ประวัตินายซานานา
กุสเมา
ประวัตินายซานานา
กุสเมา
มีชื่อจริงว่านายโจเซ
อเล็กซานเดอร์
กุสเมา (Jose Alexandre Gusmao)
หรือชื่อจัดตั้งอีกชื่อหนึ่งคือ
Kay Rala Xanana Gusmao
เกิดเมื่อวันที่
๒๐ มิถุนายน
๒๔๘๙
ที่เมืองมานาตูโต
ติมอร์ตะวันออก
ตระกูลของเขาได้รับการยกย่องอยู่ในระดับกลาง
เขามีพี่ชาย
๑ คน
และน้องสาว ๕
คน
พ่อเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียน
ซานานา
กุสเมา
จบการศึกษาระดับหนึ่งและระดับสองที่โรงเรียนคาทอลิคของนอสซา
เซนโฮรา เดอ
ฟาติมา ในความบ้าบิ่นของเขาทั้งๆที่อายุยังน้อย
เขาต้องการเข้าไปทำงานในเมืองดิลีซึ่งก็ได้ทำงานในตอนเช้าและตอนบ่ายไปสอนหนังสือที่โรงเรียนของชาวจีน
ในเดือนเมษายน
๒๕๑๗
เขาได้เข้าร่วมงานกับหนังสือพิมพ์
"เสียงติมอร์"
(A Voz De Timor)
และได้ติดต่อกับกลุ่มเฟรติลิน
ซึ่งเป็นกลุ่มที่พยายามก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เพื่อให้ติมอร์ตะวันออกเป็นเอกราช
ในช่วงปลายปีเดียวกันนั้นเอง
เขาก็ได้เป็นรองหัวหน้าฝ่ายข่าวสารของกลุ่มเฟรติลิน
............๗ ธันวาคม
๒๕๑๘
อินโดนีเซียได้รุกรานติมอร์ตะวันออกโดยการส่งทหารเข้าไป
อ้างว่าเพื่อปราบปรามพวกคอมมิวนิสต์
ภายหลังที่ Nicolau
Lobato
เสียชีวิตเมื่อเดือนธันวาคมปี
พ.ศ.๒๕๒๑
เขาได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ปรับปรุงองค์กรของกลุ่มเฟรติลินใหม่จนถึงเดือนมีนาคม
๒๕๒๔
เขาได้เตรียมการจัดประชุมแห่งชาติครั้งแรกของกลุ่มเฟรติลินขึ้น
ระหว่างนั้นเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้นำสูงสุดของกองกำลังฟาลินติลซึ่งเป็นกองกำลังแห่งชาติเพื่อการปลดปล่อยติมอร์
ภายใต้การบังคับบัญชาและความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยของเขา
ในปี พ.ศ.๒๕๒๖
กลุ่มเฟรติลินจึงเป็นกลุ่มแรกที่คิดริเริ่มในการที่จะปลดปล่อยติมอร์ตะวันออก
ออกจากการยึดครองของอินโดนีเซีย
เขาเกิดความคิดขึ้นในใจว่า
การปลดปล่อยติมอร์
ชาวติมอร์ฯจะต้องมีความสามัคคีและการที่จะทำให้นโยบายความสามัคคีแห่งชาติขยายวงให้มากขึ้นได้นั้น
เขาจะต้องเข้าไปให้ใกล้ชิดกับโบสถ์หรือกลุ่มศาสนา
รวมทั้งใกล้ชิดกับชุมชนที่อยู่ชานเมืองและพื้นที่ที่มีผู้อาศัยในส่วนอื่นอย่างลับๆ
จนกระทั่งในปี
พ.ศ.๒๕๓๑
ความริเริ่มของกุสเมาที่จะสร้างความสามัคคีแห่งชาติก็ประสบผลสำเร็จ
เขาสามารถตั้งสภาแห่งชาติเพื่อการต่อสู้ของชาวมาอูเบเรขึ้นได้
(National Council Maubere Resistance)
แต่หนึ่งปีหลังจากที่มีการฆ่าหมู่ชาวติมอร์ฯอย่างโหดร้ายเป็นจำนวนมากที่ซางตาครุ๊ช
กุสเมาก็ถูกทหารอินโดนีเซียจับกุม
เมื่อวันที่
๒๐ พฤศจิกายน
๒๕๓๕
และถูกคุมขังในเรือนจำที่กรุงจาการ์ตา
ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ
กุสเมา ได้อุทิศเวลาจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการต่อต้านอินโดนีเซียอย่างละเอียดปราณีต
พร้อมกันนั้นก็ได้ศึกษาภาษาอังกฤษ
ภาษาอินโดนีเซียและกฎหมายควบคู่ไปด้วย
บางครั้งเขาก็วาดภาพและเขียนโคลงกลอน
บันทึกเกี่ยวกับการเตรียมดินไว้เพื่อการเพาะปลูกซึ่งเป็นความสามารถพิเศษที่ได้จดจำมาตั้งแต่เมื่อปี
พ.ศ.๒๕๑๘
..........ทูตเจมส์ซีส
มาร์กเกอร์
(Jamsheed Marker)
ผู้แทนพิเศษเลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้เข้าเยี่ยมกุสเมาที่เรือนจำถึง
๓ ครั้ง
ประธานาธิบดีเนลสัน
แมนเดลา แห่งอาฟริกาใต้ขอพบกับกุสเมาระหว่างที่ไปเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม
๒๕๔๐
ในตอนแรกอินโดนีเซียปฏิเสธที่จะให้ประธานาธิบดีเข้าพบ
แต่ตอนหลังประธานาธิบดีแมนเดลาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าพบได้
แมนเดลาก็ได้พูดคุยกับกุสเมาถึงเรื่องราวในติมอร์ตะวันออกเป็นเวลาถึง
๒ ชั่วโมง
เดือนเมษายน
๒๕๔๑ ประธานาธิบดีแมนเดลาได้สั่งให้รัฐมนตรีต่างประเทศอัลเฟรด
นโซ (Alfred Nzo)
ไปติดตามและเฝ้าดูการประชุมของกองทัพอินโดนีเซียและในเดือนเดียวกันนั้นชาวติมอร์ตะวันออกที่นิยมกุสเมาใน
Diaspora
ได้ก่อตั้งสภาแห่งชาติของชาวติมอร์เพื่อการต่อสู้
(CNRT) หรือ National Council Timorese Resistance)
ขึ้นอย่างมั่นคง
ชาวติมอร์ฯ
โห่ร้องแสดงความยินดียอมรับให้กุสเมาเป็นผู้นำในการต่อต้านและเป็นประธานสภา
CNRT ทั้งๆ
ที่ยังอยู่ในเรือนจำ
..................นับตั้งแต่ซูฮาร์โต
ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซียเมื่อ
๒๑ พฤษภาคม
๒๕๔๑ จำนวนของประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาลร่วมกันต่อต้านอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ในการที่อินโดนีเซียไม่ยอมปล่อยตัวกุสเมา
ประชาคมโลกเข้าใจว่ากุสเมาจะเป็นกุญแจที่จะนำไปสู่การตัดสินใจของกลุ่มชนที่ต้องการให้ปล่อยตัวกุสเมาให้เป็นอิสระ
ประธานาธิบดีเนลสันกล่าวว่า
เรื่องราวของติมอร์ฯ
กำลังได้รับการเจรจาต่อรองจากกลุ่มผู้สนับสนุนองค์การสหประชาชาติตามขบวนการ
๒๖ พฤษภาคม
๒๕๔๑
นักนิยมประชาธิปไตยชาวอินโดนีเซีย
๒ คน คือ
ม๊อกตา
ปาปะฮัน
และสรี
บินตัง
ปามิงกัส
ได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระจากเรือนจำซีปินัง
ม๊อกตา
ปาปะฮัน ได้พูดออกอากาศที่สถานีวิทยุแห่งชาติโปรตุเกส
รณรงค์ให้ประชาคมโลกให้ความสนใจในการต่อสู้ของกุสเมา
ทันทีที่เขาได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระ
กุสเมาก็พูดถึงสันติภาพ
ความยุติธรรมและอิสระภาพอย่างมั่นคง
ไม่มีการเปลี่ยนแปลง.
สำหรับ
ภรรยา คนปัจจุบัน
เป็นชาวออสเตรเลีย