จงฟังเสียงของความรัก


จงฟังเสียงของความรัก…
หลายครั้งที่เราเขินอายไม่กล้าแสดงออกซึ่งรักที่เรามี
เพราะกลัวจะทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นกระดากกระเดื่อง เราลังเลที่จะพูดไปตรงๆ ว่า “ฉันรักเธอ” เราจึงพยายามสื่อความรู้สึกนี้ออกไปด้วยคำอื่น เช่น “รักษาตัวดีๆนะ” หรือ “อย่าขับรถเร็วนัก” หรือ “โชคดีนะ” แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่วิธีต่างๆ ในการพูดว่า “ฉันรักเธอ”
“เธอสำคัญต่อฉัน” “ฉันสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ”
“ฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บ”

คนเรานี้บางครั้งก็ประหลาด สิ่งเดียวที่เราอยากจะพูด และเป็นสิ่งที่ควรพูด เรากลับไม่พูดออกไปกระนั้น การที่เรารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ และอยากจะพูดออกไปมากเป็นผลให้เราใช้คำหรือสัญญาณอื่นที่บอกว่าจริงๆ แล้ว เราหมายถึงอะไร

แต่หลายครั้งที่ความหมายเหล่านั้นสื่อไปไม่ถึงๆ ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ต้องการเพราะฉะนั้นเราจึงต้องฟังเสียงของความรัก ในคำที่ผู้อื่นพูดกับเราบางครั้งคำพูดที่ชัดแจ้งก็จำเป็น แต่บ่อยครั้งที่อากัปกิริยาในการพูดนั้นสำคัญยิ่งกว่าคำพูดเหน็บแนมใส่ความรัก และชื่นชอบไว้ในความรู้สึกซึ่งแสดงออกมาอย่างไม่จริงใจ

การกอดเร็วๆ เป็นการบอกว่าฉันรักเธอแม้ว่าคำที่พูดออกมาอาจเป็นอย่างอื่น การแสดงออกถึงความห่วงกังวล ที่คนหนึ่งมีต่ออีกคนหนึ่งเป็นการบอกว่า ฉันรักเธอ แต่บางครั้งก็แสดงออกมาอย่างเงอะงะ หรือแม้แต่ดุร้าย บางครั้งเราก็ต้องตั้งใจมองและฟังมากๆ เพื่อรับรู้ความรักที่อยู่ภายใน มันมักจะอยู่ใต้ผิวที่คลุมอยู่
แม่อาจจะบ่นว่าลูกชายบ่อยๆ เรื่องผลการเรียนหรือการทำความสะอาดห้อง ลูกชายอาจได้ยินแค่เสียงบ่น แต่ถ้าตั้งใจฟังดีๆ เขาจะได้ยินความรักซึ่งอยู่ใต้เสียงจุกจิกจู้จี้นั้น แม่ต้องการให้ลูกทำดีกและประสบความสำเร็จ

แต่น่าเสียดายที่ความห่วงใยและความรักลูกชายออกมาในรูปของการบ่นว่า ...แต่อย่างไรมันก็คือความรัก
ลูกสาวกลับบ้านช้ากว่าที่อนุญาต และพ่อมาดุแรงๆด้วยความโกรธลูกสาวอาจได้ยินแค่ความโกรธ แต่ถ้าตั้งใจฟังดีๆ จะได้ยินความรักที่อยู่ใต้ความโกรธนั้น พ่อกำลังพูดว่า
“พ่อเป็นห่วงลูกเพราะพ่อใส่ใจลูก รักลูก ลูกสำคัญต่อพ่อ” เราบอกรักด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของขวัญวันเกิด กระดาษโน้ตใบเล็กๆ รอยยิ้ม และบางครั้งก็น้ำตา
บางครั้งเราแสดงออกซึ่งความรักด้วยการนิ่งเงียบและไม่พูดอะไรเลย

แต่บางครั้งก็พูดออกมา ถึงขนาดห้วนๆ ก็มีบางครั้งเราแสดงความรักโดยไม่ได้ยั้งคิด..
หลายครั้งเราต้องแสดงความรัก..ด้วยการยกโทษให้คนที่ไม่ได้ยินความรัก ที่เราพยายามส่งไป

ปัญหาในการฟังเสียงของความรักคือ เราไม่ค่อยเข้าใจภาษาแห่งรักที่ผู้อื่นใช้ เด็กสาวอาจใช้น้ำตาหรือแสดงอารมณ์เพื่อบอกว่าเธออยากจะพูดอะไร แต่แฟนของเธออาจไม่เข้าใจ เพราะเขาคาดหวังให้เธอพูดภาษาเดียวกับเขาดังนั้นเราจึงต้องบังคับตัวเอง ให้ตั้งใจฟังเสียงแห่งรักปัญหาใหญ่คือคนเราไม่ค่อยฟังกัน เราได้ยินคำพูด
แต่เราไม่ฟังความหมายจริงๆของคำนั้น หรือไม่ดูการแสดงออกทางสีหน้าหรือบางครั้งเราก็ฟังเพื่อจะปฏิเสธ และเข้าใจผิดเราไม่เห็นความรักที่อยู่ลึกลงไป แม้ว่าคำพูดที่ออกมาจะแสดงความโกรธก็เถอะ.. เราต้องฟังเสียงของความรักจากผู้คนรอบข้างบ้าง ถ้าฟังดีๆ จะพบว่า..เรามีคนรักมากกว่าที่คิด

ฟังเสียงของความรักเถิด.. แล้วเราจะพบว่า.. โลกนี้น่าอยู่ยิ่งนัก
ความรักคือสิ่งที่ให้ความสุข..ทำให้เราหัวเราะ..ทำให้เราร้องเพลง..
ทำให้เราเสียใจ..ทำให้เราร้องไห้..ทำให้เราหาเหตุผล..
ทำให้เราเป็นผู้รับ..ทำให้เราเป็นผู้ให้..

นอกเหนือจากอะไรทั้งหมด .....ความรักทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้คนอื่นจะอยู่หรือไม่อยู่กับเราไม่ได้แตกต่างอะไรนัก
เพราะเราไม่เห็นต้องรู้สึกว้าเหว่แม้จะอยู่คนเดียว บางครั้งมันก็ดีที่ได้อยู่คนเดียว
แต่นั่นไม่ได้ทำให้เราโดดเดี่ยว..การอยู่กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องสำคัญ
การให้คนอื่นรู้ว่ามีเราอยู่ต่างหากที่สำคัญ ดังนั้น จำไว้ว่า ถ้าคุณรักใคร..ก็บอกเขาไปเถิด พูดอย่างที่คุณต้องการ อย่ากลัวที่จะแสดงตัว ใช้โอกาสนี้บอกเขา..
ว่าเขามีความหมายต่อคุณเพียงใด อย่าปล่อยให้เวลาล่วงผ่านไป จะได้ไม่ต้องมาเสียใจ-

สิ่งสำคัญที่สุดคือ อยู่ใกล้ๆ เพื่อนและครอบครัวของคุณ
เพราะพวกเขาช่วยให้คุณเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันณ ความแตกต่างระหว่างการแสดงความรักและการมานั่งเสียใจคือ...
ความเสียใจอาจจะคงอยู่ไปตลอด
ถ้าคุณอยากให้คนอื่นมีความสุข จงแสดงความรัก
และถ้าคุณอยากมีความสุขก็จงแสดงความรัก


ที่มา :  Fwd