ข้อบังคับ

ของ

ชมรมซอดแจ้งสามัคคี

..................................

หมวดที่ ๑

ความทั่วไป

ข้อ ๑. ชมรมนี้มีชื่อว่า ชมรมซอดแจ้งสามัคคี ย่อว่า ช.จ.ค. เรียกเป็นภาษาอังกฤษ ZODJANG UNITY

CLUB ย่อว่า Z.U.C.

               

ข้อ ๒.       เครื่องหมายของชมรมมีลักษณะเป็นรูป (อธิบายความหมาย) รูปครึ่งวงกลมสีดำคว่ำ ด้านในเป็นรูปพระอาทิตย์ขึ้นเปล่งรัศมี 17 แฉก หมายถึง การให้ความหวังและโอกาสที่ดีขึ้น ดังแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ให้แสงสว่างแห่งความหวัง และโอกาสหลังจากความมืดมิดในยามราตรี ด้านล่างเป็นชื่อชมรมภาษาไทย ด้านบนเป็นชื่อชมรมภาษาอังกฤษโค้งตามแนวครึ่งวงกลม

  

 

ข้อ ๓.       สำนักงานของชมรมตั้งอยู่ 99/289 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130 โทร. 02-900-6227

ข้อ ๔.       วัตถุประสงค์ของชมรม เพื่อ

      ๔.๑   เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา ศาสนา สังคมและวัฒนธรรม แก่ผู้ยากไร้และด้อยโอกาสในชนบท

      ๔.๒  เพื่อพัฒนาทักษะทางการศึกษาและอาชีพแก่ผู้ด้อยโอกาสในชนบท

      ๔.๓   เพื่อปลูกจิตสำนักให้แก่เด็กและเยาวชนให้รัก หวงแหนและรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม ประเพณี อันดีงามของไทย

      ๔.๔   เพื่อเผยแพร่เรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ห่างไกลในชนบทให้แก่ผู้ซึ่งไม่เคยได้รับรู้ และสัมผัสได้ทราบตามความเป็นจริง

      ๔.๕  ร่วมมือกับหน่วยงานราชการและองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีวัตถุประสงค์ในแนวทางเดียวกัน

(๑)

หมวดที่ ๒

สมาชิก

ข้อ ๕. สมาชิกของชมรมมี 3 ประเภท คือ

      ๕.๑   สมาชิกสามัญ ได้แก่ ผู้มีวัตถุประสงค์เป็นแนวทางอันหนึ่งอันเดียวกันกับชมรมฯ และยอมรับในระเบียบข้อบังคับของชมรมฯ

      ๕.๒  สมาชิกสมทบ ได้แก่ ผู้ซึ่งพร้อมที่จะร่วมกิจกรรมกับชมรมในโอกาสที่พร้อมหรือเหมาะสมตามความสมัครใจ และมีคุณสมบัติตามข้อ(๕.๑)

      ๕.๓  สมาชิกกิตติมศักดิ์    ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการะคุณแก่ชมรมซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของชมรม

ข้อ ๖. สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

      ๖.๑   เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

      ๖.๒   เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย

      ๖.๓   ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ

      ๖.๔   ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาท หรือลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดในกรณีดังกล่าว จะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของชมรมเท่านั้น

      ๖.๕   เป็นผู้มีวัตถุประสงค์เป็นแนวทางอันหนึ่งอันเดียวกันกับชมรมฯ และยอมรับในระเบียบข้อบังคับของชมรมฯ

ข้อ ๗. ค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงชมรม

      ๗.๑   สมาชิกสามัญ จะต้องเสียค่าลงทะเบียนครั้งแรก    ๑๐   บาท

      ค่าบำรุงชมรมเป็นรายเดือน ๆ ละ    ๒๐ บาท

๗.๒  สมาชิกกิตติมศักดิ์และสมาชิกสมทบมิต้องเสียค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงชมรมแต่อย่างใด

ข้อ ๘  การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรม

ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกของชมรมยื่นใบสมัครตามแบบของชมรม โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย 1 คน แล้วยื่นต่อนายทะเบียน เพื่อดำเนินการแจ้งต่อเลขานุการ เพื่อทำเสนอต่อประธานชมรมเพื่ออนุมัติ และให้นายทะเบียนเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบถึงผลการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของชมรม ให้ผู้สมัครได้ทราบโดยเร็ว

 

 

 

(๒)

ข้อ ๙. ถ้าผู้สมัครได้รับการพิจารณาอนุมัติให้เป็นเป็นสมาชิก ก็ให้ผู้สมัครนั้นชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมให้เสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน และสมาชิกภาพของผู้สมัครให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงชมรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าผู้สมัครไม่ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงภายในกำหนด ก็ให้ถือว่าการสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิก

ข้อ ๑๐.      สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของชมรม ได้มาถึงยังชมรม

ข้อ ๑๑.      สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้

      ๑๑.๑  ตาย

      ๑๑.๒ ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติ และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินยังติดค้างอยู่กับชมรมเป็นที่เรียบร้อย

      ๑๑.๓        ขาดคุณสมบัติสมาชิก

      ๑๑.๔  ที่ประชุมใหญ่ของชมรม หรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสื่อมเสียมาสู่ชมรม

ข้อ ๑๒.      สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

      ๑๒.๑ มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของชมรมโดยเท่าเทียมกัน

      ๑๒.๒       มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของชมรมต่อคณะกรรมการ

      ๑๒.๓ มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่ชมรมได้จัดให้มีขึ้น

      ๑๒.๔ มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของชมรม

      ๑๒.๕ สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการชมรม และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละ 1 คะแนนเสียง

      ๑๒.๖ มีสิทธิร้องของต่อคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของชมรม

      ๑๒.๗       มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อย ๒ ใน ๕ ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า ๑๕ คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้

      ๑๒.๘       มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของชมรมโดยเคร่งครัด

      ๑๒.๙ มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของชมรม

      ๑๒.๑๐      มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของชมรม

      ๑๒.๑๑      มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่ชมรมได้จัดให้มีขึ้น

      ๑๒.๑๓      สมาชิกสมทบได้รับสิทธิ และหน้าที่ทัดเทียมกับสมาชิกสามัญยกเว้นในข้อ ๑๒.๕,๑๒.๖, ๑๒.๗

(๓)

หมวดที่ ๓

การดำเนินกิจการชมรม

ข้อ ๑๓.      ให้สมาชิกสามัญจัดการประชุมใหญ่ขึ้นเพื่อเลือกประธานชมรมขึ้นมา 1 คน โดยให้ประธานชมรม

      ที่ได้รับเลือกตั้งแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของชมรม มีจำนวนอย่างน้อย 9 คน อย่างมากไม่เกิน 15 คน (รวมทั้งประธาน) โดยให้มีรองประธาน 2 คน และกรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ซึ่งมีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้

      ๑๓.๑ ประธานชมรม       ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของชมรม เป็นผู้แทน

                        ชมรมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และทำหน้าที่เป็นประธานใน

                        ที่ประชุมคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ของชมรม

      ๑๓.๒ รองประธาน       ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยประธานชมรมในการบริหารกิจการชมรมปฏิบัติ

      ตามหน้าที่ประธานชมรมได้มอบหมายและทำหน้าที่แทนประธานเมื่อประธานชมรมไม่อยู่หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าได้ แต่การทำหน้าที่แทนประธานชมรมให้รองประธานตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน

      ๑๓.๓ เลขานุการ   ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของชมรมทั้งหมดเป็นหัวหน้า เจ้าหน้า

                        ที่ของชมรมในการปฏิบัติกิจการของชมรม และปฏิบัติตามคำสั่ง

                        ของประธาน

      ๑๓.๔ ผู้ช่วยเลขานุการ      ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของชมรมทั้งหมดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้า

                        ที่ของชมรมในการปฏิบัติกิจการของชมรม และปฏิบัติตามคำสั่ง

      ของประธานชมรมตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของชมรม

      ๑๓.๕ เหรัญญิก    มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของชมรม เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับ

                        รายจ่ายบัญชีงบดุลของชมรม และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆของ

                        ชมรมไว้เพื่อตรวจสอบ

      ๑๓.๖ ปฏิคม  มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของชมรม เป็นหัวหน้าในการจัด

                        เตรียมสถานที่ของชมรม และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ ของ

                        ชมรม

          ๑๓.๗ นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของชมรมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงชมรมจากสมาชิก

 

(๔)

      ๑๓.๘ ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของชมรมให้สมาชิก และบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย

      ๑๓.๙ กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้น

      โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง

      คณะกรรมการชุดแรก ให้ผู้เริ่มการจัดตั้งชมรมเป็นผู้เลือกตั้ง ประกอบด้วยประธานชมรม และ

กรรมการอื่น ๆ ตามจำนวนที่เห็นสมควรตามข้อบังคับของชมรม

ข้อ ๑๔. คณะกรรมการของชมรมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ ปี และเมื่อคณะกรรมการอยู่ตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว ก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าจะเลือกตั้งชุดใหม่ได้รับเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน

ข้อ ๑๕. ตำแหน่งกรรมการชมรม ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น

                     

ข้อ ๑๖.      กรรมการอาจจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้ คือ

      ๑๖.๑        ตาย

      ๑๖.๒       ลาออก

      ๑๖.๓        ขาดสมาชิกภาพ

      ๑๖.๔        ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง

ข้อ ๑๗.      กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และให้พ้นจากตำแหน่ง โดยมีผลบังคับใช้ทันที

ข้อ ๑๘.      อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ

      ๑๘.๑        มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้องบังคับฉบับนี้

      ๘.๒        มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของชมรม

 

(๕)

      ๑๘.๓       มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง

      ๑๘.๔       มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ

      ๑๘.๕       มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับ

      ๑๘.๖        มีอำนาจบริหารกิจการของชมรม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

      ๑๘.๗       มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของชมรม

      ๑๘.๘       มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ตามที่สมาชิกสามัญจำนวน ๒ ใน ๕ ของสมาชิกทั้งหมด ได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ

      ๑๘.๙        มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินการต่าง ๆ ของชมรมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ

      ๑๘.๑๐ จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของชมรม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ

      ๑๘.๑๑ มีหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

ข้อ ๑๙.      คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยเดือนละ ครั้ง โดยให้จัดขึ้นภายในวันที่ ของทุก ๆ เดือน หรือแล้วแต่คณะกรรมการเห็นสมควรทั้งนี้เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของชมรม

ข้อ ๒๐.      การประชุมคณะกรรมการจะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๒๑.      ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานชมรมและรองประธานชมรมไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่

สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

 

 

(๖)

หมวดที่ ๔

การประชุมใหญ่

ข้อ ๒๒.     การประชุมใหญ่ของชมรม ชนิด คือ

          ๒๒.๑ ประชุมใหญ่สามัญ

      ๒๒.๒ ประชุมใหญ่วิสามัญ

ข้อ ๒๓.      คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ปีละ ครั้ง ภายในเดือน . กุมภาพันธ์ ของทุก ๆ ปี

ข้อ ๒๔. การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจจะมีขึ้นโดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้น หรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกไม่น้อยกว่า ใน ของสมาชิกทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า ๑๕ คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดให้มีขึ้น

ข้อ ๒๕.     การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดจัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบและการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน โดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่

ข้อ ๒๖.      การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้

      ๒๖.๑ แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี

      ๒๖.๒ แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ

      ๒๖.๓ เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เมื่อครบกำหนดวาระ

      ๒๖.๔ เลือกตั้งผู้สอบบัญชี

      ๒๖.๕ เรื่องอื่น ๆ ถ้ามี

ข้อ ๒๗. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญจะต้องมีสมาชิกสามัญ เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุม ยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุมให้คณะกรรมการของชมรมเรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยจัดให้มีการประชุมขึ้น ภายใน ๑๔ วัน นับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก สำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้ามีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้นถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขี้นจากการร้องขอของสมาชิก ก็ไม่ต้องจำประชุมใหญ่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นยกเลิก

 

(๗)

ข้อ ๒๘. การลงมติต่างๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๒๙. ในการประชุมใหญ่ของชมรม ถ้าประธานชมรมและรองประธานไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่ง ให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

หมวดที่ ๕

การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ ๓๐. การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดของชมรมถ้ามีให้นำฝากไว้ในธนาคารทหารไทย สาขา 017 ธาตุทอง ชื่อบัญชี “ ชมรมซอดแจ้งสามัคคี ”

      บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 017-2-33868-3

ข้อ ๓๑. การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของชมรม จะต้องมีลายมือชื่อของประธานชมรม หรือ ผู้ได้รับมอบหมายลงนามร่วมกัน อย่างน้อย 2 คน

ข้อ ๓๒.ในประธานชมรมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของชมรมได้ครั้งละไม่เกิน 2,000 บาท ( สองพันบาทถ้วน ) ถ้าหากเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการและคณะกรรมการจะอนุมัติให้จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท ( ห้าพันบาทถ้วน ) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมของชมรม

ข้อ ๓๓. ให้เหรัญญิก มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของชมรมได้ไม่เกิน 1,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้ จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของชมรมทันทีที่โอกาสอำนวยให้

ข้อ ๓๔. เหรัญญิก จะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุล ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การรับหรือจ่ายเงินทุกครั้ง จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของประธานชมรม หรือผู้ทำการแทนร่วมกับเหรัญญิกหรือผู้ทำการแทน พร้อมกับประทับตราของชมรม

ข้อ ๓๕. ผู้สอบบัญชี จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของชมรม และจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต

(๘)

 

ข้อ ๓๖. ผู้สอบบัญชี มีอำนาจที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการและสามารถจะเฃิญกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ของชมรมเพื่อสอบถาม เกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของชมรมได้

ข้อ ๓๗. คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ

 

หมวดที่

การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกชมรม

ข้อ ๓๘. ข้อบังคับของชมรมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ ๓๙. การเลิกชมรมจะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของชมรม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฏหมาย มติของที่ประชุมใหญ่ที่ให้เลิกชมรมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๓ ใน ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด

ข้อ ๔๐. เมื่อชมรมต้องเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของชมรมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของ องค์กรที่มีวัตถุประสงค์ในแนวทางเดียวกันหรือใกล้เคียงกับชมรมฯ ที่สุด ตามมติที่ประชุมใหญ่

(ผู้รับต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคล ทีวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณประโยชน์)

หมวดที่

บทเฉพาะกาล

ข้อ ๔๑. ข้อบังคับฉบับนี้นั้น ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ข้อ ๔๒. ให้ถือว่าผู้เริ่มการทั้งหมดเป็นสมาชิกสามัญ

(๙)

-------------------------------------------------------------------------