|คำขวัญอำเภอหนองเรือ ...หนองเรือตระการ ...จักสานไม้ไผ่ ...ไก่ย่างทางพาด ...ตลาดกะหล่ำ ...เลิศล้ำพลอยเจียรไน ...พระใหญ่ภูเม็งทอง
    
 

แนะนำอำเภอหนองเรือ

อำเภอหนองเรือ
แผนที่อำเภอหนองเรือ
แหล่งท่องเที่ยวหนองเรือ
  หาดหินกองหนองเรือ
ล่องแพ

แนะนำ กศน.หนองเรือ

ผู้บริหารศูนย์ฯกศน.หนองเรือ
แนะนำ ครู กศน.หนองเรือ
โครงการศูนย์การเรียนชุมชน
  โครงการศูนย์อินเตอร์เน็ตชุมชน
โครงการกลุ่มพัฒนาอาชีพ
โครงการบ้านหวาง
กศน.กับงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น
กศน.กับเกษตรธรรมชาติ
กศน.กับท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
 

เว็บไซต์ใน อ.หนองเรือ

ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ต.บ้านผือ
หนองเรือของเรา
สนง.ประถมศึกษา อ.หนองเรือ
  โรงเรียนหนองเรือวิทยา
  โรงเรียนจระเข้วิทยายน
สถานีตำรวจภูธร อ.หนองเรือ
     
 

เบ็ดเตล็ดทั่วไป

เรื่องควรรู้สำหรับครู กศน.
บทความที่น่าสนใจ
   
     
     


บทความที่น่าสนใจ...

เศรษฐกิจพอเพียง..
เศรษฐกิจพิ้นฐาน..
เศรษฐกิจชุมชน..
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี
ราษฎรอาวุโส

Movie Image
 

ถ้าสังคมไทยทำความเข้าใจเรื่อง "เศรษฐกิจพื้นฐาน" กันอย่างทั่วถึง เราจะสามารถขจัดความยากจนของคนทั้งประเทศได้ พร้อมๆกับสร้างฐานทางสังคมและธรรมชาติแวดล้อมให้บูรณะเพิ่มพูนขึ้นเต็มประเทศ

ความเข้มแข็งที่พื้นฐานทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม จะส่งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับบนมั่นคงและยั่งยืน

"เศรษฐกิจพื้นฐาน" หรือ "เศรษฐกิจชุมชน" หรือ "เศรษฐกิจพอเพียง" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสถึงเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2540 มีความคล้ายคลึงกันหรือเหมือนกัน

"เศรษฐกิจพื้นฐาน" หมายถึงเศรษฐกิจที่คำนึงถึงการทำนุบำรุงพื้นฐานของตัวเองให้เข้มแข็งทั้งทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจพื้นฐานของสังคมก็คือชุมชน เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจพื้นฐานกับเศรษฐกิจชุมชน คือ อย่างเดียวกัน

"เศรษฐกิจพอเพียง" หมายถึงพอเพียงสำหรับทุกคน มีธรรมชาติพอเพียง มีความรักพอเพียง มีปัญญาพอเพียง เมื่อทุกอย่างพอเพียง ก็เกิด "ความสมดุล" จะเรียกว่า "เศรษฐกิจสมดุล" ก็ได้ เมื่อสมดุลก็เป็นปกติ สบายไม่เจ็บไข้ ไม่วิกฤติ เศณษฐกิจพื้นฐานกับเศรษฐกิจชุมชนล้วนมุ่งไปสู่เศรษฐกิจสมดุลทั้งสิ้น จึงเป็นเศรษฐกิจพอเพียง

ข้อสำคัญเมื่อพูดถึง "เศรษฐกิจพื้นฐาน" ต้องไม่มองเรื่องเศรษฐกิจแบบแยกส่วน แต่เป็นเศรษฐกิจที่อยู่บนความเข้มแข็งของสังคมหรือชุมชน อาศัยการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนเป็นเครื่องมือพัฒนาเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร

ลักษณะสำคัญ 5 ประการของ "เศรษฐกิจพื้นฐาน"

"เศรษฐกิจพื้นฐาน" มีลักษณะ 5 ประการ หรือ เบญจลักษณะ ดังนี้

1.เป็นเศรษฐกิจสำหรับคนทั้งมวล ไม่ใช่เศรษฐกิจที่สร้างความร่ำรวยให้คนส่วนน้อย แต่ทิ้งคนส่วนใหญ่ให้ยากจน การเกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจเป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม อันนำไปสู่ความไม่มั่นคงในสังคม เศรษฐกิจ สำหรับคนทั้งมวลเป็นการสร้างทุนทางสังคมและเป็นพื้นฐานของการพัฒนาทุกชนิด

2.มีพื้นฐานอยู่ที่ความเข้มแข็งของชุมชน ดังได้อธิบายความสำคัญของความเป็นชุมชนมาแล้วในตอนก่อน

3.มีความเป็นบูรณาการ หรือ "ครบวงจร" คือ ไม่ใช่เป็นเรื่องเศรษฐกิจโดดๆ แต่เชื่อมโยงกับสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม พร้อมกันไป

4.อยู่บนพื้นฐานความเข้มแข็งของตนเอง เช่น การเกษตร หัตถกรมไทย อุตสาหกรรมการเกษตร สมุนไพร อาหารไทย การท่องเที่ยว เหล่านี้ล้วนอยู่บนพื้นฐานวัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมไทยเป็นจุดแข็งของไทยที่คนอื่นไม่มี

5.การจัดการและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อเติมความก้าวหน้าให้แก่เรื่องพื้นฐาน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง

การรวมตัวทำอาชีพต่างๆ

หัวใจของ"เศรษฐกิจพื้นฐาน" อยู่ที่การรวมตัวของชาวบ้านในการทำอาชีพต่างๆ เช่น "เกษตรผสมผสาน" ทำให้มีอาหารกินพอเพียงเหลือขาย มีความเป็นป่า เพราะปลูกต้นไม้เป็นร้อยๆ ชนิด ซึ่งรวมถึงสมุนไพร และไม้ยืนต้น ซึ่งสามารถเอามาทำกระดาน กระดานสวยๆ มีตลาดไม่มีที่สิ้นสุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ต้นไม้ต้นหนึ่งถ้ารู้จักทำประโยชน์จะทำเงินได้ถึง 12,000 บาท ในจังหวัดขอนแก่นที่ นายแพทย์อภิสิทธิ์ ธำรงวรางกูร ส่งเสริมอยู่ใน 41 หมู่บ้าน มีต้นไม้เพิ่มขึ้น 200,000 ต้น คิดเป็นมูลค่าถึง 2,400 ล้านบาท นายสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ เกษตรกรที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ มีต้นไม้เป็นแสนต้น

การเกษตรผสมผสาน นอกจากทำให้มีอาหารกินอย่างเหลือเฟือแล้ว ยังสร้างรายได้ สร้างความเป็นป่า ซึ่งเป็นการสะสมทุนทางสิ่งแวดล้อมและประกันความมั่นคงให้อนาคต

"การแปรรูปอาหาร" ทุกตำบล ควรจะมีอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เช่น มีโรงสี มีโรงทำน้ำมะเขือเทศ น้ำผลไม้ ทำหีบห่ออาหาร สำหรับส่งจำหน่ายในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ "หัตถกรรม" ควรประดิษฐ์สินค้าหัตถกรรมนานาชนิดจากวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น

"ธุรกิจ" ธุรกิจชุมชนประกอบด้วยการตั้งปั๊มน้ำมัน การขายผลิตผลการเกษตร เช่น อาหารปลอดสารพิษ ผลไม้ ตั้งร้านขายอาหาร ขายสมุนไพร จัดการท่องเที่ยวชุมชน และทุกตำบลควรมีพิพิธภัณฑ์ตำบล

"ศูนย์การแพทย์แผนไทย" แต่ละตำบลควรมีศูนย์การแพทย์แผนไทยหนึ่งแห่ง และมีเกษตรกรที่ได้รับการฝึกเป็นผู้บริการ เริ่มด้วย 3 อย่างคือ ให้บริการนวดแผนไทย ประคบด้วยสมุนไพร จำหน่ายสมุนไพร และยาสมุนไพร ที่พิสูจน์แล้วว่า มีประโยชน์จริง มีอยู่ 20 - 30 ชนิด ศูนย์การแพทย์แผนไทย จะทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มพูนรายได้ให้ชุมชน

"กองทุนชุมชน" แต่ละหมู่บ้านหรือตำบลควรมี "กองทุน" หรือ "ธนาคารชุมชน" ที่ชาวบ้านรวมตัวกันออมทรัพย์ให้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ นำผลประโยชน์ที่ได้ส่วนหนึ่งไปจัดสวัดิการให้สมาชิก เช่น การศึกษา การป่วย การตาย ทั้งนี้โดยชาวบ้านเป็นผู้จัดการเอง เมื่อมีกองทุนของตนเองเช่นนี้ชุมชนจะเข้มแข็งขึ้นมาก

การรวมตัวกันทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจพื้นฐานเช่นนี้ ถ้าทำกันทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล จะขจัดความยากจนได้ทั้งประเทศพร้อมๆ กับสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เป็นการพัฒนาวัฒนธรรม เป็นการอนุรักษ์และเพิ่มพูนสิ่งแวดล้อมให้มีความเป็นป่าจากการทำเกษตรผสมผสานขึ้นเต็มประเทศ

เป็นการ "เพิ่มทุน" ทุกๆ ทางให้กับสังคมพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น "ทุนทางสังคม" "ทุนทางวัฒนธรรม" "ทุนทางสิ่งแวดล้อม" และ "ทุนทางเศรษฐกิจ"

เหล่านี้ คือ "โครงสร้างทางศีลธรรม" เมื่อมีโครงสร้างทางศีลธรรม ความมีศีลธรรมก็จะ "ผุดบังเกิด" คือ การอยู่ร่วมกันด้วยสันติระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติแวดล้อม "ความมีศีลธรรม" ที่เกิดขึ้นก็จะไปช่วยให้เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมเพิ่มพูนความดียิ่งๆขึ้น

"ความมีศีลธรรม" ไม่ได้เกิดขึ้นจากการสั่งสอนทางศีลธรรมเท่นนั้น แต่จะเกิดขึ้นจากการสร้าง "โครงสร้างทางสังคม" อันเป็น "โครงสร้างทางศีลธรรม" ที่สามารถพัฒนาจิตใจของผู้คนให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป


จาก หนังสือพิมพ์ ชีวิตชุมชน ปีที่ 1 ฉบับที่ 8 พฤษภาคม-สิงหาคม 2543. หน้า 18-19.

 

 
  ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอหนองเรือ โทร.043294291, 043294856
สังกัด ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดขอนแก่น กรมการศึกษานอกโรงเรียน

จัดทำโดย..ทีมงาน กศน.หนองเรือ ...ติดต่อ surin1@thai.com และ surin111@thaimail.com