ไฉไลไปรบ
เป็นการกลับมาร่วมงานกับมิตรเก่า
หอศิลป์ตาดู
ซึ่งเคยเปิดโอกาสให้กำกับละคร
เรื่องแรกของหอศิลป์ ตาดู
ในละครเพลงเรื่องเมืองของหนู
จากการแนะนำของ พี่ พร อึ้งในครั้งนั้น
ไฉไลไปรบ ได้รับความสนใจเป็นอย่างดี
จนต้องเพิ่มรอบการแสดงขึ้นอีก
ฉันเล็งเห็นว่าการแสดงเดี่ยว
ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไป
นอกเหนือจากผู้คนในแวดวงศิลปะการแสดงแล้ว
ไฉไลไปรบเกิดขึ้นได้อย่างไร
แรกสุดในกลุ่มเพื่อนๆ ที่เราเคยทำละครด้วยกัน   
เราคุยกันว่าจะเล่นละครเดี่ยวกันสามเรื่อง
จากนักแสดงสามคน เป็นโครงการที่น่าสนใจ
แต่ก็วุ่นวายอยู่ไม่น้อย
ฉันเลือกเล่นเรื่อง คาบาเร่
ละครตะวันตก มันดูจะเหมาะสมกับฉัน
เพราะฉันชอบละครที่มีเพลง  และการเต้นรำ
( ฉันมั่นใจในรูปร่างก็ดูสูงโปร่งเป็นยุโรบของฉัน ) 
อีกสองเรื่องคือ มาดามเหมา และไฉไลไปรบ
เราทำ ทดลองเล่นทดลองนำเสนอ
เป็นการทดลองกันหลายอย่างตามกระบวนการสร้างงาน 
มันใช้เวลา และดูเป็นภาระมาก
มันยังไม่สนุกและมองไม่เห็นทางกันเสียที
โครงการนั้นจึงต้องพับไว้ก่อน
และอีกเหตุผลหนึ่งแต่ละคนต่างก็มีงานประจำกันทั้งนั้น
ถึงอยากทำอย่างไร ก็ต้องมีทีมงาน
เพราะอย่างไรเสีย
ละครเวที ก็ทำคนเดียวไม่ได้ แม้จะเล่นคนเดียวก็ตาม
( แต่ทุกคนลืมไปว่าฉันไม่ธรรมดา ฉันจะป่วย ถ้าไม่ได้ทำละครเวที )
ผ่านไปนานพอสมควร
ฉันยังเก็บเรื่องนี้ไว้ในความคิด
มันยังเฝ้าหลอกหลอนฉัน ฉันป่วยออดๆแอดๆ ดูไม่มีชีวิตชีวา
จนฉันต้องคุยกับพี่นา
คุณลักขณา คุณาวิชญานนท์ ผู้อำนวยการหอศิลป์ตาดู
ที่เราเคยร่วมงานกันเมื่อครั้งละครเรื่อง เมืองของหนู 
“  กั๊กอยากเล่นละครเชิงประวัติศาสตร์
อยากเล่นเดี่ยว อยากทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม
     อยากเล่นอะไรที่กั๊กไม่คุ้นที่ยากสำหรับกั๊ก 
กั๊กอยากให้ผู้ชมได้เห็นสิ่งใหม่ๆจากกั๊กบ้าง   
     กั๊กอยากเล่นไฉไลไปรบ ครับพี่นา “
ความอยากตอนนั้นมันมากมาย
จนพี่นาต้องยอมหาเวลาว่างที่หอศิลป์ตาดูให้เปิดการแสดงจนได้
ฉันไปขอร้องเพื่อนๆมาช่วยในเรื่องของทีมงาน 
ขอผู้ใหญ่หลายท่านมาเป็นที่ปรึกษา ร่วมวางแผน
วางทิศทาง
รวมทั้งขอฉันซ้อมคนเดียวก่อนนะครับในช่วงแรก
( อีหรอบเดิม )
จำนวนผู้เยี่ยมชม
หน้าต่อไป
หัวข้อเรื่อง