: to Love is to Let go :
Author
นิรนามแห่งมอร์ดอร์ a.k.a. Unknown de Mordor
Disclaimer
All of the characters are owned by J.R.R.TOLKIEN,THE LORD OF THE RINGS.This story just a work of author imagination, which didn't mean to spoil the main story or make any profit from it.
Special Thanks นิรนามแห่งมอร์ดอร์ a.k.a. Unknown de Mordor์ for this fic it's show more than just love,it's true love and how the love can goes, it's also show friendship too.I love it so much.
" to Love is to Let go "

 

กระจกเงาบานใหญ่แขวนไว้บนผนังสีขาวของหอคอยแห่งพระอาทิตย์ กระจกที่สะท้อนภาพของเลโกลัส เจ้าชายพรายแห่งเมิร์กวู้ดผู้ที่ยืนมองมันอย่างสงบนิ่งราวกับกำลังมองดูตัวตนของผู้ซึ่งเขาไม่รู้จัก

" เลโกลัส...." เจ้าชายเหลือบสายตาไปที่มุมซ้ายของกระจก อารากอร์นซึ่งบัดนี้เป็นเอเลสซาร์ กษัตริย์แห่งกอนดอร์ กำลังมองเขาอย่างสำนึกผิด

" ขอบคุณที่มาตามนัด ฝ่าพระบาท " เขาเอ่ยตอบอย่างเย็นชา " ข้ามีเรื่องต้องพูดกับท่าน "

" ถ้าเป็นเรื่องอาร์เวน...... "

" ใช่ มันเป็นเรื่องของอาร์เวน " เจ้าชายพรายเอ่ยแผ่วๆ " เราต้องจัดการเรื่องนี้กันเสียที ก่อนที่อาร์เวนจะมาถึง "

" จะให้ข้าทำอะไร เลโกลัส ตอนนี้....ตอนนี้ข้าไม่รู้จะทำอย่างไร ข้ารักทั้งอาร์เวน ทั้งท่าน หรือท่านจะขอให้ข้า..... "

" เอเลสซาร์ ท่านต้องอภิเษกกับอาร์เวน นี่เป็นทางเลือกที่ท่านต้องเลือกและเป็นทางเลือกอันสมควรแล้ว นางทุ่มเทให้ท่านมากเหลือเกิน ใจนางจะแตกสลายถ้าท่านปฏิเสธ "

กษัตริย์เอเลสซาร์นิ่งเงียบ เขาตกใจที่พรายเจ้าตัดบทตรงไปตรงมาอย่างไม่ใยดี แต่อันที่จริง ผู้ที่อารากอร์นเห็นผ่านกระจกบานนั้นคือพรายที่รู้สึกผิด เลโกลัสกำลังโยนความผิดของทั้งคู่สู่ตัวเขาเองแต่ลำพัง พรายเจ้าเสียสละความสุขในใจเขาเพื่ออาร์เวนและอารากอร์น นั่นยิ่งทำให้กษัตริย์แห่งกอนดอร์เจ็บลึกขึ้นไปอีก พวกเขาสบตากันไม่ได้อีกแล้ว

" ข้าขอลา " กษัตริย์เอเลสซาร์ถอยห่างออกจากห้องและเดินหายไป

เลโกลัสถอนใจใหญ่ ลึกๆแล้วเขาโกรธที่เรื่องราวลงเอยเช่นนี้ แต่เขาเองก็ไม่อาจโทษอารากอร์นแต่ถ่ายเดียวได้ เขาเองก็ผิด ผิดที่ปล่อยใจตัวเองให้เผลอไผลไปกับผู้ที่เป็นคนรักของธิดาพรายของจ้าวแห่งริเวนเดล ทั้งๆที่รู้ว่านางผูกพันกับพรานหนุ่มมากเพียงใด ก่อนนั้นเลโกลัสได้สบดวงตาสีเทาอันเศร้าสร้อยผ่านกระจกเงา ทั้งเจ็บปวดและรู้สึกผิด ที่พรายเจ้าเห็นในกระจกคือชายผู้ซึ่งเจ็บปวดกับความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้ของทั้งคู่ เขารู้สึกเศร้า แต่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากพร่ำพูดกับตัวเองว่าเขาไม่น่ารู้จักกันเลย

เลโกลัสยังคงมองดูตัวตนในกระจกโดยไม่ขยับ เขาเพิ่งพูดสิ่งที่ใจลึกๆไม่ได้รู้สึกเลยแม้แต่น้อย เขารักอารากอร์น รักมากเท่าที่พรายตนใดจะรักได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ทั้งกับเขาและอารากอร์น เขาจึงเลือกที่จะไป พรายเจ้าเชื่อว่าเขาสามารถปกปิดทุกอย่างไว้ใต้ใบหน้าที่เย็นชา แต่เปล่าเลย กระจกฟ้องทุกสิ่งออกมาอย่างไม่ปรานีปราศัย ราวกับกำลังยิ้มเยาะพรายผู้โง่เขลาอยู่ก็ไม่ปาน

" เจ้าทำดีแล้ว เลโกลัส " เสียงทุ่มกังวานดังมาจากอีกห้อง ซึ่งร่างเตี้ยตันคอยดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้น

" ขอบใจ กิมลี " พรายเจ้าถอนใจและส่งยิ้มที่เสแสร้งที่สุดตอบชายแคระผ่านกระจกโดยไม่สบตา " ข้าอาจไม่ชอบผลที่ออกมา แต่มันก็ต้องเป็นไป สิ่งใดจะเกิดก็ต้องเกิด "

" ข้าเคยได้ยินเรื่องของพรายมามาก ล้วนแต่บัดสีและไม่จริงทั้งสิ้นสำหรับท่าน " กิมลีเดินเข้ามาและยืดมือจนสุดเพื่อตบบ่าเจ้าชายพรายให้ถึง " ท่านเป็นพรายที่ประเสริฐสุดแล้ว เลโกลัส "

" ขอบคุณ แต่ข้าไม่แน่ใจนักว่าจะยังคงปั้นสีหน้าเช่นเดิมในงานอภิเษกได้หรือไม่ "

ชายแคระส่ายหัวและถอนใจอย่างหนักหน่วง

" ถ้าข้าเป็นท่าน ข้าคงทำอย่างที่ทำไปไม่ได้ ท่านทำได้แค่นี้ก็ดีมากแล้ว " กิมลีเดินเข้ามายืนด้านข้างของพรายเจ้าเพื่อดูสีหน้าของเขาโดยตรงและไม่ถูกบิดเบือน " การที่จะรักคือการปล่อยไป ข้าฟังตำนานมาร้อยแปดแต่ท่านเป็นคนแรกที่ปล่อยคนที่ท่านรักไปสู่ที่ที่ท่านคิดว่าดีกว่าได้ "

" รักคือการปล่อยไป " เลโกลัสทวนคำช้าๆขณะที่มองดูสหายสนิทที่สุดของเขา " ขอบคุณมากกิมลี "

" ด้วยความยินดี " ชายแคระโค้ง " ทีนี้ท่านต้องร่าเริงให้เหมือนเก่า แรกเริ่มอาจทรมานใจแต่ท่านจะต้องผ่านไปได้แน่ "

" กิมลี....." เจ้าชายพรายจ้องมองดูชายแคระอย่างฉงน " ท่านพูดราวกับท่านเข้าใจมันอย่างดีเชียว ท่านเคยมีความรักกระนั้นหรือ "

หากโกนหนวดรุงรังเหล่านั้นออกคงได้เห็นใบหน้าแดงปลั่งเหมือนผลแอปเปิ้ลสุกสดของกิมลี ขณะที่ดวงตาสีคล้ำหวนนึกถึงบ้านเกิดของตนขึ้นมา

" อ้า เรื่องนั้น..... " เขาแกล้งอุทานพร้อมรอยยิ้ม " ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง ....อย่างละเอียด... ทีหลัง "

แล้วชายแคระและพรายเจ้าก็เดินออกไปด้วยกันสู่สวนอันร่มรื่นงดงาม ที่ซึ่งเสียงแห่งท้องทะเลยังคงเรียกขานทั้งคู่อยู่....

 

Thank you for reading.
Please feel free to leave comment or message to the author

 

This homepage is owned by noname since 1999.All rights reserved.