ปฐมฌาน
มีองค์ ๕ คือ วิตก มีอารมณ์จับอยู่ที่ปฏิภาคนิมิต
กำหนดจิตจับภาพปฏิภาคนิมิตนั้นเป็นอารมณ์ วิจาร
พิจารณาปฏิภาคนิมิตนั้นคือพิจารณาว่า รูปปฏิภาคนิมิตสวยสดงดงาม คล้ายแว่นแก้วที่มีคนชำระสิ่งเปรอะเปื้อนหมดไป
เหลือไว้แต่ดวงเก่าที่บริสุทธิ์สะอาดปราศจารธุลีต่าง ๆ
ปีติ ๕ ปรากฏอาการ สุข มีอารมณ์เป็นสุขเยือกเย็น
ในขณะที่พิจารณาปฏิภาคนิมิต เอกัคคตา
มีจิตเป็นอารมณ์เดียว คือมีอารมณ์จับอยู่ในปฏิภาคนิมิตเป็นปกติไม่สอดส่ายอารมณ์ออกนอกจากปฏิภาคนิมิต
ทั้ง ๕ อย่างนี้เป็น ปฐมฌาน มีอารมณ์เหมือนกับฌานในกรรมฐานอื่น ๆ
แปลก แต่กสิณมีอารมณ์ยึดนิมิตเป็นอารมณ์ ไม่ปล่อยอารมณ์ให้พลาดจากนิมิต
จนจิตเข้าสู่ จตุตถฌาน หรือ ปัญจมฌาน
ทุติยฌาน
มีองค์ ๓ คือตอนนี้จะเว้นจากการภาวนาไปเอง การกำหนดพิจารณารูปกสิณจะยุติลง
คงเหลือแต่ความสดชื่นด้วยอำนาจ ปีติ
อารมณ์สงัดมาก ภาพปฏิภาคนิมิตจะสดสวยงามวิจิตรตระการตามากกว่าเดิม
มีอารมณ์เป็น สุข ประณีตกว่าเดิม
เอกัคคตา มีอารมณ์จิตแนบสนิทเป็นสมาธิมากกว่า
ตติยฌาน
มีองค์ ๒ คือ ตัดความสดชื่นทางกายออกเสียได้ เหลือแต่ความ
สุข แบบเครียด ๆ คือมีอารมณ์ดิ่งแห่งจิต คล้ายใครเอาเชือกมามัดไว้มิให้เคลื่อนไหว
ลมหายใจอ่อนระรวยน้อยเต็มที ภาพนิมิตดูงามสง่าราศีละเอียดละมุนละไม
มีรัศมีผ่องในเกินกว่าที่ประสบมา เอกัคคตา อารมณ์ของจิตไม่สนใจกับอาการทางกายเลย
จตุตถฌาน
ทรงไว้เพียง เอกัคคตา กับ อุเบกขา คือ เอกัคคตา
มีอารมณ์ดิ่ง ไม่มีอารมณ์รับความสุขและความทุกข์ใด ๆ ไม่รู้สึกในเวทนาทั้งสิ้น
มี อุเบกขา วางเฉย ต่ออารมณ์ทั้งมวลมีจิตสว่างโพลงคล้ายใครเอาประทีปที่สว่างมาก
หลาย ๆ ดวงตั้งไว้ในที่ใกล้ ไม่มีอารมณ์รับแม้แต่เสียง ลมหายใจสงัด
รูปกสิณเห็นชัดคล้ายดาวประกายพรึก ฌานที่ ๔ เป็นฌานสำคัญชั้นยอด ควรกำหนดรู้แบบง่าย
ๆ ไว้ว่าเมื่อมีอารมณ์จิตถึงฌาน ๔ จะไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจ ควรกำหนดไว้ง่าย
ๆ แบบนี้สะดวกดี
ท่านทำได้ถึงระดับนี้ ก็ชื่อว่าจบกิจในกสิณ ไม่ว่ากองใดก็ตาม จุดจบกสิณต้องถึงฌาน
๔ และนิมิตอะไรต่ออะไรตามอำนาจกสิณ ถ้าทำไม่ถึงกับนิมิตได้ตามอำนาจกสิณ
ก็เป็นเสมือนท่านยังไม่ได้กสิณเลย