: In the Depth of Anguish :
Author
Darque
Inspired by A piece of artwork by noname "Deep in the Mirror"
Theme Poem by noname "Deep Inside Me"
Illustion A piece of leaf : a.k.a noname
Disclaimer
This story just a work of author imagination, none of this event claim to be happened in the real life.
Special Thanks Darque for this really hot story, I really like the way you describe my poem...into words.I love it.
" In the Depth of Anguish "

 

แม้การถ่ายทำจะเหนื่อยยากลำบากเพียงใด ทีมงานและนักแสดง Lord of the Rings ก็ยังหาโอกาสสนุกสนานกันได้เสมอ ปาร์ตี้ฉลองวันเกิดใครบางคนในกองถ่ายที่ถูกจัดขึ้นอย่างง่ายๆโดยเหล่าสต๊าฟมีบรรยากาศเป็นกันเอง เสียงช้อนส้อมกระทบกัน เสียงน้ำแข็งกลิ้งในแก้วน้ำ เสียงคนคุยกันจ้อกแจ้กและเสียงดนตรีที่เปิดคลอเบาๆช่วยเพิ่มบรรยากาศงานให้ดูครื้นเครงยิ่งขึ้น

ทว่า ณ มุมสงบมุมหนึ่งห่างไกลจากบริเวณโต๊ะจัดเลี้ยง เงาร่างหนึ่งนอนแผ่อยู่บนผืนหญ้า สองมือประสานรองท้ายทอย ปอยผมหยักศกสีลูกสนปรกหน้าและเรี่ยระจากต้นคอลงมาถึงพื้น นัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่ปรือ เหม่อมองลอดพุ่มไม้ใบบังขึ้นไปยังท้องฟ้าสีครามเบื้องบน เสียงรองเท้าแหวกพื้นหญ้าใกล้เข้ามา ทำให้ร่างนั้นผงกหัวขึ้นแล้วเหลียวไปยังทิศต้นเสียง

"ทำไมมานอนอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะวิกโก"

น้ำเสียงขี้เล่นลอยมากระทบโสตก่อนที่จะทันได้เห็นตัวผู้พูดซะอีก เมื่อร่างนั้นปรากฏขึ้นในคลองจักษุ หนุ่มใหญ่ผู้ใฝ่สันโดษก็ต้องถามขึ้นด้วยความฉงน

"ไหงนายแต่งตัวอย่างนั้นล่ะออร์ลี่" เจ้าชายพรายผู้ยังไม่ยอมสลัดคราบหัวเราะเบาๆ

"ก็ข้ายังอยากเป็นพลธนูคู่ใจของท่านน่ะสิ อารากอร์น"

'อารากอร์น'นิ่งคิด เหมือนจะค้นหาว่ามีสิ่งใดแอบแฝงอยู่ในประโยคนั้น

"ว่าแต่ ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลยว่าเหตุใดท่านจึงปลีกวิเวกอยู่เดียวดายเช่นนี้?"

ออร์แลนโดที่ดูเหมือนจะยังสนุกสนานกับบทบาทในหนังถามอีกครั้งด้วยเสียงทุ้มนุ่มของพรายงามผู้สุขุมเยือกเย็น

"เพราะข้าคือสไตรเดอร์คนพเนจร มนุษย์ผู้มีสายเลือดอ่อนแอไงล่ะ เลโกลาส"

ตอบพลางยันกายขึ้นนั่ง ตาสีเข้มจ้องประสานกับแววตาซุกซนสีฟ้าใส ปอยผมบลอนด์ที่ปลิวสยายยามต้องลมระแก้มพราย นิ้วกร้านที่ใช้เกาะกุมดาบบรรจงเขี่ยผมสลวยขึ้นทัดหูเจ้าของ ดวงใจนายพรานหวั่นไหวไปกับแววระยิบสีฟ้าที่น่าลุ่มหลง ใบหน้าของทั้งคู่ค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้กันปานประหนึ่งสายตามีพลังแม่เหล็ก.....

ปัง!!!

จอมดาบและมือขมังธนูต่างสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อเหลียวไปดูยังที่มาของเสียงก็เห็นแก๊งค์ฮอบบิท(ที่แม้จะขาดหัวโจก แต่ยังเหลือสปิริตความซุกซน) กำลังดึงพลุสายรุ้งอย่างสนุกสนาน เสียงเฮโลของทีมงานดังขึ้นไม่ขาดระยะเมื่อสงครามพลุกระดาษเริ่มขึ้น ฮอบบิทนอกบทและสต๊าฟหลายคนวิ่งไล่กันอย่างเอะอะครื้นเครง

ปัง! ปัง ปัง!!

แม้จะอยู่ในมุมวิเวก แต่ด้วยอากาศที่โปร่งใสเป็นพิเศษ เสียงเฮฮาของงานจึงดังเหมือนอยู่ใกล้ๆ วิกโกถอนใจเฮือกอย่างขัดใจแล้วลุกขึ้นยืน คิ้วเข้มขมวดยุ่งกึ่งหงุดหงิดกึ่งครุ่นคิด

.....เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขา...กับออร์แลนโด...ถึงได้.....

เพื่อดับความสับสนผสมงุ่นง่านที่รู้สึก ร่างสูงหยิบซิการ์ออกมา กัดปลายทิ้งแล้ว...

แชะ!

มือเรียวขาวเนียนของคนข้างกายประคองไฟแช็คยื่นมาตรงหน้า เจ้าของไฟแช็คกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะจ่อปลายซิการ์เข้ากับเปลวไฟ

"คุณทำหล่นตอนลุกขึ้นเมื่อกี้น่ะ "

เสียงใสๆของใบหน้ามนตอบ ไขความสงสัยของวิกโก ขณะที่นายพรานนอกบทบาทรับกล่องโลหะบางๆนั้นคืนมา ร่างโปร่งก็เอ่ยถามขึ้นว่า

"ซิการ์มวนนี้....รสดีแค่ไหนนะ ผมก็อยากจะลองบ้าง"

"ได้สิ"

ปากที่คาบบุหรี่มวนโตยิ้มที่มุมข้างหนึ่ง ขณะที่ควานหาซิการ์อีกมวน แต่แล้วก็ชะงักเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก

"อ๊ะ ออร์ลี่ แต่นายไม่..."

ยังไม่ทันพูดจบ ซิการ์ก็ถูกมือผุดผ่องกระตุกไป และก่อนที่คำพูดใดๆจะหลุดออกจากปากของเหยื่อการปล้นซึ่งๆหน้านี้ ปากเนียนนุ่มก็เข้ามาปิดไว้ เขาถูกปล้น...อีกแล้ว คราวนี้ปล้นทั้งควันซิการ์และลมหายใจ

เจ้าของซิการ์อ้าปากค้างเมื่อใบหน้างามมนถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

"ก็ผมบอกแล้วว่าอยากลองมวนนี้" ดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้าคู่นั้นเปล่งประกายซุกซน

"รสดี ใช้ได้"

วิกโกยืนทื่อด้วยความงุนงงและรับซิการ์ที่ถูกยัดคืนมาในมืออย่างเอ๋อๆ

.....ตะกี้นี้มัน.....ทำไมออร์แลนโด.....

"ผมไปเปลี่ยนชุดดีกว่า"

เสียงใสๆดังขึ้น ขัดจังหวะห้วงคำนึงของจอมพเนจรเชื้อสายกษัตริย์ เอลฟ์ขมังธนูผละออกห่าง แล้วพลิ้วกายออกวิ่ง ทิ้งวิกโกให้ยืนมึนอยู่ใต้ต้นไม้

.....เฮ้ย นี่มันอะไรกัน นายจะเล่นอะไรของนาย.....


เจ้าชายพรายรูปงามหายไปแล้ว ส่วนจอมพรานพเนจรยังยืนนิ่งอยู่ที่เก่า รอยยิ้มยั่วก่อนที่จะวิ่งไปนั้น มันเหมือนจะท้าทาย
หากจะให้แปลเป็นคำพูด วิกโกก็คงจะเดาว่ามันหมายถึง

'แน่จริงก็จับให้ได้สิ นายพรานจอมซื่อบื้อ'

ใช่สิ จูบแบบนั้น แต่วิ่งหนีไปแบบนี้ อย่างงี้มันยั่วกันชัดๆ ทั้งยั่วอารมณ์และยั่วโมโห มีหรือที่นายพรานแห่งดงเถื่อนจะยอมถูกหมิ่นเชิงชายอย่างง่ายดายเช่นนั้น แบบนี้ต้องตาม

จอมพรานคิด ก่อนจะสาวท้าวยาวๆไปยังตัวอาคารสีเทาหลังไกล


บนทางเดินยาวที่ทอดไปสู่ห้องต่างๆของ'กองบัญชาการ' Lord of the Rings เจ้าชายแห่งเอลฟ์เดินทอดน่องอย่างอ้อยอิ่ง ริมฝีปากเรียวงามได้รูปประดับด้วยรอยยิ้มซุกซน จนกระทั่ง...

"ฮึก..."

คิ้วงามขมวดด้วยความสงสัย ที่ใครคนหนึ่งกำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้ยาวริมทางเดิน "จูดี้?"

หญิงสาวสูงเพรียวคนนั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตางามนองไปด้วยน้ำตา "อ้าว...ร้องไห้ทำไมจูดี้"

ถามยังไม่ทันขาดคำ เสียงสะอึกสะอื้นก็กลายเป็นเสียงปล่อยโฮ สุภาพบุรุษเอลฟ์ถลาเข้าไปด้วยความตกใจ มือขาวผ่องเป็นยองใยโอบไหล่สาวน้อยผู้มีใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำตา หลังจากถามไถ่ได้สักพัก ก็ได้ความว่า สาวสต๊าฟเบื้องหลังการถ่ายทำคนนี้ เพิ่งได้ข่าวจากแม่ ว่าหมาสุดรักสุดหวงของเธอได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียแล้ว ออร์ลี่ผู้เปี่ยมด้วยน้ำใจของเรามีหรือจะนิ่งเฉยได้ เขาโอบไหล่เพื่อนร่วมงานด้วยลำแขนกระชับ มือหนึ่งลูบผมยาวสีบรูเน็ตต์ของหล่อนแบบปลอบประโลมใจ


ทางฝ่ายพรานหนุ่มที่กำลังไล่จับเจ้าชาย หลังจากแวะจิ๊กบรั่นดีหนึ่งแก้วมาจากปาร์ตี้ขณะเดินผ่านบริเวณโต๊ะแล้ว ก็เร่งฝีเท้าเข้ามาในตัวตึก เดินหาห้องแต่งตัวของออร์แลนโดไปพลางจิบเครื่องดื่มไปพลาง

แต่แล้วจอมพเนจรแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธก็ต้องตกตะลึงจนแทบปล่อยแก้วหล่นจากมือ เมื่อได้เห็นภาพอันบาดตาบาดใจ ออร์แลนโดกำลังประคองกอดหญิงสาวอย่างแนบชิด มือที่เมื่อครู่แย่งซิการ์ไปจากเขากำลังลูบหัวหล่อนอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากนุ่มที่ฉกชิงลมหายใจของเขาก็กำลังพร่ำรำพันอะไรบางอย่างที่เขาไม่ได้ยิน

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่ลุกโชติช่วงด้วยความรู้สึกบางอย่าง เบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อออร์แลนโดจูบแผ่วๆบนหน้าผากของหญิงคนนั้นก่อนผละจาก หล่อนเดินเลี้ยวไปทางอื่น ส่วนหนุ่มร่างเพรียวกลับหลังหันมาเพื่อเปิดประตูห้องแต่งตัว

"อ้าววิกโก คุณตามผมมา?"

น้ำเสียงแจ่มใสกล่าวถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่หน้าประตู นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยยังคงมีประกายยิ้ม

.....ร้ายนักนะ เจ้าเด็กเพลย์บอย....

.คู่สนทนากล่าวหาอยู่ในใจ ความรู้สึกที่อัดอยู่ในอกไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำพูด

"อืม..."

คือคำเดียวที่ร่างสูงตอบได้ ขณะที่คนตรงหน้ากำลังไขกุญแจเข้าห้อง เขาก็พยายามข่มอารมณ์ให้เป็นปรกติ พอก้าวเข้าไปในห้อง พรายหนุ่มก็เริ่มเปลื้องผ้าโดยไม่เกรงใจคนที่เดินตามหลังมา สองขาเพรียวก้าวพาร่างไปยังตู้เสื้อผ้า มือหนึ่งปลดอาภรณ์ออก อีกมือความหาชุดในตู้

"ตะกี้นี้ .... ใคร"

เสียงแหบห้าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเกือบเป็นปรกติหลังจากกระดกเครื่องดื่มสีอำพันหมดแก้ว ออร์แลนโดเหลือบมองใบหน้าของนายพรานนอกบท ดวงตาซุกซนเป็นประกายไหววูบก่อนจะตอบว่า

"จูดี้ น่ารักไหมล่ะ? คุณสนเหรอ งั้นเรามาแข่งกัน"

ดวงตากร้าวเปล่งประกายวูบหนึ่ง ก่อนที่เจ้าของจะเค้นคำถามออกมาอย่างยากลำบาก นิ้วแกร่งเกร็งลูบคลำขอบแก้วที่เพิ่งถูกวางลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน

"นาย....สนหล่อน?"

เอลฟ์โฉมงามกลั้นหัวเราะ เมื่อจับหางเสียงของผู้พูดได้ แล้วตัดสินใจตอบไปว่า

"ก็ทำนองนั้น"

สายตาคมกล้าจ้องมองหลังขาวเนียนด้วยความรู้สึกปั่นป่วน มือสองข้างกำแน่นอยู่ข้างลำตัว

….นี่เขาโดนหยอกเล่น งั้นหรือ....

"แต่นาย....จูบชั้น"

ร่างเพรียวที่เผยหลังนวลเนียนหัวเราะคิก แล้วตอบโดยไม่เหลียวกลับมา

"นั่นน่ะ ล้อเล่นเฉยๆ....ขอบคุณสำหรับซิการ์"

เงี่ยหูฟังเสียงอีกฝ่ายพลางปลดเข็มขัดออกจากเอว เมื่อเห็นว่าจอมพรานนิ่งเงียบไปนานหลายอึดใจ เจ้าชายผู้ซุกซนก็ตัดสินใจเลิกแกล้ง

"ล้อเล่นน่ะ ที่จริงผม....อึ๊"

ครึ่งหลังของประโยคถูกขัดจังหวะ ด้วยการคว้าที่ไหล่แล้วกระชากให้หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า มือกร้านผลักจนร่างเพรียวเซถอยหลังไปชนตู้โครมใหญ่ ดวงตาวาวโรจน์จ้องมาจากระยะใกล้แค่ปลายจมูก

"ร้ายนักนะ ออร์แลนโด!"

เสียงคำรามของร่างที่สูงกว่าทำให้อีกฝ่ายสะท้านเฮือก และยิ่งสะท้านมากกว่าเดิมเมื่อริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างรุนแรงและเร่าร้อน

I feel you inside me...

ลิ้นต่อลิ้นสัมผัสกัน ลมหายใจร้อนผะผ่าวคุกรุ่นอยู่ภายใน ร่างบางเพรียวส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ สองมือที่บัดนี้ไร้สิ้นซึ่งเรี่ยวแรงพยายามผลักไสดิ้นรนให้พ้นจากอ้อมอกแข็งแกร่งนั้น

แต่ผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าไม่ยินยอมปล่อย อุ้งมือแข็งปานคีมเหล็กรวบข้อมือทั้งสองของผู้เป็นรองไว้แน่น ลิ้นอันจาบจ้วงหยาบคายยังคงสำรวจอาณาเขตภายในอย่างไม่หยุดยั้ง จวบจนร่างบางในอ้อมแขนทรุดกายลงอย่างอ่อนแรง ผู้มีชัยจึงถอนปากออก ดวงตามีแววยิ้มย่องอย่างผู้ชนะ

"อย่ามาล้อเล่นกับความรู้สึกของชั้นนะ!"

เพลิงพิโรธโชติช่วงในดวงตา พรายผู้จนตรอกสั่นสะท้านพลางกระถดหนี หัวใจเต้นระรัวยิ่งกว่าเสียงรัวกลองศึก

"วิก........อื้ออออออออ"

เสียงประท้วงยังไม่ทันลอดผ่านลำคอออกมา ร่างบางก็ถูกฉุดรั้งเข้าไปจูบอีก หากแต่คราวนี้ไม่ได้จูบเปล่า ฝ่ามือแกร่งกร้านยังพลอยรุกรานร่างกายด้วย สัมผัสที่เคล้นคลึงบนแผ่นหลัง ค่อยๆระต่ำลงมาถึงบั้นเอว ร่างบางครางแผ่วเมื่อริมฝีปากวิกโกถอนออกและย้ายมาแตะตอดบนยอดอก สัมผัสนุ่มที่ร้อมรุ่มและเปียกชื้นเรียกเสียงครางจากใบหน้ามนมากยิ่งขึ้น นิ้วสากที่ไต่ไล่ระต่ำลงและต่ำลงเกี่ยวขอบกางเกงและรั้งออก มือที่ยังว่างช่วยปลดอาภรณ์ชั้นนอกชิ้นสุดท้ายออกจากตัว เผยเรียวขานวลเนียนสู่สายตาของหนุ่มใหญ่เจ้าของมือ

ฝ่ามือใหญ่เกาะกุมส่วนบอบบางของร่างภายใต้ ผ้าฝ้ายเนื้อหนาอันเป็นปราการด่านสุดท้ายถูกดึงออก ร่างนั้นสั่นน้อยๆเมื่อวิกโกเคลื่อนมือด้วยสัมผัสร้อนแรง ฝ่ามือสากเร่งเร้าอารมณ์ให้ทะยานสูงขึ้น พายุภายในเริ่มก่อตัว เรียวขางามบิดเกร็งด้วยความเสียวกระสัน เสียงครางแผ่วรัญจวนลอดไรฟันออกมา

"อื๊มมมม......อา.............อ๊า"

ร่างบางครางออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อคลื่นความร้อนที่โหมกระหน่ำอยู่ภายในประทุออก สายธารแห่งความปรารถนาซัดสาดกายเปลือยเปล่าจนเปียกชุ่มโชก

ออร์แลนโดอ้าปากไขว่คว้าหาอากาศ อกสีนวลสะท้อนขึ้นลงอย่างเหนื่อยหอบ แต่แล้วเวลาพักก็หมดลงในทันใด เพราะจอมพรานกระชากไหล่จนหน้าคะมำ

ออร์แลนโดพยุงตัวขึ้นด้วยสองแขนที่สั่นระริก ภาพที่ปรากฏตรงเบื้องหน้าคือกระจกบานใหญ่ข้างตู้เสื้อผ้า เงาร่างของผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังมีแววทะมึนน่าพรั่นพรึง

"นายจะต้องเสียใจที่มายั่วชั้น!"

เสียงแหบห้าวกล่าวมาอย่างกราดเกรี้ยว ยังไม่ทันได้ตอบก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อด้านหลังถูกรุกรานด้วยร่างแข็งแกร่ง ชายหนุ่มผู้สิ้นแรงกรีดร้องเสียงหลง หยาดน้ำใสร่วงพรูลงจากตาทั้งคู่คล้ายหยาดฟ้าที่หลั่งลงสู่ผืนปฐพี

"ไม่!!!! วิก....โก ผมเจ็บ เจ็บ!!!!!!!!"

เสียงอุทธรณ์ไม่เป็นผล ร่างเบื้องหลังยังคงดึงดันที่จะคืบคลานเข้ามาในกายบอบบาง อุ้งนิ้วที่แข็งดุจเหล็กรั้งที่ต้นขาให้ถอยไปประชิด ร่างนวลพยายามคลานหนีไปข้างหน้า แต่จนปัญญาเนื่องเพราะแรงดึงนั้น อีกทั้งหนทางหนีก็สิ้นสุดลงด้วยเบื้องหน้าคือกระจกที่สะท้อนเงาของตนในระยะประชิด

"โอ๊ยยยย! ได้....โปรด...อย่า....."

ริมฝีปากที่สั่นระริกแดงช้ำเพราะแรงขบเค้นเสียงร้องขอความเมตตา แต่ดูเหมือนผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้นถูกเพลิงปรารถนาแผดเผาจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ

tearing me in pieces...

ร่างแกร่งถูกกระแทกกระทั้นให้ดิ่งลึกอย่างไม่ปราณีปราศรัย หน้างามมนซีดเซียวด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของตนที่ปรากฏบนกระจกช่างเหมือนเหยื่อทรมานของเหล่านักรบปีศาจ...เหยื่อที่ถูกกระทำทารุณจนลมหายใจขาดห้วง ผมสีทองอ่อนชื้นเหงื่อลู่แนบใบหน้า และสยายลงมาเรี่ยระอยู่กับพื้น หยดของเหลวสีแดงเข้มไหลปรี่ลงมาตามปลีขา นิ้วเรียวงามจิกเกร็งด้วยความรวดร้าว

pleasing me to death...

ในห้วงแห่งความทรมานที่เนิ่นนานนั้น ความสุขสันต์ค่อยๆก่อตัวขึ้นมา ไฟปรารถนาที่ลุกกระพือค่อยๆลามมาถึงร่างบอบบางผู้ตกเป็นเหยื่อ รสสวาทหวามวาบซาบซ่านไปถึงดวงใจอันปั่นป่วนระทึก เสียงครวญครางอันเร่าร้อนรัญจวนของทั้งคู่ค่อยๆดังขึ้น อารมณ์ที่เตลิดเปิดเปิงทวีความร้อนแรงกว่าเดิม จังหวะรักถูกบรรเลงเร็วและเร็วขึ้น

as you delve deeper inside...

เกลียวคลื่นก่อตัวอยู่ภายใน ทุกวินาทีที่อารมณ์ทะยานสูงขึ้นช่วยผลักดันให้กระแสคลื่นทั้งแรงและทบตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดสิ่งที่ซัดสาดอย่างคลุ้มคลั่งอยู่ภายในก็มากล้นจนเกินกว่าภาชนะจะกักเก็บไว้ได้ วิกโกโถมกายเข้าใส่ร่างบาง อย่างสุดแรงเกิด เป็นวินาทีเดียวกันกับที่กระแสธารแห่งความปรารถนาถูกปลดปล่อยออกมา หยาดชีวิตของทั้งคู่หลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียว

อารมณ์ที่ถูกเติมเต็มจนท่วมท้นค่อยๆคลายความรุนแรงลงจนสงบราบคาบในที่สุด วิกโกทิ้งตัวลงบนหลังของร่างบางที่ทรุดฮวบลงนอนพังพาบ แต่แล้วก็ต้องยันตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างนั้นปวกเปียกกว่าที่ควรจะเป็น

"ออร์แลนโด!"

เสียงแหบห้าวตะเบ็งด้วยความตระหนกเมื่อรับรู้ว่าร่างบางในอ้อมกอดนั้นสิ้นสติสมประดี


ร่างที่บอบบางกว่าลืมตาขึ้นเพราะสัมผัสเปียกอุ่นที่ไล้ไปมาอยู่บนกาย สิ่งที่ปรากฏเป็นสิ่งแรกคือภาพของร่างสูงที่บรรจงใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดทั่วร่างเนียนของตน ดวงตาล้ำลึกสีน้ำตาลแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง และเมื่อตาคู่นั้นพริ้มลงด้วยความร้าวรานใจ หยาดน้ำใสก็หยดลง...หยดลงมาบนหลังมือของผู้ที่เพิ่งฟื้นคืนสติ

I feel I'm being kissed,

"ร้องไห้ทำไมวิกโก"

ชายหนุ่มผู้กร้าวแกร่งแต่หัวใจอ่อนไหวสะดุ้งเฮือก หลังมือสีแทนปาดน้ำตาด้วยความรวดเร็วเหมือนจะรีบซุกซ่อนความในใจ

"ออร์ลี่....เป็นไงบ้าง?" เสียงห้าวที่อ้อมแอ้มถามทำให้ผู้ถูกถามหัวเราะเบาๆ

"ก็โอเค แล้วคุณล่ะ?"

สีหน้าลำบากใจของอีกฝ่ายทำให้เจ้าชายพรายคนงามรู้ว่าเขากำลังรู้สึกผิด...ในความโหดร้ายของตน

"ชั้น...ขอโทษ" น้ำเสียงที่กล้ำกลืนความเจ็บปวดในหัวใจกล่าวเสียงแผ่ว

"ชั้น...หึงจนลืมตัว" หน้าคมก้มนิ่งไม่กล้าสบตา แต่ฝ่ามือใหญ่เกาะกุมมือเรียวเอาไว้ เสมือนจะตอกย้ำความต้องการเป็นเจ้าของ ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

เสียงทุ้มต่ำกล่าวต่ออย่างอ่อยๆ"รู้ไหมว่า ชั้นรักนายแค่ไหน ถึงได้หึงจนคลั่งได้ขนาดนั้น"

ผู้ฟังถอนหายใจยาว คำคำนี้แหละที่เขาต้องการ คำที่รอคอยมานานแสนนาน

fulfilled my emptiness...

"ก็ผมแกล้งให้คุณหึง"

พรานไพรผู้ต้องมนต์สะกดแห่งเอลฟ์เงยหน้าอย่างรวดเร็วจนผมสะบัด คิ้วเลิกสูง ตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึงพรึงเพริด

"นาย...!?"

"เพราะฉะนั้นไม่ต้องขอโทษหรอก ผมก็ผิดเหมือนกัน ขอโทษที่แกล้งให้ต้องเจ็บใจ"

หนุ่มน้อยผู้ซุกซนกลับมามีแววตาร่าเริงอีกครั้ง ริมฝีปากระบายไปด้วยรอยยิ้ม เจ็บกว่านี้อีกร้อยเท่าก็ยอมได้ หากเจ็บแล้วจะได้เห็นดวงตาสีเข้มที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยคู่นั้นฉายมายังตน

I'm never regret...

"ออร์ลี่..."

นายพรานผิวเข้มพึมพำขณะที่คอถูกมือขาวเนียนโน้มดึงลงมา แล้วทั้งคู่ก็จุมพิตกันอย่างนุ่มนวลลึกซึ้ง

"ข้ารักท่าน สไตรเดอร์"

จอมพเนจรผู้เพิ่งพบแหล่งพักพิงยิ้มออกมาได้ และกระซิบอย่างอ่อนโยนตอบไป

"ข้าก็รักเจ้า เลโกลาส"

when you are deep inside me...

Thank you for reading.
Please feel free to leave comment or message to the author

 

This homepage is owned by noname since 1999.All rights reserved.