สัมผัสนอก
สัมผัสใน (ต่อ) คำเหล่านี้ เรียกว่าสัมผัสนอก บังคับว่าต้องมี คราวนี้มาดูตัวอย่าง บทที่ ๒ คำต่อไปนี้ รัก สัมผัสกับ อัก คำว่า อภัย สัมผัสกับ ใจ คำว่า คำ สัมผัสกับ จำ คำว่า ชื่อ สัมผัสกับ บือ คำเหล่านี้ เรียกว่าสัมผัสใน ไม่บังคับจะมี หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือของคนแต่ง เพราะบางคนเขียนกลอนโดยไม่มี สัมผัสในก็ไพเราะได้ แต่กลอนแปด ที่ไพเราะ ก็จะมีสัมผัสในเสมอ โดยเฉพาะถ้าเป็นกลอนของสุนทรภู่ จะมีสัมผัสในถึง ๒ คู่ เช่น "ในเพลงปี่ ว่าสาม พี่พราห์มณ์เอ๋ย ยังไม่เคย เชยชิด พิสมัย ถึงร้อยรส บุปผา สุมาลัย จะชื่นใจ เหมือนสตรี ไม่มีเลย" คำว่า เคย เชย เป็นสัมผัสในคู่ที่ ๑ และคำว่า ชิด พิส เป็นสัมผัสในคู่ที่ ๒ ซึ่งทำให้กลอนของสุนทรภู่ อ่านรื่นไม่สดุดจังหวะ ฟังไพเราะ จนได้รับยกย่องเป็นบรมครูกลอน เสียงท้ายวรรค ตอนนี้ ก็มาถึงเรื่องของเสียงท้ายวรรค ใครจะเขียนกลอนได้ไพเราะกว่ากัน เคล็ดลับก็อยู่ ตรงนี้ละ คราวนี้คงจะหนียาขมถ้วยใหญ่ลำบาก สักหน่อย เพราะต้องเกี่ยวข้องกับการผัน วรรณยุกต์ แต่ไม่ต้องตกใจเรามาช่วยกัน ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายดีกว่า เพียงแต่คุณมีมือมีนิ้วครบ ๕ นิ้ว เรื่อง ไล่โน้ตของเสียงกลอนก็จะไม่ยากอีกต่อไป เรา มาหยุดเรื่องไล่เสียงวรรณยุกต์ไว้ก่อน เพื่อกลับ ไปทำความเข้าใจ กับเรื่องของเสียงท้ายวรรค กันก่อน โดยมีสูตรง่าย ๆ ดังนี้ ๑) คำหรือพยางค์สุดท้าย ของบรรทัดที่ ๑ และ ๒ ให้ใช้เสียงสูง ๒) คำหรือพยางค์สุดท้าย ของบรรทัดที่ ๓ และ ๔ ให้ใช้เสียงสามัญ (เสียงต่ำ) *** จำง่าย ๆ ขึ้นสูง ลงต่ำ *** บางท่านอาจจะค้านว่า มันไม่ง่ายอย่างที่ว่าละ ซีคุณ ปัญหามันอยู่ที่ว่าคำไหนสูง คำไหนต่ำนี่สิ |
เรามาดูของจริง
กันเลยดีกว่า " ในเพลงปี่ ว่าสาม พี่พราห์มณ์เอ๋ย ยังไม่เคย เชยชิด พิสมัย ถึงร้อยรส บุปผา สุมาลัย จะชื่นใจ เหมือนสตรี ไม่มีเลย " เห็นตัวอย่างชัด ๆ อย่างนี้แทบไม่ต้องอธิบาย อะไรกันมากไช่ไหมครับ โปรดสังเกตตัวเน้นสีน้ำเงิน คู่แรก คือขึ้นสูง ส่วนตัวเน้นสีแดงคู่หลังคือลงต่ำ มาถึงตรงนี้แล้วคงต้องย้อนกลับไปกินยาขม ที่ว่ากันแล้วละ คือการไล่วรรณยุกต์เพื่อหาว่า คำไหนสูง คำไหนต่ำ เอานักเรียนทุกคนแบมือขึ้น ... พูดจริง ๆ นะครับ นี่คือเคล็ดลับในการไล่เสียงวรรณยุกต์ ขอให้ท่านแบมือ ข้างที่ถนัดขึ้น แล้วเริ่มไล่เสียงที่นิ้วก้อยไปหานิ้วโป้ง รู้จักนิ้วโป้งใช่ไหม ? ครับ หัวแม่มือนั่นแหละครับ เริ่มเลยครับ กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า พอไล่เสียง กา เราก็งอนิ้วก้อยขึ้น แล้วก็เรื่อย ๆ ไป พอถึงเสียง ก๋า ก็ถึงนิ้วโป้ง ครบ ๕ เสียงพอดิบพอดี คือ กา เป็นเสียงสามัญ ไม่มีรูปวรรณยุกต์กำกับ (ภาษากลอนเรียกรวม ๆ ว่าเสียงต่ำ) ก่า เป็นเสียงเอก มีรูปวรรณยุกต์ เอก กำกับ ก้า เป็นเสียงโท มีรูปวรรณยุกต์ โท กำกับ ก๊า เป็นเสียงตรี มีรูปวรรณยุกต์ ตรี กำกับ ก๋า เป็นเสียงจัตวา มีรูปวรรณยุกต์ จัตวา กำกับ (ภาษากลอนเรียกรวม ๆ ว่าเสียงสูง) ข้อต้องจำ ๑) พยัญชนะที่ไล่เสียงได้ตามนี้เป็นกลุ่ม พยัญชนะเสียงกลาง ๗ ตัว คือ ก จ ด ต บ ป อ (รวมที่ไม่ค่อยได้ใช้ ฎ ฏ อีก ๒ ตัว เป็นทั้งหมด ๙ ตัว วิธีจำท่องว่า ไ่ก จิก ด้วง ตาย บน ปาก โอ่ง) ๒) พยัญชนะที่มีวิธี่ไล่เสียงต่างจากนี้เป็นกลุ่ม พยัญชนะเสียงสูง ๘ ตัว คือ ข ฉ ถ ผ ฝ ศ ส ห (รวมที่ไม่ค่อยได้ใช้ คือ ขอขวด ฐ ษ อีก ๓ ตัว เป็นทั้ง หมด ๑๑ ตัว) จำง่าย ๆ ว่าพื้นเสียงเป็นเสียงจัตวาสูงอยู่แล้ว ประกอบวรรณยุกต็ได้เพียง ๒ ตัว คือ ไม้เอก กับไม้โท เช่น ขา ข่า ข้า วิธีจำท่องว่า ผี ฝาก เศษ ถุง ้ข่าว สาร ให้ ฉัน) ๓) พยัญชนะที่มีวิธี่ไล่เสียงต่างจากนี้เป็นกลุ่ม พยัญชนะเสียงต่ำที่เหลือจากนี้มีทั้งหมด ๒๔ ตัว (มีต่อกลอนแปด ๓) |