เพื่อนคนใหม่
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ อากาศสายแจ่มใส มีสายลมค่อย ๆ พัดกิ่งไม้อย่างช้า ๆ สรรพสิ่งทุกอย่างก็กำลังใช้ชีวิตกันอย่างปกติ ในเมืองปัจฉิมวิหคหักเหิน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศก็เช่นกัน ผู้คนในเมืองนี้ต่างยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติโชติ เด็กชายอายุ 14 ปี กำลังอ่านหนังสือในห้องส่วนตัวของตน แม่ได้เดินเข้ามาแล้วพูดว่า “นี่ โชติ ช่วยไปซื้อน้ำมันพืชมาให้แม่หน่อยสิ น้ำมันพืชบ้านเราหมดแล้ว” โชติตอบตกลงแล้วรับเงินจากแม่มา แล้วก็เดินออกไปจากบ้านทันที
ระยะทางจากบ้านถึงร้านขายของไม่ไกลมากนัก โชติกำลังรีบเดินอย่างเร็ว แต่ระหว่างทาง เขาก็ต้องพบกับ โจษน์และจัณฑ์ เพื่อนร่วมห้องของเขา
โจษน์พูดออกมาว่า”โอ้! ทำไมดวงเรานี่ทำไมต้องมาตรงกับคนอ่อนแออย่างแกด้วยเล่า ฉันเกลียดคนอย่างแก”
จัณฑ์เหลือบไปเห็นเงินที่โชติถืออยู่ จึงพูดว่า”ท่าทางกำลังรวยสินะ ส่งเงินมาให้พวกเราดีกว่า ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ซัก 10 บาทก็พอ”
โชติตอบไปว่า”ไม่ได้หรอก เพราะเงินนี้เราเอาไปซื้อน้ำมันพืชให้แม่ “
โจษน์เริ่มมีอารมณ์จึงพูดไปว่า”พูดไปก็ไม่ได้ความหรอก เห็นทีต้องใช้กำลังกันเสียแล้ว”
ทั้งคู่เลยต่างรุมไปต่อยโชติ แต่ไม่นานก็มีผู้ใหญ่เดินเข้ามาเห็น แล้วมาไล่ทั้งสองไป โจษณ์และจัณฑ์จึงหนีไป โชติรู้สึกเวียนหัวมาก แต่ก็รู้ดีว่าตนต้องไปซื้อน้ำมันพืชมา ไม่เช่นนั้นทั้งบ้านคงไม่ได้กินข้าวกันแน่ ๆ จะเดินกลับไปแล้วไปบอกให้แม่ไปซื้อมาแทนก็จะเป็นการรบกวนแม่เปล่า โชติจึงรีบเดินทางไปต่อ
ในที่สุดโชติก็ไปซื้อน้ำมันพืชแล้วกลับมาถึงบ้าน โชตินำน้ำมันพืชที่ไปซื้อมาไปให้แม่ แม่เห็นโชติมีรอยช้ำตามตัวจึงถามไปว่า”โชติ ไปทำอะไรมา ดูซิ มีรอยช้ำเต็มเลย” โชติจึงตอบไปว่า”ไม่เป็นไรหรอกครับ พอดีผมเผลอหกล้มอย่างแรง” แล้วโชติก็รีบเดินขึ้นห้องของเขา ไปนอนทันทีด้วยความเพลีย
วันรุ่งขึ้น โชติตื่นขึ้นมาแล้วไปทำบุญตักบาตรกับแม่ที่หน้าบ้านแล้วจึงเข้ามาอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว แล้วก็เดินทางไปโรงเรียน โรงเรียนของโชติชื่อ โรงเรียนวิหคหักเหินวิทยาคม เป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่นัก มีทั้งนักเรียนชายและหญิง ห้องเรียนห้องนึงจะมีนักเรียนอยู่ประมาณ 50 คน โชติเรียนอยู่ชั้นม.3/4 โชตินั่งอยู่แถวหน้าสุดของห้องเพราะคิดว่า การที่นั่งเรียนอยู่หน้าห้องนี้จะทำให้ได้รับประโยชน์จากการเรียนมากที่สุด เพราะสามารถฟังครูสอนได้อย่างชัดเจน โชติเป็นคนเงียบ ๆ จึงไม่ค่อยที่จะมีเพื่อนเท่าไหร่นัก จะมีเพื่อนสนิทก็เพียง 2 คน คือสุวัตน์และสุรินทร์
โชติเรียนไปตามปกติจนถึงเวลาพักเที่ยง นักเรียนทุดคนต่างเดินไปรับประทานอาหาร โชติก็เช่นกัน เขาเดินไปทางลัดที่ไม่ค่อยมีคนไปกัน ระหว่างทาง เขาเห็นโจษน์และจัณฑ์กำลังถูกพวกนักเลงม.5รุมต่อยอยู่ โชติเก็นดังนั้นจึงจะเข้าไปห้าม แต่ก็คิดว่าคงห้ามไม่สำเร็จ เขาจึงวิ่งกลับไปตามอาจารย์มาช่วย พวกนักเลงม.5จึงโดนสั่งสอนอย่างหนัก ส่วนโจษน์และจัณฑ์ก็เดินหนีไปอย่างอาย ๆ เพราะถูกโชติช่วยไว้
ในคาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ภาคบ่าย คุณครูได้สั่งให้นักเรียนจัดกลุ่ม 5 คนเพื่อทำงาน โชติและเพื่อนจับกลุ่มกันได้ 3 คนเท่านั้น เช่นเดียวกับโจษน์และจันฑ์ที่อย๋ด้วยกัน 2 คน โชติเห็นดังนั้นจึงเข้าไปชวนโจษน์และจัณฑ์มาเข้ากลุ่ม ทั้งคู่ก็ตอบตกลงอย่างอาย ๆ
เมื่อโรงเรียนเลิก โจษน์และจัณฑ์ก็เดินเข้ามาหาโชติ แล้วทั้งสามก็คุยกัน
โจษน์”ขอบคุณที่ช่วยเราตอนเที่ยงนะ ทำไมนายถึงช่วยพวกเราหละ ทั้ง ๆ ที่พวกเราก็แกล้งพวกนาย”
โชติ”เราไม่ได้คิดโกรธเกลียดพวกนายอะไรนี่ “
จัณฑ์”หา??? ทำไมหละ”
โชติ”ก็เราไม่ได้คิดพยาบาทต่อนายนี่ “
โจษน์”อืม… ถ้างั้น เรามาเป็นเพื่อนกันได้ไหม”
โชติ”ได้เสมอเลย”
จัณฑ์”เราขอให้สัญญาว่า ถ้านายเดือดร้อนอะไร พวกเราจะช่วยเหลือนาย และเราก็จะเลิกทำตัวเป็นคนเสเพลนะ”
โชติ”อื่ม งั้นฉันไปก่อนนะ บาย”
แล้วทั้งสามก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตน โชติรู้สึกดีใจที่เขาได้ทำให้โจษน์และจัณฑเปลี่ยนนิสัยได้รวมถึงเขายังได้เพื่อนใหม่อีกดน
ผลแห่งความพยายาม
วันนี้ การเริ่มต้นวันใหม่ของโชติก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เขาตื่นขึ้นมาตักบาตรแล้วเข้าไปทำธุระส่วนตัว ก่อนที่จะเดินทางไปโรงเรียน แต่ว่าวันนี้…… ในคาบเรียนวิชาพละศึกษา อาจารย์ที่สอนได้บอกว่า จะทำการสอบหกสูงในคาบเรียนหน้า โดยคนที่สอบไม่ผ่าน จะต้องถูกนำมาฝึกพิเศษทุกวัน โชติซึ่งฟังอยู่ก็รู้สึกกลัวทันที เพราะตนเองไม่เคยทำหกสูงสำเร็จ จึงนำเรื่องนี้ไปให้โจษน์และจัณฑ์ฟังโชติ”นี่ จะทำไงดี ในคายหน้าต้องสอบหกสูง เรายังทำไม่ได้เลย”
โจษน์”เราคิดว่านายควรต้องหมั่นฝึกซ่อมนะ”
จัณฑ์”พวกเราจะช่วยฝึกซ็อมนายเอง”
สุรินทร์”ใช่จ๊ะ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นนะ”
โชติ”งั้นตกลง เริ่มซ้อมเย็นวันนี้เลยนะ”
หลังโรงเรียนเลิก ทั้ง โจษน์ จัณฑ์ สุวัตน์ สุรินทร์ ต่างมายังลานเล่นที่โรงเรียน แล้วช่วยกันสอนโชติทำหกสูง แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไรก็ไม่สำเร็จ สุวัตน์จึงบอกว่า”เรามีเวลากันถึง 1 อาทิตย์ นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกเราจะช่วยนายทำหกสูงให้ได้ “ แล้วก็ฝึกโชติต่อไป
หลายวันต่อมา โชติก็ฝึกซ้อมทุก ๆ วัน แต่ยังคงทำไม่สำเร็จ จนมาถึงวันสุดท้ายก่อนสอบ
โชติก็พูดออกมาว่า “คงเป็นเพราะเราอ่อนแอ เราเลยไม่สามารถทำหกสูงได้ซักที ไม่ว่าจะซ้อมยังไงก็คงไม่มีประโยชน์” แต่โจษน์ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า”อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจไปสิ ที่นายซ้อมนี่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ ยังเหลือวันนี้อีกวันนึง นายไม่ต้องเป้นห่วงหรอก ยังไงพวกเราจะช่วยนายได้เอง” แล้วโชติก็เริ่มฝึกซ้อมต่อ ซึ่งผลของการฝึกซ้อมวันนี้ก็คือ……….
และแล้วถึงวันสอบ นักเรียนคนอื่น ๆ ต่างสอบผ่านกันหมด เหลือเพียงโชติ ซึ่งสอบเป็นคนสุดท้าย โชติเริ่มหกสูง เสียงนกหวีดดังขึ้น ชติสอบผ่านแล้ว โชติดีใจมาก เขาได้กล่าวขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ช่วยฝึกซ้อมให้เขา
บัดนี้โชติได้รู้แล้วว่า ถ้าเรามีความพยายามเสียอย่าง เราย่อมที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงได้ และก็รู้อีกอย่างว่าอย่าตัดใจจนถึงวินาทีสุดท้าย
โชติจะไปตั้งแคมป์
วันนี้ ทั้ง 5 คนกำลังปรึกษากันอยู่ โชติ”วันยุดนี้ เราไปตั้งแคมป์กันที่น้ำตกอินทรีบูรพากันไหม”ทั้ง 4 คนตอบตกลง และนัดพบกันเวลา 7.00 น. วันเสาร์ที่จะถึงนี้
เมื่อถึงวันเสาร์ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทันทีเมื่อเวลา 5.30 น. โชติรู้สึกกระปี้กระเป่าเป็นพิเศษ เขาตื่นขึ้นมาแล้วไปตักบาตรกับแแม่เช่นเคยก่อนท่จะกลับมาทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เขาลาแม่แล้วคว้ากระเป๋าที่เตรียมไว้เสร็จแล้วออกจากบ้านไปยังที่นัดทันที เพื่อไม่ให้ไปสาย
เมื่อทุกคนมาถึงพร้อมกันแล้ว ก็ทำการโบกรถไปยังน้ำตกอินทรีบูรพา แอล้วก็ไปถึงเมื่อเวลา 12.00 น. ทั้ง 5 คนได้เริ่มตั้งเตนท์และกินข้าวเที่ยงกัน และก็ไปชมน้ำตกอินทรีบูรพา
น้ำตกอินทรีบูรพาสวยมาก สายน้ำทอดยาวจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เสียงน้ำตกลงมากระทบหินดังกึกก้องไปทั่ว อากาศบริเวณนั้นเย็นสบายมาก ผู้คนต่างก็เดินทางมาดูน้ำตกนี้อย่างมากมาย หลังจากดูน้ำตกได้พักหนึ่งแล้ว โปรแกรมช่วงบ่ายต่อไปของการมาตั้งแคมป์ก็คือ การเดินสำรวจป่า
ระหว่างการสำรวจป่าทุกคนต่างเพลิดเพลินไปกับต้นไม้ต่าง ๆ ทันใดนั้นทั้ง 5 คนก็เห็นกระรอกตัวเล็ก ๆ น่ารักตัวหนึ่งกำลังกินอาหารอยู่ โจษน์และจัณฑ์เห็นดังนั้นก็อยากที่จะเก็บมาเลี้ยงจึงวิ่งไปเตรียมมาจับ แต่โชติก็ห้ามไว้แล้วบอกว่า “ไม่ได้นะ สัตว์พวกนี้กำลังใช้ชีวิตตามปกติของมัน เราอย่าไปรบกวนมันเลย บาปเปล่า ๆ”ทั้งหมดจึงเดินไปต่อ พอเดินทางไปได้สักพัก ทั้ง 5 ก็ต้องรู้สึกหดหู่ใจอย่างแรง เมื่อเห็นแมวตัวหนึ่งกำลังติดกับดักนอนดิ้นอยู่กับพื้น โชติสงสารแมวมากจึงรีบไปคลายกับดักออก แล้วปล่อยแมวไป โชติคิดว่า”ทำไมเราต้องไปทำร้ายสัตว์พวกนี้ด้วยทั้ง ๆ ที่มันก็อยู่ตามปกติของมัน ไม่ดีเลย โตขึ้น ฉันอยากจะเป็นสัตวแพทย์คอยช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้ให้ได้ ” แต่แล้ว เรื่องที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีเสือตัวหน่งเดินเข้ามาด้วยความหิวโหย ทั้ง 5 คนต่างตกใจมาก ทันใดนั้นสุวัตน์ก็คิดได้ว่าเสือมักจะกลัวไฟ จึงรีบหักกิ่งไม้แล้วจุดไฟเผาไม้เพื่อให้ไม้ติดไฟ เสือเห็นดังนั้นจึงรีบหนีไป หลังจากนั้นสติของแต่ละคนก็แตกซ่าน ทุกคนต่างกลัวสุดขีด สุรินทร์ก็พูดออกมาว่า”นี่ ทุกคน ตั้งสติกันหน่อยสิ ทำแบบนี้จะไปได้อะไรขึ้นมา เสือไปแล้วนะ สิ่งที่พวกเราควรทำตอนนี้ก็คือรีบ ๆ เดินทางกลับกันดีกว่า พยายามควบคุมอารมณ์กันไว้ หายใจเข้าออกลึก ๆ” เมื่อทุกคนสงบกันแล้ว ก็เดินทางต่อ โชติคิดว่าสัตว์ทุกชนิดต่างรักชีวิตของตน แม้แต่เสือที่กล้านักหนา ก็ยังต้องหนีไปเพราะกลัวไฟ ในเวลา 17.00 น. ทั้ง 5 คนก็กลับมาถึงที่พักด้วยความปลอดภัย ทั้งหมดได้กินข้าวเย็นกัน ในตอนกลางคืนทั้ง 5 คนก็ต่างเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้กันและกันฟัง แล้วก็เข้านอน
พอรุ่งเข้า ทั้ง 5 คนก็เดินทางกลับและมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย โชติคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ให้ประโยชน์เขาหลายอย่างมากมาย และที่สำคัญทำให้เขามองเห็นอนาคตของตัวเองแล้ว ซึ่งก็คือ สัตวแพทย์นั่นเอง
สอบเข้ามหาวิทยาลัย
วันเวลาผ่านไป จนทั้ง 5 คนอยู่ชั้นม.6 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการใช้ชีวิตที่โรงเรียนนี้ ทั้ง 5 คนก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม สภาพแวดล้อมในโรงเรียนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ในม.6นี้ ก็เป็นปีที่ทุก ๆ คนต่างต้องเร่งขยันเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย โชติและเพื่อน ๆ ก็เช่นกัน ต่างเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ สุรินทร์ซึ่งมีฐานะทางการเงินดีที่สุดในกลุ่ม พ่อแม่ของเธอได้ส่งเธอไปเรียนพิเศษยังสถาบันต่าง ๆ มากมาย เอาสารที่สุรินทร์ได้มา พวกโชติและที่เหลือก็จะขอยืมมาอ่านกัน โชติคิดว่า การที่ทั่ง 5 คนต่างช่วยเหลือกัน จนสามารถฟันฝ่ามาถึงชั้นม.6 นี้ และคราวนี้ก็คงเช่นกัน การช่วยเหลือกันของพวกเรา คงทำให้สามารถผ่านการสอบครั้งใหญ่นี้ได้โชติยังคงเป็นชาวพุทธที่ดีเหมือนเคย เขาทำบุญตักบาตรกับแม่ทุกวัน หมั่นทำตัวเป็นคนดี เขาก็ขยันอ่านหนังสือเช่นเดียงกับคนอื่น ๆ เพื่อที่จะไดเป็นสัตวแพทย์ตามที่เขาได้ใฝ่ฝันไว้ เขาอยากที่จะช่วยสัตว์ป่าให้พ้นความทุกข์ทรมาน เพื่อน ๆ ของเขาก็เช่นกัน ต่างก็ยึดพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ ทำให้ไม่ตกหลงในอบายมุขต่าง ๆ อย่างบางคน
ใกล้วันสอบเข้ามหาวิทยาลัยทุก ๆที โชติและเพื่อน ๆต่างก็ตั้งหน้าตั้งตากันอ่านหนังสืออย่างขะมักขะเม่น โชติยึดหลักว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับโชติ……..
10 วันก่อนที่จะสอบ แม่ของโชติได้เสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุบัตติเหตุ โชติเสียฝจมาก เขาพยายามสงบสติอารมณ์เป็นเวลาหลายวัน โชติคิดว่าทั้ง ๆ ที่แม่ของเขาก็เป็นขาวพุทธที่ดีแล้ว คอยทำบุญเป็นประจำ แต่ทำไมเขาถึงต้องจากโลกนี้ก่อนวัยอันควร เขานึกถึงคุณแม่ผู้ซึ่งคอยให้ความช่วยเหลือเขาเป็นเวลาหลายวัน งานศพของแม่ได้จัดขึ้นอย่างไม่ใหญ่โตมากนักตามกำลังทรัพย์ของเหล่าญาติ ๆ งานศพครั้งนี้ เพื่อน ๆ ของโชติได้มาให้ความช่วยเหลือด้วย ทำให้ไม่ต้องเปลืองค่าใช้จ่ายมากนัก งานศพจบไปด้วยความราบรื่น
แต่ปัญหาหนักต่อจากนี้ก็คือ การเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งโชติเสียเวลาไปมากจากงานศพของแม่ แต่การตายของแม่เขาทำให้เขามีความพยายามมากขึ้น
โชติมีความพยายามอย่างมาก และแล้วก็ถึงวันสอบ โชติและเพื่อน ๆ ต่างก็เตรียมตัวกันมาอย่างดี โชติเครียดมาก เมื่อสอบเสร็จ เขาพยายามหาทางผ่อนคลายด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งเล่นกีฬา นั่งสมาธิ รวมถึงการไปวัดด้วย
และแล้ววันประกาศผลสอบก็มาถึง โชติและเพื่อน ๆ อีก 4 คน ต่างก็มารวมตัวกันเพื่อไปดูผลสอบพร้อมกัน ทั้ง 5 คนสามารถสอบผ่านได้ทั้งหมด โจษน์และจัณฑ์สอบได้คณะวิจิตรศิลป์ สุวัตน์สอบได้คณะพละศึกษา สุรินทร์สอบได้คณะแพทยศาสตร์ ส่วนโชติ เขาสามารถสอบได้คณะสัตวแพทย์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทางเดินของแต่ละคน
10ปีต่อมา มิตรภาพของทั้ง 5 คนก็ไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าจะเรียนจบกันแล้วและแยกย้ายกันไปตามทางของตน แต่ก็ยังติดต่อหากันอยู่เสมอ โจษน์และจัณฑ์ได้เป็นจิตรกรวาดภาพประจำรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง รูปภาพที่พวกเขาวาดนั้นสวยงามยิ่งนัก เขามีความสุขในอาชพของเขามาก ได้วาดรูป คอยสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ทั้งคู่ต่างคิดถึงโชติเสมอ ผู้ซึ่งทำให้เขาได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะถ้าเขาไม่ได้พบกับโชติ ป่านนี้เขาคงเป็นคนสิ้นอนาคตอย่างแน่แท้สุวัตน์ได้เป็นอาจารย์สอนวิชาพละศึกษาอยู่ที่โรงเรียนวิหคเหิน โรงเรียนเก่าของเขานั่นเอง เขาเข้าใจนักเรียนเป็นอย่างดี ถึงการทำบางอย่างไม่ได้ เพราะเขาเคยเห็นโชติเป็นตัวอย่างแล้ว เขาจึงสอนให้นักเรียนทุกคนพยายามขยันซ้อมบ่อย ๆ เพื่อที่จะสามารถทำได้นั่นเอง
สุรินทร์ก็ฝ่าฟันเรียนจบและได้เป็นแพทย์สมใจ เขาได้เป็นหมอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง รวมถึงยังได้เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยที่เธอจบมา มีลูกศิษฐ์นับถือหลายคน ชีวิตของเธอก็สุขสบาย รายได้สูง เธอมีความสุขมากที่ได้ช่วยผู้ป่วย
ส่วนโชติก็ได้เป็นสัตวแพทย์สมใจอยาก เขาได้เป็นหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ คอยช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บหรือป่วย เขามีความสุขในอาชีพของเขามาก เขาคิดว่าการช่วยเหลือสัตว์ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง ซึ่งตรงกับหลักธรรมทางศาสนาพุทธที่ให้เราคอยช่วยเหลือผู้อื่น
โชติยังคงปฏิบัติตัวตามที่แม่ของเขาได้สอนไว้ รายได้ที่เขาได้มาอยู่ในระดับปานกลาง เขานำรายได้ที่ได้ไปใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ เขาไม่เคยใข้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเลยแม้แต่นิด เขาคอยเก็บสะสมเงินไปเรื่อย ๆ เพื่อนำไปใช้ยามเจ็บไข้หรือเมื่อเกิดเหตุที่เราคาดไม่ถึง
ด้านการงานโชติก็ขยันเป็นอย่างมาก เขามีความรับผิดขอบจนได้เป็นหัวหน้าหน่วยงาน เป็นที่ยกย่องไปทั่ว แต่เขาก็ไม่เคยหลงตัวเองแม้แต่นิด เขายังคงหาเวลาไปวัดบ่อย ๆ เพื่อไปทำบุญอยู่เสมอตามกำลังเงินของตน
บัดนี้โชติคิดว่าเขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้นี้ เป็นเพราะความพยายามของตนเองและการได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ที่ดีทั้งหลาย ทั้ง โจษน์ จัณฑ์ สุวัตน์ สุรินทร์ ซึ่งเขาจะไม่ลืมเพื่อนเหล่านี้เลย สืบนานตราบเท่านาน
จบ