w e a p o n s . t a l e
Author ตะน๊อค
Illustration เศษใบไม้
Disclaimer This story writen from the author's imagination.Please don't be serious, just relax and enjoy the story
Thanks ขอบคุณท่านตะน๊อคทำหรับเรื่องน่ารักๆนี้ค่ะ
" What's happen in the shadow of Khazaddum "

 

หลังจากที่แกนดัลฟ์ตกลงมาจากสะพานแห่งคาซาดดูมพร้อมกับบัลร็อค เวลาก็ผ่านไปได้นานพอสมควร ภายในหุบเหวนั้นทั้งลึกและมืดจนน่าหวาดผวา ไม้เท้าของแกนดัลฟ์ค่อยๆยันกายขึ้นตั้ง (ยืนไม่ได้น่อ...ไม่ใช่คนอ่ะ ^^;; ) พยายามจะจุดแท่งผลึกบนหัวตัวเองเพื่อให้มีแสงสว่างอย่างที่นายของมันเคยทำ

แต่ทว่า...เสียใจด้วย ไม้เท้าท่องมนต์ไม่เป็น มันจึงต้องพยายามมะงุมมะงาหราไปในความมืด ค่อยๆคลำหาเจ้านายของมันไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ไต้ จู่ๆมันก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของอะไรบางสิ่ง ความอยากรู้อยากเห็นทำให้มันเดินเข้าไปใกล้จนพอจะได้ยินเสียงคร่ำครวญ

"ใช่สิ.....ก็ผมมันไร้ประโยชน์แล้วนี่ เจ้านายถึงได้ทิ้งผมไป!!"

เสียงสูดน้ำมูกแบบคนกำลังร้องไห้ทำให้ไม้เท้ายิ่งรู้สึกสงกะสัย

ใครหว่า....มานั่งร้องไห้อยู่ในเหวลึกขนาดนี้....

"แล้วแบบนี้จะให้ผมทำยังไงล่ะ นายก็หนี ศัตรูก็ซี้ม่องเท่งแล้ว "

ไม้เท้าค่อยๆชะโงกหัวออกไปดู

โอ๊ะโอ....แสงสีแดงวาบๆที่เห็นเป็นเส้นสายอยู่ท่ามกลางความมืดแบบนั้น...แส้ไฟของเจ้าบัลร็อคนี่นา!!!

แส้ไฟเส้นผอมบางนั่งป้ายน้ำตาที่ไหลพรากเป็นลูกไฟดวงเล็กๆอยู่อย่างไม่หยุดมือ แต่ดูก็รู้ว่าอีกไม่นานมันก็คงจะถึงแก่กาลอวสานเพราะไฟที่อยู่ภายในแส้อ่อนแรงเต็มที อาจจะเป็นเพราะว่ามันไม่ได้อยู่ใกล้นายของมันกระมัง....

ไม้เท้าค่อยๆกระดื้บเข้าไปใกล้ แต่ก็ระวังไม่ให้เข้าไปในรัศมีการเผาไหม้ เพราะถึงจะเป็นไม้เท้าของพ่อมดเทาผู้เรืองเวทย์ แต่มันก็ยังมีองค์ประกอบเหมือนไม้ทั่วไปที่ติดไฟได้ ที่สำคัญ...มันยังไม่นึกอยากเป็นไม้เท้าไฟของบัลร็อคซะด้วยสิ - -'' มันค่อยๆกระดื้บเข้าไปอีกนิด.... บังเอิญจังหวะกระดื้บของมันสะดุดเอาก้อนหินก้อนหนึ่งเข้าทำให้เกิดเสียงดัง แส้ไฟเส้นน้อยหันควับมาตามเสียง น้ำตาไฟสีแดงๆยังค้างอยู่ตรงด้าม....

...อา...น่ารักจริงๆ.....ไม้เท้าคิด

"ใครเหรอ?" แส้ถามพลางเอียงคอน้อยๆอย่างฉงน

"เอ่อ...." ไม้เท้าของแกนดัลฟ์เกิดติดอ่างขึ้นมา

"ธนูของพวกก๊อบลินรึเปล่า? ถ้าใช่ก็รีบๆออกไปจากแถวนี้ซะเถอะไม่งั้นเดี๋ยวจะติดไฟเอานะ"
แส้โค้งส่วนด้ามลงต่ำเหมือนอาการคนกำลังก้มหน้า น้ำตาไฟเริ่มรินไหลออกมาอีกครั้ง

"ถึงแม้ผมจะเหงามากเลยก็เถอะ ก็ป่านนี้แล้วเจ้านายยังไม่มาตามหาผมเลย แสดงว่านายคงทิ้งผมแล้วแน่ๆ"

ไม้เท้ามองดูแส้ไฟแล้วก็นึกสงสารขึ้นมานิดๆ เจ้านี่ไม่รู้เลยเหรอว่านายของมันโดนแกนดัลฟ์ผนึกกลับไปยังความมืดแล้ว แต่ความโมโหแทนนายตัวเองก็ยังมีมากกว่า

"ชั้นรำคาญเสียงร้องไห้ของนายน่ะสิ!! คร่ำครวญอยู่ได้หนวกหูชะมัด!!!" ไม้เท้าตวาดใส่เสียงแข็ง มันพยายามปั้นหน้ายักษ์ไว้เพื่อข่มขู่แส้ไฟของอสูรจากอเวจี

แต่แล้วมันก็อยากจะวิ่งลงอเวจีเสียเองให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อน้ำตาไฟไหลพรากเป็นสายจากแส้เส้นน้อย

"ขอโทษครับ....ผมไม่ได้ตั้งใจเลย"แส้พยายามกลั้นสะอื้น แต่มันก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน

"งั้นเดี๋ยวผมจะหลบไปร้องแถวๆหลืบหินตรงโน้นแล้วกันนะครับ จะได้ไม่รบกวนคุณ"

"ชั้นก็ไม่ได้หมายความถึงขนาดนั้น" ไม้เท้าเริ่มกระอักกระอ่วน...รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตาแก่แกล้งเด็กยังไงพิกง - -''

"คือว่า...นายลองเล่ามาสิว่าทำไมถึงได้ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแบบนี้น่ะ ร้องมากๆไม่ดีต่อสุขภาพปอดนะรู้มั้ย"
มันพยายามหลอกล่อให้แส้หยุดร้องไห้ และก็ดูเหมือนจะได้ผลดีพอสมควรเพราะแส้ไฟหันมาเอียงคอถาม

"ปอดคืออะไรเหรอครับ? แล้วทำไมร้องไห้มากๆจะไม่ดีต่อสุขภาพปอด?"

ไม้เท้าชักอยากจะเกาหัวขึ้นมาตะหงิดๆ นอกจากจะขี้แยแล้วยังเป็นเจ้าหนูช่างซักอีกแฮะ

"เอาน่า....จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ นายเล่ามาดีกว่าว่าทำไมถึงได้ร้องไห้" ตัดบทมันดื้อๆแบบนี้แหละ

แส้ไฟกลับไปซึมอีกครั้งเมื่อนึกถึงสาเหตุการร้องไห้ของตัวเอง

"คือว่าผมคงโดนเจ้านายเกลียดน่ะครับ เจ้านายก็เลยหนีผมไป..."
แส้เส้นน้อยพยายามซื้ดน้ำมูกและกลั้นน้ำตา มันกลัวว่าถ้ามันร้องไห้อีกเพื่อนใหม่ร่างผอมสูงโย่งโก๊ะจะทิ้งมันไปอีกคน

"จริงๆแล้วผมเป็นแส้ไฟของบัลร็อค อสูรจากอเวจีครับ" มันเริ่มเล่าในขณะที่ไม้เท้าเริ่มมองหาที่นั่งเพราะเริ่มเมื่อย

"ฟังแล้วอาจจะดูโหดร้าย แต่เจ้านายผมเป็นคนจิตใจอ่อนไหวมากนะครับ วันนั้นนายผมนอนดึก เพราะมัวแต่เช็คเรทติ้งตัวเองว่าได้รับความนิยมแค่ไหนในเน็ต ก็เลยทำให้เข้านอนช้า
ท่านดาร์กลอร์ดเซารอนเคยแนะนำนายว่าวันหนึ่งควรจะนอนให้ไม่ต่ำกว่า8ชั่วโมง ไม่งั้นจะทำให้ผิวพรรณหยาบกร้าน นายก็เลยพยายามจะนอนให้เพียงพอ แต่พอนอนไปได้แค่2-3 ชั่วโมงก็มีเสียงดังสนั่น
เหมือนมีใครเหวี่ยงกระป๋องกระทบข้างฝา แล้วก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้านับร้อยของพวกก๊อบลิน นายก็เลยโมโหมาก....นายเผ่นจากที่นอนกะว่าจะมาสะสางกับเจ้าพวกตัวรบกวนการนอนทั้งหลายปรากฏว่าเจ้าพวกนั้นนกรู้ ต่างพากันหนีหายไปหมด” แส้ไฟสะอื้นนิดๆก่อนจะเล่าต่อ

"แล้วนายก็เห็นตัวประหลาด9คนกำลังวิ่งเล่นอยู่แถวๆนั้นก็เลยไล่ตามไป กะจะถามว่าเห็นเจ้าพวกก๊อบลินรึเปล่า แต่คนพวกนั้นไม่ตอบคำถามนาย กลับวิ่งหนีกันอย่างไม่คิดชีวิต นายชักโมโหก็เลยวิ่งไล่ แล้วคุณตาผมขาวที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้าของพวกนั้นก็ออกมาขวางนายไว้...” น้ำตาเม็ดโตๆเริ่มไหลออกมาจากแส้ไฟอีกครั้ง

"จริงๆแล้วคุณตาคนนั้นก็เตือนนายแล้วว่านายตัวหนัก ไม่มีทางจะข้ามสะพานเล็กของคาซานดูมไปได้แน่ๆ (You cannot pass) แต่นายโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เลยดึงผมออกมาสะบัดไล่คุณตาคนนั้นให้หลบไปให้พ้นทาง เพราะนายจะไปล่าก๊อบลิน แต่แล้วสะพานก็ทานน้ำหนักนายไม่ได้ นายก็เลยร่วงลงมาพร้อมกับผม!!" เล่าถึงตอนนี้แส้ไฟก็ร้องไห้โฮ

"ผมก็พยายามทำดีที่สุดโดยการตวัดตัวเองขึ้นไป หวังจะคว้าชะง่อนหินเอาไว้ให้ได้ แต่ผมก็พลาด แถมยังไปคว้าเอาคุณตาคนนั้นติดมาด้วยอีก พวกเราก็เลยร่วงลงมาที่ก้นเหวนี่พร้อมๆกัน"

ไม้เท้าทำตาปริบๆ จริงๆแล้ว....คณะFellowshipเข้าใจบัลร็อคผิดกันหมดเลยหรือนี่.....

"พอผมรู้สึกตัวอีกที นายผมก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว..." แส้อันน้อยทำหน้าหงอยๆ ตอนนี้ไฟภายในสายของมันมอดลงไปเกือบหมดแล้ว

"โดนทิ้งแบบนี้ผมก็ต้องเป็นแส้กำพร้าสินะครับ "

"ชั้นก็เหมือนกับนายนั่นแหละ" ไม้เท้าทอดเสียงอ่อนลงเล็กน้อย "ชั้นก็ถูกเจ้านายทิ้งเหมือนกัน"

มันอุบไว้ไม่ยอมอธิบายว่าการทิ้งที่ว่าหมายถึงการที่มันกระเด็นหลุดจากมือนายตอนร่วงลงมาจากสะพานตะหาก

"งั้นเราก็หัวอกเดียวกันสินะครับ..." แส้ไฟทำเสียงร่าเริงขึ้นนิดหน่อย

แต่ครู่ต่อมาก็กลับไปหงอยตามเดิม "แต่ว่า...ไม่ได้หรอกครับ คุณอยู่ใกล้ผมไม่ได้หรอก ก็คุณเป็น..."

"ชั้นเป็นไม้เท้า" ไม้เท้าของแกนดัลฟ์ตอบเรียบๆ

"นั่นแหละครับ ก็คุณเป็นไม้นี่นา ไปซะเถอะครับขืนมาอยู่ใกล้ผมเดี๋ยวคุณจะพลอยไหม้ไปด้วย"

แส้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ด้ามของมันโน้มลงจนแทบจรดตัวเชือกที่ยังมีประกายเพลิงนิดๆ น้ำตาของมันไหลออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้กลายเป็นน้ำใสๆที่มีควันกรุ่น

"ผมดีใจมากครับที่ได้คุยกับคุณ"

ไม้เท้าค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ ตอนนี้แส้ไฟเหลือแค่เปลวเพลิงเส้นเล็กๆข้างใน ทำให้มันดูเป็นสีส้มอ่อนที่แสนสวยงาม แส้ไฟในตอนนี้ดูน่ารักและว้าเหว่ เหมือนกับเด็กเล็กๆที่ต้องการให้ใครสักคนคอยคุ้มครอง

ไม้เท้าค่อยๆโน้มตัวลงไปทีละน้อย แม้ตัวของมันจะเป็นไม้เนื้อแข็ง แต่ความตั้งใจของมันก็แรงกล้าเสียจนทำให้มันสามารถโค้งตัวเองลงไปหาแส้ไฟเส้นเล็กได้ มันเอาหัวของตัวเองแตะที่ด้ามแส้อย่างแผ่วเบา

"นายไม่อยากให้ชั้นอยู่ด้วยเหรอ?"

แท่งผลึกบริเวณหัวของมันสะท้อนกับแสงไฟสีส้มเป็นประกาย เหมือนกับมันกำลังยิ้มอย่างอ่อนโยน แส้ชะงักนิดหนึ่ง เปลวเพลิงในตัวของมันเปล่งแสงสีส้มเข้มขึ้นเหมือนกำลังเขินนิดๆ

"ก็....อยาก..ครับ"

แส้ไฟตอบด้วยเสียงแผ่วๆ.... แต่ไม้เท้าก็ได้ยินอย่างชัดเจน แท่งผลึกบนหัวของมันทอประกายเจิดจ้าโดยไม่ต้องอาศัยเวทย์มนต์อีกต่อไป บริเวณพื้นถ้าในรัศมีรอบๆพวกมันทั้ง2สว่างไสว

แส้อันน้อยหันไปมองรอบข้างอย่างตื่นเต้น "ผมมองเห็นรอบๆข้างแล้ว คุณทำได้ยังไงนี่"

ไม้เท้าไม่ตอบ มันได้แต่มองอาการตื่นเต้นของแส้ไฟแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู

...จริงๆแล้วหุบเหวมรณะแห่งคาซานดูมก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกนะ...

แสงสีอมส้มในแส้เส้นเล็กทอประกายขึ้นเช่นกัน แต่มันไม่ใช่เปลวเพลิงอันร้อนแรงอีกต่อไป แต่เป็นแสงอมส้มที่ดูอบอุ่นและงดงาม..

.ความรัก...
แปรเปลี่ยนไฟอันร้อนระอุให้กลายเป็นแสงอันอบอุ่น....
ทำสิ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้น.... ราวกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์
บัดนี้แสงแห่งความรักและความฝัน
กำลังส่องสว่างอยู่ ณ. ก้นเหวอันมืดดำแห่งคาซาดดูม...

 

The end
Thank you for reading