โดย

Home

ยา

ผู้หญิง

เด็ก

เครื่องสำอางค์

ปฐมพยาบาล

โรคทั่วไป

อื่นๆน่าสนใจ

สอบถามปัญหา

การล้างโพรงจมูกด้วยน้ำเกลือ NSS

Last update : 23/12/42

This Page
จาม น้ำมูกไหล

คัดจมูก

Things to Remember

Things to Avoid

Related Topic
Interesting Web

 




Search the whole world
Enter the Key word :
Select the Search Engine(s):
Yahoo
Altavista
WebCrawler
Excite
Lycos

เชิญติชม สอบถาม เสนอะแนะ

ติชม หรือสอบถามได้ที่นี่ครับ
ชื่อ
email
ติชม เรื่องที่อยากสอบถาม

 

 

 

หวัด ไอ ในเด็ก

สาเหตุของไข้หวัด เป็นเพราะเชื้อไวรัส ซึ่งจะมีระยะในการเป็นอยู่ 1-2 สัปดาห์ การรักษาจึงไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ ( ซึ่งจะมีผลต่อเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น )

จุดประสงค์ในการรักษาไข้หวัด คือ

  1. บรรเทาอาการที่เป็นอยู่ ให้รู้สึกสบายตัวขึ้น
  2. ดูแลให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อให้มีภูมิต้านทานต่อโรค
  3. ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนในช่วงที่ไม่สบาย ( secondary bacterial infection )

การดูแลสุขภาพในช่วงนี้ ได้แก่

  1. ดื่มน้ำมากๆ เพราะการมีไข้ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้มาก และยังเป็นการทำให้น้ำมูก เสมหะไม่เหนียว
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ
  3. น้ำซุปอุ่นๆ หรือน้ำอุ่น ช่วยให้อาการคัดจมูกดีขึ้น รวมทั้งการอาบน้ำอุ่นด้วย
  4. ปรับความชื้นในห้องให้เหมาะสม และให้อากาศถ่ายเทดีๆ
  5. ให้ยาตามอาการที่เป็น โดยควรจะเป็นยาเดี่ยวๆ ไม่ใช่ยาที่ผสมหลายอย่าง

จาม น้ำมูกไหล

  • ยาที่ใช้ คือ ยาแก้แพ้ ( Antihistamine )
  • ได้แก่ Diphenhydramine ( Benadryl ), Chlorpheniramine , Brompheniramine ( Dimetapp ) , Triprolidine ( Actifed ), Carbinoxamine ( Rhinopront )
  • ควรใช้ระยะสั้น และเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพราะ ยาทำให้น้ำมูกแห้ง และเหนียวขึ้น รวมถึงเสมหะเหนียวขึ้นด้วย จึงทำให้การกำจัดออกจากโพรงจมูก หลอดลมยากขึ้น จึงควรระวังในผู้ที่เป็นโรคหอบ หืด หลอดลมอักเสบ
  • ผลข้างเคียง คือ ปากแห้ง คอแห้ง ง่วงนอน ( แต่ในเด็กบางคนเกิดผลตรงข้าม คือ กระสับกระส่าย หงุดหงิด ฝันร้าย )
  • ไม่ควรให้ยานี้แก่เด็กที่เป็นโรคลมชัก

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม…Anti-Histamine…

คัดจมูก

  • คือ อาการบวม แดงของเยื่อโพรงจมูก ทำให้ช่องโพรงจมูกที่เคยกว้างใหญ่ หดเล็กลง หายใจลำบาก รบกวนการนอนหลับ
  • ยาที่ใช้ คือ Nasal Decongestant
  • มี ยา 2 รูปแบบ คือ

รับประทาน

Pseudoephedrine, Phenylpropanolamine

เพิ่มการบีบตัวของหัวใจ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย ห้ามใช้ในเด็กที่มีปัญหากับหัวใจ เบาหวาน ธัยรอยด์

หยอด พ่นรูจมูก

Phenylephrine

Xylometazoline

Oxymetazoline

ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 7 วัน เพราะทำให้เกิดอาการแย่ลง

ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าโดยไม่ใช้ยา คือ ใช้น้ำเกลือ 0.9% ที่ฆ่าเชื้อแล้ว ( Sterile Normal Saline ) หยอด หรือล้างโพรงจมูก

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่...ยาพ่นจมูก

ไอ

ไอมี 2 ประเภทคือ

ไอไม่มีเสมหะ ระคายเคือง

Dextromethorphan

Codeine

Diphenhydramine

เป็นยาบรรเทาอาการเท่านั้น ห้ามใช้ในกรณีที่มีเสมหะ เพราะทำให้เสมหะไม่ถูกขับออก คั่งค้างภายในหลอดลม ปอดมากขึ้น จึงควรเลือกใช้ยานี้เมื่อรบกวนการทำงาน นอนหลับเท่านั้น

มีเสมหะ

Bromhexine

Ambroxol

Acetylcysteine

Carbocysteine

Guaifenesin

ผลของยายังเป็นที่สงสัย ไม่ชัดเจน ในหลายกรณี การหยุดยาลดน้ำมูก ก็ทำให้ภาวะนี้ดีขึ้นได้เอง

ยาละลายเสมหะที่ดีที่สุด คือ น้ำ

เสมหะหายได้เอง เมื่อสาเหตุแห่งโรคหายไป ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อย คือ หวัด แพ้อากาศ อักเสบ ระคายเคือง การรักษาจึงต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย

ยาอีกตัวหนึ่งที่อาจมีประโยชน์ที่จะช่วย คือ ยาขยายหลอดลม ( Bronchodilator ) มีประโยชน์มากในกรณีที่มีเสมหะมาก ช่วยให้หลอดลมไม่เกร็งเวลาที่ไอมาก

เจ็บคอ

เชื้อที่เป็นสาเหตุคือ ไวรัส ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หายได้เองถ้าดูแลสุขภาพดีๆ

กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะคือ การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งอาการที่ทำให้ทราบ คือ น้ำมูกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เขียว เจ็บคอมาก มีตุ่มหนอง

เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุมาก คือ Streptococcus, Staphylococcus

ยาแก้อักเสบที่ใช้ได้ดีคือ Amoxycillin , Erythromycin, ซึ่งถือเป็นยาพื้นฐาน ถ้าไม่หายจึงค่อยเปลี่ยนยาอื่นที่แรงขึ้นต่อไป

ไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว

อาการไข้ ปวดหัว เป็นผลพวงจากการไม่สบาย ภาวะการติดเชื้อ เหมือนเป็นสัญญาณที่แจ้งให้ร่างกายรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น บอกว่าถึงเวลาต้องพักผ่อน เพื่อต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ

ดังนั้นการใช้ยา จึงเป็นการบรรเทาอาการให้รู้สึกสบายขึ้น ไม่ได้รักษา

ยาที่ใช้ คือ Paracetamol หรือ Acetaminophen , และ Ibuprofen

แนะนำให้ใช้ Paracetamol มากกว่า เพราะ ไม่กัดกระเพาะ และไม่มีผลข้างเคียงต่อการแข็งตัวของเลือด ไม่เหมือนกับ Ibuprofen ซึ่งอันตรายมากถ้าไปใช้กับผู้ที่เป็นไข้เลือดออก

มีการกล่าวกันมากว่า Ibuprofen ลดไข้ได้เร็วกว่า Paracetamol ซึ่งผมคิดว่าไม่จริง สิ่งที่สำคัญมากกว่า คือ การใช้ขนาดยาให้ถูกต้อง ก็จะทำให้ได้ผลดีเท่าๆกัน

Things to Remember

Things to Avoid

  • ให้ดื่มน้ำมากๆ

  • ก่อนใช้ยา ควรปรึกษาเภสัชกร แพทย์ ทุกครั้ง
  • ควรใช้ยาชนิดที่มีตัวยาเดียว ไม่ควรใช้ยาสูตรผสม เพราะท่านอาจได้รับยาซ้ำซ้อน
  • ใช้ยาในขนาดที่ถูกต้อง ใช้ช้อนตวงยาที่ได้มาตรฐาน ในกรณีเด็กเล็ก ท่านควรใช้หลอดฉีดยาตวง
  • รักษาสภาพความอบอุ่น ความชื้นในห้องให้เหมาะสม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน ควรปรึกษาแพทย์
  • ไม่ควรใช้ยา Aspirin เป็นยาลดไข้ แก้ปวด ในเด็ก เพราะอาจทำให้เกิดโรค Reye’s Syndrome ซึ่งมีอันตรายต่อตับ

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีส่วนประกอบของ การบูร (Camphor), เมนทอล (Menthol), ยูคาลิปตัส (Eucalyptus) ทาตัวบรรเทาอาการปวดเมื่อย เพราะอาจเป็นพิษ
  • หลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์พ่นคอที่มีตัวยาชาอยู่ เพราะจะไปลดรีเฟล็กซ์เกี่ยวกับยาไอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาหยอดจมูกที่มีตัวยาทำให้เส้นเลือดหดตัว ได้แก่ Phenylephrine, Xylometazoline, Oxymetazoline
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีส่วนประกอบหลายตัวยา มากกว่า 1 ชนิด เพราะจะทำให้ได้รับยาที่ไม่จำเป็น และ ซ้ำซ้อน

 

Post a Message in My Message Board!

ถ้าท่านชอบ web  นี้ 
ท่านที่ต้องการสอบถาม เสนอแนะ เชิญครับ mailto:vichiena@yahoo.com
ขอขอบคุณ Geocities.com ที่ให้พื้นที่ฟรีสำหรับการจัดทำ Web Site นี้
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่สำคัญ discoveryhealth | mediconsult | mayohealth | medscape.com | healthylives | สมาคมแพทย์โรคผิวหนัง USA | fda.gov | my.yahoo.com