Executive Orders

บทที่ 12 การนำเสนอ

มีไม่กี่อย่างของชีวิตที่จะคาดเดาได้ง่ายกว่านี้ ไรอันคิด เขาทานอาหารเย็นเบา ๆ เพื่อเวลาท้องไส้ปั่นป่วนจะได้ไม่ทรมานมากเกินไปนัก เขาไม่สนใจครอบครัวขณะที่อ่านร่างสุนทรพจน์ซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาได้ใช้ดินสอแก้ไขบางจุด เกือบทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องการใช้ภาษาเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งแคลลี่ไม่ได้โต้แย้งอะไร แล้วตัวเธอเองยังเปลี่ยนแปลงมันให้มากกว่านั้นอีก ร่างสุนทรพจน์ถูกส่งทางสายไปที่ห้องเลขา ฯ นอกห้องทำงานรูปไข่ แคลลี่เป็นนักเขียน ไม่ใช่นักพิมพ์ และเลขานุการประธานาธิบดีก็สามารถพิมพ์เร็วขนาดที่ไรอันเห็นแล้วต้องอ้าปากค้าง เมื่อร่างสุดท้ายเสร็จสมบูรณ์ ก็พิมพ์ลงบนกระดาษเพื่อให้ประธานาธิบดีถือ ในขณะที่ถ่ายข้อมูลอีกฉบับเข้าสู่เครื่องเทเลพรอมเตอร์ แคลลี่ เวสตันเฝ้าอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองฉบับเหมือนกัน เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีใครเปลี่ยนมันไปนาทีสุดท้าย แต่เวสตันรู้ดีและรักษางานของเธอเหมือนนางสิงห์เฝ้าระวังลูกน้อยที่พึ่งเกิด

แต่ส่วนเลวร้ายที่คาดได้มาจากแวน แดมม์ แจ๊ค นี่เป็นสุนทรพจน์สำคัญที่สุดที่คุณจะได้พูดนะ ทำใจให้สบายแล้วก็ทำมันซะ

พระเจ้า ขอบใจมากเลยนะ อาร์นี่ หัวหน้าคณะทำงานเป็นผู้ฝึกสอนที่ไม่เคยเล่นเกมจริง ๆ และถึงเขาจะเชี่ยวชาญขนาดไหน เขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไรเวลาออกไปที่เนินขว้างลูกแล้วเผชิญหน้ากับคนตีลูก

กล้องกำลังติดตั้งอยู่ กล้องหลักกับสำรอง ตัวหลังแทบไม่ได้ใช้เลย ทั้งคู่มีเทเลพรอมเตอร์เหมือน ๆ กัน ไฟส่องทีวีแรงสูงประจำที่แล้ว และในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ เงาท่านประธานาธิบดีจะตัดกับหน้าต่างห้องทำงานของเขาเหมือนกับกวางบนยอดผา นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หน่วยคุ้มกันกังวล ถึงพวกเขาจะมั่นใจในหน้าต่าง ซึ่งจากคุณสมบัติที่กำหนดไว้สามารถหยุดกระสุนปืนกลขนาด .50 ได้ ชุดคุ้มกันรู้จักเจ้าหน้าที่ทีวีทุกคน แต่ก็ยังตรวจสอบอยู่นั่นเอง เช่นเดียวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย ทุกคนรู้ว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น รายการทีวีช่วงเย็นได้ออกประกาศแล้ว จากนั้นจึงเปลี่ยนไปหัวข้อข่าวต่อไป มันเป็นเพียงงานประจำ ยกเว้นสำหรับประธานาธิบดี ซึ่งแน่นอน มันเป็นสิ่งใหม่และน่าหวาดกลัวพอควรทีเดียว


เขาคาดแล้วว่าโทรศัพท์จะดัง แต่ไม่ใช่ในชั่วโมงนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเขา การใช้หมายเลขของโทรศัพท์ปกติเป็นสิ่งที่อันตรายเกินไป พวกมอสสาดยังสามารถทำให้คนหายสาบสูญได้ สันติภาพที่พึ่งเกิดใหม่ในตะวันออกกลางไม่ได้ทำให้มันเปลี่ยนไป และตามจริงแล้วพวกนั้นมีเหตุผลที่จะเกลียดเขา พวกนั้นฉลาดทีเดียวในการฆ่าคนในสายอาชีพเดียวกันด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตอนแรกก็ทำให้มันเสียก่อนด้วยสัญญาณอิเลคโทรนิค จากนั้นก็จัดการให้เขาได้เครื่องแทน...พร้อมกับระเบิดแรงสูงขนาดสิบกรัมใส่ลงในพลาสติก ข้อความทางโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายของหมอนั่น ตามที่เล่ากันมา มาจากหัวหน้าหน่วยมอสสาด "สวัสดี นี่อาวิ เบน จาคอบพูด ฟังให้ดี ๆ นะเพื่อน" ถึงตรงนี้เจ้ายิวนั่นกดปุ่ม # มันเป็นแผนที่ฉลาด แต่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว

เสียงกริ่งโทรศัพท์รัวทำให้ตาของเขาเปิดออกพร้อมกับคำสบถ เขาเพิ่งเข้านอนเมื่อชั่วโมงก่อนนี้เอง

"ว่าไง"

"โทรหายูซิฟ" จากนั้นสายก็วางไป ตามมาตรการเพื่อความปลอดภัย สายจะเรียกผ่านมาหลายต่อ และตัวข้อความเองก็สั้นเกินกว่าพวกเชี่ยวชาญการสืบข่าวอิเลคโทรนิคของศัตรูมากมายของเขาจะมีโอกาสทำอะไรได้ มาตรการสุดท้ายก็ยังหลักแหลมอยู่ เขาหมุนเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่อีกเบอร์ทันทีแล้วทวนข้อความที่เขาเพิ่งได้รับ ศัตรูเก่ง ๆ ที่อาจดักสัญญาณความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่คงจะคิดว่าเขาเป็นคนส่งข่าวอีกต่อหนึ่ง หรืออาจจะไม่ เกมเพื่อความปลอดภัยที่เราต้องเล่นในยุคใหม่นี้เป็นตัวถ่วงการใช้ชีวิตแต่ละวัน และเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าอะไรที่ใช้ได้หรือไม่ได้ จนกว่าเราจะตายด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ค่อยคุ้มที่จะรอเลย

ขณะที่บ่นพึมพำมากขึ้น เขาลุกขึ้นแต่งตัวแล้วเดินออกไปข้างนอก รถของเขารออยู่ จุดตัดตอนอีกจุดคือคนขับของเขา พร้อมด้วยคนคุ้มกันสองคน พวกเขาขับไปยังสถานที่ปลอดภัย แหล่งหลบภัยในที่ปลอดภัย อิสราเอลอาจจะสงบ และพีแอลโอ ((PLO - Palestine Liberation Organization องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์)) อาจจะเป็นได้เป็นส่วนหนึ่งของการปกครองที่เลือกตั้งขึ้นมาใหม่ โลกนี้บ้าไปแล้วหรือไงนะ? แต่เบรุตก็ยังเป็นสถานที่ที่คนทุกรูปแบบจะทำงานได้ สัญญาณที่ถูกต้องแสดงอยู่ตรงนั้น มันเป็นรูปแบบของหน้าต่างต่าง ๆ ที่สว่างและมืด แสดงว่าปลอดภัยที่เขาจะออกจากรถและเข้าในอาคาร หรือไม่เขาก็จะได้รู้ภายในสามสิบวินาทีนี้ เขาง่วงเกินกว่าจะใส่ใจแล้ว ความกลัวกลายเป็นความเบื่อหลังจากที่อยู่กับมันมาตลอดชีวิต

มีแก้วกาแฟวางบนโต๊ะไม้ธรรมดาตามที่คาดไว้ หวานจัดและฉุน มีการทักทายกัน นั่งเก้าอี้ และการสนทนาก็เริ่มขึ้น

"ดึกแล้วนะ"

"เที่ยวบินของผมช้ากว่ากำหนด" เจ้าภาพอธิบาย "เราต้องการใช้บริการของคุณ"

"เพื่อจุดประสงค์อะไร?"

"เราอาจจะเรียกมันว่าการทูตก็ได้" เป็นคำตอบที่น่าแปลกใจ เขาอธิบายต่อไป


"อีกสิบนาที" ท่านประธานาธิบดีได้ยิน

แต่งหน้าอีก ตอนนี้เวลา 8.30 น. ไรอันเข้าประจำที่แล้ว แมรี่ แอบบ็อทแต่งผมเขาเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้รู้สึกมากขึ้นว่าไรอันเป็นนักแสดงแทนที่จะเป็น... นักการเมือง? ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น เขาไม่ยอมรับคำนั้น ไม่ว่าอาร์นี่หรือใครอื่นจะพูดอย่างไร นอกประตูทางขวาของเขา แคลลี่ เวสตันยืนอยู่ข้างโต๊ะเลขา ฯ ยิ้มและพยักหน้าให้เขาเพื่อซ่อนความไม่สบายใจของเธอเอง เธอได้เขียนงานชิ้นเอกแล้ว เธอมักจะรู้สึกอย่างนั้น และตอนนี้มันจะได้มือใหม่เป็นคนนำเสนอ นางแอบบ็อทเดินอ้อมไปหน้าโต๊ะ ยืนบังแสงไฟทีวีบางส่วนเพื่อดูผลงานของเธอจากมุมมองของผู้ชม แล้วออกปากว่ามันดีแล้ว ไรอันแค่นั่งอยู่ตรงนั้นและพยายามจะไม่ขยุกขยิก รู้ดีว่าไม่นานเขาจะเริ่มเหงื่อออกใต้เครื่องแต่งหน้าอีกครั้ง แล้วมันก็จะคันเป็นบ้าเลยทีเดียว แล้วเขาก็เกามันไม่ได้ไม่ว่าจะอย่างไร เพราะประธานาธิบดีไม่คันหรือเกา อาจจะมีใครข้างนอกนั่นที่ไม่คิดว่าประธานาธิบดีจะใช้ห้องน้ำหรือโกนหนวดหรือแม้แต่ผูกเชือกรองเท้าตัวเอง

"อีกห้านาทีครับท่าน กรุณาทดสอบไมค์สักหน่อยครับ"

"หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า" ไรอันพูดอย่างว่าง่าย

"ขอบคุณครับท่านประธานาธิบดี" ผู้กำกับตอบมาจากห้องข้าง ๆ

ไรอันเคยสงสัยเรื่องแบบนี้เป็นบางครั้ง ประธานาธิบดีกล่าวแถลงอย่างเป็นทางการ ธรรมเนียมที่มีอยู่อย่างน้อยตั้งแต่สมัยเอฟดีอาร์ ((FDR - Franklin D. Roosevelt ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ คนที่ 32)) กับการ "คุยกันข้างเตาผิง" ของเขา ที่ไรอันได้ยินครั้งแรกจากแม่ของเขา ประธานาธิบดีมักดูมั่นใจและสบายใจ และเขามักสงสัยว่าประธานาธิบดีเหล่านั้นทำอย่างนั้นได้ยังไง เขาไม่รู้สึกแบบนั้นเลย เป็นความเครียดอีกชั้นสำหรับเขา กล้องอาจจะทำงานแล้วตอนนี้ เพื่อผู้กำกับจะได้แน่ใจว่ามันใช้งานได้ และที่ไหนสักแห่ง เครื่องบันทึกเทปกำลังบันทึกภาพสีหน้าและท่าทางที่มือของเขาเล่นกับกระดาษตรงหน้า เขาสงสัยว่าหน่วยคุ้มกันจะได้ควบคุมเทปนั่น หรือพวกเขาจะวางใจว่าพวกคนทีวีจะเชื่อถือได้ในเรื่องแบบนั้น... แน่นอนว่าบางครั้งผู้ประกาศข่าวของพวกเขาเองก็ทำกาแฟหกหรือบ่นด่าผู้ช่วยที่ทำงานพลาดก่อนจะเริ่มออกอากาศ... อ๋อ ใช่แล้ว เทปส่วนนั้นเรียกกันว่าภาพหลุด ใช่หรือเปล่า?... เขายินดีพนันที่นั่นในตอนนั้นเลยว่าหน่วยคุ้มกันมีเทปประธานาธิบดีทำพลาดอยู่ยาวเลย

"อีกสองนาที"

กล้องทั้งสองมีเทเลพรอมเตอร์ มันเป็นอุปกรณ์ที่แปลก จอทีวีห้อยจากหน้ากล้องแต่ละกล้อง แต่บนจอเล็กนั่น ภาพกลับซ้ายเป็นขวาเพราะเหนือจอมีกระจกตั้งเอียงอยู่ เลนส์กล้องอยู่หลังกระจกนั้น ถ่ายผ่านมันขณะที่ประธานาธิบดีอ่านข้อความสุนทรพจน์ของเขาที่สะท้อนอยู่บนกระจก มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่คุยกับกล้อง คุณไม่ได้เห็นคนนับล้านที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริง ๆ เขากลายเป็นพูดกับสุนทรพจน์ของตัวเอง อย่างที่มันเป็น ไรอันส่ายหน้าขณะที่ข้อความสุนทรพจน์เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าระบบเลื่อนข้อความใช้งานได้

"อีกหนึ่งนาที เตรียมพร้อม"

เอาล่ะ ไรอันปรับตำแหน่งตัวเองบนเก้าอี้ เขากังวลในท่าทางของตัวเอง เขาวางแขนบนโต๊ะหรือเปล่า? เขากุมมือไว้บนตักหรือเปล่า? เขาถูกสอนไม่ให้เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เพราะมันดูทั้งห่างเหินและหยิ่งยโสเกินไป แต่ไรอันมักจะเคลื่อนไหวมาก การนั่งนิ่ง ๆ ทำให้หลังเขาเจ็บ หรือมันเป็นแค่สิ่งที่เขารู้สึกไปเอง? สายเกินไปหน่อยแล้วตอนนี้ เขาพยายามจะเรอ แต่กลั้นมันไว้

"สิบห้าวินาที"

ความกลัวเกือบจะกลายเป็นตระหนก เขาวิ่งหนีไม่ได้แล้ว เขาต้องทำหน้าที่ นี่เป็นสิ่งสำคัญ ผู้คนหวังพึ่งเขา ข้างหลังกล้องแต่ละตัวเป็นช่างกล้อง มีเจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มกันสามคนคอยเฝ้าดูพวกเขาอยู่ ผู้ช่วยผู้กำกับอยู่ที่นั่นด้วย พวกนี้เป็นผู้ชมกลุ่มเดียวของเขา แต่เขาแทบจะมองไม่เห็นพวกเขาที่ซ่อนตัวอยู่ใต้แสงสะท้อนของไฟ และพวกเขาก็ไม่ตอบสนองอยู่ดี แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ชมของเขาคิดอย่างไร?

โธ่ บ้าชะมัด

หนึ่งนาทีก่อนหน้านั้น ผู้ประกาศข่าวของเครือข่ายเข้ามาบอกกับผู้ชมในสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้ว รายการทีวีช่วงเย็นเลื่อนเวลาออกไปสำหรับสุนทรพจน์ประธานาธิบดี ผู้คนทั่วประเทศนับไม่ถ้วนยกรีโมทกดเปลี่ยนไปช่องเคเบิลเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ไรอันสูดลมหายใจลึก เม้มริมฝีปาก แล้วมองในกล้องตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ไฟแดงสว่างขึ้น เขานับถึงสองแล้วเริ่มต้น

"สวัสดี

พี่น้องชาวอเมริกันที่รักทุกท่าน ผมขอใช้เวลานี้เพื่อรายงานให้ท่านทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวอชิงตันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และแจ้งท่านถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

"แรกที่สุด สำนักสืบสวนสอบสวนรัฐบาลกลาง ((เอฟบีไอ)) กับกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยหน่วยคุ้มกันสหรัฐ ฯ คณะกรรมการความปลอดภัยในการคมนาคมแห่งชาติ และหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่น ๆ ได้นำการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียชีวิตที่น่าเศร้าของมิตรสหายของเรามากมาย โดยได้รับความช่วยเหลืออย่างน่าสรรเสริญจากตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นกับกรมตำรวจแคนาดา ข้อมูลทั้งหมดจะนำออกเสนอได้ในคืนนี้ และจะปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าของท่าน สำหรับในตอนนี้ ผมจะแจ้งผลการสืบสวนที่ได้จนถึงวันนี้

"การพุ่งชนอาคารรัฐสภาของเครื่องบิน 747 สายการบินแจแปนแอร์ไลนส์เป็นการกระทำโดยเจตนาของชายคนเดียว ชื่อของเขาคือโทราจิโร ซาโต้ เขาเป็นกัปตันอาวุโสประจำสายการบินดังกล่าว เราได้ทราบข้อมูลของกัปตันซาโต้มากมาย เราทราบว่าเขาสูญเสียน้องชายและลูกชายไปในระหว่างความขัดแย้งระหว่างเรากับประเทศของเขา มีหลักฐานชัดแจ้งว่าเขาสูญเสียสติควบคุมตนไปด้วยเหตุนี้ และได้ตัดสินใจจะแก้แค้นด้วยตัวเอง

"หลังจากนำเครื่องบินของเขามาลงจอดที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา กัปตันซาโต้ปลอมแปลงเอกสารสั่งการเที่ยวบินไปลอนดอน เห็นได้ชัดว่าเพื่อแทนที่เครื่องบินที่ใช้งานไม่ได้ด้วยเครื่องบินของเขาเอง ก่อนจะบินขึ้น กัปตันซาโต้ฆ่านักบินผู้ช่วยของเขาอย่างเลือดเย็น เป็นชายคนที่เขาทำงานด้วยนานหลายปี จากนั้นเขาจึงทำการต่อไปตามลำพัง พร้อมกับคนตายติดอยู่บนเก้าอี้ข้างตัวเขาในตลอดช่วงเวลานั้น" ไรอันหยุดชะงัก สายตาไล่ตามถ้อยคำบนกระจก รู้สึกริมฝีปากแห้งผากในขณะที่สัญญาณในเทเลพรอมเตอร์บอกให้เขาพลิกไปหน้าต่อไป

"แล้วเรามั่นใจในเรื่องนี้ได้อย่างไร?

"อย่างแรก เอฟบีไอได้ตรวจสอบพิสูจน์ชื่อของกัปตันซาโต้กับนักบินผู้ช่วยของเขาด้วยการทดสอบดีเอ็นเอ การทดสอบต่างหากของตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นได้ผลแบบเดียวกัน ห้องปฏิบัติการอิสระได้ตรวจสอบการทดสอบเหล่านั้นเองด้วย และก็ได้ผลเป็นเช่นเดิม โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการทดสอบเหล่านั้นเรียกได้ว่าไม่มีเลย

"พนักงานประจำเครื่องคนอื่น ๆ ที่ยังอยู่ในแวนคูเวอร์ได้ถูกเอฟบีไอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแคนาดาสอบสวน และพวกเขาแน่ใจว่ากัปตันซาโต้ได้ขึ้นไปกับเครื่องบินลำนั้น เราได้รับรายงานการพบเห็นจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของกระทรวงคมนาคมแคนาดาและจากผู้โดยสารชาวอเมริกันในเที่ยวบินนั้น มากกว่าห้าสิบคนระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นเขาจริง เราได้รอยนิ้วมือของกัปตันซาโต้บนแผนเส้นทางการบินปลอม การวิเคราะห์เสียงจากเทปในห้องนักบินยืนยันชื่อนักบินด้วย ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาในการพิสูจน์ชื่อลูกเรือของเครื่องบินลำนั้น

"อย่างที่สอง เทปห้องนักบินจากบันทึกการบินของเครื่องบินทำให้เราทราบเวลาแน่นอนของการฆาตกรรมครั้งแรก เรายังได้เสียงของกัปตันซาโต้จากเทปนั้นกล่าวขอโทษต่อชายคนนั้นขณะที่ฆ่าเขา หลังจากเวลานั้น เสียงที่อยู่ในเทปเป็นเพียงเสียงของนักบินคนเดียวเท่านั้น เทปห้องนักบินได้ถูกตรวจสอบกับเสียงของกัปตันซาโต้ที่บันทึกไว้จากแหล่งอื่น และพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวเขาจริง

"อย่างที่สาม การทดสอบทางนิติเวชได้พิสูจน์ว่านักบินผู้ช่วยเสียชีวิตแล้วอย่างน้อยสี่ชั่วโมงก่อนเครื่องบินตก ชายผู้โชคร้ายคนนี้ถูกแทงที่หัวใจด้วยมีด ไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลังแม้แต่น้อย เขาเป็นเพียงผู้รับเคราะห์รายแรกในการกระทำอันโหดร้ายนั้น ทิ้งภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ไว้เบื้องหลัง และผมอยากจะขอให้ทุกท่านคำนึงถึงความสูญเสียของเธอและสวดมนต์วิงวอนให้เธอกับลูกของเธอด้วย

"ตำรวจญี่ปุ่นได้ร่วมมืออย่างเต็มที่กับเอฟบีไอ นอกจากนี้ยังอนุญาตให้เราเข้าถึงการสืบสวนและทำการสอบสวนพยานและบุคคลอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ ในตอนนี้เรามีบันทึกทุกอย่างที่กัปตันซาโต้ทำในระหว่างช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายในชีวิตของเขา ที่ที่เขารับประทานอาหาร เวลาที่เขาเข้านอน บุคคลที่เขาพูดคุยด้วย เราไม่พบหลักฐานแม้แต่น้อยที่บ่งชี้ถึงโอกาสที่เหตุการณ์นี้เป็นการร่วมวางแผนก่ออาชญากรรม หรือโอกาสที่ชายวิกลจริตผู้นี้ทำไปจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ของรัฐบาลของเขาหรือใครอื่น การสืบสวนเหล่านั้นจะดำเนินต่อไปจนกระทั่งทุกอย่างถูกตรวจสอบทั้งหมดแล้ว จนกระทั่งโอกาสทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไปได้น้อยเพียงใด จะถูกตรวจสอบอย่างเต็มที่แล้ว แต่ข้อมูลที่เรามีอยู่ในตอนนี้เพียงพอแล้วที่จะโน้มน้าวคณะลูกขุน และนี่เป็นสาเหตุที่ผมสามารถแจ้งให้ท่านทราบในตอนนี้" แจ๊คหยุดไปครู่หนึ่งแล้วโน้มตัวมาข้างหน้าสองสามนิ้ว

"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ความขัดแย้งระหว่างประเทศของเรากับญี่ปุ่นให้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ที่เป็นต้นเหตุของมันจะถูกตัดสินความผิด ท่านนายกรัฐมนตรีโคกะได้ยืนยันกับผมเป็นการส่วนตัวในเรื่องนี้

"ท่านโคกะเป็นบุคคลผู้ทรงเกียรติและกล้าหาญ ผมสามารถบอกกับท่านทั้งหลายในตอนนี้ได้เป็นครั้งแรกว่าตัวท่านโคกะเองถูกลักพาตัวไปและเกือบจะถูกฆ่าโดยอาชญากรที่ก่อความขัดแย้งระหว่างประเทศของท่านกับประเทศของเราขึ้น ชาวอเมริกัน พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น ได้ช่วยเหลือท่านจากผู้ที่ลักพาตัว ในปฏิบัติการพิเศษ ณ ใจกลางกรุงโตเกียว หลังจากนั้นท่านได้ทำงานโดยเสี่ยงกับความปลอดภัยของตัวเองเพื่อทำให้ความขัดแย้งสิ้นสุดลง พร้อมทั้งช่วยประเทศของท่านและของเราจากความเสียหายมากไปกว่านั้น ถ้าปราศจากความช่วยเหลือของท่านแล้ว อีกหลายชีวิตของทั้งสองฝ่ายคงจะสูญเสียไปแน่นอน ผมภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นเพื่อนกับท่านมิโนรุ โคกะ

"เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ไม่กี่นาทีหลังจากที่ท่านเดินทางมาถึงประเทศของเรา ท่านนายกรัฐมนตรีกับผมได้พบกันเป็นการส่วนตัวที่นี่ในห้องทำงานรูปไข่นี้ จากที่นี่เราไปยังอาคารรัฐสภา และเราได้สวดมนต์ด้วยกันที่นั่น นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมจะไม่มีวันลืมเลือน

"ผมอยู่ที่นั่นเช่นกัน เมื่อเครื่องบินพุ่งลงมา ผมอยู่ในอุโมงค์ระหว่างอาคารที่ทำการรัฐสภากับอาคารประชุม พร้อมด้วยภรรยาและลูกของผม ผมมองเห็นกำแพงเพลิงลุกตรงมาที่เรา แล้วหยุด และถอยกลับไป ผมคงจะลืมภาพนั้นไม่ได้ แม้ผมหวังว่าจะทำได้ แต่ผมต้องลืมความทรงจำนั้นไปก่อนเท่าที่ผมจะทำได้

"สันติภาพระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่นได้กลับคืนดังเดิมแล้วในตอนนี้ เราไม่ได้ และไม่เคยขัดแย้งกับพลเมืองของประเทศนั้น ผมขอร้องให้พวกเราทุกคนลืมความรู้สึกไม่ดีใด ๆ ที่อาจจะมีต่อชาวญี่ปุ่นไม่ว่าในขณะนี้หรือในอนาคต"

เขาหยุดพูดอีกครั้งเมื่อตัวหนังสือหยุดเลื่อน เขาพลิกไปหน้าต่อไปของร่าง

"ต่อจากนี้ เราทั้งหมดต่างมีงานใหญ่รออยู่ข้างหน้า

"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ชายคนหนึ่งผู้วิกลจริตคิดว่าเขาสามารถทำความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับประเทศของเราได้ แต่เขาคิดผิดแล้ว เราได้ฝังผู้ที่เสียชีวิต เราจะโศกเศร้ากับการจากไปของพวกเขาไปอีกนานแสนนาน แต่ประเทศของเรายังมีชีวิตอยู่ และเพื่อนที่เราสูญเสียไปในคืนอันน่ากลัวนั้นก็คงเป็นไปอย่างนั้นไม่ว่าอย่างไร

"โธมัส เจฟเฟอร์สันกล่าวไว้ว่า ต้นไม้แห่งเสรีภาพมักต้องการเลือดหล่อเลี้ยงให้เติบโต เอาล่ะ เลือดได้หลั่งแล้ว และตอนนี้มันเป็นเวลาทึ่ต้นไม้จะต้องเติบโตงอกงามอีกครั้ง อเมริกาเป็นประเทศที่มองไปข้างหน้า ไม่ใช่ข้างหลัง พวกเราไม่มีใครที่สามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้ แต่เราสามารถเรียนรู้จากมันได้ สร้างเสริมจากความสำเร็จที่ผ่านมาของเรา และแก้ไขสิ่งที่เราทำผิดพลาดไป

"ในตอนนี้ ผมสามารถบอกกับท่านได้ว่าประเทศของเราปลอดภัยและมั่นคง ทหารของเราประจำหน้าที่อยู่รอบโลก และศัตรูสำคัญต่าง ๆ ของเราก็รู้ดีในเรื่องนั้น เศรษฐกิจของเราถึงแม้จะกระทบกระเทือนพอสมควร แต่ก็รอดพ้นมาได้ และยังเป็นเศรษฐกิจที่เข้มแข็งที่สุดในโลก นี่ยังเป็นอเมริกา เรายังเป็นชาวอเมริกัน และอนาคตของเราก็เริ่มขึ้นพร้อมกับทุกวันใหม่

"ในวันนี้ผมได้เลือกจอร์จ วินสตันดำรงตำแหน่งรักษาการณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จอร์จเป็นผู้นำบริษัทกองทุนรวมใหญ่บริษัทหนึ่งในนิวยอร์คซึ่งเขาก่อตั้งขึ้น เขาเป็นตัวจักรสำคัญในการซ่อมแซมแก้ไขความเสียหายที่เกิดกับตลาดการเงินของเรา เขาเป็นผู้ที่ก่อร่างสร้างตัวมาด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับอเมริกา ผมจะแต่งตั้งรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ในไม่ช้า และผมจะรายงานให้ท่านทราบต่อไป

"อย่างไรก็ตาม จอร์จไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลได้เต็มตัว จนกว่าเราจะตั้งวุฒิสภาขึ้นมาได้ใหม่ ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูณจะมีหน้าที่แนะนำและเห็นชอบต่อการแต่งตั้งดังกล่าวนั้น การเลือกวุฒิสมาชิกเป็นหน้าที่ของผู้ว่าการรัฐทั้งหลาย เริ่มตั้งแต่สัปดาห์ต่อไปนี้ ผู้ว่าการรัฐจะเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งที่ว่างอยู่" ต่อไปเป็นส่วนที่ล่อแหลม เขาโน้มตัวมาข้างหน้าอีกครั้ง

"พี่น้องชาวอเมริกันทุกท่าน หยุดก่อน นั่นเป็นข้อความที่ผมไม่ชอบนัก ไม่เคยเลย" แจ๊คส่ายหน้าเล็กน้อย หวังว่ามันจะดูไม่เสแสร้งเกินไป

"ผมชื่อแจ๊ค ไรอัน พ่อของผมเป็นตำรวจ ผมเริ่มรับหน้าที่รัฐในฐานะนาวิกโยธิน ทันทีที่ผมจบการศึกษาจากวิทยาลัยบอสตัน แต่รับหน้าที่นั้นไม่นานนัก เพราะผมบาดเจ็บจากเฮลิคอปเตอร์ตก หลังของผมไม่ดีขึ้นเป็นเวลาหลายปี เมื่อผมอายุสามสิบเอ็ดปี ผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้าย ท่านต่างทราบเรื่องราวทั้งหมดดีแล้ว แต่สิ่งที่ท่านคงไม่ทราบก็คือ เหตุการณ์นั้นเป็นสาเหตุที่ผมกลับเข้ารับหน้าที่ในรัฐบาลอีกครั้ง ผมมีความสุขกับชีวิตของผมจนถึงจุดนั้น ผมหาเงินได้บ้างในฐานะนายหน้าซื้อขายหุ้น จากนั้นก็ออกจากวงการนั้นกลับไปยังประวัติศาสตร์ รักแรกของผม ผมสอนประวัติศาสตร์ที่โรงเรียนนาวี ผมรักการสอน และผมคิดว่าผมคงจะพอใจจะอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล เช่นเดียวกับที่แคธี่ ภรรยาของผม ไม่ชอบอะไรอื่นนอกจากการรักษาคนป่วยและดูแลผมกับลูกของเรา เราคงจะพอใจที่ได้อยู่ในบ้านของเราและทำงานของเราและเลี้ยงดูลูกของเรา ผมรู้ดีว่าผมคงพอใจอย่างนั้น

"แต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ เมื่อผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นทำร้ายครอบครัวของผม ผมตัดสินใจว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องภรรยากับลูกของผม ผมเรียนรู้ในไม่ช้าหลังจากนั้นว่าเราไม่ใช่ครอบครัวเดียวที่ต้องการความคุ้มครอง และรู้ว่าผมมีความสามารถพิเศษบางอย่าง ดังนั้นผมจึงเข้าร่วมงานรัฐบาลและทิ้งความรักในการสอนไว้เบื้องหลัง

"ผมรับใช้ประเทศชาติ นั่นคือพวกท่าน มาหลายปีแล้ว แต่ผมไม่เคยเป็นนักการเมือง เช่นเดียวกับที่ผมได้บอกจอร์จ วินสตันวันนี้ในห้องทำงานนี้ ผมไม่มีเวลาจะเรียนรู้การเป็นนักการเมือง แต่ผมทำงานอยู่ในรัฐบาลมาเกือบตลอดชีวิตการทำงานของผม และผมได้เรียนรู้บางสิ่งเกี่ยวกับวิถีทางการทำงานของรัฐบาลที่ควรจะเป็น

"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะทำสิ่งปกติในแบบปกติ เราจำต้องทำให้ดีกว่า เราสามารถทำได้ดีกว่า

"จอห์น เคนเนดี้เคยบอกเราว่า "อย่าถามว่าประเทศชาติจะทำอะไรให้คุณได้ แต่ถามว่าคุณจะทำอะไรให้ประเทศชาติได้" นั่นเป็นคำพูดที่ดี แต่เราได้ลืมเลือนมันไป เราจำต้องนำมันกลับมา ประเทศของเราต้องการพวกเราทุกคน

"ผมต้องการให้ทุกท่านทำงานของผม ถ้าท่านคิดว่าผมทำงานนี้เพียงคนเดียวได้ ท่านก็คิดผิดเสียแล้ว ถ้าท่านคิดว่ารัฐบาลจะซ่อมแซมตัวเองได้ตามลำพัง ท่านก็คิดผิด ถ้าท่านคิดว่าไม่ว่ารัฐบาลจะกลับคืนมาหรือไม่ ก็สามารถดูแลท่านได้ในทุกวิถีทาง ท่านก็คิดผิด มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น พวกท่าน ชายและหญิง ท่านคือสหรัฐอเมริกา ผมทำงานให้ท่าน หน้าที่ของผมคือเพื่อรักษาคุ้มครองป้องกันรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐ ฯ และผมจะทำอย่างนั้นเต็มกำลังความสามารถของผม แต่พวกท่านแต่ละคนก็อยู่ในทีมด้วยเช่นกัน

"เราต้องการรัฐบาลเพื่อทำสิ่งที่เราไม่สามารถทำด้วยตนเองได้ เช่น ป้องกันประเทศ รักษากฏหมาย บรรเทาภัยพิบัติ นั่นเป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ เอกสารฉบับนั้น ฉบับที่ผมสาบานจะคุ้มครองป้องกัน เป็นกฏที่คนค่อนข้างธรรมดากลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งเขียนขึ้น พวกท่านเหล่านั้นไม่ใช่นักกฏหมายทั้งหมดด้วยซ้ำ แต่ท่านก็ได้บัญญัติเอกสารการเมืองที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ผมอยากให้ท่านพิจารณาในเรื่องนั้น ท่านเหล่านั้นเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ได้ทำบางอย่างที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องวิเศษมหัศจรรย์ที่ได้ทำงานรัฐบาล

"ผมต้องการรัฐสภาใหม่เพื่อทำงานร่วมกับผม วุฒิสภาจะต้องมาก่อน เพราะผู้ว่าการรัฐจะแต่งตั้งบุคคลใหม่ขึ้นแทนตำแหน่งของชายและหญิงทั้งเก้าสิบเอ็ดคนที่เราสูญเสียไปในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สภาผู้แทนราษฎรก็คงยังเป็นสภาของประชาชนอยู่ และมันเป็นหน้าที่ของท่านในการเลือกบุคคลเหล่านั้นในคูหาลงคะแนน ในการใช้สิทธิของท่าน" เอาละนะ แจ๊ค

"ดังนั้น ผมมีคำขอร้องต่อท่านและผู้ว่าการรัฐทั้งห้าสิบท่าน กรุณา อย่าส่งนักการเมืองมาให้ผม เราไม่มีเวลาทำสิ่งที่ต้องทำผ่านกระบวนการนั้นอีกแล้ว ผมต้องการผู้ที่ทำงานจริงในชีวิตจริง ผมต้องการผู้ที่ไม่อยากอยู่ในวอชิงตัน ผมต้องการผู้ที่จะไม่พยายามหาประโยชน์จากระบบ ผมต้องการผู้ที่จะมาที่นี่โดยเสียสละประโยชน์ส่วนตนอย่างสูงเพื่อทำหน้าที่ที่สำคัญ แล้วจึงกลับบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติของตัวเอง

"ผมต้องการวิศวกรที่รู้วิธีสร้างสิ่งต่าง ๆ ผมต้องการแพทย์ที่รู้ว่าจะทำให้ผู้ป่วยหายดีได้อย่างไร ผมต้องการตำรวจผู้ที่รู้ดีว่าการที่เราถูกอาชญากรละเมิดสิทธิพลเมืองเป็นอย่างไร ผมต้องการเกษตรกรที่ปลูกพืชจริงในไร่นาจริง ผมต้องการคนที่รู้ดีว่าการทำงานจริงด้วยมือตัวเอง จ่ายค่าจำนองที่ดิน เลี้ยงดูลูก และกังวลเรื่องอนาคต เป็นอย่างไร ผมต้องการผู้ที่รู้ดีว่ากำลังทำงานให้กับท่าน ไม่ใช่ให้กับตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการ นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการอย่างมาก ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่พวกท่านทั้งหลายต้องการเช่นกัน

"เมื่อคนเหล่านั้นมาที่นี่แล้ว เป็นหน้าที่ของท่านที่ต้องจับตาดูพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขารักษาคำพูดของตัวเอง ให้แน่ใจว่าพวกเขารักษาศรัทธาต่อท่าน นี่เป็นรัฐบาลของท่าน หลายคนบอกกับท่านอย่างนั้น แต่ผมตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ กรุณาบอกกับผู้ว่าการรัฐของท่านถึงสิ่งที่ท่านคาดหวังเมื่อพวกเขาแต่งตั้งวุฒิสมาชิก จากนั้นท่านก็เลือกคนที่เหมาะสมสำหรับสภาผู้แทนราษฎร บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ที่ตัดสินใจว่ารัฐบาลต้องการเงินของท่านเท่าไร และจะนำไปใช้อย่างไร มันเป็นเงินของท่าน ไม่ใช่ของผม นี่เป็นประเทศของท่าน เราทั้งหมดทำงานเพื่อท่าน

"สำหรับส่วนของผม ผมจะเลือกสมาชิกคณะรัฐมนตรีที่ดีที่สุดที่ผมจะหาได้ บุคคลที่รู้งานของตัวเองดี ผู้ที่ทำงานจริงให้เกิดผลจริง แต่ละคนจะได้รับคำสั่งเดียวกันจากห้องทำงานนี้ คือ รับหน้าที่ในกระทรวงของเขาหรือเธอ จัดลำดับความสำคัญ และทำให้ทุกหน่วยงานรัฐบาลทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นเป็นคำสั่งที่หนัก และเป็นสิ่งที่พวกท่านต่างเคยได้ฟังมาแล้ว แต่ประธานาธิบดีคนนี้ไม่ได้หาเสียงเลือกตั้งเพื่อมาที่นี่ ผมไม่มีใครต้องตอบแทน ไม่มีรางวัลให้กับใคร ไม่มีสัญญาลับที่ต้องรักษา ผมจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดไม่ว่าจะโหดร้ายขนาดไหน ผมอาจจะทำผิดพลาดไปบ้าง แต่เมื่อผมทำผิด เป็นหน้าที่ของท่าน และบุคคลที่ท่านเลือก ที่จะบอกกับผม และผมจะรับฟัง

"ผมจะรายงานต่อท่านอย่างสม่ำเสมอถึงสิ่งที่ดำเนินไป และสิ่งที่รัฐบาลกำลังกระทำ

"ผมขอขอบคุณทุกท่านที่รับฟังผม ผมจะทำหน้าที่ของตัวเอง และผมอยากขอให้ท่านทำหน้าที่ของท่านเองเช่นกัน

"ขอบคุณ และราตรีสวัสดิ์ครับ"

แจ๊ครอและนับถึงสิบก่อนจะแน่ใจว่ากล้องหยุดถ่ายแล้วจึงยกแก้วน้ำขึ้นพยายามจะดื่ม แต่มือของเขาสั่นมากเสียจนเขาเกือบจะทำน้ำหก ไรอันจ้องมองมันแล้วบันดาลโทสะในใจ ทำไมเขาถึงตัวสั่นตอนนี้? ช่วงที่กดดันได้ผ่านไปแล้วไม่ใช่เหรอ?

"เฮ้ คุณไม่อ้วกออกมาหรืออะไรเลยนี่นะ" แคลลี่ เวสตันพูด ยืนอยู่ข้างตัวเขา

"ดีรึเปล่า?"

"อ๋อ ค่ะ ท่านประธานาธิบดี อาเจียนในขณะออกอากาศทีวีทั่วประเทศอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกไม่ดีได้" นักร่างสุนทรพจน์ตอบพร้อมกับหัวเราะลั่น

แอนเดรีย ไพรซ์วาดภาพตัวเองกระชากปืนพกของเธอขึ้นมาในขณะนั้น

อาร์นี่ แวน แดมม์ดูกังวลใจเท่านั้น เขารู้ดีว่าเขาดึงไรอันจากแนวทางของเขาไม่ได้ คำตำหนิทั่วไปที่ประธานาธิบดีต้องฟัง ที่ว่า ถ้าคุณอยากได้รับเลือกตั้งอีกครั้งก็ตั้งใจฟังหน่อย! ใช้ไม่ได้ในตอนนี้ จะปกป้องคนที่ไม่สนใจในสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดได้ยังไงนะ?


"จำรายการ เดอะ ก็อง โชว์ ได้มั้ย?" ((The Gong Show รายการโชว์ชื่อดังทางทีวีประมาณยุคทศวรรษที่ 70-80)) เอ๊ด เคลตี้ถาม

"ใครเป็นคนเขียนคู่มือทำแท้งนี่น่ะ?" ผู้ช่วยด้านกฏหมายของเขาร่วมวงด้วย จากนั้นทั้งสามคนในห้องก็หันไปสนใจทีวี ภาพเปลี่ยนจากภายนอกของทำเนียบขาวเป็นภายในห้องส่ง

"เอาล่ะครับ นั่นเป็นสุนทรพจน์ทางการเมืองที่น่าสนใจทีเดียว" ผู้ประกาศข่าว ทอม ให้ความเห็นด้วยเสียงปราศจากอารมณ์เหมือนกับนักเล่นไพ่โป๊กเกอร์ "ผมสังเกตเห็นว่าคราวนี้ท่านประธานาธิบดีใช้ร่างที่เตรียมมาแล้ว"

"น่าสนใจและน่าติดตามครับ" จอห์น นักวิจารณ์เห็นด้วย "นี่ไม่ใช่สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีแบบธรรมดาเลย"

"จอห์นครับ ทำไมประธานาธิบดียืนยันอย่างหนักแน่นมากถึงบุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ที่จะมาช่วยเขาในการบริหารงานรัฐบาลครับ? เราไม่ได้ต้องการคนที่ชำนาญเพื่อสร้างระบบกลับขึ้นมาใหม่หรือ?" ทอมถาม

"นั่นเป็นคำถามที่หลายคนจะถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองนี้-"

"พนันได้ว่าเราจะถามแน่" ที่ปรึกษาหลักของเคลตี้ออกความเห็น

"-และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องนี้คือท่านต้องทราบอย่างนั้นเหมือนกัน ถึงแม้ท่านจะไม่ทราบ ที่ปรึกษาหลัก อาร์นี่ แวน แดมม์ ผู้ทำงานการเมืองที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก็จะต้องชี้ให้ท่านไรอันเห็นอย่างชัดเจนแน่นอน"

"แล้วการแต่งตั้งรัฐมนตรีคนแรกของท่านล่ะครับ จอร์จ วินสตัน?"

"วินสตันเป็นผู้นำกลุ่มโคลัมบัส บริษัทกองทุนรวมที่เขาก่อตั้งขึ้น เขาร่ำรวยอย่างมหาศาลและอย่างที่ท่านประธานาธิบดีไรอันบอกกับเรา เขาเป็นคนที่สร้างตัวมาด้วยตนเอง ใช่ครับ เราต้องการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่รู้เรื่องเงินและตลาดการเงินดี ซึ่งแน่นอนว่าคุณวินสตันย่อมรู้ดี แต่หลายคนจะโต้แย้งว่า-"

"ว่าเขาเป็นคนใน" เคลตี้ยิ้มอย่างรู้ทัน

"-พร้อมกับมีคนรู้จักอยู่ภายในระบบมากมาย" จอห์นพูดต่อไป

"คุณคิดว่าทางการวอชิงตันจะตอบสนองกับคำแถลงนี้อย่างไรครับ?" ทอมถาม


"ทางการวอชิงตันอะไรวะ?" ไรอันคำราม นี่เป็นครั้งแรก หนังสือสองเล่มที่เขาเขียนถูกนักวิจารณ์พูดถึงในแง่ดีพอสมควร แต่ตอนนั้นเราต้องรอสองสามอาทิตย์กว่าผู้คนจะเริ่มวิจารณ์ มันอาจจะเป็นความผิดพลาดที่ดูการวิเคราะห์อย่างทันที แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจมัน สิ่งที่ลำบากที่สุดคือคอยติดตามทีวีทั้งหมดที่ออกอากาศพร้อม ๆ กัน

"แจ๊ค 'ทางการวอชิงตัน' หมายถึง ทนายกับนักล็อบบี้ห้าหมื่นคนนะ" อาร์นี่ชี้ "พวกนั้นอาจจะไม่ผ่านการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง แต่พวกนั้นก็เป็นทางการเป็นบ้าเลยล่ะ พวกสื่อก็เหมือนกัน"

"ผมก็เข้าใจเหมือนกัน" ไรอันตอบ


"-แล้วเราก็ต้องการมืออาชีพที่มีประสบการณ์เพื่อสร้างระบบกลับขึ้นมาใหม่ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาจะพูด และผู้คนมากมายในเมืองนี้ก็จะเห็นด้วย"

"คุณคิดอย่างไรกับเบื้องหลังของสงครามและเครื่องบินตกที่ท่านเปิดเผยครับ?"

"สิ่งที่ทำให้ผมสนใจที่สุดเป็น "การเปิดเผย" ของท่านที่ว่านายกรัฐมนตรีโคกะถูกเพื่อนร่วมชาติของเขาลักพาตัวไปในตอนแรก แล้วจึงมีคนอเมริกันช่วยเหลือออกมา เป็นเรื่องที่น่าติดตามข้อมูลเพิ่มเติมครับ สมควรยกย่องท่านประธานาธิบดีในความปรารถนาอย่างชัดเจนที่จะยุติเรื่องราวระหว่างประเทศของเรากับญี่ปุ่น และผมจะให้คะแนนท่านสูงมากในเรื่องนี้ เราได้รับภาพถ่ายพร้อมกับร่างสุนทรพจน์" ภาพข่าวเปลี่ยนไปแสดงให้เห็นภาพไรอันกับโคกะที่รัฐสภา "นี่เป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่งที่ช่างภาพทำเนียบขาวจับมาได้-"

"แต่อาคารรัฐสภาก็ยังเสียหายอยู่นะครับ จอห์น เช่นเดียวกับที่เราต้องการสถาปนิกดี ๆ กับคนงานที่เชี่ยวชาญเพื่อสร้างมันขึ้นมาใหม่ ดังนั้น ผมคิดว่าเราต้องการสิ่งที่ดีกว่ามือสมัครเล่นเพื่อตั้งรัฐบาลใหม่" ทอมหันไปมองตรงยังกล้อง "นั่นเป็นสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีไรอัน เราจะเสนอข่าวคืบหน้าต่อไป ตอนนี้เราจะนำท่านกลับสู่รายการตามปกติต่อไปครับ"

"นั่นเป็นแนวหลักของเราล่ะ เอ๊ด" ที่ปรึกษาหลักยืนขึ้นบิดขี้เกียจ "นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องพูด และนั่นเป็นสาเหตุที่คุณตกลงใจกลับมาสู่วงการการเมือง ไม่ว่าชื่อเสียงของคุณอาจจะเสียหายไปขนาดไหน"

"คุณเริ่มหมุนโทรศัพท์ได้แล้ว" เอ๊ดเวิร์ด เจ. เคลตี้สั่ง


"ท่านประธานาธิบดีครับ" หัวหน้าพนักงานประตูยื่นถาดเงินพร้อมกับเครื่องดื่ม ไรอันยกเชอร์รี่ของเขาขึ้นมาจิบ

"ขอบใจ"

"ท่านประธานาธิบดีคะ ในที่สุด-"

"แมรี่ แพท เรารู้จักกันมานานขนาดไหนแล้ว?" ไรอันรู้สึกว่าเขามักจะพูดอย่างนี้เสมอ

"อย่างน้อยก็สิบปีค่ะ" นางโฟเลย์ตอบ

"กฏใหม่ประธานาธิบดี คำสั่งรัฐบาลด้วย เวลาเลิกงาน ตอนที่เราเสิร์ฟเครื่องดื่ม ชื่อของผมคือแจ๊ค"

"Muy bien, jefe" ((ประโยคนี้เข้าใจว่าเป็นภาษาสเปน ลองแปลเป็นอังกฤษได้ว่า Very well, head ???)) ชาเวซออกความเห็นตลก ๆ แต่ด้วยสายตาเรียบเฉย

"อิรักเป็นไง?" ไรอันถามห้วน ๆ

"เงียบแต่ตึงเครียดมาก" แมรี่ แพทตอบ "เราไม่ได้ข่าวอะไรมาก แต่ที่เราได้คือประเทศกำลังถูกปิด มีทหารอยู่ตามถนน ผู้คนอยู่ดูทีวีกับบ้าน งานศพเพื่อนเราจะมีพรุ่งนี้ หลังจากนั้นเรายังไม่รู้อะไร เรามีสายอยู่ในตำแหน่งดีในอิหร่าน เขาสืบเรื่องการเมือง การลอบสังหารเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเลย แล้วเขาก็ไม่ได้ข่าวอะไร นอกจากคำยกย่องต่อพระอัลเลาะห์ที่นำเพื่อนของเรากลับไป"

"ถ้าคิดว่าพระเจ้าต้องการตัวเขาไป มันก็เป็นงานที่งดงามมาก" คลาร์คพูดต่อ กล่าวจากความชำนาญ "ค่อนข้างปกติในแง่ของวัฒนธรรม ผู้เสียสละคนเดียว ยอมอุทิศตัวเองอะไรแบบนั้น การเอาเขาเข้าไปข้างในต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ แน่ แต่ดาริเยเพื่อนเราเป็นพวกอดทนอยู่แล้ว อืม คุณเคยพบเขาแล้วนี่ บอกเราสิ แจ๊ค"

"ตาคู่ที่โกรธแค้นที่สุดที่ผมเคยเห็น" ไรอันพูดเบา ๆ จิบเครื่องดื่มของเขา "หมอนั่นรู้ดีว่าจะเกลียดยังไง"

"เขาจะขยับแน่ ยิ่งกว่าแช่แป้ง" คลาร์คดื่มไวลด์ เตอร์กีกับน้ำ "พวกซาอุต้องเครียดเรื่องนี้แน่"

"นั่นแค่พูดอย่างเบา ๆ นะ" แมรี่ แพทกล่าว "เอ๊ดอยู่ที่นั่นมาสองสามวันแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เขาได้ยิน พวกนั้นเพิ่มระดับการเตรียมพร้อมของกองทัพแล้ว"

"และนั่นเป็นทั้งหมดที่เราได้" ประธานาธิบดีไรอันสรุป

"สำหรับเป้าหมายทางปฏิบัติก็ใช่แล้ว เราดักฟังสัญญาณจากอิรักได้มากมาย สิ่งที่เราได้ก็เป็นไปตามคาด ม่านปิดลงแน่น แต่หม้อก็เดือดปุด ๆ อยู่ข้างในนั้น มันต้องเป็นอย่างนั้น แน่นอน เราได้เพิ่มการสอดแนมด้วยดาวเทียมให้มากขึ้น-"

"เอาล่ะ แมรี่ แพท ขอผมฟังคำแถลงคุณหน่อย" แจ๊คสั่ง เขาไม่อยากได้ยินเรื่องภาพถ่ายดาวเทียมในตอนนี้

"ฉันต้องการเพิ่มขนาดฝ่ายของฉัน"

"ขนาดไหน?" แล้วเขาก็ดูเธอสูดลมหายใจลึก ๆ เป็นเรื่องไม่ธรรมดาที่ได้เห็นแมรี่ แพทริเซีย โฟเลย์เครียดกับเรื่องอะไรซักอย่าง

"สามเท่า เรามีเจ้าหน้าที่สนามรวมทั้งหมดหกร้อยห้าสิบเจ็ดคน ฉันอยากเพิ่มตัวเลขนั้นขึ้นไปเป็นสองพันคนภายในสามปีข้างหน้า" เธอกล่าวคำพูดอย่างรวดเร็ว จ้องหน้าไรอันเพื่อดูปฏิกิริยาของเขา

"อนุมัติ ถ้าคุณหาทางทำมันได้โดยไม่กระทบกับเรื่องเงินเดือน"

"ง่ายมาก แจ๊ค" คลาร์คให้ความเห็นพร้อมกับหัวเราะในลำคอ "ไล่พวกนั่งโต๊ะออกสองพันคน คุณยังประหยัดเงินได้อีกด้วยซ้ำ"

"พวกนั้นมีครอบครัวนะ จอห์น" ประธานาธิบดีบอกเขา

"ฝ่ายข่าวกรองกับบริหารมีคนล้นงานเป็นบ้าอยู่แล้ว คุณก็เคยอยู่นั่น คุณก็รู้ มันคุ้มถึงจะทำเพื่อแค่แก้ปัญหาที่จอดรถเท่านั้นเอง การให้เกษียณก่อนกำหนดจะช่วยได้เกือบทั้งหมด"

ไรอันคิดเรื่องนั้นเพียงวินาทีเดียว "ผมต้องการคนลงดาบ เอ็มพี คุณอยู่ใต้เอ๊ดอีกได้รึเปล่า?"

"นั่นเป็นตำแหน่งปกติอยู่แล้วล่ะ แจ๊ค" นางโฟเลย์ตอบพร้อมกับหลิ่วตาสีฟ้าของเธอ "เอ๊ดเก่งเรื่องบริหารมากกว่าฉัน แต่ฉันดีกว่าอยู่แล้วในสนาม"

"แผนบลูเหรอ?"

คลาร์คตอบคำถามนั้น "ใช่ครับผม ผมต้องการให้เราหาจากตำรวจ พวกนักสืบหนุ่ม ๆ พวกในเครื่องแบบทั่วไป คุณก็รู้เหตุผล พวกนั้นส่วนมากถูกฝึกมาก่อนแล้ว พวกนั้นรู้วิธีเอาตัวรอดในสนาม"

ไรอันผงกศีรษะ "ตกลง แมรี่ แพท อาทิตย์หน้าผมจะรับจดหมายลาออกจากตำแหน่ง ผอ. ด้วยความเสียใจ แล้วแต่งตั้งเอ๊ดขึ้นแทน ให้เขาเสนอแผนขยายฝ่ายปฏิบัติการและลดขนาดฝ่ายข่าวกรองกับบริหารกับผม ผมจะอนุมัติมันในเวลาที่เหมาะสม"

"เยี่ยม!" นางโฟเลย์ยกแก้วไวน์อวยพรให้กับผู้บังคับบัญชาสูงสุดของเธอ

"ยังมีอีกเรื่อง จอห์น"

"ครับผม?"

"ตอนโรเจอร์ขอให้ผมรับตำแหน่ง ผมมีคำขอร้องกับเขา"

"อะไรเหรอ?"

"ผมจะออกประกาศประธานาธิบดีนิรโทษกรรมให้กับสุภาพบุรุษชื่อ จอห์น ที. เคลลี่ มันจะเรียบร้อยภายในปีนี้ คุณน่าจะบอกผมว่าพ่อทำคดีคุณ"

เป็นครั้งแรกในเวลานานแสนนานที่คลาร์คหน้าซีดเหมือนเจอผี "คุณรู้ได้ยังไง?"

"มันอยู่ในแฟ้มส่วนตัวของจิม เกรียร์ มันถูกส่งมาที่ผมไม่กี่ปีก่อน พ่อผมทำคดีนั้น ผมจำได้ดี ผู้หญิงพวกนั้นที่ถูกฆ่า ผมจำได้ว่าเขาหัวปั่นขนาดไหนเรื่องนั้น แล้วก็ดีใจขนาดไหนที่ได้จัดการมันเสร็จ เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องคดีนั้น แต่ผมรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับมัน" แจ๊คก้มมองดูแก้วเครื่องดื่มของเขา หมุนน้ำแข็งไปรอบแก้ว "ถ้าจะให้เดาล่ะก็ ผมว่าเขาคงดีใจเรื่องนี้และผมคิดว่าเขาคงดีใจที่รู้ว่าคุณไม่ได้จมไปกับเรือด้วย"

"พระเจ้า แจ๊ค..คือผม...พระเจ้า"

"คุณควรจะได้ชื่อของคุณเองกลับมา ผมให้อภัยในสิ่งที่คุณทำไปไม่ได้ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้คิดแบบนั้นแล้วตอนนี้ จริงมั้ย? บางทีถ้าเป็นประชาชนธรรมดาผมอาจจะทำได้ แต่ยังไงคุณก็สมควรได้รับชื่อคุณกลับมา คุณเคลลี่"

"ขอบคุณครับท่าน"

ชาเวซสงสัยว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องอะไร เขาจำคนที่อยู่บนเกาะไซปันได้ หัวหน้าหน่วยป้องกันชายฝั่งที่เกษียณแล้ว แล้วก็สองสามคำเกี่ยวกับการฆ่าคน เขารู้ว่าคุณซีไม่เต็มใจพูดเรื่องนั้น แต่มันต้องเป็นเรื่องที่น่าฟังแน่ ๆ

"มีอะไรอีกมั้ย?" แจ๊คถาม "ผมอยากจะกลับไปหาครอบครัวก่อนที่พวกเด็ก ๆ จะนอนกันก่อน"

"แผนบลูก็ได้รับอนุมัติแล้วใช่ไหมคะ?"

"ใช่แล้ว เอ็มพี หลังจากที่เอ๊ดเขียนแผนการดำเนินงานเรียบร้อยนะ"

"ฉันจะให้เขากลับมาทันทีที่พวกนั้นจะติดเครื่องบินได้เลย" เอ็มพีให้สัญญา

"ดีแล้ว" แจ๊คลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตู แขกของเขาก็ทำอย่างเดียวกัน

"ท่านประธานาธิบดีครับ?" มันเป็นเสียงของดิง ชาเวซ

ไรอันหันกลับมา "ว่าไง?"

"แล้วพวกผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคล่ะจะเป็นยังไงครับ?"

"คุณหมายความว่าไง?"

"ผมแวะไปที่โรงเรียนวันนี้ ดร.แอลเฟอร์บอกผมว่าผู้เข้าชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคอย่างจริงจังของทั้งสองพรรคตายหมดแล้วอาทิตย์ก่อน แล้วกำหนดรับสมัครตัวแทนทั้งหมดก็ผ่านไปแล้ว ไม่มีใครสมัครได้อีก ปีนี้เป็นปีเลือกตั้งของเรา แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครลงสมัคร พวกสื่อก็ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้มากนัก"

แม้แต่เจ้าหน้าที่ไพรซ์ก็ฉุกคิดในเรื่องนั้น แต่ในทันทีนั้นพวกเขาทั้งหมดก็รู้ว่ามันเป็นความจริง


"ปารีสหรือคะ?"

"ศาสตราจารย์รุสโซที่สถาบันปาสเตอร์คิดว่าเขาคิดค้นวิธีรักษาได้ เป็นเพียงการทดลองแต่มันเป็นเพียงโอกาสเดียวที่เธอมี"

พวกเขาคุยกันที่ทางเดินนอกห้องของซิสเตอร์จัง แบบติสต์ ทั้งคู่เหงื่อตกอยู่ใน "ชุดอวกาศ" พลาสติกสีน้ำเงิน ถึงแม้จะมีกล่องควบคุมสภาพแวดล้อมแขวนอยู่กับเข็มขัด คนไข้ของพวกเขากำลังตาย นั่นก็แย่พออยู่แล้ว และวิธีที่เธอตายจะสยดสยองเกินกว่าจะบรรยายได้ เบเนดิก มคูซ่าโชคดี ด้วยเหตุผลที่ไม่แน่ชัด อีโบลาโจมตีหัวใจของเขาเร็วกว่าปกติ มันเป็นความเมตตาที่ไม่พบได้บ่อยนัก ซึ่งทำให้เด็กชายเสียชีวิตไปเร็วขึ้นกว่ากรณีทั่วไป คนไข้คนนี้ไม่โชคดีอย่างนั้น ผลทดสอบเลือดแสดงให้เห็นว่าตับของเธอกำลังถูกจู่โจม แต่อย่างช้า ๆ ส่วนเอนไซม์หัวใจยังปกติอยู่ อีโบลาคืบคลานภายในร่างของเธอในอัตราที่รวดเร็วแต่เป็นระเบียบ ระบบทางเดินอาหารของเธอกำลังถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ การตกเลือดที่ตามมา ทั้งจากการอาเจียนและท้องร่วง เป็นไปอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นจากมัน แต่ร่างกายของเธอกำลังต่อสู้อย่างดีที่สุด เป็นความพยายามรักษาตัวเองที่กล้าหาญแต่ล้มเหลว รางวัลเดียวที่ได้รับจากการต่อต้านนั้นคือความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น และมอร์ฟีนก็กำลังพ่ายแพ้การต่อสู้เพื่อเอาชนะความทรมานนั้น

"แต่ทำอย่างไรเราถึงจะ-" เธอไม่จำเป็นต้องพูดต่อ แอร์แอฟริกเป็นสายการบินเดียวที่มีให้บริการบินไปปารีส แต่ไม่ว่าสายการบินนั้นหรือที่ไหนก็ไม่ขนส่งผู้ป่วยอีโบลา ด้วยเหตุผลที่เห็นได้ชัด ทั้งหมดนี้เอื้ออำนวยให้กับ ดร. มูดิเป็นอย่างดี

"ผมจัดหาวิธีขนส่งได้ครับ ผมมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ผมให้เครื่องบินไอพ่นส่วนตัวเข้ามาพาเราไปปารีสได้ วิธีนั้นจะง่ายกว่าสำหรับการจัดมาตรการป้องกันที่จำเป็น"

"ฉันไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ฉันจะต้อง-" มาเรีย แมกดาเลนาลังเล

"ผมจะไม่หลอกคุณหรอกนะ ซิสเตอร์ เธออาจจะตายอยู่แล้วไม่ว่าอย่างไร แต่ถ้ามีความหวัง มันก็จะอยู่ที่ ศจ. รุสโซ ผมเคยเรียนกับเขา และถ้าเขาบอกว่าเขามีวิธี เขาก็ต้องมีจริง ๆ ให้ผมเรียกเครื่องบินมาเถอะครับ"

"ฉันปฏิเสธเรื่องนั้นไม่ได้หรอกค่ะ แต่ฉันต้อง-"

"ผมเข้าใจครับ"


Gulfstream G-IV
เครื่องบินกัลฟ์สตรีม จี-โฟร์

เครื่องบินลำที่ว่านั้นคือกัลฟ์สตรีม จี-โฟร์ ((Gulfstream G-IV)) และมันเพิ่งจะลงจอดที่สนามบินราชิด ตั้งอยู่ทางตะวันออกของขดกว้างของแม่น้ำไทกรีส ที่รู้จักกันในท้องถิ่นว่า นะห์ร์ ดุละห์ ((Nahr Dulah)) หมายเลขประจำเครื่องใกล้กับหางของเครื่องแสดงสัญชาติสวิส ที่ที่บริษัทซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องนี้ตั้งอยู่ บริษัทนี้ค้าขายสินค้าต่าง ๆ และจ่ายภาษีตรงเวลา ทางการสวิสจึงไม่สนใจอะไรอีก การบินเข้าสั้นและไม่มีอะไรพิเศษ อาจยกเว้นเพียงเวลาและเส้นทาง จากเบรุตไปเตหะรานไปแบกแดด

ชื่อจริงของเขาคืออาลี บัดรอน ถึงแม้เขาเคยใช้ชีวิตกับทำงานด้วยชื่ออื่น ๆ แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาใช้ชื่อของเขาเองเพราะมันเป็นชื่ออิรัก ครอบครัวของเขาออกจากอิรักเพื่อหาโอกาสทางธุรกิจในจอร์แดน แต่ก็ตกอยู่ในระหว่างความวุ่นวายของภูมิภาคนี้เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ สถานการณ์นั้นแย่ลงเพราะการตัดสินใจของลูกชายของพวกเขาเพื่อเข้าร่วมขบวนการต่อต้านอิสราเอล ภัยคุกคามนี้ล่วงรู้ถึงกษัตริย์จอร์แดน และการเนรเทศที่ตามมาในภายหลังก็ทำให้ครอบครัวของบัดรอนพังทลาย แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักในเวลานั้น

บัดรอนสนใจในตอนนี้ นิดหน่อย ชีวิตของผู้ก่อการร้ายคนนี้คลายความตื่นเต้นลงกับเดือนปีที่ผ่านไป และถึงเขาจะเป็นหนึ่งในมือดีที่สุดในสายงานนี้ โดยเฉพาะการสืบหาข้อมูล แต่เขาก็ไม่มีอะไรจะแสดงนอกจากความเป็นศัตรูกับหน่วยข่าวกรองที่อำมหิตที่สุดในโลก ความสะดวกสบายกับความปลอดภัยสักเล็กน้อยคงจะดี บางทีภารกิจนี้น่าจะมีได้ ชื่อแบบอิรักกับกิจกรรมในชีวิตของเขาช่วยสะสมเส้นสายทั่วทั้งแถบนี้ เขาให้ข้อมูลข่าวสารกับหน่วยข่าวกรองอิรัก และช่วยชี้ตัวคนสองคนที่พวกนั้นต้องการกำจัด สำเร็จทั้งสองราย พวกนั้นจึงให้เขาเข้าออกประเทศได้ และนั่นเป็นสาเหตุที่เขามา

เครื่องบินหยุดสนิท และนักบินผู้ช่วยออกมาเลื่อนบันไดลง รถแล่นมาจอด เขาก้าวขึ้นรถแล้วมันก็แล่นออกไปทันที

"สันติจงมีแก่ท่าน" เขากล่าวกับชายอีกคนในที่นั่งหลังของรถเบนซ์คันนั้น

"สันติเหรอ?" ท่านนายพลคำราม "โลกทั้งโลกร้องโวยวายว่าเรามีมันน้อยอยู่แล้ว" บัดรอนเห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ไม่ได้นอนหลับตั้งแต่ประธานาธิบดีของเขาตาย มือเขาสั่นจากกาแฟที่ดื่ม หรืออาจจะจากแอลกอฮอล์ที่เขาใช้ต่อต้านมัน ไม่ใช่สิ่งที่น่าอภิรมย์นัก เมื่อมองไปยังสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงแล้วยังสงสัยว่าเราจะมีชีวิตอยู่จนมันผ่านไปหรือเปล่า ในใจหนึ่งเราต้องการตื่นอยู่ แต่อีกส่วนต้องการจะหนี นายพลคนนี้มีครอบครัวกับลูกและรวมถึงภรรยาลับ อืม พวกนั้นทั้งหมดน่าจะมี ดีแล้วล่ะ

"ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก แต่ทุกอย่างก็อยู่ใต้การควบคุมแล้ว จริงไหมครับ?" สีหน้าที่เกิดจากคำถามนี้เป็นคำตอบในตัวมันเองอยู่แล้ว สิ่งดีสิ่งเดียวที่อาจจะพูดได้ก็คือ ถ้าประธานาธิบดีแค่บาดเจ็บ ตอนนี้คนคนนี้คงตายไปแล้วเพราะล้มเหลวในการตรวจพบมือสังหาร มันเป็นงานที่อันตราย ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของผู้เผด็จการ โดยเฉพาะจอมเผด็จการที่สร้างศัตรูไว้มากมาย เขาขายวิญญาณให้กับปีศาจแล้วบอกกับตัวเองว่าบางทีมันอาจจะไม่มาทวงหนี้ที่ค้างไว้ก็ได้ คนฉลาดขนาดนี้คิดโง่ ๆ แบบนั้นได้ยังไงนะ?

"คุณมาที่นี่ืทำไม?" นายพลถาม

"เพื่อเสนอสะพานทองให้กับท่านครับ"



Thai translation by Kaii


This page hosted by Get your own Free Home Page