กตมา จ ภิกฺขเว สมฺมาสติ
อิธ
ภิกฺขเว ภิกฺขุ
กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ
อาตาปี สมฺปชาโน สติมา
วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ
เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ
อาตาปี สมฺปชาโน สติมา
วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ
จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ
อาตาปี สมฺปชาโน สติมา
วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนัสสํ
ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ
อาตาปี สมฺปชาโน สติมา
วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ
อยํ วุจฺจติ ภิกฺขเว
สมฺมาสติ
|
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาสติ (ความระลึกชอบ)
เป็นอย่างไร?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
ย่อมเป็นผู้พิจารณา เห็นกายในกายอยู่เนื่องๆ
มีสติ สัมปชัญญะ
มีความเพียร ไม่ให้เกิดกิเลสเร่าร้อน
พึงทำอภิชฌาและโทมนัส
(ความยินดีและความยินร้าย) ใน
โลกเสียให้พินาศ
ย่อมเป็นผู้พิจารณา เห็นเวทนาในเวทนาอยู่เนื่องๆ
มีสติ สัมปชัญญะ
มีความเพียร ไม่ให้เกิดกิเลสเร่าร้อน
พึงทำความยินดีและความยินร้าย ในโลกเสียให้พินาศ
ย่อมเป็นผู้พิจารณา เห็นจิตในจิตอยู่เนื่องๆ
มีสติ สัมปชัญญะ
มีความเพียร ไม่ให้เกิดกิเลสเร่าร้อน
พึงทำความยินดีและความยินร้าย ในโลกเสียให้พินาศ
ย่อมเป็นผู้พิจารณา เห็นธรรมในธรรมอยู่เนื่องๆ
มีสติ สัมปชัญญะ
มีความเพียร ไม่ให้เกิดกิเลสเร่าร้อน
พึงทำความยินดีและความยินร้าย ในโลกเสียให้พินาศ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า
สัมมาสติ
คือความระลึกชอบ
|