เสม็ด

บันทึกการเดินทาง 20-22 เมย.2546 กำจร 23เมย.2546

เมนูหลัก เดินทางไปเสม็ด บนเกาะวันแรก บนเกาะวันที่สอง กลับบ้าน

ท่านวลทิพย์และเรือที่จะพาไป

เกาะเสม็ด

จะแวะที่หาดทรายแก้วก่อน

ต่อไปยังอ่าววงเดือน

ป้ายที่อ่าววงเดือนอุทยานฯ

เขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด

แพรับส่งนักท่องเที่ยว

 

 

เดินทางไปเสม็ด

ณ ท่ารถเอกมัย วันที่ 20 เมษายน 2546

"ไปบ้านเพเท่าไร"

"ไปเที่ยว 9 โมงมั้ย? นี่รถจะออกแล้ว"

ผมรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้เวลาใกล้ 9 โมงเช้าเต็มแก่ แน่นอนล่ะ ผมไม่ไปหรอก ฉุกละหุกจะตายไป คิดธุระปะปังต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจลับในห้องน้ำแล้ว ไม่ไหว ไม่อยากเร่งรีบอะไร ผมจึงตอบปฎิเสธไปและย้ำถามเรื่องค่าตั๋วต่อ

"ไม่ละ ไปรอบอื่นดีกว่า เท่าไหร่ครับ?"

"124 บาท"

พนักงานขายหญิงไม่สาว ไม่สวย กริยาไม่ดี ทำหน้าตาไม่งามใส่ผม ให้ผมเลือกที่นั่ง ก่อนจะยื่นตั๋วรอบ 10 โมงอย่างเสียไม่ได้ วันนี้เป็นวันอาทิตย์หลังสงกรานต์มาประมาณ 1 สัปดาห์คนจึงน้อย เจ้คนขายแกคงอยากให้ รถเที่ยวนี้เต็มที่นั่ง จึงพยายามยัดเยียดตั๋วรอบ 9 โมงที่ยังไม่เต็มให้นั่นเอง ผมเข้าใจนะ แต่ไม่เอา ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำกรรมอะไรไว้นักหนา ทุกครั้งที่จะไปไหนต้องเจอะเจออุปสรรคเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ให้รำคาญใจอยู่เป็นนิจ ก็ได้แต่ปลง เดินหาซื้อหนังสือไว้อ่านบนรถและรอเวลารถออก

ความจริงผมไม่ตั้งใจไปบ้านเพหรอกนะ แต่ที่บ้านเพคือท่าเรือข้ามไปยังเกาะเสม็ดและนั่นล่ะคือดินแดนจุดหมาย ที่ผมจะไป บ้านเพเป็นอำเภอหรือเปล่าหว่า? น่าจะเป็นนะ ห่างจากตัวเมืองจังหวัดระยองประมาณอึดใจใหญ่ๆ ของรถทัวร์เห็นจะได้ คิดเป็นระยะทางน่าจะประมาณ 17 - 20 กิโลกระมัง รวมกับระยะทางกรุงเทพ-ระยองอีก 179 กิโลหลงจ้ง 200 กิโลเมตร แต่อย่าเอาความผมเป็นเรื่องจริงจังนา เพราะหากตัวเลขผิดไปจะมาโทษกัน

ผมทนนั่งหลับๆตื่นๆดูหนังเฉินหลงเรื่องอะไรไม่รู้และยังต่อด้วยตลกคาเฟ่มาอีกระลอก ส่วนด้านหลังผมเต็มไปด้วย หนุ่มสาวไฟแรงเม้าท์แตกกันสุดฤทธิ์แถมยังร้องเพลงอีกตะหาก 1 ชั่วโมงผ่านไป .... 2 ชั่วโมง ....3 ชั่วโมง ไม่มีทีท่าจะหยุดทั้งด้านหน้าและหลังรถ และในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว ขยับตัวลุกขึ้นหยิบบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋า "วิทยุพกโซนี่วอร์กแมน"

ผมเปิดหาคลื่นที่ชัดที่สุดที่เป็นเพลงที่พอทนได้ เร่งเสียงสุดขีดให้ดังกลบเสียงอึกทึก ในขณะที่ช่วงล่างออกอาการ ปวดมานาน ต้องหนีบเต็มที่ ช่วงโค้งสุดท้าย 30 นาทีก่อนถึงบ้านเพดูจะเป็นเหตุการณ์ อันน่าจดจำตอนหนึ่ง ของชีวิตทีเดียว และแน่นอนที่สุดเมื่อถึง สิ่งแรกที่ผมทำคือ หาห้องน้ำ

ในขณะฉี่ดันมาเจอเจ้าหนุ่มๆเม้าท์แตกกลุ่มเดิมอีก

เฮ่อ! ความจริงผมจะว่าเค้าเหล่านี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะดูจะเห็นแก่ตัวไป หากเรามากันเป็นกลุ่มและเค้ามาคนเดียว คงจะเกิดอาการแบบเดียวกันคือ พวกผมเม้าท์แตก ส่วนเค้าคงรำคาญอะไรอย่างนั้น แต่ผมว่าผมไม่ร้องเพลงบนรถทัวร์สาธารณะแบบพวกนี้แน่นอน บ่ายโมงครึ่ง นาฬิกาเรือนน้อยแสดง ความรู้เรื่องเวลา ให้ผมทุกครั้งที่ผมดูมัน เราใช้เวลาบนรถอึกทึกไป 3 ชั่วโมงครึ่ง ผมสั่งกุ้งผัดพริกขิงราดข้าวมาเป็นอาหารเที่ยง ก่อนที่จะต้องทำภารกิจอีก 2 อย่างคือ จองที่พักบนเกาะ และหาเรือไปเกาะ ไม่ยากหรอกยิ่งช่วงนี้คนเที่ยวน้อย

หลังรับประทานอาหารแล้ว ผมเดินดุ่ยๆไปที่ท่าเรือนวลทิพย์ พร้อมสัมภาระ แสดงความงงๆให้เค้าเห็นสภาพว่า เราแย่ขนาดไหน จนเค้าทนไม่ไหวถามเรามา

"พี่หาที่พักเหรอ?"

"อืม! ที่ไหนดีล่ะ? เอาที่เงียบๆหน่อยนะ"ผมให้คำถามไปแบบมีเงื่อนไข

"งั้น ต้องที่อ่าววงเดือน" คนขายสาวสรุปให้

อ่าววงเดือน โอ! คำนี้เหมือนมันเคยอยู่ในพจนานุกรมส่วนตัวของผมมานานหลายปีแล้ว แน่นอนผมเลือกที่นี่ทันที แต่ต้องหาห้องพักที่ค่อนข้างสบายหน่อย และในที่สุดผมก็ได้ที่พักที่ วงเดือนรีสอร์ท เพราะมีแอร์ ราคา 1000 ต่อคืน เจ้เค้าให้ผมไปซื้อตั๋วเรือเดินทางไปกลับบ้านเพ-อ่าววงเดือน ราคา 120 บาท แต่ถ้าคุณไปหาดอื่นอาจจะถูกหรือแพงกว่านี้ เช่น หาดทรายแก้ว ราคาแค่ 100 เดียวเอง

แต่บางหาดอาจจะแพงจนคุณเข็มขัดสั้น(คาดไม่ถึง)ทีเดียว คือ หาดใหญ่ เพราะคุณต้องเดินทางย้อนไปกรุงเทพและต่อรถทัวร์หรือรถไฟ ราคาร่วมพันบาท

ที่บ้านเพมีท่าเรือหลายท่านะครับ และที่ผมใช้บริการท่าเรือนวลทิพย์ อย่าคิดว่าผมเลือกท่าเรือที่ดีสุดแล้วนะ เพราะผมไม่รู้หรอก แต่ที่ผมเลือกที่นี่เพราะมันใกล้ท่ารถทัวร์เมื่อกี้เท่านั้นเอง สรุปคือขี้เกียจหาท่าเรือให้เป็นภาระ

กว่าเรือจะออกเดินทางก็ปาไปบ่าย 2 โมงครึ่งแล้ว อ้อ ถ้าคุณคิดจะไปอ่าววงเดือนน่ะ หากคนไม่ครบ 6 คน เรือมันไม่ไปนะครับต้องรอให้ครบหรือจะเหมาไป 6 ที่ก็ได้

"บ้าจริง" ตอนซื้อตั๋วก็ดันไม่บอกเราเรื่องนี้ก่อน จะได้ไปที่อื่นก็ได้ แต่ผมก็โชคดีที่ไม่ต้องรอเพราะครบ 6 คนอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ตามมาหลอกหลอนผมคือ ไอ้คุณคณะหนุ่มสาวเม้าท์แตกกลุ่มเดิม ดันมาลงเรือพร้อมผม อีกต่างหาก และยังไม่เท่านั้นสิ ท่านเม้าท์ทั้งหลายยังดันมาลงที่อ่าววงเดือนสุดที่รักของผมด้วย งานนี้ผมจะสนุกกับเกาะได้ขนาดไหนหว่า?

การเดินทางจากท่าเรือนวลฉวีเอ้ย! นวลทิพย์ไปยังอ่าววงเดือนใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมงครึ่ง คือเรือจะจอดที่ หาดทรายแก้วก่อน ใช้เวลาประมาณ 45 นาที รอคนลงประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงมาหาดวงเดือน อีกประมาณครึ่งชั่วโมง และที่หาดทรายแก้วจะมีท่าเรือรับอยู่แล้ว เราสามารถขึ้นเรือไปที่ท่าและเดินต่อไป ยังหาดได้เลย แต่อ่าววงเดือน เมื่อถึงเราจะต้องรอให้แพมารับที่เรืออีกทีหนึ่ง และแน่นอนแพไม่เคยส่งถึงชายหาด อย่างมากก็ใกล้ที่สุดจนพอที่เราจะเดินลุยน้ำประมาณครึ่งเข่าเข้าไป บรรยากาศได้อารมณ์ดี ยังกะฉากตอนยกพลขึ้นบกของหนังเรื่องเซฟวิ่งไพเวทไรอัลเลยล่ะ เพียงแต่ที่หาดนี่ไม่มีลูกปืนมาวิ่งชนเท่านั้น แต่นั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ

ระหว่างการเดินทางด้วยเรือข้ามมายังเกาะจะมีคลื่นโทรศัพท์ให้เราใช้ได้ดี แต่พอลงมายังอ่าววงเดือนระบบ โทรศัพท์ของ DTAC ก็แสดงอาการเดี้ยงอีกตามระเบียบ จะมีคลื่นมาให้ใช้เป็นช่วงๆยังกับคลื่นที่ซัดหาฝั่งยังงัยยังงั้น ผมคิดว่าระบบ GSM ของท่านนายกฯทักษิณคนที่ชื่อไม่ตรงกับที่เกิดของตัวเองน่าจะใช้ได้ดีนะ เพราะผมเห็นคนอื่นโทรได้ และนี่คือข้อดีของท่านนายกฯคือ คลื่นดีมีทุกที่แม้ว่าจะฟันกำไรเราไปเยอะ และยิ่งกว่าแช่แป้งซะอีกว่า DTAC เดี้ยงสนิทขนาดไหนเมื่อผมอยู่ในรีสอร์ทน้อยเรือนงามของผม ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องคิดว่าโทรได้หรือเปล่านะที่นี่ คือไม่ได้ไปเลย เวรแท้!

ต่อ->