ก่อนจะเป็นดาว

ย้ง-ธรากร สุขสมเลิศ
สวัสดีจ้ะเราชาวอินไซด์ขอต้อนรับวันเปิดเทอม พ่อแม่หลายคนคงจะกระเป๋าเปื่อยไปไม่น้อย เพราะหมด ไปกับการซื้ออุปกรณ์การเรียน เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หลังจากที่หมดเงินไปไม่น้อย กับการพา ลูกหลาน ไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน ในวันปิดภาคเรียนที่ผ่านมา ไหนๆก็ไหนๆก็เปิดเทอมทั้งที เราก็เลยพาหนุ่มๆ มาฝากเนื้อฝากตัวคิดซะว่าเป็นลูกเป็นหลายอีกคนก็แล้วกันนะจ้ะ กับหนุ่มคนนี้ที่มีคน พูดถึง ไม่น้อยกับผลงานเพลง “ย้ง-คนของเธอ” ที่กลุ่มวัยรุ่นถามหาเพลง ของเขาไม่ขาดปาก ด้วยกระแสเพลง “ดอกหญ้ากับพายุ” เพลงประกอปละคร F4 ในภาคภาษาไทย เห็นเป็นหนุ่มตี๋แบบนี้เราต้องขอย้อนไปสู่ใน วัยเยาว์ของเขาก็แล้วกันนะ ว่าไปได้หน้าเทรนนี้มาจากไหน

? ก่อนอื่นเราขอรู้ก่อนเลยว่าย้งเองมีพี่น้องกี่คนกันจ้ะ หน้าตาเทรนนี้หมดรึเปล่า?
“ผมมีพี่น้องทั้งหมด 4 คนครับ ผมเป็นคนที่ 2 มีพี่ชายแล้วก็น้องสาวอีก 2 คนครับ หน้าตาก็ไม่ค่อยจะเหมือนกันเลย จะออกไปคนละแนวมากกว่าครับ”
? พี่น้องทั้ง 4 คนสนิทกันมั้ยคะ?
“ก็สนิทกันนะครับพี่ชายจะเป็นตัวกลางคอยเชื่อมน้องๆ ให้อยู่ใกล้กัน สำหรับตัวผมเองห่างจากพี่ไม่มากครับ เพราะว่า จะเกดิหัวปีท้ายปี ก็เหมือนว่าเราโตมาด้วยกันครับ”
? เกิดที่กรุงเทพรึเปล่า?
“ผมเกิดที่กรุงเทพฯ พออายุ 6 ขวบก็ไปเข้า ป.1 ที่บุรีรัมย์ พออายุ11ก็ย้ายกลับมายอยู่ที่กรุงเทพฯ จะย้ายตามธุรกิจ ของตัวเองครับ ที่บ้านจะทำโรงงานทำขนมเปี๊ยะ แล้วก็มีกระหรี่พั๊ฟ”

? กิจกรรมสมัยเด็กๆมักจะทำอะไรกันบ้าง เผอิญว่าเป็นเด็กกรุงเทพฯไง?
“ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่หลังเลิกเรียนก็มาเล่นฟุตบอล มารวมกลุ่มกันหลังเลิกเรียน มันไม่ค่อยจะมีที่เที่ยวหรอกครับ ที่โน่นอย่างเก่งก็ได้แต่ถีบจักรยานร่อนไปร่อนมา”
? มาถึงคุณพ่อคุณแม่ดีกว่าว่าดูแลลูกๆกันยังไงบ้างให้อยู่ในกรอบ?
“ คือจะให้อิสระในด้านของความคิดแต่ว่าต้องอยู่ในกรอบที่เค้าดูว่าเหมาะสม อย่างเรื่องที่อยากจะทำอะไรก็ทำ ถ้าตั้งใจก็ให้ทำไปเลย แต่ว่าต้องทำจริงๆและไม่เดือดร้อนใครด้วย”
? มาถึงตัวย้งเองดีกว่าได้ดูจากรูปแล้วไม่น่าซนนะ?
“ที่เห็นว่าผมหน้านิ่งๆแบบนี้ แต่ดื้อครับไม่ค่อยจะฟังผู้ใหญ่หรอก ถ้าเขาบอกให้เราทำแบบนี้ ก็จะไม่ทำจะไปทำ อีกอย่าง เพราะเราถือว่าเรามีกรอบของเราเองครับ เลยไม่ค่อยอยู่ในโอวาทพ่อแม่สักเท่าไหร่ “
? นี่เลยเป็นเหตุผลทีย้งอยากจะอยู่ข้างนอกเองด้วยรึเปล่า?
“ การที่ผมออกมาอยู่คนเดียว เริ่มแรกเลย ผมเอนท์ติดที่ ม.บูรพา ชลบุรี ก็ต้องไปอยู่หออยู่แล้ว ก็ 4 ปีครับ พอกลับมาต้องทำงานตรงนี้เลยคิดว่าถ้าแยกออกมาจะสะดวกกว่า เพราะอีกอย่างผมเองก็กลับบ้านไม่เป็นเวลาด้วยครับ”
? อย่างนี้ได้มีเวลาคุยกันหรืออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันบ้างมั้ย?
“ก็มีครับอย่างตอนที่ผมเรียนอยู่ ม.บูรพา ความรู้สึกก็เหมือนเดิมไม่คิดว่าห่าง เพราะเรายังได้เจอได้คุยกัน คิดถึงเราก็กลับบ้านไปหาก็ได้”
? การที่อยู่กับครอบครับกับการที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกคนเดียวมันแตกต่างกันย้งไงบ้าง?
“การที่เราอยากจะออกมาอยู่คนเดียว ก่อนอื่นเราก็ต้องดูแลตัวเองได้ ต้องคอยเก็บกวาดถูบ้านเอง ทุกอย่างทำเองหมด แต่ที่บ้านเราจะทำไม่ทำก็ได้ ความรับผิดชอบมันมากขึ้นถ้าคิดจะอยู่คนเดียว”
? แบบนี้คุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วงมั้ย?
“ผมว่าพ่อแม่ก็ย่อมเป็นห่วงลูกเป็นธรรมดาแต่ว่าเค้าคงจะเห็นผมตั้งแต่เด็กๆว่าจะมีโลกส่วนตัวค่อนข้างเยอะ เวลามีปัญหามักจะแก้ปัญหาเองจะหาเหตุผลให้กับตัวเองก่อน และอีกอย่าง ผมเป็นลูกผู้ชายด้วยมั้งเลยจะห่วง น้อยหน่อย”
? พูดถึงเรื่องความเป็นห่วงที่บ้านมักจะห่วงย้งเรื่องอะไร เพราะอยู่ไกลสายตาด้วย?
“เรื่องเงินครับ แม่จะย้ำเตือนอยู่เสมอเรื่องเงินเพราะมักจะหมดไปกับเรื่องไร้สาระ ช่วงแรกๆ ก่อนผมจะมาทำงาน ผมจะได้เงินประจำ ก็ยังควบคุมเรื่องเงินได้ แต่พอมาทำงานหาเงินเองได้ก็จะยิ่งห่วงมากขึ้นเพราะจะควบคุมไม่ได้”
? พักเรื่องนี้ไว้ก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นสนทนาปัญหาครอบครัวไปซะ เรามาคุยกันถึงเรื่อง ย้งก้าวเข้ามาทำงาน ตรงนี้ดีกว่า
“ก็เริ่มจากสมัยเรียนมหาลัยโน่นแนะ ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปี 4 เทอม 1ช่วงนั้นกำลังมีการประกวดพอดีมีรุ่นพี่มาชวน ด้วยความที่ผมเกรงใจ เพราะถ้าจะให้ตัวเองเดินมาประกวดเองก็ไม่กล้าอยู่แล้ว และอีกอย่างมันก็เป็นโอกาสที่ทุกคน อยากได้ และเราก็มีโอกาสอยู่ในมือแล้ว มาคิดดูมันก็ไม่เสียหายอะไร และมันก็ทำให้เรากล้าที่จะทำมากขึ้นด้วย”
? พอได้มาทำจริงๆล่ะ ย้งรู้สึกยังไง?
“ผมว่ามันเป็นกำไรของชีวิต ที่เรามีโอกาสที่ได้เรียนรู้มันโดยที่เราหาซื้อจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เห็นในสิ่งที่เรา ไม่มีโอกาสได้เห็นแน่ๆ ถ้าเราไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองแบบนี้”
? ความตั้งใจแรกที่ย้งอยากที่จะเข้ามาประกวด คือการแสดงหรือการร้องเพลง?
“ผมเองอยากที่จะร้องเพลงมากกวา เพราะผมชอบเล่นกีต้าร์ชอบร้องเพลงเลยอยากที่จะทำ แต่ตอนนั้นยังไม่มีโอกาส ก็เลยเล่นละครไปพลางๆ พอเรื่องแรกก็ได้มาเล่น ‘ปากกา หัวใจ กับไมโครโฟน’ ก็ได้มีโอกาสร้องเพลงลงในอัลบั้มด้วย และหลังจากนั้นพี่ๆเขาก็เรียกเข้าไปคุยว่าให้ผมทำงานเพลง ซึ่งมันก็ทำให้ฝันตัวเองได้เป็นจริงขึ้นมาได้ ถือว่าโชคดีมากๆ”
? ย้งยังอยากที่จะทำอะไรอีกบ้างต่อจากนี้?
“ในชีวิตนี้ตัวผมเองไม่เคยวางแพลนเอาไว้ ยังสนุกอยู่กับงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็เลยยังไม่ได้คิดอะไรไกลครับ”
? คิดว่าครอบครัว”สุขสมเลิศ”ให้อะไรกับย้งบ้าง?
“เรื่องแรกเลย คือ อิสระทั้งความคิดและทุกๆอย่าง รู้จักที่จะปล่อยให้เรียนรู้ชีวิตด้วยตนเอง เมื่อเวลาที่เราพลาดไป ทุกคนที่บ้านก็จะให้อภัยและไม่เคยซ้ำเติม จะให้เริ่มใหม่แล้วลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่มันพลาดไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ครอบครัว ให้ผมมาตลอดครับ”

บทสัมภาษณ์จากหนังสือ อินไซด์บันเทิง
ปีที่2 ฉบับที่15 เดือนพฤษภาคม 2546
ขอบคุณน้องอ้น fanclub ที่ช่วยหาข้อมูล