มรรค ๘ ความหมายจากบทสวดมนต์ ในมหาสติปัฏฐานสูตร

     
   
home back
     
   
           แม้ไม่มีวาสนาที่ได้เกิดในยุคสมัยของพระพุทธองค์ แต่ก็พอมีบุญอยู่บ้างที่ได้เกิดในยุคสมัยที่พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ผู้ทรงตรัสรู้ชอบดีแล้ว ยังคงอยู่ให้ได้ศึกษาและปฏิบัติตาม ให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น เป็นผู้เข้าใจง่าย  ไม่เป็นผู้เข้าใจยาก จะขอเป็นผู้สะสมบารมี เพื่อบรรลุธรรมในเวลานี้และในภายภาคหน้า ไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าศูนย์ ดุจสายน้ำที่ไหลลงสู่มหาสมุทรใหญ่ทิ้งไป โดยดำเนินตามหนทางอันประเสริฐสูงสุดแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
     
   

บทสวดมนต์พระธรรมบาลี

 

คำแปล

   

         กตมญฺจ  ภิกฺขเว  ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา

อริยสจฺจํ

อยเมว  อริโย  อฏฺฐงฺคิโก  มคฺโค  เสยฺยถีทํ

 

สมฺมาทิฏฺฐิ

สมฺมาสงฺกปฺโป

สมฺมาวาจา

สมฺมากมฺมนฺโต

สมฺมาอาชีโว

สมฺมาวายาโม

สมฺมาสติ

สมฺมาสมาธิ

           ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือข้อปฏิบัติให้ถึงธรรม
อันเป็นที่ดับทุกข์เป็นเช่นไร ?

ทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์ ๘ ทางเดียวนี้แล ทางนี้

เป็นอย่างไร?

คือความเห็นชอบ

คือความดำริชอบ

คือการเจรจาชอบ

คือการกระทำชอบ

คือการเลี้ยงชีพชอบ

คือความพยายามชอบ

คือการระลึกชอบ

คือการตั้งจิตมั่นชอบ

   

        กตมา  จ  ภิกฺขเว  สมฺมาทิฏฺฐิ

 

ยํ  โข  ภิกฺขเว  ทุกฺเข  ญาณํ  ทุกฺขสมุทเย  ญาณํ

ทุกฺขนิโรเธ  ญาณํ  ทุกฺขนิโรธคามินิยา
ปฏิปทาย  ญาณํ

อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  สมฺมาทิฏฐิ

 
          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)
เป็นอย่างไร?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์

ความรู้ในธรรมอันเป็นที่ดับทุกข์ ความรู้ในข้อปฏิบัติให้ถึง
ธรรมอันเป็นที่ดับทุกข์อันใดแล

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า สัมมาทิฏฐิ

คือความเห็นชอบ
   

        กตมา  จ  ภิกฺขเว  สมฺมาสงฺกปฺโป

 

เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป

อพฺยาปาทสงฺกปฺโป อวิหึสาสงฺกปฺโป

        อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  สมฺมาสงฺกปฺโป

 
 

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาสังกัปโป(ความดำริชอบ)

เป็นอย่างไร?

ความดำริในการออกบวช คือการออกจากกามารมณ์

ความดำริในความไม่พยาบาท ความดำริในการไม่เบียดเบียน

       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า สัมมาสังกัปโป

คือความดำริชอบ
   

        กตมา  จ  ภิกฺขเว  สมฺมาวาจา

 

มุสาวาทา  เวรมณี

ปิสุณาย  วาจาย  เวรมณี

ผรุสาย  วาจาย  เวรมณี

สมฺผปฺปลาปา  เวรมณี

        อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  สมฺมาวาจา

 
 

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาวาจา (การเจรจาชอบ)

เป็นอย่างไร?

เว้นจากการกล่าวเท็จ

เว้นจากการกล่าววาจาส่อเสียด

เว้นจากการกล่าววาจาหยาบคาย

เว้นจากการเจรจาสำราก เพ้อเจ้อ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า สัมมาวาจา

คือการเจรจาชอบ
   

        กตโม  จ   ภิกฺขเว  สมฺมากมฺมนฺโต

 

ปาณาติปาตา  เวรมณี

อทินฺนาทานา  เวรมณี

กาเมสุ  มิจฺฉาจารา  เวรมณี

        อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  สมฺมากมฺมนฺโต

 
 

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมากัมมันตะ (การกระทำชอบ)

เป็นอย่างไร?

เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฆ่าสัตว์

เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้

เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากความประพฤติผิดในกาม

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า สัมมากัมมันตะ

คือการกระทำชอบ
   

         กตโม  จ   ภิกฺขเว  สมฺมาอาชีโว

 

อิธ  ภิกฺขเว  อริยสาวโก

มิจฺฉาอาชีวํ  ปหาย  สมฺมาอาชีเวน  ชีวิกํ  กปฺเปติ

 

อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  สมฺมาอาชีโว

 
 

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพชอบ)

เป็นอย่างไร?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระอริยะสาวกในพระธรรมวินัยนี้

ละความเลี้ยงชีพผิดเสียแล้ว ย่อมสำเร็จความเป็นอยู่

ด้วยการเลี้ยงชีพชอบ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า สัมมาอาชีวะ

คือการเลี้ยงชีพชอบ
   

        กตโม  จ   ภิกฺขเว  สมฺมาวายาโม

 

อิธ  ภิกฺขเว  ภิกฺขุ

       อนุปฺปนฺนานํ  ปาปกานํ  อกุสลานํ  ธมฺมานํ

อุปฺปาทาย

ฉนฺทํ  ชเนติ  วายมติ  วิริยํ  อารภติ  จิตฺตํ 

ปคฺคณฺหาติ  ปทหติ

       อุปฺปนฺนานํ  ปาปกานํ  อกุสลานํ  ธมฺมานํ

ปหานาย

ฉนฺทํ  ชเนติ  วายมติ  วิริยํ  อารภติ  จิตฺตํ 

ปคฺคณฺหาติ  ปทหติ

        อนุปฺปนฺนานํ  กุสลานํ  ธัมมานํ  อุปฺปาทาย

ฉนฺทํ  ชเนติ  วายมติ  วิริยํ  อารภติ  จิตฺตํ 

ปคฺคณฺหาติ  ปทหติ

         อุปฺปนฺนานํ  กุสลานํ  ธมฺมานํ  ฐิติยา  อสมฺโมสาย 

ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย  ภาวนาย  ปาริปูริยา

ฉนฺทํ  ชเนติ  วายมติ  วิริยํ  อารภติ  จิตฺตํ 

ปคฺคณฺหาติ  ปทหติ

อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว สมฺมาวายาโม

 
 
 

      ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาวายามะ(ความพยายามชอบ)

เป็นอย่างไร?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้

เพื่อที่จะละอกุศลธรรม อันเป็นบาป ที่ยังไม่เกิดขึ้น

ไม่ให้เกิดขึ้น

โดยกระทำด้วยความพอใจ ด้วยความพยายาม ด้วยการปรารภความเพียร ย่อมประคองตั้งจิตไว้

เพื่อจะละอกุศลธรรม อันเป็นบาป ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว

 

โดยกระทำด้วยความพอใจ ด้วยความพยายาม ด้วยการปรารภความเพียร ย่อมประคองตั้งจิตไว้

เพื่อจะยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น ให้ได้เกิดขึ้น

โดยกระทำด้วยความพอใจ ด้วยความพยายาม ด้วยการปรารภความเพียร ย่อมประคองตั้งจิตไว้

เพื่อความตั้งอยู่ ไม่ให้สาบศูนย์ เจริญยิ่งขึ้น ไพบูลย์มีขึ้นเต็มเปี่ยม แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว

โดยกระทำด้วยความพอใจ ด้วยความพยายาม ด้วยการปรารภความเพียร ย่อมประคองตั้งจิตไว้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า สัมมาวายามะคือความ

พยายามชอบ
   

          กตมา จ  ภิกฺขเว  สมฺมาสติ

 

อิธ  ภิกฺขเว  ภิกฺขุ

         กาเย  กายานุปสฺสี  วิหรติ

อาตาปี  สมฺปชาโน  สติมา

วิเนยฺย  โลเก  อภิชฺฌาโทมนสฺสํ

 

         เวทนาสุ  เวทนานุปสฺสี  วิหรติ

อาตาปี  สมฺปชาโน  สติมา

วิเนยฺย  โลเก  อภิชฺฌาโทมนสฺสํ

         จิตฺเต  จิตฺตานุปสฺสี  วิหรติ

อาตาปี  สมฺปชาโน  สติมา

วิเนยฺย  โลเก  อภิชฺฌาโทมนัสสํ

         ธมฺเมสุ  ธมฺมานุปสฺสี  วิหรติ

อาตาปี  สมฺปชาโน  สติมา

วิเนยฺย  โลเก  อภิชฺฌาโทมนสฺสํ

อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  สมฺมาสติ

 
 

       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาสติ (ความระลึกชอบ)

เป็นอย่างไร?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้

       ย่อมเป็นผู้พิจารณา เห็นกายในกายอยู่เนื่องๆ

มีสติ สัมปชัญญะ มีความเพียร ไม่ให้เกิดกิเลสเร่าร้อน

พึงทำอภิชฌาและโทมนัส (ความยินดีและความยินร้าย) ใน

โลกเสียให้พินาศ

       ย่อมเป็นผู้พิจารณา เห็นเวทนาในเวทนาอยู่เนื่องๆ

มีสติ สัมปชัญญะ มีความเพียร ไม่ให้เกิดกิเลสเร่าร้อน

พึงทำความยินดีและความยินร้าย ในโลกเสียให้พินาศ

       ย่อมเป็นผู้พิจารณา เห็นจิตในจิตอยู่เนื่องๆ

มีสติ สัมปชัญญะ มีความเพียร ไม่ให้เกิดกิเลสเร่าร้อน

พึงทำความยินดีและความยินร้าย ในโลกเสียให้พินาศ

        ย่อมเป็นผู้พิจารณา เห็นธรรมในธรรมอยู่เนื่องๆ

มีสติ สัมปชัญญะ มีความเพียร ไม่ให้เกิดกิเลสเร่าร้อน

พึงทำความยินดีและความยินร้าย ในโลกเสียให้พินาศ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า สัมมาสติ

คือความระลึกชอบ
   

          กตโม  จ  ภิกฺขเว  สมฺมาสมาธิ

 

อิธ  ภิกฺขเว  ภิกฺขุ

          วิวิจฺเจว  กาเมหิ  วิวิจฺจ  อกุสเลหิ  ธมฺเมหิ

สวิตกฺกํ  สวิจารํ  วิเวกชมฺปิติสุขํ  ปฐมํ  ฌานํ 
อุปสมฺปชฺช  วิหรติ  วิตกฺกวิจารานํ  วูปสมา
 

           อชฺฌตฺตํ  สมฺปสาทนํ  เจตโส  เอโกทิกาวํ

อวิตกฺกํ  อวิจารํ  สมาธิชมฺปิติสุขํ  ทุติยํ  ฌานํ
อุปสมฺปชฺช  วิหรติ

ปีติยา  จ  วิราคา

          อุเปกฺขโก  จ  วิหรติ  สโต  จ  สมฺปชาโน

สุขญฺจ  กาเยน  ปฏิสํเวเทติ

ยนฺตํ  อริยา  อาจิกฺขนฺติ  อุเปกฺขโก  สติมา

สุขวิหารีติ
 

          ตติยํ  ฌานํ  อุปสมฺปชฺช  วิหรติ

สุขสฺส  จ  ปหานา
ทุกฺขสฺส  จ  ปหานา
ปุพฺเพว  โสมนสฺสโทมนสฺสานํ  อตฺถงฺคมา

          อทุกฺขมสุขํ  อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ

จตุตฺถํ  ฌานํ  อุปสมฺปชฺช  วิหรติ

อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  สมฺมาสมาธิ

 

           อิทํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  ทุกฺขนิโรธคามินี  ปฏิปทา

อริยสจฺจํ
 
 

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมาสมาธิ (ความตั้งจิตมั่นชอบ)

เป็นอย่างไร ?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้

        สงัดแล้วจากกามารมณ์ สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศล

เข้าถึงปฐมฌาน ประกอบด้วย วิตกและวิจาร มีปิติ
และสุขอันเกิดจากวิเวก
เพราะความที่ วิตกและวิจาร ระงับลง

        เข้าถึงทุติยฌาน เป็นเครื่องทำให้ใจผ่องใส ณ ภายใน

ให้สมาธิเป็นธรรมเป็นเอก ผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
มีแต่ปีติและสุขที่เกิดจากสมาธิ

เพราะปีติหมดไป

ย่อมเป็นผู้เพิกเฉยอยู่ และมีสติ สัมปชัญญะ

และเสวยความสุขด้วยกาย

อาศัยคุณคืออุบกขา สติ สัมปชัญญะ และเสวยสุขอันใดเล่า

เป็นเหตุ พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า
เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข

        เข้าถึงตติยฌาน

เพราะละสุขเสียได้
เพระละทุกข์เสียได้
เพราะความที่โสมนัสและโทมนัส ในกาลก่อนดับไป

เข้าถึงจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข มีแต่สติเป็นธรรมชาติ

บริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า สัมมาสมาธิ

คือความตั้งจิตมั่นชอบ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้ที่กล่าวว่า อริยะสัจ

คือ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
(ข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับทุกข์)
   

 

   

17 ก.พ. 2548

     
   

home  back