: Reflections :
|
|
Author
|
Anonymous |
Illustion | A piece of leaf |
Disclaimer
|
This story just a work of author imagination, none of this event claim to be happened in the real life. |
Special Thanks | Anonymous for let me post this cool story in my hp.With some reason she decide to renounce from the QUEST but I still love her fiction so much. |
" Reflections "
|
|
คุณครับ คุณเคยรู้สึกบ้างไหมว่า ตัวเองอ่อนแอ ไม่มีกำลังหรือแรงบันดาลใจจะก้าวไปถึงจุดที่ฝัน เคยไหมที่ก่อนจะลงมือทำสิ่งที่มุ่งหวังไว้ คุณต้องปล่อยให้ความรู้สึกบางอย่างครอบงำตัวคุณ ความปรารถนาอันรุนแรง ที่อยู่ตรงข้ามกับสติสัมปชัญญะ ถ้าไม่เคย ผมขอแนะนำให้คุณปิดมันลงทันทีที่อ่านถึงบรรทัดนี้ แต่ถ้าเคย บ่อยแค่ไหน
กว่าการถ่ายทำสำหรับวันนี้จะสิ้นสุดลงก็บ่ายคล้อยไปมากแล้ว ทุ่งหญ้าที่ถูกกำหนดไว้เป็นฉากยุทธภูมิระหว่างทัพจากไอเซนการ์ดกับโรฮันถูกย้อมด้วยสีเหลืองอมส้มของดวงอาทิตย์ที่อีกไม่นานนักก็จะอัสดง หลังจากที่เช็คภาพจากมอนิเตอร์เรียบร้อยแล้ว Director ก็ประกาศให้ทุกคนเตรียมตัวเก็บข้าวของกลับที่พักกันได้ ผมยืนรอให้ staff คนอื่น ๆ เก็บของเรียบร้อยแล้วเราจะกลับโรงแรมพร้อมกัน
พลางบิดตัวไปมาด้วยความเหนื่อยล้าจากการงาน ในระหว่างนั้น เขาตรึงสายตาผมไว้ได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน หรือทำอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเดียว นอกจากยืนค้างอยู่ในท่านั้น
กุมดาบเปลือยคมกระชับ ดวงตาสีโลหะทอดยาวมองจรดขอบฟ้า นี่ถ้าผมเป็นช่างภาพหรือกวี คงจะได้ผลงานชิ้นเยี่ยมวันนี้เอง เสียงตะโกนโหวกเหวกมาจากอีกทางหนึ่ง ทำให้รูปประติมากรรมของผมขยับตัว ผมรีบเบือนสายตาไปหาต้นเสียงทันที ผมไม่อยากให้เขารู้สึกถึงสายตาของผม เพื่อน ๆ อีกห้าคนนั่งล้อมวงกันอยู่ใกล้ ๆ รถขนอุปกรณ์การถ่ายทำ อาศัยเงารถหลบแดด พลางตะโกนร้องเรียกเราสองคน ผมและเขา ให้ไปร่วมวงด้วยกัน ผมอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นว่าพ่อครัวในเรื่อง กำลังไสน้ำแข็งเหย็ง ผมเบือนหน้าไปมองคนที่ถูกชวนอีกคนเป็นทำนองหารือ เขามองนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่งเหมือนกำลังชั่งใจ ดาบถูกสอดเข้าฝัก เขายกมือขึ้นขยี้ที่หัวคิ้วคล้ายกำลังเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลีย
ผมมองตามด้วยความเสียดาย
เสียงแหบห้าวที่เจือด้วยอารมณ์อันรุนแรงดังก้องจนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ ถ้วยน้ำแข็งไสที่จะเอามาฝากเกือบหลุดจากมือ ดีแต่ผมคว้าเอาไว้ทัน
ผมกำลังจะสงสัยอยู่เชียวว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าผมเข้ามา ในเมื่อผมย่องออกเงียบกริบ เขาไม่ได้พูดกับผมหรอก แต่กำลังพูดกับใครอีกคนหนึ่ง
ความสงสัย ทำให้ผมทำสิ่งที่ผิดพลาดมากที่สุดในชีวิต
ผมยื่นหน้าเข้าไปในมุมมืดของท้ายรถที่เป็นสถานที่เก็บเครื่องแต่งตัวของบรรดานักแสดง แสงอาทิตย์สีส้มที่เข้มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา ลอดผ่านรอยแยกของประตูท้ายรถ
ภาพที่ตาผมเห็น เป็นคนละภาพกับที่จินตนาการ ใช่ ถึงตอนนี้ คุณก็คงพอจะเดาเรื่องราวในตอนต่อไปได้แล้ว และบางทีคุณอาจจะตระหนักถึงอะไรที่ควรตระหนักได้มากกว่าผมในตอนนั้น ร่างสองร่างยืนอยู่เคียงข้างกัน หันหน้าเข้าหากัน ศอกต่อศอกประชิด เช่นเดียวกับใบหน้าก้มต่ำที่สะท้อนกันและกัน ร่างกายทั้งสองร่างเปลือยเปล่า นอกเสียจากเสื้อคลุมยาวที่คลุมทับอยู่บนไหล่
ผมเห็นดวงตาสีเหล็กทั้งสองคู่สบกัน
ร่างสองร่างหอบตัวโยนด้วยฤทธิ์โทสะ แต่เสียงลมหายใจท่ามกลางความเงียบสงัดมีเพียงเสียงเดียว มีเพียงชีวิตเดียวที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากระจกเงาบานนั้น
มือทั้งสองของผมถูกรวบขึ้นมาจูบ ก่อนที่ใบหน้าก้มต่ำจะเงยขึ้น ดวงตาสีโลหะคมกล้าตวัดมองผม เรียกความรู้สึกปั่นป่วนให้บังเกิดขึ้นในอกของผม ผมเบือนหน้าไปทางกระจกเงา เขาเบือนตาม ตอนนี้ใบหน้าที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาเปลี่ยนไปแล้ว ดวงตาสีเดิม แต่มีประกายแตกต่าง ร่างกายยังอยู่ที่เดิม แต่บางสิ่งบางอย่างสลับที่ เหมือนที่ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าสลับที่จาก ผู้สังเกตการณ์ มา ร่วมเหตุการณ์ ได้อย่างไร
เสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของเขากระซิบอยู่ที่ข้างหู เสียง ที่เขาไม่เคยใช้กับผมมาก่อนเลย ความอบอุ่นของร่างกายโอบล้อม ไม่รู้ว่าอะไรส่งผลให้ร่างกายของผมไม่สามารถขยับเขยื้อน
ความจริงที่ไม่แตกต่างจากความฝัน หรือมนต์สะกดจากดวงตาสีเหล็กคู่นั้น
ผมสบตาเขา ผมเห็นตัวเองพิจารณารอยยิ้มจากชายที่ผมหลงใหลด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม สะท้อนมาจากดวงตาคู่นั้น
รอยยิ้มของเขาจางไป
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไป ดวงตาคู่นั้นมีประกายลึกลง เพลิงโทสะลุกไหม้อยู่ในนั้น สีแดง
เปลวไฟ กำลังลามเลีย ไฟโทสะ ไฟโมหะ และไฟราคะ ผมมองดู ด้วยสายตาที่ปราศจากความรู้สึก ความเจ็บปวดแทรกเสียดร่างกายราวจะฉีกทำลายให้สลายออกเป็นชิ้น แต่ไม่สามารถสะกิดภวังค์แห่งการรับรู้ ผมมอง เหมือนยืนแยกห่างออกมาจากมัน เหมือนภาพสะท้อนตรงหน้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวผม ภาชนะที่ผมถือมาด้วยล้มกลิ้งอยู่มุมหนึ่ง ของเหลวสีแดงสดเจือจางรินไหลไปเรื่อย ๆ อย่างเงียบ ๆ แสงสีแดงของอาทิตย์อัสดงลอดเข้ามาตามรอยแยกของประตูที่ปิดกั้นระหว่างวินาทีนี้กับโลกภายนอกไว้
ผมยังเห็นเพื่อน ๆ ยังนั่งล้อมวงกันอยู่ที่เดิมผ่านทางกระจกเงา ผมเห็นภาพของตัวเองสะท้อนอยู่ข้างหน้า ตัวผม หรือไม่ใช่ตัวผม ส่วนไหนเป็นตัวผม ส่วนที่กำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดอยู่ภายใต้ความเงียบสงบ หรือส่วนของความคิดคำนึงที่ล่องลอยอยู่ตอนนี้กันแน่ ใครอยู่ในเงา แล้วใครกันที่อยู่ตรงนี้ มือของเขาขยับลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผม มันอาบด้วยของเหลวสีแดงฉาน เหมือนกับร่างทั้งร่างของผมในขณะนี้ สีแดงจากร่างกายของเราทั้งสองคน แวบหนึ่ง ผมมองเห็นดวงตาสีเหล็กคู่นั้นประสานสายตากับผมออกมาจากในภาพสะท้อน ดวงตาคู่เดิม ที่ผมรัก ประกายโอบอ้อม เอื้ออาทร ห่วงหา ลุแก่โทษ และโศกเศร้า ดวงตาที่อาบด้วยเลือดของผมปิดลง ผมไม่เคยอิจฉาอะไรมากเท่าเงาของตัวเองในกระจกเงาบานนั้นเลย
วิกโก้เงยหน้าขึ้นจากสมุดโน้ตที่ก้มหน้าก้มตาเคร่งเครียดอยู่เป็นนานสองนาน
ก่อนที่ริมฝีปากร้อนผ่าวจะประทับบนต้นคอ เขาก็ต้องร้องอุทานออกมาเมื่อถูกเจ้าเด็กแสบเตะหน้าแข้งเข้าให้เต็มเปา ออลี่แลบลิ้นให้วิกโก้ก่อนจะกอดสมุดวิ่งโครมครามขึ้นไปชั้นบน
วิกโก้ส่ายหน้า โมโหก็โมโห ขำก็ขำ ที่สำคัญกลิ่นเหม็นไหม้ลอยมาจากในครัวแล้ว ขืนช้าคงจะมีควันและไฟตามมา เขารีบวิ่งเข้าไปจัดการกระทะที่เจ้าตัวยุ่งทิ้งไว้
เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบา ๆ พร้อมทั้งเสียงตอกไข่ใบใหม่ และอีกไม่นาน กลิ่นหอมของอาหารค่ำก็จะโชยตามมาในค่ำคืนอันสุขสงบ
|
|
Thank you for reading.
|
|
This homepage is owned by noname since 1999.All rights reserved.