ข่าวประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2547

งานประชาสัมพันธ์ ม.ธรรมศาสตร์

แฟชั่นเอดส์โลก 2004

            ก็อย่างที่เห็นและสะดุดตากับการแต่งกายของชาติต่างๆ ตามวัฒนธรรมของตน แต่ประเทศที่สะดุดตาสะดุดใจมากที่สุดก็คงจะเป็นชนชาติแถบทวีปแอฟริกา ซึ่งสไตล์การแต่งตัวจะเล่นสีสันของเสื้อผ้าที่เน้นสีสดใส เช่น เหลือง, แดง, เขียว ตัดกับสีผิวที่ดำแทบสนิท และทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดก็หนีไม่พ้น ชาวผิวดำเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทรงหยิกหยอยที่ถักให้ติดหนังหัว เพื่อความเรียบร้อยหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน การถักผมของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนม้วนหน้า บางคนม้วนหลัง ข้างบนถักข้างล่างยืด ดูแล้วถือว่ามีสีสันไม่น่าเบื่อดีเหมือนกัน

ส่วนชนชาติตะวันตกก็ไม่น้อยหน้า การแต่งกายอาจจะดูเป็นทางการซะส่วนใหญ่ แต่ที่โดดเด่นก็คงจะหนีไม่พ้นฝรั่งหัวเขียวสะท้อนแสง ใส่เกาะอก กระโปรงยาว คาดว่าน่าจะเป็นติสมาจากโลกตะวันตก และที่นิยมอีกอย่างก็คงจะเป็นสูทเท่ห์ๆ กับการspeak English ที่น่าปวดหัว มาทางด้านเอเชียกันบ้างดีกว่า เริ่มด้วยอินตาราเดียที่มาพร้อมกับชุดภารตะที่เราต่างคุ้นตาจากภาพยนตร์อินเดีย กับสีลูกตาขาวสะอาดที่ลอยเด่นมาก่อนตัวเมื่อมองมาแต่ไกล ตามมาด้วยญี่ปุ่นที่มาสไตล์ Japanese จ๋าซึ่งน่ารักเสมอ กับทรงผมที่เกล้ามวยหรือปล่อยยาวสลวยเข้ากับแก้มแดงๆ    ระเรื่อสองข้าง และการตกแต่งประดับเสื้อผ้าด้วยเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ มาทางด้านจีนที่ไม่น้อยหน้าญี่ปุ่น กับการแต่งกายที่ทันสมัยคล่องตัว กับผิวพรรณที่ขาวไปหมด

สรุปว่าการประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 ครั้งนี้ นอกจากการประชุมที่ดูเหมือนจะเน้นไปทางสาระที่เคร่งเครียดแล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมยังได้สร้างสีสันให้กับงานได้ไม่แพ้กันเลยทีเดียว

พลัง OTOP ยอดขายพุ่งเหยียบล้าน

          อาสาสมัครฝ่าย OTOP กระจายกำลัง สร้างผลงานดีเยี่ยม ช่วยผลักดันยอดขายวันละหลายแสนบาท

            นับเป็นวันที่สามแล้วหลังจากการเปิดประชุมงานเอดส์โลก ครั้งที่15 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ อาสาสมัครทุกฝ่ายยังคงเดินหน้าตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนของฝ่าย OTOP นั้น ก็มีการกระจายกำลังกันประจำตามบูธต่างๆ แบ่งตามส่วนภูมิภาค ซึ่งในงานจะมีทั้งการสาธิตการทำหัตถกรรมพื้นบ้าน และการขายสินค้าของแต่ละจังหวัด โดยอาสาสมัครฝ่าย OTOP ก็ได้มีส่วนช่วยทั้งในด้านการให้การบริการต่างๆ รวมถึงด้านการขาย และด้านการสื่อสารกับชาวต่างชาติ เป็นต้น

            “โอ๋” อาสาสมัครฝ่าย OTOP ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการขายผ้าไหมจากจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวต่างชาติ โดยในตอนแรกทางผู้ขายหลายท่านไม่สามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ ทำให้โอกาสในการขายลดลง ตนและเพื่อนๆ จึงได้เข้าไปช่วยสื่อสารและช่วยขาย ทำให้ยอดของการขายสินค้าเพิ่มสูงขึ้นเป็นหลายแสนบาทแล้ว ซึ่งตนรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนช่วยกับการทำงานในครั้งนี้ให้ผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี

GRAFITTI WALL

            ถ้าใครได้มีโอกาสได้เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณทางเดินระหว่าง Hall 4 กับ Hall 3 คงจะต้องหยุดแวะไปดูทางทางขวามือ ซึ่งจะได้พบกับกำแพงสีขาว พร้อมกับตัวหนังสือที่เขียนว่า “GRAFITTI WALL” พร้อมกับปากกาหลากสีวางอยู่ด้านข้าง ซึ่งในตอนแรกของการประชุม ก็ยังไม่มีคนให้ความสำคัญมากนัก แต่พอหลายวันต่อมาก็มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมเขียนข้อความแสดงความคิดเห็นต่างๆกันมากขึ้น จนแทบจะไม่มีที่ว่างบนกำแพงเลย

            ภาษาที่ใช้ในการเขียนก็มีด้วยกันหลายภาษา อาทิ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน เยอรมัน ฝรั่งเศส และภาษาอื่นๆ อีกมากมาย ข้อความต่างๆ ก็มีมากมายหลายทัศนะ อีกทั้งบางข้อความก็มีการวาดรูปประกอบด้วย  ตัวอย่างข้อความต่างๆ ก็เช่น

            “You’re never alone in the world, I’ll be your friend forever.”

          “My friend with AIDS are still my friend.”

            ซึ่งลักษณะเป็นข้อความที่ให้กำลังใจแก่ผู้ติดเชื้อเอดส์ นอกจากนี้ยังมีการแสดงความคิดเห็นต่างๆ

            “เพิ่มเสียงเยาวชน ลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ เยาวชนไม่ใช่ตัวปัญหา แต่เป็นทางออกของปัญหา”

          “World AIDS must be reduce, support to youth’s activities mean Access for all.”

            บางคนก็เขียน Web site หรือที่อยู่เพื่อประชาสัมพันธ์องค์กร หรือหน่วยงานของตนเอง แม้กระทั่งบางคนที่อาจจะไม่รู้จะเขียนข้อความอะไร ก็จะเขียนชื่อของตนเพื่อแสดงว่าตนนั้นมีส่วนร่วมในงานครั้งนี้

            อาสาสมัครคนใดที่ได้ผ่านไปบริเวณนั้น ถ้าสนใจก็ลองไปเขียน GRAFITTI WALL กันดูได้ ทุกข้อความทุกความคิดเห็น ก็จะเป็นข้อคิดให้แก่ผู้อ่านได้

เรื่องของ “แม่”

            ฟรังซัว เวลเตอร์ มาจากราวันดา และมาอยู่ที่ยุโรปในฐานะผู้อพยพ เธอได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV ในปี 1996 เธอรณรงค์เพื่อผู้อพยพที่ติดเอดส์ในเยอรมนี และทำงานให้ UNAIDS (หน่วยงานหนึ่งของสหประชาชาติ) ขณะนี้เธอทำงานเธอทำงานที่     เจนีวา ในส่วนของการระดมทุนเพื่อโครงการเอดส์ วัณโรค และไข้มาลาเรีย กับทั้งช่วยดำเนินการรณรงค์ในโครงการช่วยเหลือที่เรียกร้องให้ประเทศที่ร่ำรวยร่วมบริจากเข้ากองทุนเพื่อช่วยเหลือด้านต่าง ๆ

            ต่อไปนี้เป็นเรื่องของเธอ

“ฉันชื่อ ฟรังซัว อายุ 44 ปี เกิดที่ราวันดา มีบุตร 2 คน ลูกสาวคนโตอายุ 10 ปี ส่วนลูกชายอายุ 8 ปี ที่กล่าวเช่นนี้เพราะมันมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวและฉัน ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV ในปี 1996

ที่ฉันและลูกยังมีชีวิตอยู่ได้เพราะการรักษาพยาบาลที่ยุโรป ซึ่งฉันอพยพมา 7 ปีที่แล้ว เราเป็นครอบครัวธรรมดา ไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา

ลูกสาวของฉันไม่มีอาการแสดงออกใด ๆ เลย ทั้งยังมีแผนการที่จะไปเรียนแพทย์ เพื่อที่จะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเอดส์อีกด้วย

ฉันพูดกับตัวเองว่า เราจะไม่มีโอกาสได้รับการบำบัดรักษาแบบเดียวกันนี้ในราวันดา นี่เป็นเหตุผลที่ฉันปรารถนาจะให้มีการระดมทุนเข้าสู่กองทุนช่วยเหลือ Global Fund to Fight AIDS ซึ่งจะรวมถึงโรคบางอย่างอีกด้วย เช่น วัณโรคและมาลาเรีย มันเป็นการบุกเบิกที่จะนำยาไปให้ผู้ป่วยโดยเร็ว

ถ้าคุณเป็นเหมือนฉัน คุณอาจเคยให้รางวัลชีวิต

เมื่อคุณยืนอยู่ริมขอบเหวของความตาย

คุณกลับมานำครอบครัวให้อยู่อย่างมีคุณประโยชน์

เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตคนคนหนึ่ง

คำภาวนาของฉันพยายามที่จะให้ผู้ป่วยเอดส์ไปรับการรักษาเพื่อจะหยุดยั้งความตายจากโรคติดเชื้อที่มารุมเร้า

เมื่อฉันคิดถึงผู้หญิงที่ติดเชื้อในประเทศของฉัน บางคนนั้นอ่อนกว่าฉันอีก เป็นไปได้ที่ผู้หญิงอายุประมาณ 44 ปีที่ติดเชื้อ เธอเหล่านั้นอาจมีลูกที่เด็กกว่าลูกสาวฉันอีก เพราะเด็กที่ได้รับเชื้ออายุ 10 ปี และรับเชื้อตั้งแต่เกิดในแอฟริกาจริง ๆ แล้วไม่มี

ฉันบอกตัวเองว่า ฉันปรารถนามาตั้งแต่ต้นที่ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ความโชคดีที่ฉันมีเกิดขึ้น มีผลไปสู่ผู้หญิงมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก”

จาก การกล่าวเปิดโครงการ “Action AIDS UK’s Enough Fine Words” โครงการณรงค์สนับสนุน Global Fund to Fight AIDS

แปลจาก “Access” ใน The Nation ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม 2547

โดย ประชาสัมพันธ์อาสาสมัคร

หมู่บ้านช้างยืนยัน ไม่ใช่พลาย “สุดหล่อ” วอนทุกคนเห็นใจ

            จากข่าวช้างในงานเอดส์โลกตกมันทำร้ายคนจนถึงแก่ชีวิตนั้น ล่าสุดเมื่อบ่ายวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2547 ทางหมู่บ้านช้างได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวว่า พลาย “สุดหล่อ” ช้างพระเอกของหมู่บ้านช้างในงานประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 ได้มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วโลกหลังตกเป็นข่าวทำร้ายชาวนาจนถึงแก่ชีวิตในช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ 12 ที่ผ่านมา ซึ่งทางหมู่บ้านช้างออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่า ในช่วงบ่ายของวันนั้นพลายสุดหล่อยังคงทำการแสดงอยู่ในบริเวณหมู่บ้านช้าง และอยู่ในการดูแลของควาญช้างตลอดเวลา

            นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านช้างได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า บริเวณที่เกิดเหตุนั้นอยู่ห่างจากหมู่บ้านช้างถึง 2 กิโลเมตร ซึ่งทางหมู่บ้านช้างจะไม่อนุญาตให้ควาญช้างนำช้างของทางหมู่บ้านช้างออกจากบริเวณโดยเด็ดขาด ประกอบกับบริเวณจังหวัดนนทบุรีมีช้างเร่ร่อนอยู่จำนวนมาก ซึ่งทางหมู่บ้านช้างเชื่อว่าน่าจะเป็นช้างเร่ร่อนที่ก่อเหตุ และข่าวที่ออกมานั้นไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ซึ่งข่าวที่แพร่กระจายออกไปส่งผลให้วันนี้ (13 กรกฎาคม) มีผู้เข้าชมการแสดงช้างบางตาลงไปมาก โดยอาสาสมัครฝ่าย OTOP ที่ไปทำงานอยู่ในหมู่บ้านช้าง เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้เข้าชมในแต่ละรอบเพียง 20-30 คนเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ของทางหมู่บ้านช้างทุกคนรู้สึกเสียใจกับข่าวที่เกิดขึ้น ทั้งที่ไม่ได้เป็นมูลเหตุของเหตุการณ์

            ทางหมู่บ้านยังยืนยันถึงมาตรการความปลอดภัย โดยมีการให้ช้างที่แสดงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ มีสัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญคอยดูแล และเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะสามารถทำให้ช้างสงบลงได้ จึงวอนขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมและผู้ที่สนใจเข้าชมการแสดงได้ตั้งแต่เวลา 10.00 – 17.00 น. โดยทางหมู่บ้านช้างมั่นใจในความปลอดภัยและขอให้เชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของตน

            จากการสอบถามความเห็นของผู้เข้าชม ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า สื่ออาจเสนอข่าวผิดพลาด เพราะจากการเข้าชมยังเห็นช้างทุกตัวแสดงได้อย่างปกติ รวมไปถึงพลายสุดหล่อด้วย ทั้งที่ตามความเป็นจริงหากพลายสุดหล่อตกมัน ช้างจะไม่ยอมเชื่อฟังควาญช้างอย่างแน่นอน และอยากเชิญชวนให้คนอื่นๆ เข้ามาแวะชมการแสดงช้างของหมู่บ้านช้างแห่งนี้อย่างสบายใจ เพื่อช่วยอนุรักษ์เอกลักษณ์ของชาติไทย อนุรักษ์สิ่งที่ช่วยให้ประเทศไทยมีเอกราชและมีชื่อเสียงหาเงินเข้าประเทศได้ในปัจจุบัน  ######

อาสาสมัครฝ่ายพิธีเปิด-ปิด เร่งกระจายกำลังช่วยงานด้านอื่น

            อาสาสมัครฝ่ายพิธีเปิด-ปิด จำนวนมาก เร่งแก้ปัญหากำลังคนขาดในส่วนงานอื่น โดยเข้าเสริมกำลังหนุนในส่วนที่ต้องการ

            “ศุภมาส” หนึ่งในอาสาสมัครฝ่ายพิธีเปิด-ปิด กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสทำงานในส่วนอื่นๆ ด้วย นอกเหนือจากการทำงานในฝ่ายพิธีเปิด-ปิด แม้ว่าจะเสียดายที่ในขณะปฏิบัติงานในพิธีเปิด-ปิด ไม่ได้เข้าร่วมชื่นชมกับบรรยากาศพิธีจุดเทียนไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ก็ตาม เพราะต้องคอยจัดสรรที่นั่งในบริเวณพิธีให้เกิดความสะดวกแก่ชาวต่างประเทศที่เข้าร่วมงาน “วราลักษณ์” เพื่อที่อยู่ในกลุ่มอาสาสมัครเดียวกัน เสริมว่า สำหรับงานอาสาสมัครทุกเวลาทุกนาทีการเปลี่ยนแปลงเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้น จึงต้องรับมือให้ได้ทุกสถานการณ์ เมื่อได้รับมอบหมายให้มาช่วยงานในส่วนของนิทรรศการ NGO ก็ต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพราะเป็นบทบาทที่สำคัญของอาสาสมัครในการสนับสนุนให้การจัดงานประสบผลสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าไว้

หมายเหตุ        ศุภมาส และ วราลักษณ์ เป็นนักเรียน ม.5 โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง ปทุมธานี

UN AIDS ขับเคลื่อนพลังเยาวชน UNICEF แก้ปัญหาเอดส์

            ตัวแทนเยาวชนกว่า 12 ประเทศทั่วโลก ร่วมกันเสนอภาพสะท้อนปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเอดส์ ในส่วนของการทำงานของ UNICEF และ UN AIDS ในวันที่ 2 ของการประชุม

            แหล่างข่าวอาสาสมัครที่รับผิดชอบงานธุรการสนับสนุนการจัดกิจกรรมในส่วนของ UN AIDS กล่าวว่า งานโดยทั่วไปจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับตารางและห้องสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน พร้อมอำนวยความสะดวกในด้านความพร้อมของอุปกรณ์ที่จะใช้ตลอดเวลา

            ช่วงบ่าย วันที่ 12 กรกฎาคม UN AIDS จัดรายการเสวนาความคิดของผู้นำเยาวชนจากประเทศต่างๆ กว่า 12 ประเทศทั่วโลก เพื่อระดมสมองนำเสนอปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องเอดส์ในภาคเครือข่ายเยาวชน ซึ่งในเวลาประมาณ 14.30 น.ของวันเดียวกัน มีการเสนอผลต่อที่ประชุมผู้แทนองค์กรที่ทำงานด้านเอดส์จากทั่วโลกให้ได้รับทราบด้วย

            นายไพรัช ตัวแทนเยาวชนจากสมาคมฟ้าสีรุ้ง NGO ที่ทำงานด้านเอดส์ กล่าวว่า การคัดเลือกตัวแทนเยาวชนประเทศไทย คัดเลือกผ่านมาหลายขั้นตอน จากกลุ่มตัวแทนเยาวชนที่รวมตัวกันทำงานเกี่ยวกับเอดส์ทั้งหมดทั่วประเทศ มาสู่ตัวแทนกลุ่มกิจกรรมระดับภูมิภาค และคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยจากกลุ่มต่างๆ 10 คน พร้อมพี่เลี้ยงอีก 5 คน ที่ได้เข้ามีส่วนร่วม

            สำหรับขอบข่ายงานด้านเยาวชนตานเอดส์นี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่มงาน คือ

1. งานกลุ่มเยาวชนที่มีโอกาสเสี่ยง 

2. กลุ่มงานเยาวชนที่ทำงานกับเครือข่ายโครงการต้านเอดส์

3. กลุ่มเยาวชนผู้ด้อยโอกาส

อย่างไรก็ตาม เยาวชนที่เป็นตัวแทนจากประเทศต่างๆ ล้วนมุ่งหวังให้ปัญหาและอุปสรรคที่พบในด้านต่างๆ ของโครงการที่จัดขึ้นเพื่อเยาวชน ได้รับการแก้ไขปรับปรุงโดยเร็ว

อาสาสมัครเยาวชนลาว ม่วนชื่น ร่วมงานเอดส์ 

อาสาสมัครตัวแทน NGO / Lao Youth Aids Prevention Program หรือ LYAP เดินทางข้ามโขงมาสมทบร่วมแสดงพลังอันเข้มแข็งของเยาวชนรั้วมหาวิทยาลัยจากประเทศลาว กว่า 10 ชีวิต ที่เข้าร่วมประชุม ตอกย้ำศักยภาพเยาวชนของลาว ที่ตื่นตัวต่อการระวังป้องกันโรคเอดส์ในหมู่เยาวชน และเร่งขยายผลไปสู่ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ

นายพง สุริยา หนึ่งในเยาวชนลาว กล่าวว่า ปัญหาของการรณรงค์ด้านระวังป้องกันนั้นอยู่ที่เงินงบประมาณและการสื่อสาร เนื่องจากประชาชนในชนบทยังไม่เข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในชุมชนต่างๆ ซึ่งงานของ LYAP จะอยู่ในรูปแบบของการอบรมให้ความรู้ที่จะป้องกันตนเองจากโรคร้าย

นายพง กล่าวเสริมว่า ในหมู่เยาวชนลาวนั้น ทุกคนเมื่อได้ยิน “เอดส์” ต่างก็ตื่นตัวที่จะระวังป้องกัน ดังนั้น ถือว่าเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วในระดับเยาวชน

Valuing Volunteering : A Shared Vision 

แบ่งปันวิสัยทัศน์ :ให้คุณค่างานอาสาสมัคร

What is Volunteering ?

            Volunteering is an activity where people donate their time and effort of their own free will and without financial gain, sharing their knowledge expertise and skills for the benefit and wellbeing of others or the community.

งานอาสาสมัคร คืออะไร ?

            งานอาสาสมัครเป็นกิจกรรมซึ่งผู้ที่เป็นอาสาสมัครได้สละเวลาและความพยายามบนพื้นฐานที่ไม่ได้หวังหรือปราศจากค่าตอบแทนใดๆ ทั้งยังร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญ และทักษะความสามารถ เพื่อประโยชน์และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้อื่นหรือชุมชน

“วันนี้ท่านคิดหรือยังว่า ท่านได้อะไรจากการเป็นอาสาสมัคร ”

แหล่งข้อมูล     Website Western Australia Volunteer

3 ศาสนาร่วมมือประสานงานหวังไทยไกลโรคเอดส์

            เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2547 ในการประชุมนานาชาติ เรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่15 ณ มุมจิตวิญญาณ หมู่บ้านโลก Hall 10 ได้มีพิธีอธิษฐานของกลุ่มองค์กรศาสนาที่ทำงานด้านเอดส์ในประเทศไทย ประกอบด้วย     ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม มีผู้ให้ความสนใจอย่างคับคั่ง

            ในส่วนของผู้เข้าชมนั้น ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนของทั้ง 3 ศาสนาที่ได้รับทราบข่าวนี้มาก่อน มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เป็นผู้เดินผ่านในบริเวณงาน แล้วให้ความสนในงานพิธีครั้งนี้

            งานเริ่มต้นด้วยขบวนพาเหรดที่มีตัวแทนของทั้ง 3 ศาสนา ประกอบด้วย วงดุริยางค์ของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ในเครือสภาคริสตจักร เล่นดนตรีบรรเลง ต่อด้วย DVD นำเสนอศาสนาที่ทำงานด้านโรคเอดส์ประมาณ 20 นาที ก่อนจะเข้าสู่การกล่าวเปิดพิธีโดย ฯพณฯ สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง        สาธารณสุข และการกล่าวของผู้นำศาสนาต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกันคือ ให้โรคเอดส์นั้นหมดไปจากประเทศไทยในเร็ววันที่สุด

            งานนี้ได้รับคำชมอย่างมากมาย เนื่องจากการเริ่มต้นแก้ปัญหาโดยใช้ศาสนาเข้ามาร่วมนั้นจะสัมฤทธิผลสูงสุด เพราะในสังคมไทยยังคงมีความสำคัญ และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยอยู่ตลอดเวลา

อาสาฯ พาไปทัวร์

พลังไทย : พลังต้านเอดส์

            จากปัญหาโรคเอดส์ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างร่วมมือร่วมใจกันเป็นพลังไทย พลังอันยิ่งใหญ่ที่ต้านภัยเอดส์

            อาสาฯ พาไปทัวร์วันนี้จึงขอพาเพื่อน ๆ อาสาสมัครเที่ยวชมพร้อมรับสาระความรู้ที่หลากหลายภายในนิทรรศการไทย ซึ่งได้จัดแสดงนิทรรศการจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทย รวมทั้งกลุ่มชมรมต่าง ๆ ของโรงเรียน และมหาวิทยาลัย ซึ่งหลายฝ่ายได้ร่วมมือร่วมใจกันนำเสนอข้อมูล และจัดแสดงผลงานในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับโรคเอดส์ที่น่าสนใจมาก

            หากเพื่อน ๆ อาสาสมัคร ท่านใดต้องการได้รับความรู้และความเข้าใจที่เกี่ยวกับโรคเอดส์ ขอเชิญมาเที่ยวชมนิทรรศการไทยภายในห้องประชุมคอนเวนชัน Hall 10 ได้ทุกวัน

          “คุณคือ พลังไทย พลังต้านเอดส์”

ขอฝากคำกำลังใจ

            “....อาสาสมัครถือว่าเป็นฉากที่ดีในชีวิต อยากให้เรียนรู้ เราต้องช่วยกันให้ความรู้ และที่สำคัญ โปรดอย่าอายถุงยางอนามัย...”

(สรุปคำจากการสัมภาษณ์

อาจารย์มีชัย วีระไวทยะ

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 47)

การประท้วงในงานประชุมเอดส์โลก

            หลังจากการเปิดงานประชุมนานาชาติ เรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 ผ่านมาได้เพียง 3 วัน ก็ได้เกิดเหตุการณ์ประท้วงถึง 3 เหตุการณ์

            เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2547 หลังเปิดงานเพียง 1 วัน โดยมีการรวมตัวกันจากผู้นำขององค์กรหลักที่ทำงานด้านเอดส์ทั่วโลก เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำของกลุ่มประเทศ G-7 อันได้แก่ George Bush ของสหรัฐฯ  Tony Blair ของอังกฤษ Jacques Chirac ของฝรั่งเศส  Silvio Berlusconi ของอิตาลี  Junichiro Koizumi ของ ญี่ปุ่น Gerhard Schroeder ของเยอรมนี และ Paul Martin ของแคนาดา ช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติม เนื่องจาก the Global Fund ที่ทำงานเกี่ยวกับการต้านโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย ต้องการเงินทุนจำนวน 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี แต่กลับได้รับบริจาคอย่างน้อยปีละ 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในปี 2005 กองทุนได้รับเงินช่วยเหลือเพียง 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้ง ๆ ที่มีการประกาศในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ว่าจะสนับสนุนเงินทุนเป็นจำนวน 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่กองทุน the Global Fund จนถึงปี 2008 ซึ่งทำให้คนทั่วโลกหลงเชื่อว่า การประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ แต่ในความจริงแล้วสหรัฐฯ ไม่ได้ทำตามที่กล่าวไว้

            ซึ่งในระหว่างการประท้วง กลุ่มผู้ประท้วงได้นำภาพประธานาธิบดีทั้ง 7 คนมาแห่ แล้วสาดด้วยน้ำสีแดง ก่อนที่จะนำเข้าสู่ห้อง Media center เพื่อแถลงข่าวต่อไป

            เหตุการณ์ที่สอง เกิดขึ้นเมื่อประมาณเวลา 10.30 น. ของวันที่ 13 ก.ค. 47 โดยมีการเดินขบวนประท้วงให้ประเทศไทยล้มเลิกการทำสัญญา Free Trade Area หรือ FTA กับสหรัฐฯ เนื่องจากสัญญานี้จะทำให้ไทยต้องเสียสิทธิบัตรยาให้กับสหรัฐฯ ถึง 25 ปี อันจะก่อให้เกิดผลเสียแก่ประเทศไทย

            การเดินขบวนประท้วงนี้ มีการแยกเป็น 2 ขบวน โดยกลุ่มแรกอยู่ในบริเวณ Convention Hall ซึ่งจัดเป็นขบวนแห่งานศพ และอีกกลุ่มอยู่ในบริเวณ Global Village และลานแสดงสินค้า OTOP ซึ่งเป็นการเดินขบวนพร้อมกับพูดว่าไม่ต้องการ FTA

            เหตุการณ์สุดท้าย เป็นการประท้วงของเยาวชนที่เรียกร้องให้การประชุมนี้     เปิดกว้างสำหรับเยาวชน โดยให้เหตุผลว่า หากให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์แก่เยาวชนจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยโรคเอดส์ได้มาก

            กลุ่มเยาวชนนี้ไม่มีการเดินขบวนแต่อย่างใด มีเพียงแต่แกนนำผู้ประท้วงขึ้นมาพูดปลุกระดมเท่านั้น

            การประท้วงทั้ง 3 เหตุการณ์เป็นไปอย่างสงบ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงได้แจ้งกำหนดการและเนื้อหาเกี่ยวกับการประท้วงไว้เรียบร้อยแล้ว

อาสาสมัครฝ่ายผู้นำ บทบาทที่สำคัญในการประชุมฯ

          ในการประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 จุดสำคัญของงานนี้อยู่ที่การประชุม ซึ่งอาสาสมัครกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปมีบทบาทอย่างมากในการช่วยให้การประชุม   แต่ละ Session ดำเนินไปอย่างราบรื่นนั้นก็คือ อาสาสมัครฝ่ายผู้นำ ที่ทำหน้าที่ทุกอย่าง  ตั้งแต่การจัดเตรียมสถานที่การประชุม เอกสาร ตลอดจนการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าร่วมประชุมและวิทยากร โดยในสองวันที่ผ่านมามีวิทยากรที่สำคัญ เช่น อาจารย์มีชัย วีระไวทยะ คุณจักรภพ เพ็ญแข ริชาร์ด เกียร์ และประธานาธิบดี    เนลสัน แมนเดลา แห่งแอฟริกา เป็นต้น

            อาสาสมัครฝ่ายผู้นำจึงเปรียบเสมือนส่วนประกอบสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้การประชุมนานาชาติ เรื่องโรคเอดส์ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้สำเร็จ   ลุล่วงไปได้ด้วยดี

www.aids2004.org

คณะอนุกรรมการคัดเลือกและดูแลอาสาสมัคร การจัดประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ครั้งที่ 15

กองกิจการนักศึกษา  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เลขที่ 2 ถ.พระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

โทรศัพท์  02 -613-3951- 2   โทรสาร 02 - 222-1834

E-mail : volunteer@aidsthai2004.org