เศรษฐกิจแบบพอเพียงคือ
การดำรงชีวิตในความพอดี มีชีวิตใหม่ คือ หวนกลับมาใช้วิถีไทย
เป็นการสร้างรากฐานหรือพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ดังที่ได้มีพระราชกระแสตอนหนึ่งว่า
"...อาคารบ้านเรือนตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคง
ก็เพราะความเข้มแข็งของรากฐานหรือเสาเข็ม ซึ่งเรามองไม่เห็น
และมักจะลืมไปว่าเราอยู่บนฐานรากอะไร..."
"...คำว่า
พอเพียง มีความหมายกว้างออกไปอีก
ไม่ได้หมายถึงการมีพอใช้สำหรับใช้ของตัวเอง มีความหมายว่า
พอมีพอกิน...พอมีพอกิน นี้ ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง..."
"...ให้พอเพียง
นี้ ก็หมายความว่า มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหรา
ก็ได้ แต่ว่าพอ แม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย แต่ก็ทำให้มีความสุข
ถ้าทำได้ ก็สมควรที่จะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ..."
"...Self
- sufficiency นั้น หมายความว่า ผลิตอะไร มีพอที่จะใช้
ไม่ต้องไปขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง..."
"...คนเราถ้าพอในความต้องการ
มันก็มีความโลภน้อยมาก เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย
ถ้าประเทศใดมีความคิดอันนี้ มีความคิดว่าทำอะไรพอเพียง หมายความว่า
พอประมาณซื่อตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข..."
หากเรายึดแนวทางปฏิบัติเช่นนี้
ก็จะทำให้ชาติบ้านเมืองและตัวเรา หลุดพ้นจากความทุกข์และมีความสุขในที่สุด
แนวคิดระบบเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับเกษตรกร
ตามแนวพระราชดำริ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการ "ทฤษฎีใหม่"
ซึ่งมี 3 ขั้น ประกอบด้วย
1.
มีความพอเพียง เป็นระบบเศรษฐกิจที่ยึดหลักการ
"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" โดยมุ่งเน้นการผลิตพืชผลให้เพียงพอกับความต้องการบริโภคในครัวเรือนเป็นอันดับแรก
เมื่อเหลือพอจากการบริโภคแล้ว จึงคำนึงถึงการผลิตเพื่อการค้า
และหลักใหญ่สำคัญยิ่งคือ การลดค่าใช้จ่ายโดยการสร้างสิ่งอุปโภคบริโภคในที่ดินของตนเอง
2.
รวมพลังกันในรูปกลุ่ม เศรษฐกิจพอเพียงให้ความสำคัญกับการรวมกลุ่มของชาวบ้าน
ทั้งนี้ กลุ่มหรือองค์กรชาวบ้านจะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆให้หลากหลาย
เมื่อองค์กรชาวบ้านเหล่านี้ได้รับการพัฒนาให้เข้มแข็งและมีเครือข่ายที่กว้างขวางมากขึ้นแล้ว
เกษตรกรทั้งหมดในชุมชนก็จะได้รับการดูแลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
รวมทั้งได้รับการแก้ไขปัญหาในทุกๆด้น
3.
การสร้างเครือข่าย เศรษฐกิจพอเพียงตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเมตตา
ความเอื้ออาทรและความสามัคคีของสมาชิกในชุมชน ในการร่วมแรงร่วมใจเพื่อประกอบอาชีพต่างๆ
ให้บรรลุผลสำเร็จ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจึงมิได้หมายถึงรายได้แต่เพียงมิติเดียว
หากแต่ยังรวมถึงประโยชน์ในมิติอื่นๆด้วย
"...ทฤษฎีใหม่นี้
มีไว้ป้องกันความขาดแคลน ในบามปกติก็จะทำให้ร่ำรวยมากขึ้น
ในยามที่มีอุทกภัยก็สามารถที่จะฟื้นตัวได้เร็ว โดยไม่ต้องให้ทางราชการไปช่วยมากเกินไป
ทำให้ประชาชนพึ่งตนเองได้อย่างดี ฉะนั้นจึงได้สนับสนุนให้มีการปฏิบัติตามทฤษฎีใหม่..."