C o m f o r t
Author J. Marie/Askani'daughter
Author's E-mail newloverboys@yahoo.com
Homapage http://www.loverboys-blue.com
Translator เถ้าใบไม้
Disclaimer All of these character are owned by J.R.R.TOLKIEN; THE LORD OF THE RINGS
Rating NC-17
Thanks ขอบคุณคุณ Zerbirus ที่ช่วยขัดเกลาสำนวนให้ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
เรื่องนี้แปลโดยได้รับอนุญาติจากผู้แต่งเรียบร้อยแล้ว หากท่านต้องการอ่านต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ ท่านสามารถเข้าไปอ่านได้ที่
http://www.fanfiction.net

 

เขาต้องการการปลอบโยน

เขาต้องการใครสักคนที่จะโอบกอบเขา ต้องการเขา ที่จะสัมผัสเขา

เขาต้องการที่จะเป็นที่ปรารถนา


ชื่อของเขาคืออารากอร์น บุตรแห่ง อาราธอร์น แต่พวกมนุษย์และพวกฮอบบิตเรียกเขาว่า สไตร์เดอร์ ในขณะที่พวกพวกพรายเรียกเขาว่า เอสเทล

บัดนี้ชายหนุ่มกำลังมองดู อาร์เวน นางอันเป็นที่รักของเขาอำลาไปสู่ที่พักแห่งบิดานาง ในมือของชายหนุ่มมีสร้อยคอที่นางมอบให้ สัญลักษณ์แห่งชีวิตนิรันดร์ที่นางจะสละทิ้งได้เพียงเพื่อ จะได้ผูกพันธ์กับเขา หากแต่บิดาของนางตั้งข้อแม้ว่า จะไม่มีการแต่งงานระหว่างทั้งสองจนกว่า ชายหนุ่มจะได้เป็นกษัตริย์

หากแต่ สไตร์เดอร์ ไม่ปรารถนาที่จะเป็นกษัตริย์ เขาเลือกที่จะหันหลังให้กับเส้นทางนั้น ขณะนี้เขาขอเป็นแค่เพียง สไตร์เดอร์
เพราะอารากอร์น นั้นอ่อนแอเกินไปสำหรับช่วงเวลานี้ และแม้แต่ การเป็นเอสเทล ก็ยังนำความเจ็บปวดมาสู่เขา

ร่างของอาร์เวนลับหายไปจากสายตาของเขา สไตร์เดอร์จึงหันหลังกลับ ก้าวเดินไปอย่างไร้จุดหมาย
หัวใจของชายหนุ่มยังครุ่นคิดถึงนาง หญิงอันเป็นที่รัก ผู้ซึ่งอยู่ใกล้เขาเหลือเกิน เขาปรารถนาที่จะสัมผัสตัวนาง ปรารถนามากกว่า รอยจุมพิตพิสุทธิ์บางเบา ปรารถนาให้นางสัมผัสเขา ต้องการรู้ว่านางเองก็ปรารถนาในตัวเขาเช่นกัน เขาต้องการสัมผัสความรักทั้งหมดในหัวใจนาง

ชายหนุ่มสวมสร้อยคอที่อาร์เวนมอบให้ เขาตระหนักถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้างในใจเขา ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาถวิลหาความรัก การปลอบโยน เขาต้องการปลดปล่อยความปรารถนาที่ถูกกดเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจ แต่ทว่าอาร์เวน นางสูงส่งเกินไป เขารักและให้เกียรตินาง มากเกินกว่าจะลดค่าของนางด้วยความปรารถนาเยี่ยงนั้น แต่ความเจ็บปวดในตัวเขามิได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
เขาโหยหาอ้อมแขนที่จะโอบกอดเขาไว้ ริมฝีปากที่ปลอบประโลมเขา ประทับแนบกับใบหน้าของเขา มันมิใช่เพียงความปรารถนาในร่างกาย หากแต่เขาปรารถนาที่จะถูกรัก

เท้าของเขาพาตัวเขามาถึงในสวนแห่งหนึ่งที่งดงามเหมือนภาพฝัน ไอน้ำจากบ่อน้ำอุ่นนั้นโรยตัวอยู่เรี่ยผิวน้ำอย่างเงียบๆ เขาแปลกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังในสวนแห่งนั้น ร่างโปร่งของพรายหนุ่มยืนอยู่ริมบ่อน้ำ พรายตนนั้นผินหน้าที่ล้อมรอบด้วยเส้นผมสีอ่อนนั้นมาทางชายหนุ่ม เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา

"สวัสดี อารากอร์น" น้ำเสียงที่แผ่วพริ้ว เหมือนเสียงดนตรีนั้นทักทายเขา เลโกลัสเจ้าชายพรายผู้มีฝีมือในเชิงธนูที่ยากจะหาผู้ใดเทียบได้ ภาพที่เขาได้ช่วยชีวิตของเลโกลัสเมื่อหลายปีก่อน เด่นชัดขึ้น ในความทรงจำของเขา และพรายหนุ่มผู้นี้เองก็เป็นผู้ทีช่วยชีวิตเขาไว้ในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก เลโกลัสเป็นผู้ที่สไตร์เดอร์รู้ดีว่าเขาจะสามารถวางใจได้เสมอเท่าวางใจในตัวเอง ถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันเป็นเวลาหลายปีแล้วก็ตาม
เลโกลัสเป็นหนึ่งใน พรายจำนวนน้อยที่ไม่ได้เรียกเขาว่าเอสเทล ซึ่งแปลว่า ' ความหวัง ' บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า สไตร์เดอร์ไว้ใจเลโกลัสมากพอที่จะให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา

เสียงผ้าที่เลื่อนลงกองอยู่บนพื้นนั้นดึงให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นจากภวังค์ เพื่อที่จะเห็นร่างเปลือยเปล่าของเลโกลัสค่อยๆก้าวลงไปในน้ำ
พวกพรายไม่เคยที่จะหยุดทำให้เขาพิศวง พรายไม่มีความเขินอายในร่างเปลือยของตนเอง สิ่งมีชีวิตที่สวยงามนี้ เป็นพวกที่เปิดใจเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติมากที่สุดพวกหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้สไตรเดอร์ ตกหลุมรักในชีวิตของชนเผ่าที่งดงามนี้

"ดูเหมือนท่านจะมีเรื่องกลุ้ม อารากอร์น" เลโกลัสพูดอย่างเคร่งขรึม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นจ้องตรงมาที่ชายหนุ่ม
"คงจะเป็นเช่นนั้น เลโกลัส" สไตร์เดอร์ถอนหายใจยาว สายตาของเขาไล่ไปตามเส้นสายอันนุ่มนวลบนร่างของพรายหนุ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มจ้องมองร่างเพรียวแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เส้นผมสีอ่อนระเรี่ยอยู่กับผิวน้ำ

พราย เป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามที่สุดในหมู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เขาเคยได้พบมา
เขาไม่เคยคิดว่าจะมีชายใดที่เหมาะสมกับคำว่างดงาม แต่นั่นก่อนที่เขาจะได้พบกับ เลโกลัส สไตร์เดอร์ไม่สามารถหาคำใดมานิยามพรายหนุ่มผู้นี้ได้นอกเหนือไปจากคำๆนั้น เลโกลัสช่างงดงามนัก

"นางปฎิเสธความรักของท่านกระนั้นหรือ?" น้ำเสียงที่มีท่วงทำนองดุจเสียงดนตรีนั้น เอ่ยถามเขาเบาๆ เลโกลัสใช้สองมือวักน้ำไว้แล้ว ค่อยๆรินรดลงบนร่างของเขา สไตร์เดอร์แปลกใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงเอาแต่ยืนอยู่บนฝั่งจ้องมองเลโกลัสอาบน้ำ เหมือนกับว่าเขาเป็นคนไร้สติเช่นนั้น บางทีเขาอาจจะรับทัศนคติของพวกพรายมามากเกินไปก็เป็นได้

"ตรงกันข้าม นางตอบรับความรักของข้าอย่างแน่วแน่ มั่นคงนัก" สไตร์เดอร์กล่าว เขาขมวดคิ้วน้อยๆ และหลับตาลง ภาพของ อาร์เวน แจ่มชัดขึ้นมา มันช่างทำให้ใจเขาเจ็บปวดรวดร้าว ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง และพบว่าตัวเขาไม่อาจละสายตาไปจากร่างเพรียวที่มีหยาดน้ำเกาะพราวของพรายหนุ่มได้เลย

"ถ้าเช่นนั้นคงจะเป็นบิดาของนางที่กีดกันความรักของท่านกระมัง ?" เลโกลัสถามต่อ เหมือนกับพวกเขากำลังนั่งจิบน้ำชาคุยกันอยู่ โดยที่ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งเปลือยเปล่า และมีอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ในทุกอิริยาบทกระนั้น
"แต่ข้าเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่บิดาของนางกล่าว นางไม่สมควรที่จะอยู่กับสไตร์เดอร์ พรานป่าต่ำศักดิ์ และนางไม่สมควรแม้แต่น้อยที่จะอยู่ร่วมกับผู้ที่มีสายเลือดอันอ่อนแอเช่น อารากอร์น" ชายหนุ่มพูดอย่างขมขื่น ความพยายามที่จะปิดบังความขื่นขม และเจ็บปวดของเขาไม่เป็นผล

"ท่านช่างตีค่าตัวเองต่ำต้อยนัก อารากอร์น ตัวท่านต่างหากที่เป็นผู้กีดกันความสัมพันธ์ ของท่านเอง ช่างน่าอายนักเพราะ ท่านหญิงอาร์เวนคงไม่ได้ตีค่าท่านเช่นที่ท่านตีค่าตัวเอง" เลโกลัสกล่าวอย่างเคร่งขรึมดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นจ้องนิ่งที่ชายหนุ่ม
"ข้าหวังให้นางคิดเช่นนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นเสมือนยาแก้พิษร้าย ในใจข้า นางทำให้ข้ารู้สึกมีค่านัก" ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เขาเบือนหน้าหนีจากสายตาที่จ้องมองเขาเหมือนจะแทงทะลุเข้าสู่หัวใจเขา

"ท่านมีค่า อารากอร์น ท่านคิดว่าข้า จะหยิบยื่นมิตรภาพของข้าให้กับผู้ที่ไม่เหมาะสมกระนั้นหรือ ท่านคิดหรือว่า สุจริตชนทั้งหลายจะหยิบยื่นมิตรภาพอันงดงามของเขาให้กันคนที่ไม่คู่ควรกระนั้นหรือ? ท่านช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ เช่นเดียวกับที่ข้าช่วยท่าน หากข้าเป็นชาวกอนดอร์ ข้าจะสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านได้อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย" เลโกลัสพูดเรียบๆ หากแต่ความจริงใจในน้ำเสียงนั้นทำให้สไตร์เดอร์นิ่งอึ้ง

"ข้า……" คำพูดต่างๆดูเหมือนจะหลุดหายไปในลำคอแห้งผากของเขา ชายหนุ่มกระพริบตาช้าๆ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากปากของเลโกลัส

ในความเงียบระหว่างทั้งสองนั้น มีเพียงเสียงน้ำกระเพื่อมเบาๆจากการเคลื่อนไหวของพรายหนุ่ม
ชายหนุ่มเพลิดเพลินไปกับภาพตรงหน้าเขา เส้นผมสีทองยาว ถักเป็นเปียทัดไว้ที่สองข้างปลายหูแหลม ดวงหน้างดงามที่เผยให้เห็นความงามทั้งจากภายในและภายนอกร่างโปร่งเพรียวที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ความว่องไวปราดเปรียวและสง่างามหยิ่งทะนง ดังเช่นแมวป่า ริมฝีปากได้รูปที่ดูนุ่มนวล ดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย และความล้ำลึกในดวงตาคู่นั้นเองที่ทำให้ชายหนุ่มหยุดสายตาของเขาไว้

เมื่อชายหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแห่งพราย ความรู้สึกมันที่เปี่ยมล้นอยู่ภายในก็คือ การปลอบประโลม

"มันไม่ใช่ความผิดที่จะเป็นอารากอร์น เขาเป็นคนที่ มีจิตใจดี มีความปราดเปรื่อง ถึงแม้ว่าเขาจะมีความอ่อนแออยู่ในตัว หากแต่เขาแตกต่างจากผู้อื่นในการที่เขายอมรับความอ่อนแอของตนเอง แต่เขายึดติดกับความอ่อนแอนั้นมากจนเกินไป เขาถือมันไว้ และเคร่งเครียดเสียจนไม่เห็นสิ่งที่ ข้าเห็นจากตัวเขา แม้กระทั่งสิ่งที่ท่านหญิงของเขาเห็นจากตัวเขา"
น้ำตาเอ่อท้นขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม แต่เขาสะกดกลั้นมันเอาไว้ "ข้ามองเห็นความเศร้าโศกในตัวท่าน อารากอร์น" พรายหนุ่มเว้นระยะเล็กน้อยก่อนที่จะ พูดต่อ

"ข้ามีเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆเท่านั้นที่จะสามารถหยิบยื่นเพื่อที่จะปลอบโยนท่านได้ อารากอร์น สิ่งที่ข้าสามารถมอบให้ท่านได้ ข้าจะให้อย่างไม่มีข้อแม้" พรายหนุ่มผินหน้ามาทางเขา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจของเลโกลัสทำให้ ชายหนุ่มรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ

อารากอร์น บางทีเขาอาจจะเป็นอารากอร์นได้อีกครั้งในยามนี้ เพื่อที่จะระบายความเจ็บปวดออกไปจากหัวใจของเขา

"ท่าน…จะ…ช่วย…ให้ข้าลืม?" อารากอร์นถาม ไม่ละสายตาจากดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้น ความรู้สึกประหลาดบางอย่างระริกวูบไหวอยู่ในดวงตาของพรายหนุ่ม รอยยิ้มอ่อนโยนระบายอยู่บนริมฝีปากบางได้รูป

"ข้าสามารถเสนอความสุขจากร่างกายของข้าให้ท่านได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงการเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บในหัวใจ และวิญญาณท่านได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะผู้ที่จะช่วยลบล้างมันออกไปจากใจของท่านได คือท่านหญิงของท่านเพียงผู้เดียว " เลโกลัสจ้องใบหน้าเข้มของชายหนุ่ม

"แต่ในเมื่อท่านยังไม่พร้อมสำหรับนาง ข้าก็จะให้การปลอบโยนจากข้าเป็นการทดแทน ณ ยามนี้อารากอร์น " พรายหนุ่มพูดเบาๆ

อารากอร์นหลุบตาลงต่ำอย่างครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะเปลื้องเครื่องแต่งกายของเขาออก ชายหนุ่มเลื่อนกายลงไปในน้ำ ก้าวช้าๆไปยังตำแหน่งพรายยืนอยู่ แต่เขายังคงหลบสายตาพรายอยู่เช่นนั้น

มือเย็นนุ่มของพรายวางลงบนไหล่สองข้างของชายหนุ่ม ลมหายใจผะผ่าวสัมผัสผิวหน้าของเขาเมื่อพรายหนุ่มเข้ามาใกล้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด อารากอร์นเกร็งเล็กน้อย เขาไม่คุ้นเคยกับการถูกสัมผัส หรือการอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่นเช่นนี้

เลโกลัสนวดคลึงหัวไหล่ของชายหนุ่มอย่างนุ่มนวล "ท่านเคย…กอดใครนอกจากท่านหญิงของท่านบ้างไหม?" พรายหนุ่มถามเสียงแผ่วจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ

"ข้าไม่เคยแตะต้องนาง ข้ารักนางมากเกินไป..…แต่ข้าก็เคยผ่านสตรีมาบ้าง…ครั้งหรือสองครั้ง แต่…." อารากอร์นยักไหล่ เขารู้สึกอึดอัด ขัดเขินกับคำถามนั้น "มนุษย์…ช่างแปลกนัก…แค่ครั้งหรือสองครั้ง…แล้วก็กับแค่ผู้หญิงเท่านั้น?" พรายหนุ่มหัวเราะเบาๆอย่างขบขัน นัยน์ตาพรายวาววับ
"พวกเราคงไม่เปิดใจกว้างเหมือนเช่นพวกพราย อาจเป็นเพราะช่วงชีวิตของเรานั้นสั้นกว่าพวกพรายมากนัก" อารากอร์นยักไหล่อีกครั้ง
พร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ ชายหนุ่มหวนนึกไปถึงเมื่อครั้งแรกที่เขาค้นพบว่าพวกพรายมีความผาดโผนในเรื่องความรักมากขนาดไหน เขาทั้งตกใจและประหลาดใจไปพร้อมๆกัน ส่วนใหญ่มักจะไม่จำกัดตนเองกับเพียงเพศเดียว บางครั้งอาจจะเรียกได้ว่าสำส่อนตามมาตรฐานของมนุษย์
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงนางอันเป็นที่รักของเขา อาร์เวนจะเคยผ่านประสบการณ์ความรักมากับใครบ้างหรือไม่ในช่วงชีวิตของนาง ก่อนที่จะมาเจอกับเขา

ปลายนิ้วเรียวแตะแผ่วๆลงบนริมฝีปากที่เม้มแน่นของชายหนุ่ม เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใส
"ท่านขมวดคิ้ว ท่านกำลังสงสัยท่านหญิงของท่าน….มนุษย์ยึดติดกับความบริสุทธิ์มากเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม ท่านหญิงของท่านเป็นถึงธิดาของท่านเอลรอนด์ นางมิได้รับการอนุญาตให้มีอิสระในเรื่องความรัก ต่างจากพวกเรา นางบริสุทธิ์ผุดผ่อง มิมีมลทินใดๆ นางเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับท่าน อารากอร์น" เลโกลัสพูดเบาๆ ความรู้สึกบางอย่างไหววูบผ่านดวงตาของพรายหนุ่ม และจางหายไปอย่างรวดเร็ว

"ท่านอ่านใจข้า?" อารากอร์นถามอย่างแปลกใจที่เลโกลัสรู้ถึงความคิดของเขา "ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น ท่านเอาหัวใจของท่านติดไว้บนแขนเสื้อ อารากอร์น ดังเช่นที่มนุษย์มักจะพูดกัน" เลโกลัสยักไหล่ อิริยาบทนั้นช่างดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด

อารากอร์นพบว่ามันช่างยากนักที่จะละสายตาจากพรายหนุ่ม

"ท่านเองก็เอาหัวใจของท่านไว้บนใบหน้า…และใบหน้าของท่านนั้นก็ช่างสวยงามนัก" อารากอร์นกระซิบ รวบรวมความกล้าเอื้อมมือข้างหนึ่งไปสัมผัสแก้มของพรายหนุ่ม สัมผัสความนุ่มนวลอย่างน่าพิศวง เลโกลัสหลับตาลง ดวงหน้าของเขาดูเกือบจะเป็นเศร้า จนอารากอร์นเกือบจะดึงมือของเขาออก แต่พรายหนุ่มคว้ามันไว้ และกดมันให้แนบประทับกับใบหน้าของตน

อารากอร์นยืนมองใบหน้าที่ดูสงบนิ่งของพราย พึงใจในความรู้สึกที่ระบายบนใบหน้างดงามนั้นอย่างเงียบๆ เพียงครู่หนึ่งเลโกลัสก็ลืมตาขึ้น รอยยิ้มน้อยๆระบายบนริมฝีปากได้รูป เขาโน้มตัวเข้าไปแนบริมฝีปากนุ่มนั้นกับริมฝีปากของชายหนุ่มที่เผยอรับ อารากอร์นหลับตานิ่ง มันเป็นความรู้สึกที่แปลก แตกต่างจากจุมพิตที่เขาได้รับจากอาร์เวน ชายหนุ่มสัมผัสถึงบางสิ่งที่แฝงอยู่ในจูบนี้ ความกระหาย โหยหาที่อารากอร์นไม่เคยปล่อยให้มันหลุดออกมาเมื่อเขาอยู่กับอาร์เวน ถึงแม้เลโกลัสจะเป็นพราย เขาก็ยังเป็นชาย แต่ทว่าสิ่งนั้นมันไม่มีความหมายอะไรกับจูบนี้ มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิต สอง ชีวิตที่มอบสัมผัสให้กันอย่างเต็มไปด้วยความหลงใหล ริมฝีปากที่แนบสนิทแน่น ปลายลิ้นที่สอดประสาน กับความรู้สึกที่เร่าร้อน รุนแรงขึ้นในทุกห้วงลมหายใจ

ทั้งคู่ถอนริมฝีปากออกจากกันช้าๆ ลืมตาขึ้นประสานสายตากับอีกฝ่าย เลโกลัสยิ้มน้อยๆ" ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บความรู้สึกของท่านกับข้า อารากอร์น สิ่งที่ข้าเสนอให้ เป็นของท่านทั้งหมด…..หากท่านปรารถนา" พรายหนุ่มกระซิบ

"ข้าปรารถนา…." อารากอร์นกระซิบตอบ โอบรั้งพรายหนุ่มให้เข้ามาใกล้ แนบประทับริมฝีปากของเขากับริมฝีปากนุ่มอุ่น ถ่ายทอดความเจ็บปวดและความปรารถนาของเขาไว้ในจูบนั้น เลโกลัสตอบสนองสัมผัสนั้นอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน แขนเรียวยกขึ้นโอบไหล่กว้างของชายหนุ่ม ทั้งคู่ต่างแนบร่างของตนเข้าชิดกับอีกฝ่าย ความปรารถนาที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นจากร่างบางในอ้อมแขนของชายหนุ่มนั้นทำให้เขาแปลกใจ

เป็นเวลานานมากเหลือเกินจากครั้งสุดท้ายที่เขาได้รับการสัมผัสจากผู้อื่น หากแต่ในสัมผัสเหล่านั้นไม่มีการปลอบประโลม ไม่มีจูบที่ดูดดื่ม ไม่มีอ้อมแขนที่โอบกอดรอบตัวเขา ชายหนุ่มปล่อยให้นิ้วของเขาเลื่อนลงไปตามส่วนโค้งบนแผ่นหลังของพราย มือแกร่งสัมผัสผิวนุ่มราวกับใยไหมนั้นอย่างพึงใจ

ร่างของพรายหนุ่มสั่นระริกกับสัมผัสนั้น "ข้าคิดว่าท่านค่อนข้างเก่งทีเดียว ในเรื่องเช่นนี้ ถึงแม้ท่านจะบอกว่าท่านมีประสบการณ์น้อยนัก" เลโกลัสกระซิบแผ่วๆ น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความขบขัน อารากอร์นประหลาดใจว่าทำไมพวกพรายช่างเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องน่าขบขันไปเสียหมด

มือเรียวเย็นของเลโกลัสเลื่อนไล้ลูบแผ่นหลังกว้างแกร่งของอารากอร์นอย่างแผ่วเบา หากแต่ทุกสัมผัสนั้นทำให้ชายหนุ่มสั่นสะท้าน อารากอร์นครางแผ่ว ร่างกายของเขาค่อยๆตื่นขึ้นกับสัมผัสที่แผ่วเบาราวกับขนนกของพราย ชายหนุ่มก้มลงจูบริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เผยอรอเขาอยู่ ปลายลิ้นอุ่นซอกซอนค้นหา ราวกับจะปล้นเอาความหวามไหวจากริมฝีปากของพรายทั้งหมดมาเป็นของเขา

เลโกลัสตอบสนองจูบนั้นอย่างหิวกระหายไม่แพ้กัน มือเรียวของพรายหนุ่มรั้งเอวอารากอร์นให้ตามเขาไปที่ริมขอบบ่อน้ำ มือของชายหนุ่มลูบไล้อยู่บนส่วนโค้งได้รูปของแผ่นหลังนวลเนียนของอีกฝ่าย ริมฝีปากของเขายังคงไม่ถอนออกจากริมฝีปากนุ่ม
หากแต่เลโกลัสเป็นฝ่ายถอยหนีจากริมฝีปากเร่าร้อนนั้น เขาดิ้นหลุดจากวงแขนแกร่งของอารากอร์นแล้วขึ้นจากบ่อน้ำอุ่น ชายหนุ่มครางออกมาอย่างขัดใจเมื่อถูกพรากออกจากสัมผัสของร่างบาง เขาเอื้อมมือไปหวังที่จะรั้งตัวพรายหนุ่มไว้ หากแต่เลโกลัสว่องไวเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะคว้าไว้ได้ทัน

เลโกลัสเหลียวมาส่งสายตาเชื้อเชิญมาให้ชายหนุ่ม รอยยิ้มยั่วยวนนั้นกระตุ้นให้อารากอร์นรีบก้าวขึ้นจากน้ำตามมาทันที พรายปราดไปที่กองสัมภาระของเขาพลางดึงเสื้อคลุมออกมาสะบัดแผ่ออกบนพื้น ชายหนุ่มคว้าเสื้อคลุมของตนเองสะบัดออกปูทับลงไปอีกชั้น ก่อนจะรั้งเอวบางของพรายหนุ่มเอาไว้จากด้านหลัง อ้อมแขนแกร่งกอดรั้งให้แผ่นหลังเปลือยเปล่าแนบชิดกับแผ่นอกกว้างของเขา ริมฝีปากอุ่นลากไล้ไปตามหยดน้ำที่เกาะพราวบนลำคอระหง มือแกร่งเคล้นคลึงบนแผ่นอกเรียบเนียนของเลโกลัส

"งดงามเหลือเกิน" อารากอร์นพึมพำเบาๆที่ข้างหูของเลโกลัส ริมฝีปากร้อนผ่าวแนบชิดใบหูบางนั้น ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียปลายหูแหลมนั้นอย่างหลงใหล
เลโกลัสสะดุ้งเฮือก!ในอ้อมแขนแกร่ง ลมหายใจของพรายหนุ่มกระตุกขาดห้วง อารากอร์นถอยออกห่าง เขาจ้องมองร่างบางนั้น "ข้าทำให้ท่านเจ็บรึ?" ชายหนุ่มถามอย่างห่วงใย "ไม่…ตรงนั้น…มันไวต่อสัมผัสมาก….ท่านรู้ไหมว่ามันเป็นจุดที่ไวต่อการกระตุ้น?" พรายหนุ่มหอบหายใจแผ่วๆ ร่างกายของเขาตื่นตัวเต็มที่แล้วในขณะนี้
อารากอร์นกระพริบตาปริบ เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ
"ตอนนี้ ข้ารู้แล้ว" ชายหนุ่มโอบรั้งให้เลโกลัสค่อยๆเอนตัวลง ขณะที่ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียไปทั่วใบหูแหลมนั้น เรียกเสียงครางจากร่างบางที่บิดกายด้วยความเสียวซ่านอยู่ในอ้อมอกของเขา

"น่าสนใจ" อารากอร์นหัวเราะเบาๆในลำคอ เขาจดจำความรู้ใหม่ที่เขาได้ค้นพบเกี่ยวกับพรายไว้ในใจของเขา เลโกลัสผลักแขนของชายหนุ่มที่โอบรั้งร่างของเขาออก แล้วเอนตัวลงนอนราบบนเสื้อคลุมที่ถูกปูรอไว้ และดึงร่างสูงให้ขึ้นมาทาบทับอยู่บนตัวเขา
"ท่านแกล้งข้า" เลโกลัสกระซิบแผ่ว คลอเคลียริมฝีปากของเขากับคางที่รกครึ้มไปด้วยเคราของชายหนุ่ม พรายไม่มีหนวดเคราบนใบหน้าดังเช่นมนุษย์ และดูเหมือนเลโกลัสจะพบว่ามันมีเสน่ห์มากทีเดียว

"แกล้ง?…" อารากอร์นถาม พลางเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เขาขยับตัวให้ร่างของเขาแนบชิดกับร่างบางของพรายหนุ่มมากขึ้นอีก

เลโกลัสเอื้อมมือหนึ่งขึ้นสอดลูบเส้นผมหยักศกหนาของชายหนุ่ม ดวงตานั้นมีแววพิศวงเมื่อเขาใช้ปลายนิ้วจับเส้นผมสีเทาเส้นหนึ่งขึ้นมา "ทำไมผมของท่านจึงมีสองสี?" เขาถามและหลับตาลงเมื่ออารากอร์นก้มลงแนบริมฝีปากกับซอกคอของเขา
"ที่เป็นสีเทา จะเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์มีอายุมากขึ้น แต่สำหรับข้ามันเกิดขึ้นเร็วกว่าคนอื่น คงจะเป็นเพราะเวทมนตร์ของพวกพรายกระมัง?" อารากอร์นหัวเราะเบาๆอย่างประหลาดใจในความไร้เดียงสาของพรายที่มีอายุกว่าสองพันปีในอ้อมกอดของเขา ใบหน้างามของพรายหนุ่มเต็มไปด้วยความสับสน "ข้าไม่เคยรู้จักเวทมนตร์ใดๆของพรายที่จะสามารถเปลี่ยนสีผมได้" เขาพูดอย่างจริงจัง อารากอร์นชะงักการสัมผัสของเขา และหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เขาจ้องดวงตาใสของพราย

"ข้าล้อเล่นเท่านนั้น เลโกลัส" ชายหนุ่มยังคงหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะก้มลงปิดริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากของเขา
"อ้อ" เลโกลัสยักไหล่น้อยๆ และเผยอปากรับปลายลิ้นอุ่นที่แทรกสอดเข้ามาในริมฝีปากของเขา ปลายลิ้นนุ่มแตะหยอกล้อกันและกัน ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างทั้งคู่อีกครั้ง อารากอร์นพลิกตัวไปด้านข้างพร้อมกับรั้งร่างบางของพรายหนุ่มให้พลิกตามมาทำให้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน เลโกลัสตวัดขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบนขาของอารากอร์น มือทั้งสองข้างค่อยๆนวดเฟ้นที่กล้ามเนื้อแกร่งของสะโพกของชายหนุ่ม
"แปลกนัก" เลโกลัสรำพึง เมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกโลมไล้ไหล่นวลของพราย
"อะไรแปลกหรือ?" อารากอร์นถาม
"สัมผัสของเส้นผมที่หน้าของท่านบนผิวของข้า" พรายหนุ่มพูดเบาๆ มือสองข้างของเขาเลื่อนขึ้นมานวดคลึงบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม
"รู้สึกไม่ดีหรือ?" อารากอร์นถามพร้อมขมวดคิ้วน้อยๆ เขาผละถอยออกจากร่างของเลโกลัส พลางจ้องตาสีน้ำตาลอบอุ่นเป็นเชิงถาม "ไม่หรอก เพียงแต่รู้สึกแปลก ข้าชอบมัน…ข้าไม่เคยสัมผัสอะไรแบบนี้มาก่อน" เลโกลัสยิ้ม และจูบเบาๆที่คางของชายหนุ่ม เขาตวัดปลายลิ้นนุ่มลงตรงรอยบุ๋มบนคางของชายหนุ่ม

อารากอร์นรู้สึกผ่อนคลาย เขายิ้มและก้มลงไซ้จมูก และริมฝีปากกับแผ่นอกเปล่าเปลือยของเลโกลัส พึงพอใจกับสัมผัสนุ่มนวลของผิวเนื้อเนียนนั้น ร่างบางในอ้อมแขนดูราวกับเป็นผลงานศิลปะล้ำค่าที่มีชีวิต ชายหนุ่มตวัดปลายลิ้นอุ่นไล้เลียยอดอกสีน้ำตาลอมชมพูแผ่วๆ เงี่ยฟังเสียงครางของพรายหนุ่มอย่างพอใจ ก่อนจะลากไล้ริมฝีปากไปที่ยอดอกอีกข้างหนึ่ง ดูดเม้มเบาๆ
ชายหนุ่มโอบกอดร่างบางแนบสนิทกับร่างของเขาหากแต่ พรายหนุ่มกลับดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของเขา พลางดันไหล่กว้างของชายหนุ่มออกห่าง ทำให้อารากอร์นเงยหน้าขึ้นมากระพริบตาปริบๆอย่างงุนงง

"ข้าคิดว่า….ข้าจะต้องเป็นผู้ให้การปลอบโยนท่าน?" อารากอร์นจ้องใบหน้าที่เกือบจะเต็มไปด้วยแรงปรารถนาของผู้ถาม ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงร่างกายที่ตื่นตัวของพรายหนุ่ม ซึ่งแนบชิดอยู่กับร่างของเขา
"ท่านก็กำลังทำอยู่ ข้าชอบฟังเสียงครางของท่านมันช่างงดงามนัก" อารากอร์นหัวเราะเบาๆและพรมจูบที่แก้มนวลนั้นอย่างพึงใจ เลโกลัสเอื้อมมือไปที่กองสัมภาระของเขา ดึงขวดแก้วเจียระไนบรรจุของเหลวใสสีน้ำผึ้งออกมา
"มีอีกวิธีที่จะทำให้ข้าคราง อารากอร์น…และข้ายังสามารถทำให้ท่านครางไปพร้อมๆกับข้าได้เช่นกัน" พรายหนุ่มยิ้มอย่าเย้ายวน ก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งพลางดึงร่างสูงให้อยู่ในท่านั่งเช่นเดียวกัน

อารากอร์นคลอเคลียริมฝีปากของเขากับริมฝีปากบางของพรายหนุ่ม อารากอร์นไม่ยอมให้ริมฝีปากของเขาผละออกห่างจากริมฝีปากของเลโกลัสนานเกินไป มันช่างหวานนัก….หวานเกินกว่าจะห้ามใจไหว
พรายหนุ่มค่อยๆคลายเกลียวฝาแท่งแก้วนั้นออก เขาค่อยๆเทน้ำมันหอมสีน้ำผึ้งลงบนปลายนิ้วของเขา กลิ่นของดอกไม้ป่าระเหยออกมาจากน้ำมันนั้น

อารากอร์นพบว่าตัวเขาถูกถาโถมด้วยคลื่นแห่งอารมณ์ปรารถนาเมื่อมือของเลโกลัสสัมผัสร่างของเขา…ค่อยๆปลุกเร้าให้เขาตื่นตัวเต็มที่ ปลายนิ้วเรียวที่ชำนาญกับการเหนี่ยวสายธนูของพรายหนุ่มกำลังเหนี่ยวสายอารมณ์ของอารากอร์นให้ขึงตึงจนเกือบจะขาดด้วยการสัมผัสกระตุ้นอีกเพียงนิด

"พระเจ้า!!!…เลโกลัส" อารากอร์นครางด้วยเสียงแตกพร่า ร่างกายของเขาในตอนนี้สั่นสะท้านเรียกร้องการปลดปล่อยอย่างกระหายหิว
เลโกลัสยิ้มน้อยๆให้ชายหนุ่ม วางขวดแก้วเจียระไนลงบนมือที่สั่นระริกของอารากอร์น ชายหนุ่มมองดูของที่อยู่ในมือเขาอย่างครุ่นคิด มือเรียวของพรายไล้น้ำมันที่ยังคงติดอยู่ลงบนแผ่นอกกว้างของชายหนุ่ม เขาชะโงกไปจูบที่ซอกคอของอารากอร์น
"ท่านรู้ใช่ไหมว่าต้องทำเช่นไร" พรายหนุ่มถามอย่างอ่อนโยน
"ข้าคิดว่า..ข้ารู้" อารากอร์นตอบ ค่อยๆเทน้ำมันที่มีกลิ่นหอมจางๆลงบนปลายนิ้ว เขาหลับตาลงรับจูบแผ่วๆของเลโกลัสที่พรมไปทั่วใบหน้าและลำคอของเขา ชายหนุ่มเลื่อนปลายนิ้วไปที่ด้านหลังของเลโกลัส ค่อยๆสอดแทรกเข้าไปในร่างบาง อย่างระมัดระวัง หากแต่เลโกลัสกลับดันตัวเองให้ปลายนิ้วของชายหนุ่มสอดลึกเข้ามาในร่างของเขา

"ข้าไม่แตกสลาย เพียงสัมผัสของท่านหรอกอารากอร์น" พรายหนุ่มกระซิบ อารากอร์นแทรกนิ้วของเขาลึกเข้าไปในร่างที่บีบรัดแน่นของเลโกลัส ซึ่งเคลือบไว้ด้วยน้ำมันหอมจากปลายนิ้วของเขา
"ยกโทษให้ข้าเถิด ข้าลืมไปว่าพรายแข็งแกร่งกว่าที่มองเห็นภายนอกมากนัก" อารากอร์นกระซิบที่ริมหู แขนอีกข้างโอบรั้งให้พรายหนุ่มแนบชิดเขามากขึ้นอีก เสียงครางอย่างพึงพอใจลอดออกมาจากริมฝีปากบาง
"พวกเราดูเปราะบางมากนักหรือ ในสายตาของมนุษย์?" เลโกลัสซบใบหน้าลงกับไหล่กว้างของอารากอร์นเมื่อนิ้วที่สองค่อยๆแทรกเข้ามาในกายเขาช้าๆ
"ข้ากลัวว่าจะเป็นเช่นนั้น" ชายหนุ่มกระซิบตอบ ค่อยๆดันปลายนิ้วของเขาให้ล้ำลึกเข้าไปอีก สำรวจภายในร่างของคู่รักพรายของเขา
เลโกลัสครางเสียงลั่น ร่างบางนั้นกระตุกเฮือกเมื่ออารากอร์นสัมผัสถูกจุดที่ไวต่อสัมผัสในร่างของเขา
"ข้าทำให้ท่านเจ็บหรือ?" อารากอร์นถามอย่างเป็นห่วง หยุดการเคลื่อนไหวนิ้วที่แทรกอยู่ในร่างของอีกฝ่าย
"ม…ไม่…ไม่…ตรงนั้น….ทำให้ข้ารู้สึกดีมาก…ข้าคิดว่าพราย กับ มนุษย์ คงจะมีจุดไวต่อการกระตุ้นที่เดียวกัน" เลโกลัสกระซิบ จูบเบาๆที่ต้นคอของชายหนุ่ม "อย่างนั้นหรือ" อารากอร์นขยับปลายนิ้วเข้าไปสัมผัสจุดนั้นอีกครั้ง จดจำตำแหน่งไว้ พลางฟังเสียงครางแผ่วๆของพรายที่ดันร่างของเขาเข้าแนบชิดกับชายหนุ่มให้มากขึ้นอีก
"ข้าต้องการท่าน…ในตัวข้า…อารากอร์น" พรายหนุ่มครางเสียงกระเส่า มือเลื่อนไปสัมผัสร่างแกร่งของอารากอร์น จับมันไว้ด้วยมือของเขา
"เช่นนั้น ข้าจะเข้าไปในตัวท่าน เลโกลัส" ชายหนุ่มกระซิบตอบเสียงพร่า พลางค่อยๆประคองร่างของพรายให้นอนลงใต้ร่างของเขา ดวงตาสีเหล็กกวาดไปทั่วร่างนั้น ชื่นชมกับความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างไร้ที่ติ

เลโกลัสกระหวัดขาของเขารัดรอบเอวของอารากอร์น เรียกร้องให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้เขามากขึ้น อารากอร์น โอบเอวบางไว้ จ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลที่ร้อนแรงไปด้วยไฟปรารถนา ในขณะที่เขาสอดแทรกกายเข้าไปในสัมผัสที่ตึงแน่นของร่างพรายหนุ่ม ผู้ซึ่งกระหายสัมผัสนั้นเช่นเดียวกันกับตัวเขา

อารากอร์นแทรกกายเข้าไปในร่างนั้นอย่างไม่ลำบากนักเพราะน้ำมันหอมที่ชโลมกายเขาไว้ หากแต่มันก็ยังร้อนรุ่มและคับแน่นกว่าทุกสัมผัสที่เขาเคยได้รับมา เลโกลัสครางเสียงดังอย่างลืมตัว แขนเรียวโอบไหล่กว้างให้ลงมาแนบชิดกับร่างของเขามากขึ้น แผ่นท้องแบนราบของชายหนุ่มสัมผัสกับร่างที่ตื่นตัวของพราย ริมฝีปากทั้งคู่แนบสนิทกันอีกครั้ง
นี่เป็นวิธีที่ดีในการที่จะลืมความเจ็บปวด ความต่ำต้อยของตัวเอง อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานี้ ชายหนุ่มครางในลำคอ ริมฝีปากของเขาเคล้นคลึงริมฝีปากบางนั้นหนักหน่วง ปลายลิ้นกระหวัดแทรกหยอกล้อกันไม่ยอมห่าง แขนเรียวของพรายหนุ่มเหนี่ยวรั้งเรียกร้องให้เขาเร่งการเคลื่อนไหวให้เร็วยิ่งขึ้น ล้ำลึกยิ่งขึ้น

เสียงครางแห่งความปรารถนาและความสุขแทรกอยู่ในทุกลมหายใจของทั้งสอง อารากอร์นแทรกกายล้ำลึกเข้าไปในร่างบางมากขึ้น พร้อมๆกับที่เลโกลัสขยับร่างรับการแทรกสอดนั้นอย่างเรียกร้อง ความร้อนผะผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วร่างของอารากอร์น ความรู้สึกของเขาล่องลอยไปกับสัมผัสที่พรายหนุ่มมอบให้ มันเผาผลาญร่างของเขาเหมือนไฟป่า ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับมีลาวาไหลแทรกซึมไปทั่วทั้งร่าง ลาวาที่กำลังจะระเบิดออกมา ร่างของชายหนุ่มสั่นสะท้าน เขาดันตัวล้ำลึกหนักหน่วงเข้าไปในร่างพรายหนุ่มอีกครั้งก่อนที่จะร้องครางเสียงดัง อารากอร์นปลดปล่อยลาวาแห่งความปรารถนาของเขาเข้าไปในร่างของพรายหนุ่ม ผู้ซึ่งปลดปล่อยความปรารถนาของเขาเองออกมาในห้วงลมหายใจถัดมา เสียงร้องครางในภาษาพรายดังออกมาจากริมฝีปากบางนั้น

อารากอร์นเกือบจะลืมไปว่าตัวเขาอยู่ที่ไหน และทำไมเขาจึงอยู่ที่ตรงนั้น เหมือนเขาถูกคลื่นแห่งความปรารถนาซัดขึ้นไปสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราวและตกกลับลงมาสู่พื้นโลก เขาทรุดร่างลงบนร่างของเลโกลัส

"มันช่างงดงามเหลือเกิน…งดงามเช่นท่าน เลโกลัสที่รักของข้า" อารากอร์นกระซิบเสียงพร่า ค่อยๆขยับร่างของเขาให้อยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถโอบกอดร่างพรายหนุ่มได้

"และมันอ่อนหวานนัก…ดุจเดียวกับท่าน อารากอร์นที่รักของข้า " เลโกลัสกระซิบแผ่วๆ จูบชายหนุ่มเบาๆ พลังงานของเขาถูกใช้ไปจนหมดสิ้น

"ข้าขอบคุณท่าน สำหรับการปลอบประโลมนี้" อารากอร์นถอนหายใจยาว พลางหลับตาลง สิ่งเดียวที่เขาอยากจะทำในตอนนี้ก็คือนอนหลับ บัดนี้เขารู้สึกเป็นที่ต้องการ ได้รับการปลอบโยน ห่วงใย ได้รับการโอบกอด และสัมผัส ทุกสิ่งที่เขาปรารถนา จากผู้ที่เขาไม่เคยคาดคิด

พรายหนุ่มจ้องมองดูใบหน้ายามหลับของอารากอร์นในอ้อมแขนของเขา เขาจูบคนรักที่กำลังหลับใหลอย่างแผ่วเบา ชื่นชมกับแสงจันทร์ที่ทาบลงบนใบหน้าที่งดงามหากแข็งแกร่งของทายาทแห่ง อิสซิลดูร์
อารากอร์น งดงามเช่นเดียวกับพวกพราย หากแต่แกร่งกว่า ด้วยความงามที่ป่าได้หล่อหลอมเขาขึ้น

เลโกลัสจ้องมองภาพของอารากอร์นในยามนี้ ราวกับจะให้มันตราตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำของเขา ภาพที่จะเป็นสมบัติล้ำค่าของเขาแต่เพียงผู้เดียว ตลอดไป

"ข้ารักท่าน อารากอร์น บุตรแห่งอาราธอร์น" เลโกลัสกระซิบเบาๆ ดึงมีดสั้นออกมาจากกองสัมภาระของเขา บรรจงตัดปอยผมปอยหนึ่งจากเส้นผมของอารากอร์น และซุกมันไว้ในกองเสื้อผ้าของเขา

"ข้ารักท่าน โดยที่ไม่คาดคิดว่า ข้าจะรักท่านได้มากถึงเพียงนี้" เลโกลัสกระซิบ ซบศีรษะลงบนไหล่กว้างของชายหนุ่ม น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามร่องแก้มของเขา

อารากอร์นนอนหลับสนิท รู้สึกได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยมอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิด


พวกเขากำลังจะไป

อาร์เวนยืนรออยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เพื่อที่จะพบกับ เลโกลัส กรีนลีฟ เจ้าชายแห่งป่าเมิร์กวู้ด บุตรแห่งกษัตริย์ ธรัลดูอิล

วันก่อนหน้านี้ การประชุมได้เริ่มขึ้น และ กลุ่มพันธมิตรแห่งแหวนได้ถูกตั้งขึ้น ชายผู้เป็นที่รักของนาง อารากอร์น ก็จะต้องเดินทางไปด้วยเช่นกัน นางได้กล่าวคำอำลาและอวยพรเขาเรียบร้อยแล้ว

"ท่านหญิงอาร์เวน" เลโกลัสอุทานเบาๆอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นนางยืนอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เส้นผมสีนิลยาวจรดเอว ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องมองมาที่เขา ประดุจจะแทงทะลุเข้าไปในวิญญาณของเขา เลโกลัสหลบสายตาของนาง

"ข้ามาเพื่อกล่าวคำอำลาและอวยพรท่าน เลโกลัสบุตรแห่งกษัตริย์ธรัลดูอิล" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีท่วงทำนองเหมือนดนตรี รอยยิ้มประดับอยู่บนริมฝีปากงดงามของนาง เลโกลัสกล้ำกลืนความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจ

การปรากฏตัวเพียงเพื่อจะอำลาเขานั้นมีความหมายเพียงนัยเดียว เขารู้สึกผิด แต่กระนั้น เขาไม่มีวันยอมแลกค่ำคืนที่เขาได้รับจากอารากอร์นกับสิ่งใดๆทั้งสิ้นในโลกนี้

"เป็นการดีที่ ท่านรักเขามากเช่นเดียวกับข้า เขาต้องการความรักซึ่งเขาไม่ค่อยได้รับนัก ในช่วงชีวิตของเขา" อาร์เวนกล่าวอย่างนุ่มนวล เลโกลัสเลยหน้าขึ้นสบตากับนาง…นางรู้แต่มันไม่ทำให้นางรู้สึกลำบากใจแม้แต่น้อย

"ข้าไม่สามารถให้ในสิ่งที่เขาปรารถนาได้ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่ไม่ใช่ตามที่เขาคาดไว้แม้แต่น้อย" นางหยุดนิดหนึ่ง

"ท่านจะช่วยปลอบโยนเขา เมื่อยามที่เขาต้องการ ในภารกิจครั้งนี้ ใช่หรือไม่?" เลโกลัสพยักหน้า เสียงของเขาหายลงไปในลำคอที่แห้งผาก ธิดาพรายวางมือบอบบางลงบนไหล่ของเขา "สิ่งที่ท่านควรจะทราบไว้ก็คือ อารากอร์นเองก็รักท่านเช่นกัน เลโกลัส หากแต่เป็นในทางที่แตกต่างและซับซ้อนนัก เราทั้งคู่ ข้ากับท่าน เหมือนกันตรงที่รักผู้ชายที่ยิ่งใหญ่คนนี้ ผู้ซึ่งไม่รู้ว่าเขานั้นยิ่งใหญ่เพียงไหน" นางกล่าว และจุมพิตเบาๆที่แก้มของเลโกลัสก่อนจะเดินจากไป

เลโกลัสหลับตาลง กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนเรื่องเมื่อสักครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น เหมือนท่านหญิงไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้น หากแต่คำพูดแต่ละคำของนางทิ่มแทงหัวใจของเขายิ่งนัก

ปลายนิ้วของเขาสอดเข้าไปแตะที่กระเป๋าเสื้อด้านใน ลูบไล้ปอยผมของอารากอร์นที่ถักเป็นเปียไว้ ดวงหน้าของเขาดื่มด่ำล้ำลึกกับความฝันอันแสนหวาน

ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากที่นั้นไป เดินทางไปร่วมกับชายคนที่เขารัก และพันธมิตรคนอื่นๆ ใน ภารกิจการทำลายแหวนแห่งอำนาจ

 

End " Comfort " to be continued in " No ordinary love"
Thank you for reading