เราทำได้ ผลสำเร็จนั้นเป็นแรงบันดาลใจ ฉันต้องทำมันต่อไป เพราะฉันรู้แล้วว่า เมื่อเราเชื่อ มันก็เป็นไปได้ ( ความดันทุรังสูง ) |
ฉันอยู่ในสภาวะคล่องตัว ฉันกวาดเพื่อนมาจากชมรมต่างๆทั่วตึก เพราะเราซ้อมกันใต้ตึก และฉันก็ไม่ลืมที่บางส่วนต้องมาจากชมรมศิลปะการแสดง บางคนฉันก็ชักชวนจากคนที่มาดูการซ้อมของเราใต้ตึกนั้น เมื่อผู้แสดงไม่พอ บ้างก็กล่อม บ้างก็ฉุดกระชาก เพราะคิดว่าในนั้นอาจมีใครที่มีความใฝ่ฝันเช่นเดียวกับฉัน หรือเฝ้าหาโอกาสเหมือนฉัน ( ฉันต้องให้โอกาสผู้อื่น ฉันช่างคิดได้ ) เรารวมตัวกันทำละครในแบบฉบับที่เราอยากให้มันเป็น ( ซึ่งในความเป็นเราจะมีความต้องการของฉันเป็นส่วนใหญ่ ) สนุกมาก ฉันมองเห็นแววตาคนดู เพื่อนร่วมงานด้วย นั่นแหละฉันคิดว่ามันเจ๋งเด็ด |
ถึงเวลาที่ต้องทำการศึกษาศิลปะการแสดงอย่างจริงจัง จะทำเล่นๆ เป็นเก๋ๆ ก็ดูไม่สมกับโอกาสที่ได้รับมา และเวทีที่เปิดโอกาสให้ ฉันพบกับพี่ตั้ว ครูประดิษฐ์ ปราสาททอง เป็นผู้สอนศิลปะการแสดงท่านแรกของฉันอย่างเป็นทางการ เราเชื้อเชิญพี่ตั้วมาประสิทธิ์ประสาทวิชากัน ที่ตึกกิจกรรมนักศึกษา ทำการอบรม มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากพอสมควร มันน่าทึ่งจริงๆ อะไรกันเนี่ย การเตรียมความพร้อมของร่างกาย ไม่ต่างอะไรกับการเก็บตัวนักกีฬา ( ฉันอยากเป็นนักแสดง นักกีฬาเคยเป็นมาแล้ว ) เราเรียนเรื่องสมาธิ และความเชื่อในการแสดง ฉันเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพราะเคยเรียนวิชาศีลธรรม ที่ครูมักจะให้นั่งสมาธิกันทั้งชั่วโมง แต่คราวนี้แปลก พี่ตั้วมาสายไหนกันนะ? เพราะตั้งคำถาม จึงเกิดการติดตาม ว่าสิ่งที่เราเรียนรู้มันสำคัญอย่างไรกับการแสดง ตั้งแต่นั้นฉันถามไม่เลิก และมักจะเป็นคนยุยงให้คนอื่นถาม |
ฉันกับเพื่อนมีโอกาสเริ่มแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทำโครงการการแสดงร่วมกับชมรมต่างๆ ทั้งในมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทำงานร่วมกับองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัย เห็นมั้ยฉันคิดการใหญ่อยู่เสมอ จากครูท่านแรก ก็มีคนท่านที่สอง ท่านที่สามตามมาอีก คือ พี่บิ๊ก ดำเกิง ฐิตะปิยะศักดิ์ พี่พร พร อึ้ง พี่นุด เมื่อทำงานมากขึ้น จึงปฏิเสธไม่ได้ ที่ความเชี่ยวชาญจะมากขึ้นด้วยเช่นกัน กลุ่มของเราได้รับผลตอบแทนในความเพียรพยายาม ได้รับโชคให้ร่วมผจญภัย |
3 |
5 |
![]() |