โยคะภาคปฏิบัติฉบับย่อ
โยคะเป็นการฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบัน โดยการตั้งสติอยู่ที่การกระทำในขณะนั้น
ๆ การจะทำโยคะได้ผู้ฝึกจะต้องรู้ว่าขณะนี้ตนทำอะไรอยู่
เช่น กำลังหายใจเข้า กำลังหายใจออก กำลังยกมือขวาขึ้น เป็นต้น การฝึกโยคะ เป็นการฝึกตัวเราในสองส่วน คือ
กาย (Body) และ จิต (Mind) ตามจริงแล้วโยคะเป็นวิธีการหนึ่งที่นำมาซึ่งเป้าหมายอันสูงสุดของสิ่งมีชีวิตคือการมีสมาธิและความสุขเพื่อการหลุดพ้น
การฝึกจิตด้วยการเคลื่อนไหวทางกายมิเพียงทำให้เกิดการฝึกสมาธิเท่านั้น
ยังทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง มีการยืดหยุ่นและมีการหมุนเวียนของเลือดทั่วร่างกาย
การเอาจิตเกาะที่การเคลื่อนไหวทางกายเป็นการฝึกให้จิตรู้ว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไร
รู้ว่าขณะนี้เจ็บตรงไหน เกร็งตรงไหน การเคลื่อนตัวในท่านี้มีความรู้สึกอย่างไร
ดังนั้นการฝึกโยคะจึงเป็นการฝึกกายและจิตที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดทางจิตใจ และความตึงเกร็งของกล้ามเนื้อส่วนต่าง
ๆ ของร่างกาย
แม้จะกล่าวข้างต้นว่าการฝึกโยคะเป็นการฝึกที่กายและจิต
แต่สิ่งสำคัญที่ขาดมิได้ในการฝึกโยคะ คือการฝึกการหายใจหรือปราณายาม
การฝึกลมปราณเป็นการฝึกให้อยู่กับลมหายใจ
การหายใจ มี 3 ช่วง ตามอาจารย์
การหายใจในแต่ละช่วงจะมีประโยชน์ต่างกัน
การหายใจช่วงที่ 1 เป็นการหายใจระยะสั้น ๆ จากจมูกถึงลิ้นปี่ ซึ่งเป็นการหายใจเพื่อกระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงเซลสมองให้เร็วที่สุด แต่ถ้าหายใจเช่นนี้เป็นประจำถือว่าเป็นการหายใจที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นการนำอากาศเข้าสู่ปอดได้น้อย และร่างกายจะมีการตึงเกร็งของกล้ามเนื้อ
การหายใจช่วงที่สองเป็นการหายใจระยะยาวปานกลางหรือการหายใจของนักกีฬา คือหายใจเข้าให้นานขึ้นและให้รู้สึกว่าลมหายใจเข้าไปจนเต็มท้องด้านบน กระบังลมจะขยายออกเต็มที่ เป็นการหายใจเพื่อรักษาพลังชีวิตทำให้มีร่างกายที่แข็งแรง
การหายใจช่วงที่สามเป็นการหายใจระยะยาว คือหายใจเข้าให้นานขึ้นจนท้องน้อยพอง การหายใจยาวจนถึงท้องน้อยนี้เป็นการหายใจเพื่อการมีสมาธิ
สำหรับการหายใจในการทำโยคะ จะเป็นการหายใจแบบสมบูรณ์เต็มทั้งสามส่วน
คือ เต็มท้องน้อย เต็มท้องส่วนบน และเต็มทรวงอก
เป็นการหายใจเพื่อจิตวิญญาณและพลังของชีวิต
ปราณประกอบด้วยการเคลื่อนที่ของปราณ 3 ลักษณะ คือ การหายใจออก การหายใจเข้าและการกลั้นลมหายใจ ซึ่งสามารถทำได้ 4 จังหวะอ้างจากอาจารย์ตฤณคฤทธิ์ คือ
ก. การหายใจออก
ข. การกลั้นลมหายใจหลังจากการหายใจออก
ค. การหายใจเข้า และ
ง. การกลั้นลมหายใจหลังการหายใจเข้า
การเรียนรู้ที่จะฝึกการควบคุมการหายใจคือการตั้งใจที่จะดูตามลมหายใจว่าลมหายใจไปถึงตรงไหนของร่างกายเรา ความยาวของลมหายใจเข้าและออก และจำนวนครั้งที่ทำในการหายใจในแต่ละท่าของปราณญาณ
การฝึกปราณก่อนการฝึกโยคะมีหลายท่า แต่ในที่นี้จะกล่าวไว้เพียง 3 ท่า ดังนี้
ท่าที่ 1 ท่าฝึกพื้นฐาน มี 2 ช่วง
ช่วงที่ 1 การฝึกทำให้ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกของเราให้มีความยาวเท่า
ๆ กัน
ครั้งที่ 1 หายใจออก นับ 1 ถึง 5 จนท้องแฟบ
ครั้งที่ 2 หายใจเข้า นับ 1 ถึง 5 จนท้องพอง
จากนั้นให้เพิ่มความยาวไปเรื่อย ๆ จนถึง 10 ทุกครั้งที่หายใจเข้าท้องจะต้องพองและเมื่อหายใจออกท้องจะต้องแฟบ
ช่วงที่ 2 การฝึกให้หายใจออกได้นานกว่าหายใจเข้า
เช่น ถ้าหายใจเข้า นับ 1 ได้ถึง 10 หายใจออกควรให้ได้มากกว่า 10 อาจเป็น 15 เป็นต้น เพราะการหายใจออกได้มากจะช่วยให้ถุงลมในปอดของเราบีบตัวไล่ลมออกได้มากที่สุด ทำให้เวลาหายใจเข้าเราได้รับอากาศมากยิ่งขึ้น
ท่าที่ 2 อนุโลมาวิโลมา เป็นการฝึกหายใจด้วยรูจมูกทีละรู
ทำสลับรูจมูกเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 ครั้ง
ท่าที่ 3 สุริยะเพทา เป็นการฝึกหายใจด้วยรูจมูกที่ละรูโดยหายใจเข้าเฉพาะทางรูจมูกขวาและหายใจ
ออกเฉพาะรูจมูกซ้ายเท่านั้น
(1) ใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้ของมือขวาแตะที่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว นิ้วนางปิดรูจมูกซ้าย
(2) หายใจออกจนหมด แล้วค่อย ๆ
แหงนหน้าขึ้นพร้อมกับหายใจเข้ารูจมูกขวาจนท้องพอง กลั้นลมหายใจ นับ 1 ถึง 3
เอานิ้วโป้งปิดรูจมูกขวา นิ้วนางเปิดรูจมูกซ้าย ค่อย ๆ
ก้มหน้าลงพร้อมกับหายใจออกทางรูจมูกซ้าย จนท้องแฟบ
(3) ในขณะก้มหน้า เอานิ้วนางของมือขวาปิดรูจมูกซ้าย หายใจเข้าทางรูจมูกขวา พร้อมกับค่อย ๆ แหงนหน้าขึ้น ลมหายใจจะเข้าไปในร่างกายจนรู้สึกว่าท้องพอง กลั้นลมหายใจ นับ 1 ถึง 3 เอานิ้วโป้งปิดรูจมูกขวา นิ้วนางเปิดรูจมูกซ้าย ค่อย ๆ ก้มหน้าลงพร้อมกับหายใจออกทางรูจมูกซ้าย จนท้องแฟบ
ทำ ข้อ(2) และข้อ (3) ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 ครั้ง
อาจารย์ตฤณคฤทธิ์ ให้คำแนะนำว่าการหายใจให้ทำเช่นนี้ไม่ควรเกิน 10 นาที ต่อครั้งและห้ามเกิน 2 ครั้งต่อวัน และเนื่องจาก สุรยะเพทา เป็นท่าปราณสำหรับรับพลังร้อนหรือพลังพระอาทิตย์ ดังนั้นจึงต้องหายใจเข้าด้วยรูจมูกขวาเสมอและหายใจออกทางรูจมูกซ้ายเท่านั้น
ท่าอุ่นเครื่อง ทำก่อนเล่นโยคะท่าสุริยนมัสการ
เพื่อช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้มากขึ้น
ท่าที่ 1 ท่านั่ง สุขาสนะ
ก. นั่งกับพื้น ให้เท้าขวาอยู่หน้าเท้าซ้าย ให้ซ้นเท้าอยู่ตรงกัน มือขวาจับมือซ้ายไขว้ไว้ด้านหลัง
(1) ใช้ปากเป่าลมหายใจออก
(2) หายใจเข้ายืดตัวขึ้น
(3) หายใจออก พร้อมทั้งก้มตัวลงให้หน้าผากติดพื้น
ถ้าก้มได้แค่ไหนก็ให้ก้มเพียงแค่นั้น
(4) ให้อยู่ในท่านี้ พร้อมทั้งหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของ
ร่างกาย นับ 1 ถึง 10 ในใจ
(5) หายใจเข้า ยกตัวขึ้น
(6) หายใจออก พร้อมทั้งวางมือลง
ข. เปลี่ยนเท้าซ้ายมาไว้ข้างหน้าเท้าขวา มือซ้ายจับมือขวา จากนั้นทำข้อที่ (1) จนถึง ข้อที่ (6) ตามลำดับ
ข้อสังเกต การหายใจในท่าที่กล่าวต่อไปนี้ ข้อที่เขียนว่าเป่าลมหายใจออก หมายถึงการใช้ปากเป่าลมหายใจออกมา สำหรับข้อที่เขียนว่าหายใจ เข้าหรือหายใจออก ให้ใช้จมูกในการหายใจ
ท่าที่ 2 ชานุศีรษะอาสนะ
ก. นั่งกับพื้น เหยียดขาขวาตรง ขาซ้ายพับ แบมือว่าบนตัก
(1) เป่าลมหายใจออก
(2) หายใจเข้า พร้อมทั้งยกแขนเหยียดตรงเหนือศีรษะ
(3) หายใจออก พร้อมทั้งก้มตัวลง เอามือจับเท้าขวา ให้หน้าผากจรดหน้าแข้ง
ถ้ายังไม่สามารถจับเท้าได้ ก็ให้ก้มและมือจับที่หน้าแข้งเพียงให้รู้สึกว่าร่างกายตึง
การฝึกเป็นประจำจะทำให้ก้มตัวจับเท้าและหน้าผากจรดหน้าแข้งได้ในที่สุด
(4) ให้อยู่ในท่านี้
พร้อมทั้งหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของ
ร่างกาย นับ 1 ถึง 10 ในใจ
(5) หายใจเข้า ยกตัวขึ้น
(6) หายใจออก
พร้อมกับก้มลงอีกครั้ง เอานิ้วชี้มือซ้ายเกี่ยวหัวแม่เท้าขวา
มือขวาไพล่ไปไว้ที่หลัง
(7) ให้อยู่ในท่านี้ พร้อมทั้งหายใจเข้าออกลึก
ๆ ยาว ๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของ
ร่างกาย นับ 1 ถึง 10 ในใจ
(8) หายใจเข้า
พร้อมกับยกแขนขึ้นและยกตัวขึ้น (9) หายใจออก พร้อมกับวางมือลง
ข. นั่งกับพื้น เหยียดขาซ้ายให้ตรง ขาขวาพับ แบมือวางไว้บนตัก
(1) เป่าลมหายใจออก
(2) หายใจเข้า พร้อมทั้งยกแขนเหยียดตรงเหนือศีรษะ
(3) หายใจออก
พร้อมทั้งก้มตัวลง เอามือจับเท้าซ้าย ให้หน้าผากจรดหน้าแข้ง
ถ้ายังไม่สามารถจับเท้าได้
ก็ให้ก้มและมือจับที่หน้าแข้งเพียงให้รู้สึกว่าร่างกายตึง
การฝึกเป็นประจำจะทำให้ก้มตัวจับเท้าและหน้าผากจรดหน้าแข้งได้ในที่สุด
(4) ให้อยู่ในท่านี้
พร้อมทั้งหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของ
ร่างกาย นับ 1 ถึง 10 ในใจ
(5) หายใจเข้า ยกตัวขึ้น
(6) หายใจออก
พร้อมกับก้มลงอีกครั้ง เอานิ้วชี้มือขวาเกี่ยวหัวแม่เท้าซ้าย
มือซ้ายไพล่ไปไว้ที่หลัง
(7) ให้อยู่ในท่านี้ พร้อมทั้งหายใจเข้าออกลึก
ๆ ยาว ๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของ
ร่างกาย นับ 1 ถึง 10 ในใจ
(8) หายใจเข้า
พร้อมกับยกแขนขึ้นและเงยตัวขึ้น
(9) หายใจออก
พร้อมกับวางมือลง
ท่าที่ 3 ปัศจิโมตาศนะ