วิธีการให้อาหารลูกนก
ลูกนกเกิดใหม่จะยังมีไข่แดงอยู่ใยช่องท้องซึ่งจะใช้เวลา 3 4 วันเพื่อย่อยไข่แดงดังกล่าวนี้ ดังนั้น
ในระยะ 3 4 วันแรกที่ลูกนกออกจากไข่จึงไม่จำเป็นต้องให้กินอาหาร แต่อาจจะจัดทรายหยาบหรือ
เกล็ดเล็ก ๆ ขนาดเมล็ดข้าวสารตั้งไว้ให้นกกิน แต่ต้องระวังอย่าให้กินมากเกินไปส่วนใหญ่จะนิยมนำ
อาหารและน้ำมาตั้งให้ลูกนกกินหลังจากลูกนกออกจากตู้เกิดแล้ว 1 2 วันในระยะแรกลูกนกจะยัง
ไม่ให้ความสนใจที่จะสอนให้ลูกนกรู้จักที่ให้น้ำและอาหารลูกนกอาจอดน้ำหรือได้จึงควรนำลูกปิงปองมา
ใส่ในภาชนะที่ให้น้ำและอาหารเพื่อให้ลูกนกสนใจและไปจิกกินอาหารและน้ำโดยทั่วไปแล้วลูกนกชอบ
อาหารที่มีรูปร่างแปลก ๆ และหญ้าสด อาหารสำหรับลูกนกจะประกอบด้วย พลังงาน 2,700 2,800
กิโลแคลอรี โปรตีน 20 % แต่มีเยื่อใยต่ำ คือไม่เกิน 10 % อัตราส่วนของแคลเซียม (Ca)และ
ฟอสฟอรัส(P) ต้องเหมาะสม โดยอาจจะเสริมด้วยเปลือกหอยหรือกระดูกป่นลูกนกระยะนี้จะกินอาหาร
วันละประมาณ 10 20 กรัม และจะเพิ่มปริมาณขึ้นตามน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นลูกนกจะต้องการอาหาร
ข้นวันละ 1.5 3 % ของน้ำหนักตัว ลูกนกจะมีอัตราการเจริญเติบโตรวดเร็วมาก ซึ่งจะทำให้ขาที่มี
ขนาดเล็กรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ไหว อาจทำให้ลูกนกขาพิการได้จึงควรจำกัดปริมาณ
อาหารและให้กินอาหารวันละ 2 4 ครั้ง โดยให้กินอาหารหมดภายใน 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นอาจให้
พืชสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ลูกนกกินครั้งละน้อย ๆ วันละ 3 4 ครั้งโดยเลือกให้ลูกนกกินเฉพาะ
ส่วนที่เป็นใบ เมื่อลูกนกอายุมากขึ้น จะกินอาหารที่มีเยื่อใยได้มากขึ้นถึง 20 %ของปริมาณอาหารข้น
ส่วนน้ำจะต้องมีให้กินตลอดเวลา โดยจะต้องเป็นน้ำที่ใส สะอาดภาชนะที่ใส่น้ำและอาหารจะต้องทำความ
สะอาดทุกวัน อาหารที่เหลือค้างอยู่ในรางจะต้องไม่นำกลับมาใช้อีกและจะต้องระวังไม่ให้ลูกนกจิกกินอุจ
จาระที่ลูกนกถ่ายออกมาเพราะจะทำให้ท้องเสียหรือเป็นโรคอื่น ๆ ได้จึงควรที่จะทำความสะอาดเก็บ
กวาดขี้นกออกทิ้งบ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 5 วันแรก
อาหารสำหรับนกยูง รุ่น (อายุ 4 10 เดือน)
ในระยะนี้ลูกนกยูง ต้องการอาหารที่มีพลังงาน 2,400 กิโลแคลอรี่ ต่ออาหาร 1 กิโลกรัม โปรตีน 14
15 % และเยื่อใย 14 % และจะกินอาหารวันละ 1.5 2 กิโลกรัมแต่เมื่อลูกนกอายุมากขึ้นน้ำหนัก
ตัวที่เพิ่มจะอยู่ในอัตราที่ลดลงจึงทำให้อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อเพิ่มสูงขึ้นขณะเดียวกันก็จะสามารถ
กินอาหารที่มีเยื่อใยได้มากขึ้นด้วย ถึงแม้ว่านกยูงในระยะนี้จะต้องการการดูแลเอาใจใส่น้อยกว่าในระยะ
3 เดือนแรกแต่ก็ไม่ควรประมาทจนขาดความเอาใจใส่โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพอาหารจะต้องตรง
ตามความต้องการและมีปริมาณที่เพียงพอ น้ำต้องใสสะอาด เสริมอาหารด้วยหญ้าหรือผักสด หรือปล่อยให้
นกยูง ไปจิกกินเองในแปลงหญ้าที่สำคัญต้องมีกรวดหินตั้งไว้ให้นกยูง ด้วยเนื่องจากนกยูงไม่มีฟันที่จะ
ใช้ในการบดเคี้ยวอาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องหาสิ่งที่จะช่วยย่อยอาหารที่นกยูง กินเข้าไปในสภาพ
ธรรมชาตินกยูง จะจิกกินก้อนกรวด ก้อนหิน หรือทรายหยาบจากพื้นดินเพื่อไปช่วยบดอาหารในกึ๋นดัง
นั้น การเลี้ยงในระบบฟาร์มก็จำเป็นจะต้องจัดหาหิน กรวด หินเกล็ดเล็ก ๆ หรือเปลือกหอยป่น ตั้งไว้ให้
นกยูง กิน แต่จะต้องคอยสังเกตุด้วยว่าอย่าให้นกยูงกินมากเกินไปจนทำให้ไปอุดตันในระบบทางเดิน
อาหาร
อาหารสำหรับนกยูง (อายุ 11 14 เดือน)
นกยูง ที่อายุ 8 10 เดือน จะมีน้ำหนักตัวประมาณ 3 4 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์
อาหารที่นกยูง ระยะนี้ต้องการคือ มีพลังงาน 2,500 กิโลแคลอรี่ ต่ออาหาร 1 กิโลกรัม โปรตีน 14
16 % และเยื่อใย 16% ระยะนี้นกยูง จะกินอาหารวันละ 2.0 2.5 กิโลกรัม ทั้งนี้หญ้าหรือพืชผัก
จะต้องมีให้กินหรือปล่อยในแปลงหญ้าก็ได้ และที่ขาดไม่ได้คือ น้ำสะอาดต้องมีให้กินตลอดเวลา
อาหารสำหรับนกยูง พ่อ แม่พันธุ์ (อายุ 14 เดือนขึ้นไป)
อาหารที่ใช้เลี้ยงจะประกอบด้วย พลังงาน 2,400 2,600 กิโลแคลอรี ต่ออาหาร 1 กิโลกรัมโปร
ตีน 14 % และเยื่อใย 16 % ซึ่งการให้อาหารนกยูง ในช่วงนี้จะแบ่งออกเป็นระยะคือ
1 ช่วงผสมพันธุ์ (Laying Period)
2. นอกฤดูผสมพันธุ์ (Off Season)
นกยูง ในช่วงผสมพันธุ์จะมีความต้องการอาหารที่มีพลังงานและโปรตีนสูงเพื่อใช้ในการสร้างไข่ซึ่งถ้า
อาหารดีตรงตามความต้องการจะทำให้ได้ไข่ที่มีเชื้อดีด้วยนอกจากนี้จะต้องพิจารณาอัตราส่วนของแคล
เซียมและฟอสฟอรัส (Ca : P) โดยทั่ว ๆ ไป อัตราส่วนของแคลเซียมต่อฟอสฟอรัสจะเท่ากับ 1 : 0.5
0.6ถ้าในสูตรอาหารมีแคลเซียมมากเกินไปจะทำให้ไปหยุดยั้งการทำงานของแมงกานีสและสังกะสี
ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการมีเชื้อของไข่
สำหรับอาหารนกยูง นอกฤดูการผสมพันธุ์เป็นอาหารที่กินเพื่อดำรงชีพเท่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีพลัง
งานมากนัก สามารถให้พืชหญ้าได้มาขึ้น จนเมื่อใกล้ฤดูผสมพันธุ์อีกจึงจะขุนนกยูงให้มีร่างกายสมบูรณ์
แต่ระวังอย่าให้อ้วนเกินไป
|