป็นการเตือนแบบรวม เสียงของนักเรียนเงียบลง สักครู่หนึ่งเสียงของนักเรียนที่คุยกันกลุ่มเดิมส่งเสียงคุยกันดังกว่าครั้งแรก คุณครูเริ่มเตือนครั้งที่ 2. เสียงของนักเรียนเงียบลง สักครู่หนึ่งเสียงของนักเรียนที่คุยกันกลุ่มเดิมส่งเสียงคุยกันดังกว่าครั้งสอง คุณครูเริ่มเตือนครั้งที่ 3. และเสียงคุณครูเน้นดังกว่าทุกครั้ง เสียงของนักเรียนเงียบลง สักครู่หนึ่งเสียงของนักเรียนที่คุยกันกลุ่มเดิมส่งเสียงคุยกันดังกว่าครั้งสามเนื่องจากอาจมีอะไรตกลงกันไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง เปี้ยง ! พร้อมกับแปรงลบกระดานไม้อันหนึ่งไปตกอยู่กลางโต๊ะเรียนของกลุ่มนักเรียนกลุ่มต้นเสียงนั้น ช่างแม่นกระไรปานนั้น ไม่มีใครเป็นอะไร แต่เสียงแปรงลบกระดานที่กระทบกับโต๊ะดัง เปี้ยง ! ทำให้กลุ่มนักเรียนที่คุยกันอ้าปากตาค้างไม่กล้าสบตาคุณครู นิ่งเงียบไปตลอดชั่วโมงการสอนและสมาธิรวมของห้องเรียนกลับมาอีกครั้ง
อีกตัวอย่างในทางกลับกัน ถ้ามีแรงบีบคั้นสะสม เกิดขึ้นในจิตใจของเด็กนักเรียนบ้าง ซึ่งทำให้เกิดทุกข์ระทมสะสมใน
จิตใจของเด็กนักเรียนเพิ่มขึ้น เด็กนักเรียนคนนั้นอาจมีระดับพลังอำนาจที่จะแสดงออกมาที่ได้ไต่ตรองไว้มีความรุ่นแรงมากและอาจเสียหายมาก เนื่องจากภาวะการไต่ตรองของเด็กมีน้อยกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งจะต้องมากำจัดต้นตอของแรงบีบคั้นนั้นเสียแต่เนิ่นๆ ซึ่งเด็กในเมืองไทยอาจไม่มีผลกระทบรุ่นแรงในเรื่องนี้มากนัก เพราะผู้ใหญ่มักใสใจกับภาวะจิตใจของเด็กๆ มากพอสมควร ต้นต่อของแรงบีบคั้นอาจมาจาก การรุ่มรังแกเด็กคนนั้นของเพื่อนร่วมชั้นเรียน และประจารณ์ให้เพื่อนรวมชั้นเห็นเด็กคนนั้นว่าเป็นพวกเฉิ่ม เป็นพวกตลกขบขัน และเพื่อนร่วมชั้นก็พูดจาถากถาง สร้างความบีบคั้นจนเกิดความทุกข์ระทมสะสมในจิตใจเพิ่มขึ้นทุกวัน ตลอดจนครูผู้สอนก็ชอบความเก่ง ความแข็งแรง ความเป็นนักกีฬาของนักเรียนอยู่ด้วย แล้วก็พูดจาถากถางและยังแนะให้เอาตัวอย่างคนที่รังแกเด็กคนนั้นเข้าไปอีก ซึ่งเป็นกับสังคมที่นิยมการเอาชนะการเป็น hero ในหมู่สังคมนั้นๆ ทั้งบิดามารดาก็อาจไม่มีความใกล้ชิดกับลูกๆ นักในสภาวะสังคมปัจจุบัน เมื่อเป็นอยู่อย่างนี้ทุกวันเด็กคนนั้นจะมีสภาพจิตใจเป็นเช่นไร ย่อมคิดและไตร่ตรองเพื่อตอบโต้คนที่ทำกับเขาอย่างถึงที่สุด ทุกอย่างที่เห็นและทุกอย่างที่จะหามาได้ใกล้มือที่มีอานุภาพสามารถข่มจิตทุกคนที่ทำกับเขาให้หัวหด ตัวสั่น แตกกระเจิง ร้องระงมไปโดยทั่วหน้า ย่อมนำออกมาแสดงถึงพลังอำนาจของเขาให้ประจักษ์อย่างถึงที่สุด
หลายคนคงไม่อย่างให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่ว่าในที่ใดๆ เด็กทุกคนย่อมมีพรสวรรค์ด้านหนึ่งด้านใดอยู่ในตัวเองทุก
คนเสมอ บิดามารดา ครูอาจารย์ผู้ใกล้ชิดมีหน้าที่ดึงความมีเหล่านั้นในตัวบุตรหลานของท่าน ให้แสดงออกมาอย่างถูกต้อง จนเกิดจิตใจที่สงบเป็นสุขทั้งกับตัวบุตรหลานของท่านและกับคนข้างเคียงตลอดไป

[home] [back]