MY BEST
amores perros, 2000
เป็นหนังเม็กซิกันที่เคยได้เข้าชิงออสการ์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยม หนังเป็นเรื่องราวของคนสามกลุ่ม ที่มาผูกผันกันด้วยอุบัติเหตุรถชน และหมา!! จะเกี่ยวกับหมายังไงก้อไปหาดูกันเอง โดยหนังจะเล่าเรื่องราวของคน 3 กลุ่มนั้น ที่มีทั้งเด็กหนุ่มที่แอบรักเมียพี่ชายตัวเอง ดาราสาวชื่อดังที่ต้องแอบมาอยู่กับชู้หนุ่มคนรัก และคุณพ่อนักฆ่าที่ต้องหลบๆซ่อนๆตำรวจ และหาทางติดต่อลูกสาวให้ได้ หนังยาวมากประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง มีตัวละครมากมาย เรื่องราวสลับซับซ้อน แต่ผู้กำกับ อเลฮานโดร กอนซาเลซ อิงนาริตู ก็ทำให้มันไม่น่าเบื่อซักนิด ทุกเรื่องราวมีความน่าสนใจในตัว และเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ตอนจบของหนังให้ความหมายดีมาก ดูจบแล้วรับรองจะอยากดูอีกรอบ นักแสดงทุกคนเล่นได้ดีมาก สมบทบาททุกคน การกำกับภาพดูสมจริง ไม่ได้ประดิดประดอยให้ภาพออกมาสวย ซึ่งเข้ากับเรื่องเป็นอย่างมาก ดนตรีประกอบก็เยี่ยม การตัดต่อก็ทำได้ลื่นไหลดี แล้วฉากรถชนนี่ก็สมจริงมากๆจนน่ากลัว สรุปว่าเยี่ยมทุกส่วน ลองไปหาดูกัน
bully, 2002
หนังของผู้กำกับ แลร์รี่ คลาร์ก ที่เคยกำกับ kids, ken park (หนังวัยรุ่นอเมริกันใจแตกๆๆ ทั้งหลาย) พอดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว เฮ้อ...หดหู่มาก หนังเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มขี้แพ้คนนึง ที่มักถูกเพื่อนรักทำร้ายทั้งทางร่างกายและวาจาอยู่เสมอๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่โดนทำนองเดียวกัน สุดท้ายพวกเขาก็เลยรวมหัวกันวางแผนฆ่าไอ้เด็กนั่นซะเลย หนังมีมุมมองในเรื่องพ่อแม่-ลูก เพื่อน-เพื่อน และพี่ชาย-น้องชาย ซึ่งตรงนี้แหละที่เราชอบมาก สุดท้ายในหนังเรื่องนี้ เด็กทุกคนก็ได้รับบทลงโทษ (นอกจากไอ้เด็กนั่นที่โดนฆ่าไปแล้ว) บางคนโดนตัดสินประหารชีวิต บางคนโดนติดคุกตลอดชีวิต ซึ่งในฉากที่พวกเขาโดนจับนั้น บางคนร้องตะโกนโวยวาย บางคนร้องไห้คร่ำครวญ กระแทกใจคนดูได้อย่างแรง  เรื่องนี้ต้องยกย่องผู้กำกับที่ปูเรื่องจากเบาๆในตอนต้น มาสู่การกดดันในตอนท้ายได้ดีมาก นักแสดงวัยรุ่นทุกคนก็เป็นตัวของตัวเองดี และแสดงได้เยี่ยม การกำกับภาพและตัดต่อเป็นธรรมชาติดี
amores perros
chicago, 2002
อาจจะเพราะว่าได้ดูหนังเพลงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกด้วยมั้ง ก็เลยติดใจหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นมากๆ อยู่ที่การแสดงของนักแสดงนำทั้ง 2 คน เรอเน่ เซลวีเกอร์ เล่นเป็นคนเจ้าเล่ห์ได้ดีทีเดียว แคทเทอรีน เซต้า โจนส์ ทั้งเต้นทั้งแสดงได้สุดยอด รวมทั้งนักแสดงสมทบ อย่างริชาร์ด เกียร์, จอห์น ซี ไรลี่ย์ และควีนลาติฟาห์ ต่างก็มีวินาทีที่ได้แสดงความสุดยอด ออกมาให้เห็นกัน แต่คนที่ควรได้รับคำชมมากที่สุด น่าจะเป็นผู้กำกับร็อบ มาร์แชลล์ เพราะว่าเก่งมาก ที่สามารถผสมผสานความสามารถในด้านการแสดง และการเต้น ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างกลมกลืน โดยที่ฉากร้องเพลงนั้นเป็นฉากในจินตนาการทั้งสิ้น ไม่นำมาปะปนในชีวิตจริง ทำให้หนังดูเป็นเรื่องจริงจังได้ดี หนังเรื่องนี้ยังมีความยอดเยี่ยม ในการออกแบบฉาก ออกแบบเครื่องแต่งกาย ดนตรีและเพลงประกอบที่ติดหูมากๆ และที่สำคัญการตัดต่อที่สุดยอด แทบไม่มีรอยสะดุด โดยเฉพาะตอนที่ตัดจากฉากในจินตนาการมาสู่โลกความจริง
chicago
1
2
3
bully
american beauty
american beauty, 2000
เรื่องนี้ แอนเน็ตต์ เบนนิ่ง กับ เควิน สเปซีย์ แม่งเล่นโคตรดีเลย น่าเสียดายที่แอนเน็ตต์ไม่ได้ออสการ์ เพราะไปแพ้ให้กับม้านอกสายตาอย่างฮิลารี่ แสวงค์ ตัวหนังเยี่ยมมากๆเลย ดูเป็นชีวิตของคนจริง ทุกตัวละครมีพื้นหลังแน่นมาก ถึงแม้ว่าตัวละครของเวส เบนสลี่ย์จะดูโรคจิตไปนิดนึงก็เถอะ ส่วนตัวแล้วชอบฉากถุงพลาสติกลอยไปลอยมามาก ดูไม่มีอะไรแต่เป็นฉากที่ทำได้ติดตาติดใจดี อีกฉากก็คงเป็นตอนจบที่เควินถูกยิง แล้วแอนเน็ตต์มาเห็น จากนั้นก็ร้องไห้ โอ้โห ซึ้งมาก นักแสดงเล่นได้ดีทุกคนเลย โดยเฉพาะ 2 นักแสดงหลัก ยิ่งบทภาพยนตร์นี่ยิ่งยอดเยี่ยมโคตร คือเรียบง่ายแต่โดนใจสุดสุด แซม เม็นเดสก็ทำได้ดีเลยสำหรับการกำกับหนังเป็นเรื่องแรก คอนราด ฮอลล์กำกับภาพได้สวยงามเหมือนเคย เป็นงานสุดท้ายในชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
the sixth sense
the sixth sense, 1999
เอ็ม ไนท์ ชยามาลานนี่เป็นผู้กำกับอัจฉริยะจริงๆ สามารถทำหนังที่ดูได้เรื่อยๆในตอนต้น แต่ทำให้ตอนจบเป็นอีกเรื่องนึงเลย แอบใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆไว้ตลอดเรื่อง ที่จะกลายไปเป็นส่วนสำคัญของฉากจบ ไม่ใช่แค่ในเรื่องนี้ แต่ใน signs และ the village ก็เป็น บางทีคนที่ต้องการหนังที่หักมุมสุดยอดเลยจะไม่ค่อยชอบ2เรื่องหลังนี้ เพราะมันไม่หักมุมขนาดนั้น แต่วิธีการเล่าเรื่องของเขาในหนังทั้งสามเรื่องนี้สุดยอดมากๆ ขอซูฮก บรูซ วิลลิสได้แสดงอย่างอื่น นอกจากแอ็คชั่นซะที และทำได้ค่อนข้างดีพอตัว ฮาร์ลี่ย์ โจล ออสเมนท์เล่นได้เก่งมาก แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว โทนี่ คอลเล็ตต์ ดูเป็นแม่ที่เจ็บปวดกับสิ่งที่ลูกเป็นได้เยี่ยม สมแล้วที่ได้เข้าชิงออสการ์สำหรับ 2 คนหลัง รวมทั้งชยามาลานเองสำหรับ การเขียนบทและกำกับ ฉากที่แม่กับลูกได้เข้าใจกันในตอนท้ายเรื่องนั้น เป็นบทสรุปที่เยี่ยมมาก แต่ฉากจบของหนังนั้น เป็นประวัติศาสตร์ไปแล้วเรียบร้อย
15 ค่ำ เดือน 11
เป็นหนังไทยที่ชอบมากถึงมากที่สุด ให้ความประทับใจอย่างมาก ดนตรีประกอบก็เพราะสุดๆ ก็คือเพลงศรัทธาฤาเหตุผล เป็นสกอร์หนังไทยที่เยี่ยมมากในรอบ 10 ปีไปเลย ส่วนบทหลวงพ่อนี่พอจะขำก็ขำซะ พอจะซึ้งก็ซึ้งซะโดนไปเลย ตอนจบที่หลวงพ่อตาย แต่ก็ยังมีบั้งไฟพุ่งขึ้นมาอีก โอ้โหซึ้งมาก เป็นตอนจบที่ลงตัวที่สุด โดยที่ไม่ต้องบอกว่าบั้งไฟ เกิดจากอะไรกันแน่ วิธีการนำเสนอเรื่องของจิระ มะลิกุลนั้นก็โดดเด่น ค่อยๆเปิดปมขึ้นมาทีละนิด ผสมกับการแทรกมุกตลกและบทวิชาการในบางครั้งได้อย่างกลมกลืน ไม่หนักมากและไม่ขำมากเกินไป ถึงแม้นักแสดงบางคนจะเล่นแข็งไปบ้าง แต่โดยร่วมแล้วหนังเรื่องนี้ ทำให้มุมมองต่อหนังไทยเปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้น
mehkong full moon party
6
toy story/ toy story 2/ finding nemo/ the incredibles
จริงๆแล้วชอบการ์ตูนของ pixar เกือบทุกเรื่อง ที่ชอบมากๆก็เป็น 4 เรื่องนั้นแหละ ส่วน a bug's life กับ monsters inc. นั้นเฉยๆ สิ่งที่เหมือนกันของการ์ตูนของบริษัทนี้ทุกเรื่อง ก็คือ บทภาพยนตร์ที่มีทั้งส่วนของความตื่นเต้น แอ็คชั่น เศร้า ขำขำ ผสมกันอย่างพอดีๆ  มีตัวละครที่มีความโดดเด่นมากๆ และทีมผู้พากย์ที่พิจารณาจากความเหมาะสมกับบท มากกว่าชื่อเสียง แล้วก็ภาพที่มีรายละเอียดสูงและสวยงาม มากกว่าการ์ตูนของบริษัทอื่นๆอย่างชัดเจน ที่เลือกสี่เรื่องนี้มา เพราะว่า เป็นเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างคนที่ใกล้ชิดกัน ทั้งเพื่อนต่อเพื่อน ที่ยังไงก็ต้องช่วยเหลือกันเสมอ ใน toy story หรือว่าระหว่างคนในครอบครัว ใน finding nemo และ the incredibles ไอ้ประเด็นเหล่านี้แหละ ที่ติดใจคนทั่วไป รวมทั้งเราด้วย บวกกับเทคนิคอันสุดยอด และเสียงพากย์ที่เข้ากับตัวละคร ทำให้การ์ตูนของ pixar แทบทุกเรื่องออกมายอดเยี่ยมเสมอ
7
toy story
>top>
<<back<<
tbc
the godfather/ the godfather 2
ตอนแรกกลัวว่าหนังจะน่าเบื่อ แต่พอได้ดูแล้วละสายตาไม่ได้เลย หนังมีรายละเอียดเยอะมาก แล้วก็นักแสดงทุกคนเล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะมาร์ลอน แบรนโด อัล ปาชิโน่ แล้วก็โรเบิร์ต เดอนีโรด้วย แต่ที่เราชอบมากๆกลับเป็น เจมส์ คานกับโรเบิร์ต ดูวัลอ่ะ คนแรกโผงผางดี คนที่สองก็นิ่งสงบเหลือเกิน ฉากหัวม้าในภาคแรกก็เพียงพอที่จะอธิบายความเป็นมาเฟียได้อย่างชัดเจน รวมทั้งฉากงานแต่งงาน ที่วุ่นวายมากๆ แต่ก็มีพื้นหลังของตัวละครที่แน่นปึ้กแทรกอยู่ บทหนังแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของวงการ มาเฟียได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเรื่องราวภายในครอบครัวอันแสนเศร้าของพวกเขาเองด้วย ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่ากล้ามากที่ทำให้หนัง ออกมาด้วยเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง แต่ก็คุ้มกับความคลาสิคของทั้งสองเรื่อง ที่ห้ามพลาดแม้สักฉากเดียว
8
the godfather
contact, 1997
เป็นคนชอบหนังวิทยาศาสตร์ ไซ-ไฟ อยู่แล้ว โดยเฉพาะหนังที่ค่อยๆเล่าเรื่องอย่างนี้ ยิ่งมีโจดี้ ฟอสเตอร์อีกต่างหาก เปิดเรื่องมาก็น่าสนใจเลย เริ่มจากเด็กน้อยที่ส่งคลื่นวิทยุไปในอากาศ ซึ่งต่อมาเด็กคนนี้ ก็กลายเป็นนักดาราศาสตร์ผู้ค้นพบการติดต่อที่มาจากมนุษย์ต่างดาว นำไปสู่การสร้างยานอวกาศ เพื่อไปสู่ดาวเคราะห์ดวงที่ส่งสัญญาณมา ซึ่งก็เป็นนางเอกของเรานี่แหละที่ได้ไป และก็ได้ไปพบพ่อที่ตายไปแล้วของเธอ บนดาวดวงนั้น ที่สวยมากๆ ซึ่งพอกลับมาบนโลกก็ไม่มีใครเชื่อเธอเลย เพราะอะไรลองไปดูเองแล้วกัน ภาพจักรวาลนั้นสวยมากๆ โจดี้เล่นได้หนักแน่น เยี่ยมเหมือนเคย บทหนังยังไม่ค่อยดีหนัก แต่มันเป็นเรื่องที่เราชอบอยู่แล้ว เลยขอชอบหนังเรื่องนี้ด้วยเหอะ
9
contact
kill bill vol.1& vol.2
เป็นหนังแอ็คชั่นที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยดูมา แล้วก็ขำมากๆในความเว่อร์ของนางเอก แต่บทหนังก็ พยายามที่จะทำให้ดูมีเหตุผลเพียงพอ ซึ่งไม่สำคัญหรอก เพราะหนังเรื่องนี้มันส์มาก นักแสดงทุกคนเล่นได้เต็มที่ใน ความเว่อร์ แต่อูมา เธอร์แมนเธอทุ่มเทมากๆ น่าเสียดายที่ไม่ได้เข้าชิงออสการ์ เควนติน ทารันติโนเก่งอ่ะ เก่งที่เอา เรื่องง่ายๆ ในการแก้แค้นมาเรียบเรียง สลับไปสลับมาได้น่าสนใจมากๆ เพลงประกอบของหนังก็สุดยอดมากๆ เข้ากับทุกภาพทุกเสียงของหนัง การตัดต่อก็เยี่ยม กำกับภาพดีมาก โดยเฉพาะฉากลองช็อตในห้องน้ำหญิง ในภาคแรก ภาคสองก็เปลี่ยนโทนให้นุ่มนวลขึ้น เน้นคารมคมคายอันเฉียบคมไม่แพ้ดาบ สรุปว่าเยี่ยมทั้งสองภาคแหละ
10
chouching tiger, hidden dragon & hero
11
นี่คือหนังที่เราชอบทั้งนั้นแหละ ที่มีเลขกำกับไว้เนี่ย ไม่ได้หมายถึงเรียงตามลำดับความชอบหรอกนะ
จริงๆแล้ว เรียงลำดับตามที่หนังเรื่องไหนจะทำให้นึกถึงขึ้นมาก่อนอ่ะ หวังว่าคงเข้าใจ
ตอนนี้มี 15 เรื่องแล้ว แต่คงมีเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะหนังดีๆไม่มีวันสูญพันธ์ ใช่มั้ย
kill bill
hero
4
5