thai-heading-festival.gif (15322 bytes)


3D_Diamond.gif (591 bytes) ตั้งแต่โบราณกาลมา  ประเทศไทย หรือ "สยามประเทศ" ได้สั่งสมขนบธรรมเนียม ประเพณี   วัฒนธรรมอันดีงาม สืบ ทอดต่อ ๆ กันมาหลายชั่วอายุคน   ทำให้ประเทศไทยมีความเป็น "เอกลักษณ์"   มีสิ่งที่ทำให้คนในชาติได้รู้สึกภูมิใจในความ เป็นไทย   สำหรับยายเป็นคนหัวเก่าโบราณ แต่ใช่ว่าจะไม่ยอมรับอะไรใหม่ ๆ เลยเสียทีเดียว   พยายามที่จะรับทั้งสิ่งเก่าและ ใหม่ ปรับให้รับกันสอดคล้องกัน   เพราะตามความรู้สึกของยายทองหยอดคนนี้   ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม ถ้าเป็นสิ่งดี  เป็นสิ่งงดงาม จรรโลงใจ ก็ควรที่จะอนุรักษ์ไว้ถ้าเป็นของเก่า   แต่ถ้าเป็นของใหม่ก็ควรจะรังสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมา  
3D_Diamond.gif (591 bytes) งานบุญ   งานเทศกาลต่าง ๆ   ในประเทศไทยมีอยู่มากมาย   ถ้าจะให้ยายนับคงไม่ หวาดไม่ไหวล่ะ เลือกเอาเฉพาะที่มีขนมไทย เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยละกัน   แต่ละภาคก็ จะมีงานบุญแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นนั้น ๆ   ความงดงามของงานบุญที่ยายรู้สึกได้ นอกจากความประณีตบรรจงของอาหาร ของหวาน ของถวายพระแล้ว   ยายคิดว่าสิ่ง ที่ทำให้งานบุญมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ ก็จะเห็นจะเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันของ

ข้าวเหนียวปิ้ง

คนในท้องถิ่น จัดงานขึ้นมา  นี่แหล่ะ ยายว่ามันคือ "เสน่ห์" ที่ใครต่อใครถึงได้หลงรักเมืองไทยของเราไงจ๊ะ

การทำบุญตามเทศกาล

3D_Diamond.gif (591 bytes) การทำบุญเดือนสิบ   เป็นการทำบุญเพื่อแผ่กุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว   ภาคใต้ใช้  "ขนมลา"   เป็นขนมทำบุญ ส ันนิษฐานว่า แต่เดิมน่าจะเรียกว่า "ขนมกะลา"   เพราะใช้กะลาเจาะรูโรยแป้ง   แต่ด้วยสำเนียงการพูดห้วนสั้น   จึงกลายเป็น "ขนมลา" ใน ปัจจุบันในวันนั้น   ขนมที่ใช้ทำบุญ   จะมีแต่ขนมลาอย่างเดียว
ขนมลา 3D_Diamond.gif (591 bytes) งานบุญข้าวประดับดินเป็นงานภาค อิสาน  จะมีการทำบุญในเดือน 9 แรม 14 ค่ำ โดยมีการแจกจ่ายสลากสำหรับพระ ภิกษุ เพื่อถวายเครื่องบริขาร   และเลี้ยงพระ แต่ ละรูป   จะจับสลากได้แต่ละบ้าน ของและ อาหารที่จับได้ไม่เหมือนกัน ภาค กลางเรียก งานนี้ว่า "สลากภัตร"
3D_Diamond.gif (591 bytes)   งานบุญจุดประทีป   ประเพณีการทำบุญ ตรงกับกลางเดือน  11  ขึ้น 15   ค่ำ  หรือวัน ออกพรรษา   ชาวเมือง  ภิกษุ  สามเณร ต่างพากันจุดประทีปโคมไฟ   เพื่อเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ ถึงกำหนดทำพิธี  คือ ขึ้น   14-15 ค่ำ  และแรม  1  ค่ำ   เวลากลางคืน   ชาวบ้านชายหญิงต่างถือธูปเทียนไปจุดถวายพระ ส่วน ทางพระศาสนามีการเทศน์ เรื่อง "อานิสงส์"   การจุดประทีปโคมไฟทำกัน  3   วัน จึงเสร็จพิธี
3D_Diamond.gif (591 bytes) ขนมเลี้ยงพระและขนมที่ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ   ลักษณะของขนมและชื่อที่ใช้เรียก คนไทยเรายังมีความเชื่อมั่นว่าเป็น "เคล็ด"   เพื่อให้งานเป็นงานมงคลขึ้น   ความเชื่อเหล่านี้ได้แก่ขนมจีน   ทองหยิบ  ทองหยอด  ทองเอก   ขนมถ้วยฟู  และขนม ชั้น เป็นต้น  ขนมจีน   ลักษณะเป็นเส้นยาว  สีขาว   หมายถึง  ความบริสุทธิ์   อายุยืนนาน  และ  "เคล็ด"   ของขนมจีนที่ใช้ในงาน มงคล   คือ ใช้ทั้งเส้นยาว ๆ ไม่ต้องตัด  ทองหยิบ  ทองหยอด   ฝอยทอง  ขนมที่มีคำว่า "ทอง"   ถือ "เคล็ด"  ว่าร่ำรวย สูงค่า โดย เฉพาะฝอยทอง  หมายถึง   ความยืนยาวของชีวิต  ทองเอก   เป็นขนมที่ถือว่าเป็นเลิศ   เพราะความหมายดี  ชื่อเพราะ ตาม "เคล็ด"   กล่าวว่าขนมทองเอก   นอกจากจะเป็นของทองที่มีค่าแล้ว   จะได้ความเป็นเอกหรือเป็นหนึ่งด้วย ฉะนั้นในพิธีมงคล สมรส หรือในพิธีขันหมากจึงนิยมใช้มาก
3D_Diamond.gif (591 bytes)  ขนมถ้วยฟู   หมายถึงความเฟื่องฟูของชีวิต   ขนมชั้น  ตาม "เคล็ด"   กล่าวไว้ว่านิยมทำ  9  ชั้น   หมายถึงความก้าวหน้า เพื่อ ประโยชน์ในการเลื่อนขั้น   เลื่อนเงินเดือน   หรือเลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์     ของหมักดอง   ไม่นิยมใช้ในงานมงคล   หรืองาน แต่งงาน   เพราะกล่าวกันว่า   จะเกิดเหม็นเปรี้ยว   เหม็นโฉ่ไม่เป็นไม่มงคล
3D_Diamond.gif (591 bytes)   ตักบาตรเทโว   ตักในวันออกพรรษาด้วย ข้าวต้มลูกโยน (มีหางจับโยนได้)   สมมติว่า   พระท่านเป็นพระพุทธเจ้า เสด็จลง มาจากดาวดึงษ์   พระท่านจะลงมาเป็นขบวน   เวลาใส่บาตรเทโว   ผู้คนหนาแน่น   ต้องแย่งกันใส่ เพราะหน้าฝน พระไม่ค่อย ได้บิณฑบาต
ขนมหัวล้าน 3D_Diamond.gif (591 bytes)   พิธีสารทขนมจ้าง   สารทขนมจ้าง  ตรงกับเดือน  7   กลางเดือนข้างจีน หรือ กลางเดือน 9 ของไทย   คนไทยเมืองภูเก็ตเรียกสารทนี้ว่า   "พ้อต้อ" พิธีสารทนี้ เป็น ของชาวจีนจังหวัดภูเก็ต   มีการทำบุญเพื่อระลึกถึงขุนนางชาวจีนผู้มีความกตัญญู รัก ชาติบ้านเมือง   และได้จมน้ำตาย   พวกชาวจีนได้ทำขนมที่ห่อด้วยใบไผ่ เรียกว่าขนม จ้าง   ไปเซ่นไหว้ในน้ำ   โดยเอาขนมบรรทุกเรือ  แจวไป   เมื่อไปถึงก็ทิ้งขนมลงในน้ำ เพื่ออุทิศให้แก่ขุนนางผู้นั้น   ประเพณีนี้   พวกราษฎรชาวจีนได้ทำต่อกันเรื่อยมา แม้ ผู้ที่อยู่ไกลทะเลก็จะกระทำกันในบ้าน สมมติเป็นท้องทะเล เมื่อไหว้เสร็จเอามากิน
"ขนมเต่า"   พวกชาวจีนในตำบลบางเหนียวเหนือ   จังหวัดภูเก็ต   ไหว้พวกอั่งยี่ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ศาลเจ้าบางเหนียวเหนือ ณ วันที่ 19 เดือน 7 ข้างจีน ของที่ไหว้เป็นพิเศษ คือ "ขนมเต่า"   ขนาดเกือบเท่ากะทะเหล็กใบใหญ่ ๆ เรียกว่า "บางเหนียว"
3D_Diamond.gif (591 bytes)   ประเพณีวันสารท   ตรงกับวันแรม  15  ค่ำ  เดือน   10   อาหารคาวหวานที่ใช้ถวายพระในวันนั้น คือ กระยาสารท (ใช้ ทุกภาคนอกจากภาคใต้)  ข้าวยาคู   ข้าวมธุปายาส  ข้าวทิพย์   ถ้าภาคใต้ใช้ขนมลา ขนมพอ   ขนมท่อนใต้  ขนมม้า   ขนมเจาะหู ขนมต้ม  (ข้าวเหนียวใส่กะทิ   ห่อด้วยใบกะพ้อแล้วต้ม)   ยาสาด (กระยาสารท) ยาหนม (กาละแม)
3D_Diamond.gif (591 bytes)   วันสารท   การกวนข้าวทิพย์นั้นมีประเพณีเดิมอยู่ว่าจะต้อง ใช้หญิงสาวพรหมจรรย์กวน พระราชพิธีกวนข้าวทิพย์ในบรม มหาราชวัง ในสมัยก่อนมีพระราชพิธีเริ่มตั้งแต่รัชสมัยพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1  และมีมาจนถึงสมัย รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เมื่อ ถึงรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชพิธี กวนข้าวทิพย์นี้ซาลงไปพักหนึ่ง  

3D_Diamond.gif (591 bytes)   จวบจนกระทั่งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 4   พระองค์ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีนี้อีกครั้ง เด็กรุ่น สาวมีหน้าที่กวนข้าวทิพย์อย่างเดียวจนกระทั่ง เป็นสาวใหญ่ 

กระยาสารท
3D_Diamond.gif (591 bytes) ในสมัยก่อนผู้ที่จะกวนข้าวทิพย์นั้นจะต้องนุ่งขาว ห่มขาว ทำพิธีกวนถึง 3 วัน   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึง ทรงโปรดให้ผู้กวนข้าวทิพย์นั้นแต่งตัวใหม่คือให้แต่งเครื่องสี 2 วัน การ แต่งตัวก็ต้องนุ่งจีบด้วย   สำหรับวันกวนจะนุ่ง ขาวห่มขาว   การนุ่งขาวห่มขาวนี้ไม่ต้องนุ่งจีบเหมือนตอนแต่งเสื้อผ้าที่เป็นสีอย่างวันต้น   ผู้กวนมีเครื่องประดับอาภรณ์ อาทิ เช่น ให้สวมสังวาลย์   สร้อยผูกข้อพระหัตถ์และพระบาท   แต่ถ้าเป็นสาวรุ่นสาวโตก็ใช้แต่สังวาลย์ และสายสร้อยประดับ

หน้าที่ผ่านมา รายการหลัก หน้าต่อไป