สาระน่ารู้

 

  ข้อแนะนำในการตรวจเต้านมด้วยตนเอง

  อุตสาหกรรมอาหารกับ GMOs

  Contact Information

ข้อแนะนำในการตรวจเต้านมด้วยตนเอง

  • ข้อแนะนำสำหรับเพื่อนหญิง

    การเอาใจใส่ในสุขภาพของตนเอง จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ การตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้เราสามารถตรวจพบความปกติที่เกิดขึ้นได้แต่เนิ่นๆ และสามารถดูแลรักษา หรือแก้ไขได้โดยง่าย สำหรับผู้หญิงการตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จำต้องรวมไปถึงการตรวจเต้านม และการตรวจมดลูกและรังไข่ด้วย สำหรับมดลูกและรังไข่นั้น ผู้หญิงทุกคนไม่สามารถตรวจด้วยตนเองได้ แต่จำเป็นต้องไปให้แพทย์ตรวจ แต่เต้านมนั้น ผู้หญิงสามารถตรวจด้วยตนเองได้

    เมื่อเข้าวัยสาว เริ่มมีประจำเดือนเต้านมจะเริ่มเจริญเติบโตขึ้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เพื่อเตรียมร่างการเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ ภายในเดือนหนึ่งๆ เต้านมจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทุกรอบเดือน การตรวจเต้านมด้วยตนเองควรเริ่มทำตั้งแต่เต้านมเริ่มเจริญเติบโต และเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะตรวจได้แก่ภายใน 1 อาทิตย์ หลังจากมีประจำเดือน

    วิธีตรวจเต้านมด้วยตนเอง

      1. ยืนตัวตรง โน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย เอามือเท้าสะเอวส่องกระจก ตรวจดูความปกติของสีผิว ขนาด และรูปร่างของเต้านมทั้ง 2 ข้าง
      2. ยืนตัวตรง เกร็งกล้ามเนื้อของไหล่ และหน้าอก สังเกตดูความผิดปกติของเต้านมอีกครั้ง
      3. ตรวจดูหัวนมทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับรีดเต้านม และบีบหัวนมดูว่าที่มีลักษณะผิดปกติ เช่น เลือดออกมาหรือไม่
      4. นอนลง ยกมือข้างเดียวกับเต้านมที่จะตรวจนั้น เหนือศรีษะ เอาฝ่ามืออีกข้างคลำเต้านมตั้งแต่หัวนมออกไปโดยรอบ และคลำบริเวณรักแร้ เพื่อตรวจดูว่ามีก้อนผิดปกติหรือไม่
  • ถึงแม้ว่าผู้หญิงทุกคนสามารถตรวจเต้านมได้ด้วยตนเองทุกเดือน แต่การตรวจเหล่านี้จะช่วยในการตรวจพบโรคต่างๆ ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะเราจะตรวจพบความผิดปกติได้เมื่อรู้สึกเจ็บ มีก้อน หรือมีเลือดออกจากหัวนม ฯลฯ ซึ่งจริงๆแล้ว ความผิดปกติจะเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว แต่มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถจะตรวจพบได้จากการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมระยะที่เกิดความผิดปกติของเซลล์มาจนเกิดเป้นก้อนจะต้องใช้เวลา ถ้าเราสารารถตรวจพบความผิดปกติก่อนที่จะคลำก้อนได้ จะทำให้เราสามารถตรวจพบมะเร็งได้ในระยะแรกๆ ซึงจะส่งผลให้การรักษามีประสิทธิผลมากขึ้น ยิ่งมะเร็งโดยเฉพาะในระยะเริ่มแรก และการตรวจพบโรคอื่น ๆ ของเต้านมอาจทำได้ด้วยการตรวจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ ที่ทำพิเศษสำหรับตรวจเต้านมโดยเฉพาะ ได้แก่เครื่อง MAMMOGRAPHY (แมมโมกราฟฟี่)

    เครื่องเอ็กซเรย์เต้านมมีประโยชน์ในการตรวจวินิจฉัยโรคอยู่ 2 ระดับ

      1. ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค ในผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติอยู่แล้ว เช่น คลำได้ก้อน เจ็บ มีเลือดออกจากหัวนม ฯลฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาสำหรับแพทย์
      2. ใช้ในการตรวจร่างกายสำหรับสตรีทั่วไป เพื่อตรวจหามะเร็งเต้านม โดยเฉพาะในรายที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง เพราะสามารถแสดงความผิดปกติได้ตั้งแต่ในระยะต้นๆ
  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่ ผู้ที่มี
  • ช่วงอายุสำหรับสตรีที่ควรตรวจในกรณี ที่ไม่มีอาการผิดปกติ เพื่อตรวจหามะเร็งเต้านม คือ 35 - 40 ปี ขึ้นไป โดยตรวจเป็นระยะดังนี้

    อายุ 35 - 39 ปี ตรวจ 1 ครั้งเป็นบรรทัดฐาน

    อายุ 40 - 50 ปี ตรวจ 1 - 2 ปี

    อายุ 50 ปี ขึ้นไป ตรวจทุกปี

    ระยะเวลาที่เหมาะที่สุดในการตรวจเอกซเรย์เต้านม MAMMOGRAPHY ถ้าไม่มีอาการคือ ภายใน 1 อาทิตย์หลังจากมีประจำเดือน

    ข้อแนะนำผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะ

      1. มีอาการซึมลงมากกว่าหลังเกิดเหตุ (ในระหว่างสังเกตอาการ ควรปลุกผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง ในขณะผู้ป่วยหลับ) หรือมีอาการสับสน , เอะอะโวยวาย
      2. มีอาการคลื่นไส้ , เวียนศรีษะ , มึนงง , อาเจียน
      3. ชักเกร็งทั้งตัว หรือเฉพาะส่วนของร่างกาย
      4. แขนขาอ่อนกำลัง
      5. ปวดศรีษะ
      6. พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม หรือพูดจาไม่ติดต่อเป็นเรื่องราว
  • ถ้าบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บมีอาการบวม ควรประคบด้วยน้ำแข็งเป็นระยะๆ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอย่างหนึ่งตามที่กล่าวมาข้างต้น ให้นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

    Back to top

  • อุตสาหกรรมอาหารกับ GMOs

  • ทำความรู้จักกับ GMOs

    GMOs (Genetically Modified Organisms) หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่ได้จากการปรับปรุงทางพันธุกรรมโโยใช้วิธีการที่เรียกว่าพันธุวิศวกรรม (Genetic Engineering) เป็นการดัดแปลงยีนหรือหน่วยทางพันธุกรรม ซึ่งอาจทำได้โดยการปรับแต่งยีนภายในสิ่งมีชีวิตนั้น หรือเป็นการนำยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่นแล้วถ่ายฝากเข้าไปในสิ่งมีชีวิตนั้น ทำให้ได้สิ่งมีชีวิตใหม่ที่มีคุณสมบัติตางตามที่ต้องการทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การเกษตร สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม เช่น การผผลิตวัคซีน การปรับปรุงพันธ์พืชและสัตว์ให้ทนทานต่อโรคแมลงได้มากขึ้น การผลิตนนวัวให้มีคุณภาพใกล้เคียงกับนมคน การทำให้ผลไม้สุกช้า และพัฒนาจุลินทรีย์ให้ขจัดคราบน้ำมันได้ เป็นต้น

    การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกที่มากกว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชากรโลก ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนอาหารในส่วนต่าง ๆ ของโลก นอกจากนี้ได้มีการดาดการณ์จำนวนประชากรในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีประมาณ 7,000 ล้านคน ขณะที่ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรของโลกไม่สามารถเพิ่มขึ้น ปัญหามลภาวะที่เกิดจากการใช้สารเคมีในการทำงานเกษตร จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร และเทคโนโลยีพันธุสิศวกรรมก็ถือเป็นความหวังในการแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารของประชากรโลก ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงพันธุ์เพื่อทำให้ผลผผลิตเพิ่มขึ้น มีความสม่ำเสมอ และมีคุณค่าอาหารตามต้องการ อีกทั้งสามารถเพิ่มความต้านทานโรคแมลงและศัตรูพืช ทำให้การใช้สารเคมีลดลง ส่งผลให้การพัฒนาเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมเพื่อการเกษตรได้รับความสนใจกันอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้วัตถุประสงค์หลักของการผลิตพืช GMOsของนักพันธุวิศวกรรม คือ การเพิ่มความทนทานต่อสารกำจัดวัชชพืช (71%) และความต้านทานต่อโรคแมลง (28%)

    ประเด็นข้อพิพาทสินค้า GMOs

      1. ความปลอดภัยของผู้บริโภคในปัจจุบันยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะการทดสอบหรือพิสูจน์ผลกระทบจากการบริโภคอาหาร GMOs ต้องใช้เวลามากและมีขบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อน
      2. ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม อาจทำให้ระบบนิเวศน์ขาดความสมดุลย์ เนื่องจากพืช GMOs อาจก่อให้เกิดโรคพืชหรือศัตรูพืชชนิดใหม่ๆ และยากต่อการทำลาย
      3. ประเด็นทางศาสนา เทคโนโลยีพันธุวิศกรรมขัดต่อหลักจริยธรรมและคุณธรรม
      4. การค้าระหว่างประเทศ ความตื่นกลัว ของผู้บริโภคในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำให้กำหนดมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อเป็นการกีดกันทางการค้า แทนมาตรการภาษี
  • Back to top

    Contact Information

    Back to top

    Back to Main menu