ฮีตสิบสอง..คลองสิบสี่

 ฮีตสิบสอง
ขนบธรรมเนียมประเพณีส่วนท้องถิ่น เป็นสิ่งแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ของแต่ละสังคมซึ่งอาจจะคล้ายคลึงหรือแตกต่างกันตามสภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมของสังคม ประเพณีหลายอย่างของชาวอีสานเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาสภาพสังคมและสถานภาพของสังคมนี้ให้คงอยู่ และเป็นเครื่องเสริมสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ชาวอีสาน เมื่อมีโอกาสประกอบกิจตามประเพณีในแต่ละเดือนร่วมกัน ประเพณีนั้นเรียกว่า ฮีต 12 หรือ จารีตประเพณี 12 ประการ อันเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่บรรพบุรุษ

ถึงเดือนอ้าย ให้เสียลานเฮ็ดปาแดก ให้ลงแขกเกี่ยวข้าวมนต์พระเจ้าเข้ากรรม
เดือนอ้าย(ธันวาคม) บุญเข้ากรรม เป็นช่วงเวลาพระสงฆ์เข้าปริวาสกรรม ซึ่งเป็นพิธีสำหรับพระภิกษุเพื่อให้บริสุทธิ์จากอาบัติสังฆาทิเสสง ในเดือนเดียวกันนี้ชาวบ้าจะไปทำบุญที่วัด นอกจากพิธีกรรมทางศาสนาแล้วก็เป็นเวลาที่ข้าวในนาสุกพร้อมจะเก็บเกี่ยวได้ จึงมีการลงแขกเกี่ยวข้าวกัน และทำปลาร้า ปลาแดก เก็บไว้เป็นเสบียงตลอดปีด้วย

เดือนยี่ ให้เอาคันหลาวขนเข็นข้าว โฮมลานรวมใหญ่ ม้างแล้วตีฟากฟุ้งเป็นกุ้ม แล้วก่อบุญ เหลือจากนั่นให้ขนขึ้นใส่เยีย
เดือนยี่(มกราคม) บุญคูณลาน โดยนิมนต์พระไปเทศน์ที่ลานข้าวของหมู่บ้าน และทำบุญตักบาตรเลี้ยงพระ ประพรมน้ำมนต์แก่ลานข้าวแล้ต้นข้าวที่นาให้เป็นสิริมงคล เมื่อเกี่ยวข้าวเอาขึ้นยุ้งฉางแล้วก็ทำพิธีสู่ขวัญข้าว และตักข้าวเปลือกจากยุ้งเป็นปฐมฤกษ์เพื่อเอาไปถวายพระที่วัดก่อนจะกินกันต่อไป

เดือนสาม ให้เอาบุญเฮือน ให้เอาบุญสู่ขวัญข้าว บุญประทายข้าวเปลือก เพ็งมาฆะกี่ข้าว บูราณว่าฮีตคอง
เดือนสาม(กุมภาพันธ์) บุญข้าวจี่ และวันเพ็ญเดือนสามก็เป็นวันมาฆบูชา นอกจากทำพิธีบุญข้าวจี่ถวานพระแล้วก็มีการลงขันผลผลิตกันไว้ที่วัดซึ่งเรียกว่า พิธีบุญประทายข้าวเปลือก

เดือนสี่ ให้เอาบุญพระเวส ตั้งศาลอุปคุตรเพียงตา ทำบุญหาคนตาย ย่าย่ายให้ถึงท่าน
เดือนสี่(มีนาคม) บุญเผวส(พระเวสสันดร) คือ พิธีเทศน์มหาชาติ ชาวบ้านก็จัดข้าวปลาอาหารไปทำบุญแล้วร่วมกันฟังเทศน์มหาชาติ ถือกันว่าใครไปฟังเทศน์มหาชาติครบสิบสามกัณฑ์ในวันเดียวกันจะได้ไปเกิดในสมัยพระศรีอาริยเมตไตรยอันเป็นยุคอุดมสุข พร้อมทั้งอุทิศส่วนกุศลให้ปู่ย่าตายายผู้ล่วงลับ และจัดขนมจีนเลี่ยงญาติมิตร

เดือนห้า ยามสงกรานต์เดือนห้า ให้ฮดสงพ่อแม่ แห่นางสงกรานต็ สรงน้ำพระประทาน บายศรีพระผู้เฒ่า โบราณว่าฮีตคอง
เดือนห้า(เมษายน) สงกรานต์ ชาวบ้านจะสรงน้ำพระพุทธรูปและไปกราบไหว้ระลึกคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยทำพิธีบายศรีผู้ใหญ่และอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชน

เดือนหก วิสาขาบอกไว้ บั้งไฟใหญ่ถวยแถน แห่บวชแห่พระหม่อมขนัน สำเร็จเจ้ายาซา ยาคูเฒ่า ใต้เหนือยาคูใหญ่ ยาคูพระลูกแก้วพระหลักคำ
เดือนหก(พฤษภาคม) บุญบั้งไฟ ฤดูฝนเริ่มแล้ว และวันเพ็ญเดือนหกก็เป็นวันวิสาขบูชา ชาวบ้านจึงทำบุญระลึกถึงพระพุทธเจ้าพร้อมกันนั้นก็มีพิธีบุญบั้งไฟเพื่อบูชาแถน และขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล ให้มีความอุดมสมบูรณ์เมื่อเริ่มต้นฤดูกาลทำนาทำไร่

เดือนเจ็ด ให้เอาบุญเบิกบ้าน ปัดเป่าภัยพิบัติ ตอกหลักปีหลักเดือน บวงสรวงมเหศักดิ์ หลักเมืองทั่วแดนตาตุ้ม เตรียมตกกล้าไถหูดนา เฮ็ดไฮ่
เดือนเจ็ด(มิถุนายน) บุญซำฮะ(บุญชำระ) หรือที่เรียกว่าบุญเบิกบ้าน ชาวบ้านจะพร้อมใจกันปัดกวาดทำความสะอาดเรือนคุ้มบ้านไม่ให้สกปรกรกรุงรังแล้วจึงทำบุญและประกอบพิธีชำระและป้องกันเสนียดจัญไรในหมู่บ้านนอกจากพิธีสงฆ์และถวายสังฆทานแล้ว ก็มีพิธีสวดคาถาไล่ผี ปัดรังควานปัดเป่าความชั่วร้าย แล้วรดน้ำมนต์ทั่วหมู่บ้าน จากนั้นก็เตรียมตกกล้า แฮกนา ไถหว่านและทำไร่กัน

เดือนแปด เตรียมเอาผ้ากาสาเทียนธูปไปฟังธรรมทุกค่ำเช้า เอาผ้าอาบน้าฝนไปถวายพระ
เดือนแปด(กรกฎาคม) บุญเข้าพรรษา ชาวบ้านจะแห่เทียนพรรษาไปวัดและเอาผ้าอาบน้ำฝนถวายพระ แล้วหมั่นไปฟังเทศน์ฟังธรรมตลอดพรรษา

เดือนเก้า อันว่าปฐพีพื้นมีคุณอันเอนก ประดับดินบอกเองบุญให้ส่งถึงเอาบุญข้าวประดับดิน แผ่นดินมีคุณอนันต์อเนก ถึงเดือนเก้าปลูกข้าวก็ได้กิน ปลูกหญ้าก็ได้กิน เลยทำบุญข้าวประดับดิน ทำแล้วเอาข้าวไปฝังให้อาหารแก่ดิน พูดทุกวันนี้คือ เอาปุ๋ยใส่ดิน
เดือนเก้า(สิงหาคม) บุญข้าวประดับดิน เป็นพิธีรำลึกถึงคุณแผ่นดินที่มนุษย์ได้อาศัยทำมาหาเลี้ยงชีพ เมื่อทำบุญที่วัดแล้วก็จัดข้าวปลาอาหารไปฝังให้แก่ดิน ปัจจุบันบางหมู่บ้านดัดแปลงมาเป็นการใส่ปุ๋ยบำรุงไร่นา หรือบางแห่งก็นำอาหารคาวหวาน บุหรี่ หมากพลูใส่กระทงใบตองไปวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ อีกนัยหนึ่งอธิบายว่าเป็นการทำบุญให้ญาติผู้ล่วงลับเนื่องจากเชื่อว่าในเดือนเก้าคนตายได้รับการปลดปล่อยให้ออกมาท่องเที่ยว บุญข้าวประดับดินทำในวันแรมสิบสี่ค่ำเดือนเก้า

เดือนสิบ ถึงเดือนสิบมาฮอดแล้ว ให้เอาบุญข้วสาก ฟังเทศน์ลำพร่ำพร้อมถวายผ้าหมู่สงฆ์ ลำกาดำ ลำสินชัย ลำสังข์ทอง ลำหอมฮู ลำการเกษ เทศน์ลำเดือนสิบ บุญข้าวสาก
เดือนสิบ(กันยายน) บุญข้าวสาก ชาวบ้านจะนำข้าวฉลากหรือห่อข้าวใหญ่ไปถวายพระสงฆ์ อุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว แล้วนำห่อข้าวน้อยไปแขวนไว้ตามต้นไม้ ตามเสาหรือเจดีย์ แล้วตีกลองตีโปงบอกสัญญาณให้ผีญาติพี่น้อง รุกขเทวดาและเปรตมารับเอาข้าวห่อนั้น ด้วยถือว่าเป็นการส่งเปรตและผู้ล่วงลับที่ออกมาเที่ยวในเดือนเก้าให้กลับไปสู่แดนของตน

เดือนสิบเอ็ด ให้สานกระเพียด กรอกน้ำมัน ฝั่นฝ้าย ช่วยตีนกาบูชาพระยากาเผือก ตักบาตรเทโว กวนข้าวทิพย์ พร่ำพร้อมถวายผ้าห่มหนาว
เดือนสิบเอ็ด(ตุลาคม) บุญออกพรรษา ตอนเช้าชาวบ้านไปทำบุญที่วัด ตกเย็นชาวบ้านเอาดอกไม้ธูปเทียนไปบูชาพระและถวายผ้าบังสุกุลมีการตักบาตรเทโวที่วัด กวนข้าวทิพย์ กรอกน้ำมัน ปั่นฝ้าย

เดือนสิบสอง ให้เอาบุญข้าวเม่า นำกฐินไปทานทอดฮีตสิบสอง คองโบราณกล่าวว่าตัวเจ้าให้ลำนำ
เดือนสิบสอง(พฤศจิกายน) บุญกฐิน จากวันแรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ด ถึงวันเพ็ญเดือนสิบสองชาวบ้านจะทำพิธีทอดกฐินที่วัดเหมือนที่ทำกันทั่วประเทศ บางแห่งที่อยู่ใกล้น้ำก็จะมีการส่วงเฮือแข่งเรือ การไหลเรือไฟ และลอยกระทงกัน ในชวงเวลาเดียวกันนี้ ข้าวตั้งท้องและเปลี่ยนเป็นเมล็ดข้าวแล้ว ก่อนจะสุกเต็มที่ก็จะเก็บมาทำข้าวเม่าไว้ถวายพระและเอาไว้กินกัน จึงเรียกพิธีช่วงนี้อีกชื่อหนึ่งว่า บุญข้าวเม่า

 คลองสิบสี่
 คลอง ซึ่งชาวอีสานจะออกเป็น คอง จะเป็นเหมือนบทบังคับให้ทุกคนต้องปฏิบัติตามไม่ว่าจะเป็นบุคคลระดับใด คองจะมีความเข้มงวดมากกว่าฮีต เพราะคองเปรียบเหมือนกฏหมายที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม หากไม่ปฏิบัติและละเว้นก็จะถูกสังคมลงโทษตามฐานะแห่งความผิดนั้น ๆ

ประเภทของคองสิบสี่
1.คองสิบสี่ประเภทสอนผู้ปกครอง เจ้าฟ้ามหากษัตริย์
2.คองสิบสี่ประเภทสอนพระสงฆ์
3.คองสิบสี่ประเภทสอนประชาชนทั่วไป
ในที่นี้ขอนำเสนอ คองสิบสี่ประเภทที่ 3 ซึ่งใกล้ตัวเรามากที่สุด

คองที่ 1 เมื่อเข้ากล้าเป็นฮวงเป็นหมากแล้วอย่าฟ้าวกินก่อนให้เอาทำบุญให้ทานแก่ผู้มีศีลกินก่อนแล้วจึงกินภายลุน
หมายความว่า เมื่อข้าวออกรวงหรือเก็บเกี่ยวแล้วอย่าพึ่งนำมารับประทาน ให้นำไปทำบุญหรือนำไปถวายพระก่อนแล้วกินทีหลัง

คองที่ 2 อย่าโลภล่าย ตายอย ถอยตาซั่ง อย่าจ่ายเงินแดง แปงเงินคว้างและอย่ากล่าวคำหยาบช้ากล้าแข็งต่อกัน
หมายความว่า อย่าเป็นคนละโมบโลภมาก คดโกง อย่าเห็นแก่ตัวและอย่ากล่าวคำหยาบ

คองที่ 3 ให้พร้อมกันเฮ็ดฮั้วต้ายและกำแพงอ้อมวัดวาอาฮามและบ้านเฮือนของตนแล้วปุกหอบูชาไว้สี่แจบ้านและเฮือน
หมายความว่า ให้พากันสร้างรั้วกำแพงล้อมวัดและบ้านเรือนของตนและสร้างหอบูชาไว้สี่มุมของหมู่บ้านและเรือนของตน

คองที่ 4 เมื่อจักขึ้นเฮือนนั้นให้ส่วยล้างตีนเสียก่อนจึงขึ้น
หมายความว่า ก่อนจะขึ้นไปบนบ้านเรือนให้ล้างเท้าให้สะอาดเสียก่อน

คองที่ 5 เมื่อเถิงวันศีล 7-8-14-15 ค่ำให้สมมาก้อนเส้าแม่คีไฟ หัวขั้นไดและประตูที่ตนอาศัยอยู่ทุกค่ำคืน
หมายความว่า เมื่อถึงวันพระ 7-8-14-15 ค่ำ ให้ทำการคารวะก้อนเส้า(เตาไฟ) บันไดและประตูบ้านของตน

คองที่ 6 เมื่อจักนอนให้เอาน้ำส่วยล้างตีนก่อนจึงนอน
หมายความว่า ก่อนนอนให้ล้างเท้า ทำความสะอาดร่างกายและแต่งตัวให้เรียบร้อย

คองที่ 7 เถิงวันศีล ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนขอขมาผัวแห่งตนและเถิงวันอุโบสถ ให้แต่งดอกไม้ธูปเทียนไปเคนพระสังฆเจ้า
หมายความว่า ถึงวันพระให้นำดอกไม้ธูปเทียนไปถวายพระสงฆ์และคารวะสามี

คองที่ 8 เถิงวันศีลดับ ศีลเพ็งมานั้นให้นิมนต์พระสังฆะเจ้ามาสูตรมุงคุลเฮือนและทำบุญใส่บาตรถวายทาน
หมายความว่า พอถึงวันแรม 15 ค่ำหรือขึ้น 15 ค่ำให้นิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์และตักบาตรที่บ้านของตน

คองที่ 9 เมื่อพระภิกขุมาบิณฑบาตรนั้นอย่าให้เพิ่นคองถ้า และเวลาใส่บาตรก็อย่าซูนบาตร ยามใส่บาตรนั้นอย่าใส่เกิบกั้งฮ่มผ้าปกหัว อุ้มหลานหรือถืเครื่องศาสตรอุวุธ
หมายความว่า เมื่อพระสงฆ์มาบิณฑบาตร อย่าให้ท่านได้รอคอยเวลาใส่บาตรอย่าให้ถูกต้องบาตรพระ อย่าใส่รองเท้า กางร่ม ผ้าคุมหัว อุ้มหลาน หรือถือศาสตราอาวุธใด ๆ ในเวลาใส่บาตร

คองที่ 10 เมื่อพระภิกษุเข้าปริวาสกรรม ซำฮะเบื้องต้นแล้ว ให้แต่งขันดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องอัฏฐบริกขารไปถวายท่าน
หมายความว่า เมื่อพระภิกษุเข้าปริวาสำรรมเพื่อชำระตนแล้วประการแรกให้แต่งขันดอกไม้ธูปเทียนไปถวายท่าน

คองที่ 11 เมื่อเห็นพระภิกขุสังฆะเจ้ากายมา ให้นั่งลงยอมือไหว้ก่อน แล้วค่อยจาระจา
หมายความว่า เมื่อเห็นพระภิกษุเดินผ่านมา ให้นั่งลงยกมือไหว้ก่อนแล้วค่อยพูด

คองที่ 12 อย่าเหยียบเงาเจ้าพระภิกขุตนมีศีลบริสุทธิ์
หมายความว่า อย่าเหยียบเงาของพระสงฆ์

คองที่ 13 อย่าเอาอาหารเงื่อนตนกินแล้วไปทานให้แก่พระสังฆะเจ้าและอย่าเอาไว้ให้ผัวกิน จะกลายเป็นบาปได้อันใดในชาติหน้าก็มีแต่แนวบ่ดี
หมายความว่า อย่าเอาอาหารเหลือกินไปถวายพระและอย่าให้สามีรับประทานจะเป็นบาปทั้งชาตินี้และชาตหน้า

คองที่ 14 อย่าเสพเมถุน กามคุณ ในวันศีล วันเข้าวัสสา ออกพรรษา วันมหาสงกรานต์ ถ้าดื้อเฮ็ดได้ลูกได้หลานมาจะบอกยากสอนยาก
หมายความว่า เมื่อถึงวันพระ วันเข้าพรรษา ออกพรรษา วันมหาสงกรานต์ ห้าเสพเมถุน (ร่วมเพศ) ถ้าไม่ปฏิบัติตามได้ลูกหลานมาจะเป็นคนสอนยาก



 คัดลอกมาจาก   plengpin.com