Executive Orders

บทที่ 7 ภาพพจน์ต่อสาธารณะ

E-3
เครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ อี-3 เซนทรี่

มันเริ่มต้นขึ้นแต่เช้า เมื่อเครื่องบิน อี-3 บี เซนทรี 2 ลำซึ่งดึงมาจากฐานทัพอากาศทิงเคอร์ในโอคลาโฮมาไปที่ฐานทัพอากาศโป๊ปในนอร์ธแคโรไลนา บินขึ้นจากฐานทัพอากาศหลังเมื่อเวลาท้องถิ่น 0800 น.และมุ่งขึ้นเหนือ มีการตกลงใจว่าการปิดสนามบินในบริเวณทั้งหมดคงจะมากเกินไป สนามบินแห่งชาติวอชิงตันยังปิดอยู่ และเพราะไม่มีสมาชิกสภาแห่กันไปที่นั่นเพื่อขึ้นเครื่องไปเขตของตัวเอง (ที่จอดรถพิเศษของพวกเขาเป็นที่รู้จักกันดี) ทำให้ดูเหมือนว่าสนามบินจะคงอยู่ไปแบบนั้น และสำหรับอีกสองแห่ง ดัลเลสและสนามบินนานาชาติบัลติมอร์-วอชิงตัน ผู้ควบคุมทำงานภายใต้คำสั่งเฉียบขาดมาก เที่ยวบินเข้าออกจะต้องหลีกเลี่ยง "ฟองอากาศ" ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว่ายี่สิบไมล์และมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ทำเนียบขาว ถ้ามีเครื่องบินลำใดบินตรงไปที่ "ฟองอากาศ" นั้น จะส่งสัญญาณถามทันที ถ้าไม่มีคำตอบ เครื่องลำนั้นจะพบว่ามีเครื่องบินขับไล่บินอยู่ข้าง ๆ ในไม่ช้า ถ้านั่นยังไม่ได้ผล ขั้นตอนที่สามก็เห็นได้ชัดเจนและน่าดู เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 สองฝูง ฝูงละสี่ลำ สลับกันบินวนรอบเมืองที่ระดับความสูงหนึ่งหมื่นแปดพันและสองหมื่นฟุตตามลำดับ ความสูงทำให้มีเสียงน้อยลง (และยังช่วยให้พวกเขาปักหัวลงแล้วเร่งความเร็วถึงระดับความเร็วเหนือเสียงได้แทบจะทันที) แต่ควันขาวเป็นทางบนท้องฟ้าก็เห็นได้ชัดเจนเหมือนกับที่กองทัพอากาศที่แปดเคยทำเหนือเยอรมัน ในเวลาเดียวกัน กองพลน้อยสารวัตรทหารที่ 260 ของกองกำลังรักษาดินแดนวอชิงตันดีซี ก็เข้าวางกำลังอีกครั้งเพื่อช่วย "ควบคุมการจราจร" รถฮัมวี่มากกว่าร้อยคันจอดอยู่ข้างถนน แต่ละคันมีรถตำรวจหรือเอฟบีไออยู่ใกล้ ๆ กัน ควบคุมการจราจรโดยปิดถนน กองทหารเกียรติยศรวมตัวขึ้นจากเหล่าต่าง ๆ เข้าแถวบนถนนเพื่อร่วมพิธี ไม่มีใครบอกได้ว่าปืนไรเฟิลกระบอกไหนมีกระสุนเต็มซองบรรจุ

F-16 Fighting Falcon
เครื่องบินขับไล่เอฟ-16

มีบางคนคาดจริง ๆ ว่าการรักษาความปลอดภัยจะเป็นไปอย่างเงียบ ๆ เพราะมียานเกราะอยู่แล้ว

ผู้นำประเทศทั้งหมดหกสิบเอ็ดคนอยู่ในเมือง วันนี้จะเป็นนรกสำหรับการรักษาความปลอดภัยของทุกคน และสื่อก็ย้ำให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้ร่วมประสบการณ์อย่างเดียวกัน

ในพิธีแบบนี้ครั้งสุดท้าย แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ตกลงใส่ชุดไว้ทุกข์ แต่สามสิบห้าปีผ่านไป ตอนนี้ชุดสูทธุรกิจสีดำก็เพียงพอแล้ว ยกเว้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่แต่งเครื่องแบบต่าง ๆ (เจ้าชายแห่งเวลส์ก็ทรงเป็นนายทหารสัญญาบัตร) หรือแขกจากประเทศในเขตร้อนต่าง ๆ พวกนั้นบางคนแต่งชุดประจำชาติ และต้องทนทรมานกับผลที่ตามมาเพื่อเกียรติยศของชาติ แค่นำพวกเขาไปรอบเมืองและเข้ามาที่ทำเนียบขาวก็เป็นฝันร้ายแล้ว จากนั้นก็เป็นปัญหาว่าจะเรียงลำดับของพวกเขาในขบวนแห่ได้อย่างไร เรียงลำดับตัวอักษรตามชื่อประเทศ? เรียงตามชื่อของเขา? การเรียงตามระดับในรัฐบาลจะทำให้ตำแหน่งเด่นซึ่งไม่เหมาะสมตกกับผู้เผด็จการบางคนที่มาเพื่อขอมีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการในเวทีการเมืองโลก เสริมสถานะของประเทศและรัฐบาลซึ่งอเมริกามีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย แต่ที่อเมริกาไม่ได้เสน่หา พวกเขาทั้งหมดมาที่ทำเนียบขาว เดินแถวผ่านหีบศพหลังตัดแถวของประชาชนอเมริกันไป หยุดคารวะ และจากนั้นก็ไปที่ห้องตะวันออก ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศพยายามจัดการทุกสิ่งพร้อมกาแฟและเดนิช

ไรอันและครอบครัวของเขาอยู่ชั้นบน จัดชุดสีมืดของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีสมาชิกสต๊าฟฟ์ของทำเนียบขาวคอยดูแล พวกเด็ก ๆ รับมันได้ดีที่สุด เพราะเคยชินกับการที่พ่อแม่หวีผมให้ก่อนออกจากบ้าน และก็ตลกที่เห็นพ่อและแม่โดนทำเช่นเดียวกัน แจ๊คถือร่างสุนทรพจน์แรกของเขาอยู่ เป็นอดีตไปแล้วที่เขาจะหลับตาลงแล้วภาวนาให้ทุกอย่างหายไป ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเป็นนักมวย เป็นรองคู่ต่อสู้แต่ก้มหลบหมัดไม่ได้ ต้องรับทุกหมัดอย่างดีที่สุดและพยายามไม่ทำให้ตัวเองขายหน้า แมรี่ แอบบอทแต่งทรงผมเขาเป็นครั้งสุดท้ายและยึดทุกอย่างไว้ด้วยสเปรย์ สิ่งที่ไรอันไม่เคยใช้อย่างเต็มใจเลยในชีวิตของเขา

"พวกเขากำลังรออยู่ครับ ท่านประธานาธิบดี" อาร์นี่บอก

"ใช่แล้ว" แจ๊คส่งแฟ้มสุนทรพจน์ให้เจ้าหน้าที่คุ้มกันคนหนึ่ง เขาตรงออกไปจากห้อง ตามด้วยแคธี่ ซึ่งอุ้มเคตี้อยู่ ส่วนแซลลี่จับมือแจ๊คน้อยตามไปตามทางเดินและลงบันได ประธานาธิบดีไรอันเดินลงบันไดเวียนสี่เหลี่ยมช้า ๆ จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ห้องตะวันออก ทุกศีรษะหันมา สายตาทุกคู่มองมาที่เขา แต่สายตาเหล่านั้นไม่ได้เป็นการมองอย่างปกติแม้แต่น้อย บางคู่มองอย่างเห็นใจ เกือบทุกคู่เป็นของผู้นำประเทศ ส่วนที่ไม่ใช่ก็เป็นของเอกอัครราชทูต แต่ละคนจะร่างรายงานเกี่ยวกับประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ในคืนนี้ เป็นโชคดีของไรอันที่คนแรกที่ตรงมาที่เขาเป็นคนที่ไม่จำเป็นต้องทำรายงานใด ๆ แบบนั้น

"ท่านประธานาธิบดี" ชายในชุดเสื้อราตรีราชนาวีกล่าว เอกอัครราชทูตของเขาวางตำแหน่งทุกอย่างได้อย่างดีมาก โดยรวมแล้ว ลอนดอนค่อนข้างชอบการจัดตำแหน่งใหม่นี้ "ความสัมพันธ์พิเศษ" จะกลายเป็นพิเศษยิ่งขึ้น เพราะประธานาธิบดีไรอันเป็นอัศวินชั้นวิคทอเรียน (กิติมศักดิ์)

"ใต้ฝ่าละอองพระบาท" แจ๊คชะงัก และยิ้มออกมาขณะที่เขาจับพระหัตถ์ที่ยื่นให้ "นานแล้วนะตั้งแต่วันนั้นในลอนดอน"

"นั่นสินะ"

.

.

แสงแดดไม่อบอุ่นเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น เพราะว่าลม เงาจากแดดจ้ากลับทำให้ทุกอย่างดูหนาวเย็นลงไปอีก ตำรวจดีซีขึ้นนำด้วยแถวจักรยานยนต์ จากนั้นคนตีกลองสามคนตามด้วยแถวทหาร พวกเขาเป็นหมู่จากหมวดที่สาม กองร้อยบราโว กองพันที่หนึ่ง กรมทหารราบที่ 501 กองพลส่งทางอากาศที่ 82 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหน่วยของโรเจอร์ จากนั้นเป็นม้าหลังเปล่า กับรองเท้าบู๊ทกลับหลังอยู่ในโกลน และรถม้า เคียงข้างกันสำหรับพิธีนี้ สามีกับภรรยา จากนั้นเป็นขบวนรถ อากาศหนาวยังมีผลอีกอย่างหนึ่ง เสียงกลองกระหน่ำดังสะท้อนขึ้นลงไปทั่วหุบเขาที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ขณะที่ขบวนเคลื่อนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทหารบก ทหารเรือและนาวิกโยธินวันทยาวุธ ครั้งหนึ่งสำหรับประธานาธิบดีคนเก่า จากนั้นก็สำหรับคนใหม่ พวกผู้ชายถอดหมวกไม่ว่าแบบไหนที่ตนสวมอยู่ (บางคนก็ลืม) เพื่อประธานาธิบดีคนเก่าด้วย

บราวน์กับฮอลบรุคไม่ได้ลืม เดอร์ลิ่งอาจเป็นแค่ขี้ข้ารัฐอีกคน แต่ธงก็คือธง และไม่ใช่ความผิดของธงที่คลุมอยู่ที่นั่น ทหารเดินตบเท้าไปบนถนน สวมเครื่องแบบออกรบพร้อมด้วยหมวกเบเร่ต์แดงและรองเท้ากระโดดร่มที่ดูไม่ถูกกาลเทศะ เพราะโรเจอร์ เดอร์ลิ่งเคยเป็นหนึ่งในพวกเขา ผู้บรรยายทางวิทยุกล่าว นำหน้ารถม้ามีทหารอีกสองนาย คนแรกถือธงประธานาธิบดี คนที่สองถือกรอบบรรจุเหรียญการรบของเดอร์ลิ่ง ประธานาธิบดีที่เสียไปได้เหรียญกล้าหาญจากการช่วยเหลือทหารระหว่างการรบ ทหารคนนั้นอยู่ที่ไหนสักแห่งในขบวนนี้ และก็ถูกสัมภาษณ์ไปนับสิบครั้ง ค่อย ๆ เล่าเหตุการณ์วันนั้นที่ประธานาธิบดีในอนาคตช่วยชีวิตเขาไว้ น่าเสียดายที่เขาเดินทางผิด กลุ่มคนภูเขาคิด แต่เป็นได้มากกว่าว่าเขาเป็นนักการเมืองตลอดเวลาทั้งหมด

ประธานาธิบดีคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นต่อจากนั้นไม่นาน รถของเขาเห็นได้จากหน่วยคุ้มกันสี่คนวิ่งไปข้าง ๆ คนใหม่นี้เป็นคนลึกลับสำหรับกลุ่มคนภูเขา พวกเขารู้จากสิ่งที่เห็นในทีวีและหนังสือพิมพ์ มือปืน เขาฆ่าคนไปสองคน คนหนึ่งด้วยปืนพก อีกคนด้วยอูซี่ อดีตนาวิกฯ นั่นทำให้เกิดความชื่นชมนิดหน่อย ข่าวทีวีอื่น ๆ ฉายซ้ำไปซ้ำมาถึงตอนที่เขาออกรายการทอล์คโชว์วันอาทิตย์และบรรยายสรุปต่าง ๆ สำหรับรายการแรกส่วนใหญ่เขาดูมีความสามารถ ส่วนอันหลังเขามักจะดูอึดอัดใจ

หน้าต่างรถส่วนใหญ่ในขบวนฉาบพลาสติกสีมืดเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน แต่แน่นอน ไม่ใช่รถประธานาธิบดี ลูกสามคนของเขานั่งอยู่หน้าเขาและนั่งหันหน้าไปข้างหลัง กับภรรยาของเขาอยู่ข้าง ๆ ก็ทำให้เห็นประธานาธิบดีจอห์น ไรอันได้ง่ายจากริมถนน

.

.

"เรารู้อะไรจริง ๆ เกี่ยวกับคุณไรอันบ้างครับ?"

"ไม่มากนัก" นักวิจารณ์กล่าว "เขารับตำแหน่งในซีไอเอเป็นหลัก รัฐสภานับถือเขา ทั้งสองสภา เขาทำงานกับอแลน เทรนท์กับแซม เฟลโลวส์มาหลายปี นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ เราต่างได้ยินเรื่องผู้ก่อการร้ายที่ทำร้ายเขา-"

"เหมือนกับเรื่องเล่าสมัยตะวันตกยังป่าเถื่อน" ผู้ประกาศข่าวสอด "คุณคิดว่าอย่างไรครับที่เรามีประธานาธิบดีที่-"

"ฆ่าคน?" นักวิจารณ์ตอบตาม เขาเหนื่อยจากการทำหน้าที่ยาวนานหลายวัน และเขาก็เริ่มเหนื่อยหน่ายกับเจ้าหัวกลวงนี่แล้ว "เรามาดูกัน จอร์จ วอชิงตันเป็นนายพล เช่นเดียวกับแอนดี้ แจ๊คสัน วิลเลี่ยม เฮนรี่ แฮริสันเป็นทหาร แกรนต์และประธานาธิบดีคนอื่นหลังยุคสงครามกลางเมือง เท็ดดี้ รู้สเวลท์ก็แน่นอน ทรูแมนเป็นทหาร ไอเซนฮาวเออร์ แจ๊ค เคนเนดี้เคยอยู่ในกองทัพเรือ เช่นเดียวกับนิกสัน และจิมมี่ คาร์เตอร์ และจอร์จ บุช..." บทเรียนประวัติศาสตร์แบบนอกบททำให้เกิดผลที่เห็นได้เหมือนกับใช้ไม้กระทุ้งก้นวัว

"แต่จริง ๆ แล้วเขาได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีรักษาการณ์ไม่ใช่หรือครับ? และเป็นการตอบแทนที่เขาจัดการกับความขัดแย้ง" ไม่มีใครเรียกมันว่า "สงคราม" "ซึ่งกลายเป็นเรื่องทางธุรกิจของญี่ปุ่น" นั่นแหละ ผู้ประกาศข่าวคิด นั่นจะทำให้เจ้านักข่าวต่างประเทศคนนี้อยู่ในที่ของตัวเองได้ แล้วมีใครเคยบอกว่าประธานาธิบดีจะมีช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยเหรอ?

.

.

ไรอันอยากอ่านสุนทรพจน์ทวนอีกครั้ง แต่พบว่าเขาทำไม่ได้ ข้างนอกนั่นหนาวทีเดียว ที่จริงในรถก็ไม่ได้อุ่นนัก แต่คนนับพัน ๆ ยืนอยู่ข้างนอกในอากาศเย็นยี่สิบเก้าองศาฟาเรนไฮต์ เข้าเป็นแนวซ้อนกันห้าหรือสิบแถวบนทางเดินข้างถนน หันหน้ามองตามรถของเขาขณะที่แล่นผ่านไป ใกล้จนเขาเห็นสีหน้าของคนเหล่านั้นได้ หลายคนชี้มือแล้วพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั่นไง ประธานาธิบดีคนใหม่อยู่นั่น บางคนโบกมือ ท่าทางขัดเขินเล็กน้อยเพราะไม่แน่ใจว่าทำอย่างนั้นจะถูกหรือเปล่า แต่อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นห่วง คนอื่น ๆ ผงกศีรษะแสดงความเคารพ เม้มปากยิ้มแบบที่คุณมักจะเห็นในบ้านที่มีงานศพ หวังว่าคุณคงไม่เป็นไร แจ๊คสงสัยว่าจะถูกต้องหรือเปล่าถ้าเขาจะโบกมือตอบ แต่ตัดสินใจว่ามันไม่เหมาะ เขาถูกรั้งด้วยกฏที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งใช้กับพิธีศพต่าง ๆ ดังนั้นเขาแค่มองผู้คน หน้าของเขาเรียบเฉย เขาคิด โดยไม่ได้พูดอะไรเพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน เอาล่ะ เขามีสุนทรพจน์ช่วย ไรอันคิด เศร้ากับตัวเอง

.

.

"ไม่ใช่พวกที่มีความสุข" บราวน์กระซิบกับฮอลบรุค พวกเขารออีกสองสามนาทีให้กลุ่มคนกระจายตัวออก ไม่ใช่ทุกคนที่สนใจขบวนของคนใหญ่คนโตต่างประเทศ เรามองไม่เห็นข้างในอยู่ดี แล้วก็การเฝ้าดูธงที่ปลิวอยู่ตรงกันชนหน้าก็แค่ทำให้เกิดคำถามต่าง ๆ ประเภท "นั่นธงของประเทศไหนน่ะ?" แล้วก็มักจะตามด้วยคำตอบผิด ๆ ดังนั้น เหมือนกับคนอื่น ๆ กลุ่มคนภูเขาทั้งสองเบียดออกไปจากริมถนนเข้าไปในสวนสาธารณะ

"มันไม่ได้เรื่อง" ฮอลบรุคตอบ ในที่สุด

"มันก็แค่ขี้ข้ารัฐน่ะ จำหลักการของปีเตอร์ได้มั้ย?" เป็นหนังสือซึ่งทั้งคู่คิดว่าเขียนขึ้นเพื่ออธิบายเจ้าหน้าที่รัฐบาล ในการปกครองแบบใด ๆ ผู้คนมีแนวโน้มจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นจนสู่ระดับที่เกินความสามารถของตัว "ฉันว่าฉันชอบแบบนี้ว่ะ"

คู่หูของเขามองกลับไปที่ถนนกับรถกับธงเล็ก ๆ ที่ปลิวสะบัด "ฉันคิดว่านายน่าจะถูก"

.

.

National Cathedral
โบสถ์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา

การรักษาความปลอดภัยที่โบสถ์แห่งชาติแน่นหนามาก เจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มกันรู้ดีในใจ และรู้ว่าไม่มีมือสังหาร -เรื่องมือสังหารมืออาชีพเป็นแค่ผลงานของฮอลลีวู้ดเท่านั้น- ที่จะเสี่ยงชีวิตตัวเองในสถานการณ์แบบนี้ อาคารทุกหลังที่มองเห็นโบสถ์แบบกอธิคนี้ได้โดยตรงมีตำรวจ หรือทหาร หรือเจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มกันอยู่บนยอดตึก หลายคนมีปืนเล็กยาว และชุดต่อต้านพลซุ่มยิงของหน่วยพร้อมกับอุปกรณ์ชั้นสุดยอดทำด้วยมือราคา 10,000 ดอลล่าร์ที่สามารถยิงไปได้ไกลกว่าครึ่งไมล์แล้วจับเปาะที่ศีรษะใครก็ได้ ชุดนี้ชนะการแข่งยิงปืนบ่อยพอ ๆ กับการเกิดน้ำขึ้นน้ำลง อาจจะเป็นกลุ่มที่รวบรวมพลแม่นปืนที่ดีที่สุดเท่าที่โลกเคยพบเห็น และพวกเขาก็ซ้อมทุกวันเพื่อให้มันคงอยู่แบบนั้น ใครที่ประสงค์ร้ายจะรู้ทั้งหมดนี้แล้วถอยไปห่าง หรือไม่ในกรณีของพวกโรคจิตมือสมัครเล่น จะเห็นการจัดการป้องกัน และคิดได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันดีที่จะตาย

แต่ทุกอย่างที่ตึงเครียดอยู่นั่นเอง แม้แต่ขณะที่ขบวนแห่ปรากฏขึ้นที่ระยะไกล เจ้าหน้าที่ก็เดินวุ่นวายไปมา คนหนึ่งในนั้น ด้วยความเพลียจากการปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันกว่าสามสิบชั่วโมง กำลังดื่มกาแฟเมื่อเขาลื่นบนขั้นบันไดหินและทำกาแฟหก คำรามในคอ เขาบีบถ้วยพลาสติกในมือแล้วยัดมันลงในกระเป๋า และพูดกรอกไมโครโฟนวิทยุติดคอเสื้อของเขาว่าทุกอย่างที่ตำแหน่งของเขาเรียบร้อย ส่วนหยดกาแฟนั้นแข็งตัวแทบในทันทีบนหินแกรนิตสีเข้ม

ภายในโบสถ์ เจ้าหน้าที่อีกชุดตรวจซอกมุมมืดทุกแห่งอีกครั้งก่อนเข้าประจำที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิธีการเตรียมการเป็นครั้งสุดท้ายกับผังตำแหน่งที่นั่งที่แฟกซ์มาให้พวกเขาเพียงไม่กี่นาทีก่อน พร้อมกับสงสัยในใจว่าจะมีอะไรผิดพลาดได้

รถม้าหยุดลงหน้าอาคาร ส่วนรถแล่นเข้ามาทีละคันเพื่อให้ผู้โดยสารลง ไรอันลงจากรถ ตามด้วยครอบครัวของเขา เดินไปรวมกับครอบครัวเดอร์ลิ่ง พวกเด็ก ๆ ยังตื่นตกใจไม่หาย บางทีนั่นอาจจะเป็นเรื่องดี บางทีอาจจะไม่ แจ๊คก็ไม่รู้ ในเวลาอย่างนี้ คนควรจะทำอะไร? เขาวางมือลงบนบ่าของเด็กชายขณะที่รถแล่นมาส่งผู้โดยสารแล้วแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้ร่วมไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ ที่เป็นระดับสูงจะรวมกันอยู่ข้างหลังเขา พวกระดับต่ำลงมาจะเข้าสู่โบสถ์ในตอนนี้โดยทางเข้าด้านข้าง ผ่านเครื่องตรวจโลหะแบบเคลื่อนย้ายได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของโบสถ์และคณะประสานเสียง ซึ่งทำแบบเดียวกันไปแล้ว จะเข้าประจำที่ของพวกเขา

โรเจอร์ต้องระลึกถึงหน้าที่ในหน่วยพลร่มที่ 82 ของเขาด้วยความภาคภูมิใจแน่ แจ๊คคิด ทหารซึ่งนำขบวนรวบรวมอาวุธและเตรียมทำหน้าที่ภายใต้การดูแลของนายทหารหนุ่ม และมีจ่าท่าทางจริงจังสองนายคอยช่วยเหลือ พวกเขาล้วนดูเด็ก แม้แต่จ่า ทั้งหมดโกนผมขึ้นไปจนเกือบถึงแนวหมวกเบเรต์ แล้วเขาก็นึกได้ว่าพ่อเขาคอยประจำในกองพลส่งทางอากาศที่ 101 คู่แข่งของหน่วยนี้ เมื่อกว่าห้าสิบปีก่อน และก็เคยเป็นเหมือนเด็กพวกนี้ ถึงอาจจะไว้ผมยาวกว่านิดหน่อย เพราะแฟชั่นการโกนผมทั้งหัวยังไม่นิยมในสมัยปี 1940 แต่ความเข้มแข็งแบบเดียวกัน ความภูมิใจอย่างรุนแรงแบบเดียวกัน และความมุ่งมั่นทำงานให้สำเร็จลงไม่ว่าจะเป็นอย่างไรแบบเดียวกัน มันดูเหมือนจะกินเวลานานชั่วกัลป์ ไรอัน เช่นเดียวกับทหาร หันศีรษะของเขาไม่ได้ เขาต้องยืนตรงอย่างที่เคยทำตอนเป็นนาวิกโยธิน แต่ก็ให้สายตาของเขากวาดไปมาได้ ลูก ๆ ของเขาหันหน้าไปรอบ ๆ และขยับขาจากความหนาว ขณะที่แคธี่คอยดูพวกแกอยู่ กังวลเรื่องการโดนอากาศหนาวเช่นเดียวกับสามีของเธอ แต่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แม้แต่ความห่วงใยของพ่อแม่ก็ต้องเป็นรองบางสิ่งอื่น มันคืออะไรกันนะ เธอสงสัย สิ่งที่เรียกว่าหน้าที่นี้ที่แม้แต่เด็กกำพร้าก็รู้ว่าพวกเขาต้องยืนอยู่อย่างนั้นและทนรับมันไว้?

ในที่สุดคนสุดท้ายในขบวนก็ลงจากรถและเข้าประจำที่ของพวกเขา ใครสักคนนับถึงห้า แล้วทหารก็เดินไปที่รถม้า คันละเจ็ดนาย นายทหารที่ควบคุมขันหมุดยึดอันแรกออก และอันที่สอง จากนั้นหีบก็ถูกยกขึ้นและเคลื่อนไปทางด้านข้างเหมือนเครื่องจักร ทหารที่เชิญธงประธานาธิบดีเดินนำขึ้นบันได ตามด้วยหีบศพ ของประธานาธิบดีอยู่ข้างหน้า นำโดยนายทหารและตามด้วยจ่าที่ควบคุมชุดย่อยนั้น

มันไม่ใช่ความผิดของใครเลย มีทหารอยู่ข้างละสามนาย เดินในจังหวะช้า ๆ ตามที่จ่านำ พวกเขาเกร็งกับการยืนรอสิบห้านาทีขณะที่ขบวนหยุดหลังจากเดินออกกำลังมาตามถนนแมสซาชูเสตท์ แอฟวะนิว คนกลางด้านขวาลื่นหยดกาแฟในขณะที่ทั้งหมดกำลังก้าวขึ้นบันได เขาลื่นเข้าด้านใน แทนที่จะเป็นด้านนอก และดันทหารที่อยู่ด้านหลังเขาออกไปขณะที่เขาลื่นลงมา น้ำหนักทั้งหมดของไม้ เหล็ก และศพ เกินกว่าสี่ร้อยปอนด์ ตกลงบนทหารคนที่ลื่นคนแรก และหักขาของเขาทั้งสองข้างในทันทีบนขั้นบันไดแกรนิต

มีเสียงฮือจากกลุ่มคนนับพันที่ดูอยู่ เจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มกันรีบเข้ามา ด้วยกลัวว่าทหารคนนั้นโดนยิง แอนเดรีย ไพรซ์ก้าวไปอยู่หน้าไรอันทันที มือเธออยู่ในเสื้อคลุมและกุมด้ามปืนอัตโนมัติอย่างเห็นได้ชัด พร้อมจะชักมันออกมา ในขณะที่หน่วยคุ้มกันที่เหลือลากครอบครัวไรอันและเดอร์ลิ่งออกไปจากพื้นที่ ทหารกำลังยกหีบศพออกจากตัวเพื่อนที่หกล้ม ใบหน้าของเขาซีดขาวด้วยความเจ็บปวด

"น้ำแข็ง" เขากัดฟันบอกกับจ่า "ลื่นครับ" เขายังควบคุมตัวเองได้พอที่จะไม่คิดถึงความอับอายที่เขาเป็นคนทำลายพิธีซึ่งดังก้องอยู่ในใจขณะนั้น เจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มกันมองไปที่บันไดและเห็นมัน รอยสีน้ำตาลอ่อนซึ่งสะท้อนแสง เขาส่งสัญญาณบอกไพรซ์ให้ถอยออกไปได้ ขณะที่คำสั่งถูกส่งผ่านไปยังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดบริเวณนั้นในทันที

"แค่ลื่น แค่ลื่นเท่านั้น"

ไรอันสะดุ้งเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น โรเจอร์ไม่รู้สึกมันหรอก ใจเขาคิด แต่การหมิ่นโรเจอร์ก็เหมือนเป็นการหมิ่นลูกของเขา ซึ่งก้มศีรษะและสะบัดหน้าไปทางอื่นเมื่อพ่อของแกกระแทกลงบนขั้นบันได เด็กชายหันกลับมาเป็นคนแรก รับภาพทั้งหมดไว้ ในใจส่วนที่เป็นเด็กของเขาสงสัยว่าทำไมมันไม่ปลุกพ่อขึ้นมา เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาลุกขึ้นกลางดึกและเดินไปที่ประตูห้อง อยากเปิดมันออก อยากเดินข้ามห้องโถงไปเคาะประตูห้องพ่อแม่เพื่อดูว่าพวกเขาอาจจะกลับมาหรือเปล่า

* * * * *

.

.

"โอ้ พระเจ้า" นักวิจารณ์คราง

กล้องดึงภาพเข้าไปที่ทหารกรมที่ 3 สองนายดึงพลร่มที่บาดเจ็บออกไป จ่าเข้ามาแทนที่เขา หีบศพยกขึ้นภายในไม่กี่วินาที แผ่นไม้โอ๊คขัดเงาฉีกไปจากการกระแทก

.

.

"เอาล่ะ ทหาร" จ่าพูดจากตำแหน่งใหม่ของเขา "ซ้าย"

"พ่อ" มาร์ค เดอร์ลิ่งวัยเก้าปีคราง "พ่อครับ" ทุกคนที่อยู่ใกล้ได้ยินเสียงของเขาในความเงียบที่เกิดตามหลังอุบัติเหตุ พวกทหารกัดริมฝีปากตัวเอง เจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มกัน ขายหน้าและเจ็บปวดกับการสูญเสียประธานาธิบดีไปอยู่แล้ว ใช้เวลาหนึ่งวินาทีเต็มก้มหน้ามองพื้นหรือมองดูหน้ากันและกัน แจ๊คโอบแขนของเขารอบเด็กชายโดยสัญชาตญาณ แต่ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเขาควรจะพูดอะไรออกไปดี จะมีอะไรผิดพลาดได้อีกมั้ย? ประธานาธิบดีคนใหม่สงสัยขณะที่คุณนายเดอร์ลิ่งตามสามีของเธอขึ้นบันไดไปข้างใน

"เอาล่ะ มาร์ค" ไรอันวางมือที่บ่าของเด็กชายและนำเขาไปที่ประตู โดยไม่ได้คิดว่าเขาเดินอยู่ในตำแหน่งของลุงที่สนิทที่สุดไปสองสามหลา ถ้าเพียงแต่มีวิธีกำจัดความเศร้าโศกของพวกเขาไป ถึงแม้จะเพียงไม่กี่วินาที เป็นความคิดที่เป็นไปไม่ได้ และผลของมันคือแจ๊คเกิดความเศร้าเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ไม่ได้ทำให้สิ่งที่เด็กชายรู้สึกอยู่บรรเทาลงไปเลยแม้แต่เสี้ยวหนึ่ง

ด้านในอุ่นกว่า คนที่ช็อคจากเหตุการณ์น้อยกว่าสามารถสังเกตเห็นได้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิธีการรีบเข้าประจำตำแหน่ง ไรอันและครอบครัวไปที่ม้านั่งแถวแรกทางขวา ครอบครัวเดอร์ลิ่งไปที่ด้านตรงข้าม หีบศพตั้งอยู่เคียงข้างกันบนที่ตั้งศพในห้องเครื่องสักการะ หลังหีบทั้งสองมีอีกสามหีบ ของวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนอีกสองคน "เป็นผู้แทน" ครั้งสุดท้าย ออร์แกนเล่นเพลงที่ไรอันเคยได้ยินแต่ไม่รู้จัก อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่เพลงเศร้าของโมสาร์ทในขบวนฟรีเมซอน ((Masonic procession เป็นขบวนแห่ของ Freemanson สมาชิกขบวนการนานาชาติลับ Free and Accepted Masons)) ซึ่งมีทำนองรุนแรงบรรเลงซ้ำไปมา ที่ทำให้เบิกบานได้พอ ๆ กับภาพการสังหารหมู่ชาวยิวสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง นักบวชตั้งแถวอยู่ข้างหน้า ใบหน้าสำรวมอย่างมืออาชีพ ข้างหน้าไรอัน ในช่องที่ปกติเป็นเนื้อเพลงสวด มีร่างสุนทรพจน์ของเขาอีกฉบับหนึ่งวางอยู่

.

.

ภาพบนจอทีวีทำให้คนที่อยู่ในอาชีพเดียวกับเขารู้สึกไม่สบายขึ้นมา หรือไม่ก็ตื่นเต้นในแบบที่เหนือกว่าเซ็กซ์ ถ้าเพียงว่า... แต่โอกาสแบบนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญเท่านั้น ไม่เคยให้เวลาเตรียมการอะไร การเตรียมตัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในภารกิจแบบนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะทำได้ยาก เขาปล่อยให้ตัวเองคิดวิธีการ ปืนครก น่าจะได้ เราติดไว้ในหลังรถบรรทุกธรรมดา ๆ แบบที่เห็นได้ทั่วไปทุกเมืองในโลก ส่งกระสุนลงไปที่หลังคาตึก หย่อนตรงเป้าหมาย เก็บได้อย่างน้อยสิบ อาจจะสิบห้าหรือยี่สิบ และแม้ว่าจะคาดไม่ได้ว่าจะเป็นใคร เป้าก็คือเป้า การร้ายก็คือการร้าย และการก่อการร้ายนั่นก็เป็นอาชีพของเขา

"ดูพวกนั้นสิ" เขาระบายลมหายใจ กล้องจับภาพไล่ไปตามม้านั่งแถวต่าง ๆ ส่วนใหญ่ผู้ชาย บางคนเป็นหญิง นั่งอยู่อย่างไม่มีระเบียบเท่าที่เขาเห็น บางคนกระซิบคุยกัน ส่วนใหญ่จะไม่ กับสีหน้าว่างเปล่าขณะที่กวาดตาดูภายในโบสถ์ แล้วก็ลูกของประธานาธิบดีอเมริกันที่ตายไป ลูกชายและลูกสาวกับท่าทางบอบช้ำเหมือนกับคนที่ได้สัมผัสกับความจริงอันโหดร้ายของชีวิต เด็ก ๆ จะรับแรงกดดันได้ดีอย่างน่าแปลกใจ ไม่ใช่เหรอ? พวกเขาจะอยู่รอด เพราะว่าไม่มีความสำคัญทางการเมืองอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจและไม่มีความสงสารให้กับเด็กสองคนนี้อีก จากนั้นกล้องก็ไปจับที่ไรอันอีกครั้ง ดึงภาพไปที่ใบหน้า และทำให้สามารถพิจารณาอย่างละเอียดได้

.

.

เขายังไม่ได้บอกลาโรเจอร์ เดอร์ลิ่งเลย ไม่มีเวลาให้แจ๊ครวบรวมจิตใจ ช่วงสัปดาห์นี้วุ่นวายมาก แต่ตอนนี้เขาพบว่าสายตาของเขาเหม่อมองไปที่หีบศพเดียวนั้น เขาแทบไม่รู้จักแอนน์ และอีกสามคนที่อยู่ในนั้นก็เป็นคนแปลกหน้าทั้งนั้น อันที่จริงถูกสุ่มเลือกขึ้นมาตามศาสนาที่พวกเขานับถือ แต่โรเจอร์เป็นเพื่อนเขา โรเจอร์นำเขากลับออกมาจากชีวิตส่วนตัว ให้งานที่สำคัญ และวางใจให้เขาทำมัน รับฟังความเห็นของแจ๊คเสมอ ไว้วางใจเขา ดุว่าและสั่งสอนเขาเป็นบางครั้ง แต่เป็นเพื่อนเสมอมา มันเป็นหน้าที่ที่หนัก หนักยิ่งขึ้นเมื่อมีเรื่องขัดแย้งกับญี่ปุ่น -แม้แต่กับแจ๊ค ตอนนี้มันจบลงแล้ว ไม่ใช่ "สงคราม" อีกต่อไป เพราะสงครามเป็นเรื่องอดีต ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกจริงที่ได้ก้าวหน้าผ่านความป่าเถื่อนเช่นนั้นไปแล้ว เดอร์ลิ่งและไรอันทั้งคู่ผ่านสิ่งนั้นมา ในขณะที่คนแรกต้องการทำต่อให้จบในอีกทาง แต่เขาก็รู้ด้วยว่าสำหรับไรอัน การแข่งได้จบลงแล้ว ดังนั้น ในฐานะเพื่อน เขาให้สะพานทองกับแจ๊คให้กลับไปสู่ชีวิตส่วนตัว จุดสูงสุดในอาชีพรับใช้ประชาชนที่กลับกลายมาเป็นกับดัก

แต่ถ้าเขาเสนอตำแหน่งให้กับคนอื่น ฉันจะอยู่ที่ไหนคืนนั้น? แจ๊คถามตัวเอง คำตอบง่าย ๆ เขาจะอยู่ในแถวหน้าในห้องประชุมสภา และตอนนี้เขาคงตายไปแล้ว ประธานาธิบดีไรอันกระพริบตาถี่แรงเมื่อรู้คำตอบนั้น โรเจอร์ช่วยชีวิตเขา อาจไม่ใช่แค่ชีวิตเขาคนเดียว แคธี่ และบางทีลูก ๆ ด้วย คงจะอยู่บนชั้นลอยด้วย กับแอนน์ เดอร์ลิ่ง... ชีวิตเรานี้เปราะบางถึงขนาดต้องขึ้นอยู่กับเหตุเล็กน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ? ทั่วเมืองในขณะนี้ มีอีกหลายศพในอีกหลายหีบสำหรับอีกหลายพิธี ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่แต่บางส่วนก็เป็นลูกของเหยื่อรายอื่น ๆ ผู้ที่ตัดสินใจพาครอบครัวของเขาไปในพิธีรับตำแหน่งนั้น

มาร์ค เดอร์ลิ่งเริ่มสะอึกสะอื้นแล้วตอนนี้ พี่สาวของเขา เอมี่ ดึงศีรษะของเขาเข้าหาตัว แจ๊คหันหน้าเล็กน้อยให้หางตาได้รับภาพนั้น พวกแกเป็นแค่เด็ก พระเจ้า ทำไมเด็กต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย? ความคิดนั้นกระหน่ำลงมาในทันที แจ๊คกัดริมฝีปากแล้วก้มหน้ามองพื้น ไม่มีใครเป็นเป้ารับความโกรธของเขา คนกระทำผิดในเรื่องนี้ก็ตายไปแล้ว ศพของเขาอยู่ในหีบศพอีกหีบภายในวอชิงตันดีซี โรงเก็บศพ และหลายพันไมล์ห่างออกไป ครอบครัวที่ชายคนนั้นทิ้งไปก็ต้องแบกรับความอับอายและความผิดบาป นั่นเป็นสาเหตว่าทำไมผู้คนถือว่าความรุนแรงไม่มีเหตุผล เราไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ แค่ความอาลัยในชีวิตที่สูญเสียและชีวิตที่ถูกทำลายลงไป และชีวิตที่รอดมาเพราะแค่บังเอิญเพียงเท่านั้น เหมือนกับมะเร็งหรือโรคร้ายอื่น ๆ ความรุนแรงนี้จู่โจมโดยไม่มีใครคาดคิด และไม่มีการป้องกัน แค่คนตายคนหนึ่งที่ตัดสินใจไม่เข้าสู่ชีวิตหลังความตายแบบที่เขาเชื่อเพียงลำพังคนเดียว มีบ้าอะไรที่จะได้เรียนรู้จากเรื่องนี้? ไรอัน ในฐานะเป็นผู้ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์มานาน นิ่วหน้าและก้มมองพื้นต่อไป หูของเขาจับอยู่ที่เสียงของเด็กกำพร้าที่สะท้อนอยู่ในกำแพงหินของโบสถ์นี้

.

.

คนอ่อนแอ เห็นได้ชัดจากหน้าของมัน ไอ้หมอนี่ ประธานาธิบดีคนนี้ พยายามกลั้นน้ำตาไว้ มันไม่รู้เหรอว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต? มันก็เคยฆ่าคน ไม่ใช่เหรอ? มันไม่รู้เหรอว่าความตายคืออะไร? มันพึ่งจะรู้หรอกเหรอ? คนอื่น ๆ รู้ เห็นกันได้ พวกนั้นกำลังทำท่าโศกเศร้า เพราะในพิธีศพ จะต้องทำเป็นโศกเศร้า แต่ทุกชีวิตต้องจบลง เจ้าไรอันน่าจะรู้ มันเคยเจออันตรายมาแล้ว -แต่นั่นก็นานมาแล้ว เขาเตือนตัวเอง คนเราลืมเรื่องแบบนั้นได้เมื่อเวลาผ่านไป ไรอันมีเหตุมากพอที่จะลืมความอ่อนแอของชีวิต ถูกปกป้องในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐบาล เขาประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเราจะเรียนรู้ได้มากขนาดไหนจากการพิจารณาใบหน้าคนเพียงไม่กี่วินาที

นั่นทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น จริงไหม?

.

.

เธอนั่งอยู่ข้างหลังห่างไปห้าแถว แต่เป็นที่นั่งติดทางเดิน และแม้ว่านายกรัฐมนตรีอินเดียจะเห็นเพียงแต่ศีรษะด้านหลังของประธานาธิบดีไรอัน เธอก็เป็นนักศึกษาพฤติกรรมมนุษย์เช่นกัน ผู้นำประเทศแสดงออกอย่างนี้ไม่ได้ แท้จริงแล้วผู้นำประเทศเป็นนักแสดงบนเวทีที่สำคัญที่สุดของโลก และเราต้องเรียนรู้ว่าจะทำอะไรจะประพฤติตัวอย่างไร เธอเคยไปงานศพหลายแบบในชีวิตเธอ เพราะผู้นำการเมืองย่อมมีผู้ช่วย ซึ่งไม่ใช่จะเป็นเพื่อนเสมอไป ทั้งหนุ่มและแก่ ที่จะต้องแสดงความเคารพด้วยการไปร่วมพิธี ถึงแม้จะเป็นผู้ที่เกลียดชังก็ตาม ในกรณีหลังนี้ มันอาจจะน่าขันก็ได้ ในประเทศของเธอ ผู้ตายมักจะถูกเผา แล้วเธอก็จะบอกกับตัวเองว่า บางที ศพนั้นยังมีชีวิตอยู่ตอนที่เผาก็ได้ คิ้วเธอกระตุกในความคิดน่าสนุกนั้น โดยเฉพาะคนที่เราเกลียด เป็นการฝึกที่ดี ทำท่าเศร้า ใช่ เราแตกต่างกัน แต่เขาเป็นคนที่น่าเคารพ คนที่คุณทำงานด้วยได้ คนที่มีความคิดที่น่าสนใจ จากการฝึกฝนนานนับปี เราก็เก่งพอจนผู้ที่ยังอยู่หลงเชื่อคำโกหกนั่น ส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขาอยากจะเชื่อ เราเรียนรู้วิธียิ้มอย่างนั้น แสดงความเสียใจออกมาอย่างนั้น และพูดอย่างนั้น เราต้องทำ ผู้นำทางการเมืองไม่ปล่อยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาง่าย ๆ ความรู้สึกที่แท้จริงบอกจุดอ่อนของเรากับคนอื่น และมักจะมีคนที่ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนั้นกับเรา ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปหลาย ๆ ปี เราซ่อนมันไว้มากขึ้นมากขึ้น จนกระทั่งในที่สุดถ้าเรายังมีความรู้สึกอยู่ ก็มีอยู่น้อยเต็มที นั่นเป็นสิ่งที่ดี เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องของความรู้สึก

เห็นได้ชัดว่านายไรอันนี่ไม่รู้เรื่องนั้น นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลกบอกกับตัวเธอเอง ผลก็คือ เขาแสดงออกถึงสิ่งที่เขาเป็น และแย่กว่านั้น สำหรับเขา เขาทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้นำการเมืองระดับสูงสุดจำนวนหนึ่งในสามของโลก คนที่จะเห็นและเรียนรู้และเก็บความคิดพวกเขาเอาไว้ใช้ในอนาคต อย่างที่เธอกำลังทำ ยอดเยี่ยม เธอคิดขณะยังตีหน้าเศร้าสลดให้เกียรติกับคนที่เธอเกลียดชังอย่างที่สุด เมื่อนักดนตรีเล่นเพลงสวดเพลงแรก เธอยกหนังสือขึ้น พลิกไปหน้าที่ถูกต้อง และร้องไปพร้อม ๆ กับทุกคน

.

.

ท่านแรบไบเริ่มเป็นคนแรก นักบวชแต่ละคนมีเวลาสิบนาที และแต่ละคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ถูกต้องกว่าคือแต่ละคนเป็นผู้รอบรู้อย่างแท้จริงนอกจากเป็นสาวกของพระเจ้า แรบไบเบนจามิน เฟลชแมน กล่าวตามคัมภีร์ทอลมุดและโทราห์ ท่านพูดถึงหน้าที่และเกียรติและศรัทธา ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตา ต่อจากนั้นเป็นหลวงพ่อเฟรดเดอริค แรลสตัน อนุศาสนาจารย์วุฒิสภา เขาไม่ได้อยู่ในเมืองคืนนั้น จึงรอดไม่ได้ร่วมในเหตุการณ์นั้น คริสศาสนิกชนจากทางใต้และผู้มีอำนาจหลักในพระคริสตธรรมใหม่ หลวงพ่อแรลสตันพูดถึงทุกข์ทรมานของพระเยซูคริสต์ในสวน ถึงเพื่อนของท่าน ริชาร์ด อีสต์แมนจากโอเรกอน ผู้ซึ่งนอนสงบอยู่ในห้องเก็บเครื่องสักการะ ผู้เป็นที่นับถือกันทั่วไปในฐานะสมาชิกผู้ทรงเกียรติแห่งรัฐสภา และกล่าวยกย่องถึงประธานาธิบดีที่เสียชีวิต ผู้ที่รักและอุทิศตนให้กับครอบครัว อย่างที่ทุกคนทราบ...

ไม่มีทางที่ "ถูก" ในการจัดการเรื่องแบบนี้ ไรอันคิด บางทีอาจจะง่ายกว่านี้ถ้าพระ/บาทหลวง/แรบไบ มีเวลานั่งคิดถึงความโศกเศร้า แต่นั่นไม่เกิดขึ้นในกรณีนี้ และเขาสงสัยว่า-

ไม่ แบบนี้ไม่ถูก! แจ็คบอกกับตัวเอง นี่เป็นโรงละคร มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ พวกเด็ก ๆ นั่งอยู่ห่างไม่กี่ฟุตอยู่ข้างทางเดินทางซ้ายของเขา และสำหรับพวกแก นี่ไม่ใช่โรงละครเลย มันง่ายกว่านั้นเยอะ มันคือพ่อกับแม่ ผู้ถูกดึงเอาชีวิตไปด้วยการกระทำอันไร้เหตุผล ทำให้พวกแกไม่ได้มีอนาคตอย่างที่ควรจะได้ความรักกับการชี้นำ โอกาสที่จะเติบโตในแบบปกติเป็นคนปกติ มาร์คและเอมี่เป็นคนสำคัญในที่นี้ แต่บทเรียนที่ได้จากพิธีนี้ ซึ่งควรจะช่วยพวกแก กลับกลายเป็นมุ่งไปที่คนอื่นแทน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินการทางการเมือง สิ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ชาติ สร้างศรัทธาประชาชนต่อพระเจ้ากับโลกกับประเทศของพวกเขาขึ้นมาใหม่ และบางทีผู้คนที่อยู่หลังกล้องยี่สิบสามตัวในโบสถ์ต้องการอย่างนั้น แต่ยังมีคนที่มีความต้องการมากกว่า ลูก ๆ ของโรเจอร์และแอนน์ เดอร์ลิ่ง ลูกชายของดิค อิสต์แมน ภรรยาม่ายของเดวิด คอห์นจากโรดไอแลนด์ และครอบครัวที่ยังอยู่ของเมริสสา เฮนริคจากเท็กซัส คนเหล่านั้นเป็นคนจริง ๆ และความโศกเศร้าของพวกเขาตกอยู่ภายใต้ความต้องการของประเทศ ถ้างั้น ประเทศก็เลว แจ็คคิด โกรธสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในทันที และโกรธตัวเองที่ไม่คิดถึงเรื่องนี้ก่อนจะได้เปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ได้ ประเทศชาติมีความต้องการ แต่ความต้องการเหล่านั้นจะยิ่งใหญ่จนอยู่เหนือโชคชะตาอันร้ายกาจที่เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ไม่ได้ ใครกล่าวเพื่อพวกเขา? มีใครกล่าวเพื่อพวกเขาบ้าง?

ที่แย่ที่สุดสำหรับไรอันซึ่งนับถือแคธอลิก ไมเคิล คาร์ดินัล โอ'เลียรี่ อาร์คบิชอปแห่งวอชิงตัน ก็ไม่ได้ดีกว่าคนอื่น "อำนวยพรให้กับผู้สร้างสันติภาพ พวกเขาจะถูกเรียก..." สำหรับมาร์คกับเอมี่ ใจแจ็คเดือดดาล พ่อของพวกแกไม่ใช่ผู้สร้างสันติภาพ เขาเป็นพ่อ และพ่อก็จากไปแล้ว นั่นไม่ใช่เรื่องลอย ๆ ผู้นำศาสนาที่โดดเด่น มีความรู้ และมีเกียรติทั้งสามคนกำลังเทศน์ให้กับประเทศ แต่ต่อหน้าพวกเขาคือเด็ก ๆ ที่ได้รับคำหวาน ๆ แต่ปากไม่กี่คำ เพียงเท่านั้น ต้องมีใครสักคนพูดกับพวกแก เพื่อพวกแก เกี่ยวกับพ่อและแม่ ต้องมีใครพยายามทำให้ทุกสิ่งดีขึ้นกว่านี้ ถึงมันเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องมีคนพยายาม ให้ตายสิ! บางทีเขาอาจจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บางทีเขามีหน้าที่ต่อคนนับล้านหลังกล้องเหล่านั้น แต่แจ็คจำตอนที่ภรรยาและลูกสาวเขาอยู่ในศูนย์ผู้ป่วยฉุกเฉินในบัลติมอร์ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องลอย ๆ เช่นกัน นั่นเป็นปัญหา นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมครอบครัวของเขาถูกทำร้าย นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคนเหล่านี้ต้องตาย เพราะพวกบ้าคลั่งที่เข้าใจผิดบางคนมองพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตแทนที่จะเป็นมนุษย์ซึ่งมีชีวิตกับความหวังกับความฝัน กับลูก เป็นหน้าที่ของแจ็คที่จะปกป้องประเทศ เขาสาบานที่จะคุ้มครองป้องกันรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา และเขาจะทำอย่างนั้นอย่างเต็มความสามารถ แต่เจตนาของรัฐธรรมนูญก็เข้าใจได้ง่าย คือเพื่อรักษาสิทธิเสรีภาพสำหรับประชาชน และนั่นก็รวมถึงเด็ก ๆ ชาติที่เขารับใช้และรัฐบาลที่เขาพยายามจะนำ ก็เป็นเพียงกลไกปกป้องประชาชนแต่ละคน หน้าที่นั้นไม่ใช่เรื่องลอย ๆ ความเป็นจริงของหน้าที่นั้นนั่งอยู่ห่างไปทางซ้ายของเขาสิบฟุต กลั้นน้ำตาอย่างเต็มที่และอาจจะทำไม่ได้ เพราะไม่มีความรู้สึกที่โดดเดี่ยวไปกว่าสิ่งที่เด็ก ๆ ได้รับในตอนนี้อีกแล้ว ขณะที่ไมค์ โอ'เลียรี่พูดต่อประเทศแทนที่จะต่อครอบครัว โรงละครปิดฉากลง ตามด้วยเพลงสวดอีกเพลง จากนั้นก็เป็นคราวของไรอันจะลุกขึ้นเดินไปที่แท่นเทศน์ หน่วยคุ้มกันหันไปรอบ ๆ ตรวจทั่วโบสถ์อีกครั้ง เพราะตอนนี้นักดาบเป็นเป้าหมายอย่างดีเลิศ ก้าวไปที่โต๊ะ เขาเห็นว่าท่านคาร์ดินัล โอ'เลียรี่ทำตามที่บอกโดยวางแฟ้มของประธานาธิบดีไว้บนพื้นโต๊ะไม้ ไม่ แจ็คตัดสินใจ ไม่ มือเขาจับด้านข้างโต๊ะเพื่อให้ตัวตั้งตรง ตากวาดไปรอบกลุ่มคนวูบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ลูก ๆ ของโรเจอร์กับแอนน์ เดอร์ลิ่ง ความเจ็บปวดในตาของพวกแกขยี้หัวใจของเขา พวกแกต้องแบกรับภาระที่ตกมาโดยไม่ใช่หน้าที่ของพวกแกเลย พวกแกถูก "เพื่อน" ที่ไม่รู้จักบอกให้ทำตัวให้กล้ากว่านาวิกโยธินคนไหน ๆ จะทำได้ในเวลาอย่างนี้ บางทีอาจจะเพราะว่า "พ่อกับแม่ต้องการให้เธอทำแบบนั้น" แต่การแบกรับความเจ็บปวดโดยภาคภูมิอย่างเงียบ ๆ ไม่ใช่เรื่องสำหรับเด็ก นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรจะทำ อย่างเต็มความสามารถ พอที แจ็คบอกกับตัวเอง หน้าที่ของฉันเริ่มตรงนี้ หน้าที่แรกของคนแข็งแรงคือปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า เขาบีบมือจับแท่นไม้โอ๊คขัดเงา และความเจ็บปวดจากการทำตัวเองช่วยรวบรวมความคิดของเขา

"มาร์ค เอมี่ พ่อของเธอเป็นเพื่อนกับฉัน" เขาพูดอย่างนุ่มนวล "เป็นเกียรติของฉํนที่ได้ทำงานให้เขา และช่วยเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ แต่เธอก็รู้ เขาคงจะช่วยฉันมากกว่า ฉันรู้ว่าเธอต้องพยายามเข้าใจอยู่เสมอว่าพ่อกับแม่มีงานสำคัญต้องทำ และไม่มีเวลาสำหรับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ แต่ฉันบอกกับเธอได้ว่าพ่อของเธอทำทุกอย่างที่เขาทำได้เพื่อได้อยู่กับพวกเธอ เพราะเขารักพวกเธอมากกว่าสิ่งใดในโลก มากกว่าการเป็นประธานาธิบดี มากกว่าทุกสิ่งที่มาพร้อมกับตำแหน่งนั้น มากกว่าสิ่งอื่นใด อาจจะยกเว้นเพียงแม่ของเธอ เขารักแม่ของเธอมากเหมือนกัน..."

.

.

เหลวไหลจริง ๆ ! จริงอยู่ ใครก็เป็นห่วงเป็นใยเด็ก ดาริเยก็เป็น แต่เด็ก ๆ ก็ต้องโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว หน้าที่ของเด็กก็คือเรียนรู้ และรับใช้ และทำหน้าที่ของผู้ใหญ่ในสักวันหนึ่ง จนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเขาก็ยังเป็นเด็ก โลกบอกกับพวกเขาถึงสิ่งที่ต้องเป็นไป โชคชะตาก็ด้วย พระอัลเลาะห์ก็เช่นกัน พระอัลเลาะห์ทรงมีเมตตา ถึงแม้ชีวิตจะเป็นสิ่งที่ลำบาก เขาต้องยอมรับว่ายิวนั่นพูดได้ดี ยกข้อความจากคัมภีร์ที่กล่าวไว้อย่างเดียวกันทั้งในคัมภีร์โทราห์ของพวกนั้นและคัมภีร์โกหร่านอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาคงเลือกเอาข้อความที่ต่างออกไป แต่นั่นเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว จริงไหม? ศาสนายอมให้มีสิ่งนั้นได้ มันเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ แต่พิธีทางการแบบนี้ก็มักจะเป็นแบบนั้น เจ้าโง่ไรอันนั่นกำลังทิ้งโอกาสที่จะปลุกระดมประเทศของมัน โอกาสที่จะทำตัวให้ดูเข้มแข็งและมั่นใจ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตำแหน่งในรัฐบาลของมัน พูดกับเด็กในเวลาแบบนี้น่ะนะ!

.

.

พวกผู้จัดการการเมืองของเขาต้องพากันหัวใจวายแน่ ท่านนายก ฯ คิด และมันต้องใช้การควบคุมตัวเองทั้งหมดที่สั่งสมมาตลอดชีวิตการเมืองเพื่อไม่ให้ใบหน้าของเธอแสดงอะไรออกมา จากนั้นเธอตัดสินใจเปลี่ยนให้เป็นสีหน้าเห็นใจ เขาอาจจะดูเธออยู่ก็ได้ และเธอก็เป็นหญิง เป็นแม่ และเธอจะได้เข้าพบเขาวันนี้ เธอเอียงศีรษะไปทางขวาเล็กน้อย เพื่อให้มองเห็นภาพและตัวเขาได้ดีขึ้น เขาอาจจะชอบแบบนี้ก็ได้ ในอีกสักนาที เธอจะดึงกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋าเพื่อซับน้ำตา

"ฉันหวังว่าฉันน่าจะมีโอกาสได้รู้จักกับคุณแม่ของเธอมากขึ้น แคธี่กับฉันต่างก็รอวันนั้น ฉันอยากให้แซลลี่และแจ๊คและเคตี้กับเธอเป็นเพื่อนกัน คุณพ่อของเธอคุยกับฉันบ้างแล้วในเรื่องนี้ ฉันว่ามันคงจะไม่เกิดขึ้นในแบบที่เราอยากให้เป็น" ความคิดที่ออกมาในทันทีนั้นทำให้ท้องไส้ของแจ๊คปั่นป่วน พวกเด็ก ๆ กำลังร้องไห้อยู่ตอนนี้ เพราะเขาบอกกับพวกแกโดยไม่ได้ใช้คำพูดว่าไม่เป็นไรที่จะร้องไห้ แจ๊คไม่อาจปล่อยให้ตัวเองทำแบบนั้น ไม่สำหรับคนอื่น เขาต้องทำตัวให้เข้มแข็งสำหรับพวกเขา เขาจึงบีบโต๊ะแรงขึ้นจนมือเจ็บ แต่ก็ยอมรับความเจ็บโดยดีเพราะมันช่วยควบคุมตัวเขาได้

"เธออาจจะอยากรู้ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้น ฉันไม่รู้หรอกเด็ก ๆ ฉันหวังว่าฉันรู้ ฉันหวังว่าใครซักคนรู้ ฉันจะได้ไปหาคำตอบจากคน ๆ นั้น แต่ฉันไม่เคยพบคน ๆ นั้นเลย" แจ๊คพูดต่อไป

.

.

"พระเจ้า" คลาร์คพูดออกมาได้ด้วยเสียงในลำคอแบบที่ผู้ชายมักจะใช้เพื่อไม่ให้ตัวเองสะอื้นออกมา ในห้องทำงานของเขาที่ซีไอเอมีทีวีอยู่ เหมือนกับห้องอื่น ๆ ของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และทุกช่องก็ออกอากาศสิ่งนี้เหมือนกัน "ใช่แล้ว ฉันก็เคยมองหาคน ๆ นั้นเหมือนกันว่ะเพื่อน"

"คุณรู้อะไรมั้ย จอห์น?" ชาเวซควบคุมตัวเองได้ดีกว่า เป็นหน้าที่ของลูกผู้ชายที่จะสงบอารมณ์ในเวลาแบบนี้ เพื่อให้พวกผู้หญิงและเด็กพึ่งเขาได้ อย่างที่วัฒนธรรมของเขาสอนมา แต่มิสเตอร์ซีกลับทำตัวอย่างน่าแปลกใจ อย่างที่เขามักจะเป็น

"อะไรเหรอ โดมิงโก?"

"เขาเข้าใจ เราทำงานให้กับคนที่เข้าใจ"

จอห์นคิดเรื่องนี้ ใครจะเชื่อ? เจ้าหน้าที่ทหารของซีไอเอสองคนกำลังคิดแบบเดียวกับประธานาธิบดีของเขา ดีที่ได้รู้ว่าเขาอ่านไรอันได้ถูกต้องตั้งแต่แรก บ้าชะมัด เหมือนกับพ่อเขาเลย น่าเสียดายที่โชคชะตาไม่ยอมให้เขาได้พบกับไรอันคนพ่อ เขาสงสัยต่อไปว่าแจ๊คจะประสบความสำเร็จในตำแหน่งประธานาธิบดีหรือ เขาไม่ได้ทำตัวเหมือนกับเป็นอย่างนั้นเลย เขาทำตัวเหมือนกับคนจริง ๆ แต่ทำไมนั่นถึงไม่ดีล่ะ? คลาร์คถามตัวเอง

.

.

"ฉันอยากให้เธอรู้ว่าเธอมาหาแคธี่กับฉันได้ทุกเวลาที่เธอต้องการ เธอไม่ได้โดดเดี่ยว เธอจะไม่มีวันโดดเดี่ยว เธอมีญาติอยู่ และตอนนี้เธอก็มีครอบครัวของฉันอยู่ด้วย" เขาให้สัญญากับพวกเด็ก ๆ จากแท่นเทศน์ มันยากขึ้นเรื่อย ๆ เขาต้องพูดอย่างที่เขาพูดออกไปแล้ว โรเจอร์เป็นเพื่อนเขา และเราต้องดูแลลูก ๆ ของเพื่อนเมื่อเราจำเป็น เขาทำแบบนั้นกับครอบครัวบั๊ค ซิมเมอร์มาแล้ว และตอนนี้เขาจะทำแบบเดียวกันกับครอบครัวของโรเจอร

"ฉันอยากให้เธอภูมิใจในตัวคุณพ่อคุณแม่ของเธอ คุณพ่อของเธอเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี เขาทำงานหนักมากเพื่อทำให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้นเพื่อประชาชน มันเป็นงานใหญ่ และมันทำให้คุณพ่อของเธอไม่ค่อยมีเวลาให้กับเธอ แต่คุณพ่อของเธอเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ และคนยิ่งใหญ่ก็ต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คุณแม่ของเธอก็เช่นกัน เธอก็ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหมือนกันด้วย เด็ก ๆ พวกเขาจะอยู่ในใจเธอเสมอ อย่าลืมสิ่งที่พวกเขาบอกเธอ ทุกสิ่งทุกอย่าง เกม การหยอกล้อ เรื่องตลก ทุกอย่างที่คุณพ่อคุณแม่แสดงความรักกับลูกของเขา เธอไม่มีวันจะเสียสิ่งเหล่านั้นไป ไม่มีทาง" แจ๊คให้ความมั่นใจกับพวกแก หวังให้มีบางสิ่งที่จะบรรเทาแรงที่ชะตากระหน่ำลงบนพวกแก เขาหาสิ่งที่ดีกว่านี้ไม่ดีแล้ว ถึงเวลาที่จะจบลง

"มาร์ค เอมี่ พระเจ้าตัดสินพระทัยว่าพระองค์ทรงต้องการคุณพ่อคุณแม่ของเธอกลับไป พระองค์ไม่ได้ทรงอธิบายเหตุผลในทางที่เราจะเข้าใจได้ง่าย และเราไม่สามารถ... เราไม่สามารถต่อต้านได้มันเกิดขึ้น เราไม่สามารถ-" เสียงของไรอันแตกพร่าในที่สุด

* * * * *

.

.

เป็นคนที่กล้าหาญอะไรอย่างนี้ โคกะคิด ที่ปล่อยให้ความรู้สึกของตัวเองแสดงออกมา ใคร ๆ ก็ขึ้นไปยืนพูดพล่ามอยู่บนนั้นได้ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าในหรือจากประเทศไหน แต่ไรอันคนนี้ไม่เป็นเหมือนแบบนั้นเลย ภายในตัวประธานาธิบดีคนนี้คือมนุษย์ เขาไม่ใช่นักแสดง เขาไม่สนใจจะแสดงความเข้มแข็งมุ่งมั่น โคกะรู้ว่าทำไม ดีกว่าทุกคนที่นั่งอยู่ในโบสถ์แห่งนี้ โคกะรู้ว่าแท้จริงไรอันเป็นอย่างไร เขาเดาถูกตั้งแต่ตอนอยู่ในที่ทำงานของเขาไม่กี่วันก่อน ไรอันเป็นซามูไร เขาทำอย่างที่ทำ ไม่สนว่าใครจะคิดอย่างไร นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหวังว่านั่นจะไม่ใช่สิ่งที่ผิดพลาดขณะที่เขามองดูประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก้าวลงมาตามขั้นบันได ตรงไปที่ลูก ๆ ของเดอร์ลิ่งแล้วโอบกอดพวกแก ผู้ที่ดูอยู่ก็ได้เห็นน้ำตาคลออยู่ที่ดวงตาของไรอัน มีเสียงสะอื้นจากรอบตัวเขาในที่นั่งของบรรดาผู้นำประเทศ แต่โคกะรู้ว่านั่นเป็นเพียงการแกล้งทำ หรืออย่างมากที่สุดก็แค่ชั่วขณะหนึ่งของมนุษยธรรมที่เหลืออยู่ซึ่งจะผ่านเลยไปอย่างรวดเร็วและถูกลืมเลือนในไม่ช้า เขาเสียใจที่เขาไม่อาจร่วมทำแบบนั้นด้วยได้ กฏของวัฒนธรรมของเขากำหนดไว้แน่นอนอยู่แล้ว และยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเขาต้องแบกรับความอับอายที่พลเมืองคนหนึ่งของเขาทำให้เกิดเรื่องเศร้าสลดอย่างที่สุดนี้ขึ้น เขาต้องเล่นตามเกมการเมือง ถึงเขาอยากทำสิ่งตรงข้ามมากเท่าไร แต่ไม่มากเท่ากับที่ไรอันไม่ได้เล่นเกมนี้จนถึงขนาดที่โคกะไม่สนใจ เขาสงสัยว่าอเมริกาจะตระหนักถึงโชคดีของประเทศนี้หรือเปล่านะ

.

.

"ท่านไม่ได้ใช้สุนทรพจน์ที่เตรียมเอาไว้เลยครับ" ผู้บรรยายค้าน สุนทรพจน์ถูกส่งกระจายไปยังเครือข่าวทุกแห่ง มีการคัดลอกและเน้นตำแหน่งไว้ในสำเนาทั้งหมดแล้วเพื่อให้นักข่าวย้ำข้อความที่ต้องการได้ เพื่อเสริมความสำคัญของสิ่งที่ท่านประธานาธิบดีกล่าวกับสาธารณชนที่ชมอยู่ แต่ผู้บรรยายกลับต้องมาจดบันทึก ซึ่งเขาทำได้แย่มาก เพราะนานเต็มทีที่เขาผ่านการเป็นนักข่าวจริง ๆ

"คุณพูดถูกครับ" นักวิจารณ์เห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจนัก ทุกอย่างไม่เคยเป็นไปแบบนี้ บนหน้าจอมอนิเตอร์ตรงหน้าเขา ไรอันยังโอบเด็ก ๆ อยู่ และนั่นก็นานเกินไปแล้วด้วย "ผมคาดว่าท่านประธานาธิบดีตัดสินใจว่านี่เป็นช่วงเวลาส่วนตัวที่สำคัญของพวกเด็ก ๆ-"

"มันก็เป็นอย่างแน่นอนครับ" ผู้บรรยายสอด

"แต่งานของท่านไรอันคือปกครองประเทศ" นักวิจารณ์ส่ายหน้า ชัดเจนว่ากำลังคิดสิ่งที่เขายังพูดออกไปไม่ได้ : ไม่เหมือนเป็นประธานาธิบดี

.

.

แจ๊คต้องปล่อยมือ ในที่สุด ในดวงตาของพวกเด็ก ๆ มีแต่เพียงความเจ็บปวดเท่านั้นตอนนี้ ใจเขาคิดว่านี่อาจจะดีก็ได้ พวกแกต้องระบายมันออกมา แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้เห็น เพราะเด็ก ๆ ในวัยอย่างนี้ไม่ควรได้รับสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย แต่เด็กสองคนนี้ได้รับ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำได้นอกจากพยายามบรรเทาความเจ็บปวด โดยทางใดทางหนึ่ง เขามองไปที่ลุงป้าน้าอาที่อยู่ด้วย พวกเขาร้องไห้เหมือนกัน แต่เมื่อมองผ่านน้ำตาเข้าไป เขาเห็นสายตาขอบคุณ และอย่างน้อยนั่นก็แสดงว่าเขาได้ทำอะไรบางอย่างลงไปได้ เขาพยักหน้าแล้วหันกลับไปที่ของเขา แคธี่มองเขาอยู่ มีน้ำตาคลอตาอยู่เช่นกัน ถึงแม้เธอจะพูดอะไรไม่ได้ แต่เธอก็กุมมือเขาไว้ แจ๊คพบกับอีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นความฉลาดของภรรยาของเขา เธอไม่ได้แต่งตา เพราะมันจะไหลเลอะจากคราบน้ำตา เขายิ้มอยู่ในใจ เขาไม่ชอบเครื่องแต่งหน้า แล้วภรรยาของเขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันด้วย

.

.

"เรารู้อะไรเกี่ยวกับหล่อนบ้าง?"

"หล่อนเป็นหมอ หมอผ่าตัดตา คงจะเก่งทีเดียว" เขาตรวจกับบันทึกของเขา "พวกสื่ออเมริกันบอกว่าหล่อนไปทำงานเหมือนเดิมถึงจะมีหน้าที่ทางการ"

"แล้วลูก ๆ ล่ะ?"

"ยังไม่มีข้อมูลเรื่องนั้นครับ... ผมคงหาชื่อโรงเรียนได้ไม่ยาก" เขาเห็นสายตาแสดงคำถามจึงพูดต่อ "ถ้าเมียยังทำงานเป็นหมอเหมือนเดิม ผมเดาว่าเด็ก ๆ จะไปโรงเรียนเดิมเหมือนกัน"

"คุณจะหาเรื่องนั้นได้ยังไง?"

"ง่ายมากครับ ข่าวอเมริกันทุกข่าวหาอ่านได้จากคอมพิวเตอร์ ไรอันตกเป็นข่าวมากมายหลายชิ้น ผมหาอะไรก็ได้ที่ต้องการ" ที่จริงเขาหาแล้ว แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของมัน ยุคสมัยใหม่ทำให้งานของฝ่ายข่าวกรองง่ายขึ้นเยอะ เขารู้อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก สีผมและตาของไรอัน นิสัยส่วนตัวอีกเยอะ อาหารเครื่องดื่มโปรด สโมสรกอล์ฟที่มันเป็นสมาชิก สิ่งละอันพันละน้อยทุกแบบ แต่ไม่มีเรื่องใดที่ไร้สาระสำหรับคนในสายงานอย่างเขา เขาไม่ต้องถามสิ่งที่เจ้านายเขากำลังคิด โอกาสที่ทั้งคู่พลาดไปกับผู้นำประเทศทั้งหมดนั่นหายไปตลอดกาล แต่มันไม่ได้เป็นเพียงโอกาสอันเดียวหรอก

.

.

พร้อมกับเพลงสวดสุดท้าย พิธีก็จบลง ทหารกลับเข้ามาเก็บหีบศพ จากนั้นพิธีการก็เริ่มขึ้นอีกครั้งในขั้นตอนกลับกัน มาร์คกับเอมี่ควบคุมตัวเองได้ดี ด้วยความช่วยเหลือของญาติ ๆ แล้วก็เดินตามพ่อแม่ของแกไป แจ๊คนำครอบครัวของเขาตามไป เคตี้กำลังเบื่อแล้วก็ดีใจที่ได้เดิน แจ๊คจูเนียร์เศร้าไปกับเด็ก ๆ เดอร์ลิ่ง แซลลี่ดูท่าทางกังวล เขาต้องคุยกับเธอเรื่องนี้ เขาดูใบหน้ามากมายขณะที่เดินไปตามทางเดิน แปลกใจเล็กน้อยที่คนในสี่ห้าแถวหน้าไม่ได้มองที่หีบศพ แต่กลับมองมาที่เขา พวกนั้นไม่เคยหยุด จริงมั้ย? เพื่อนผู้นำประเทศ แจ๊คคิด กำลังสงสัยว่าเขาเพิ่งเข้าร่วมสโมสรแบบไหนกันแน่เมื่อกี้ เจ้าชายแห่งเวลส์ ผู้ซึ่งไม่ใช่ผู้นำประเทศ ดังนั้นตามพิธีการจึงประทับอยู่หลังคนอื่น ๆ ซึ่งบางคนก็เป็นโจรชัด ๆ แต่นั่นก็ช่วยอะไรไม่ได้ พระองค์ผงกพระเศียรให้เขาฉันท์มิตร ใช่ เขาคงเข้าใจ แจ๊คคิด ท่านประธานาธิบดีคนใหม่อยากก้มลงดูนาฬิกา รู้สึกเหนื่อยจากเหตุการณ์ในวันนี้ที่เพิ่งเริ่มต้น แต่เขาได้รับคำสอนมาอย่างเต็มที่ในเรื่องดูนาฬิกา จนถึงขั้นที่มีคำแนะนำให้ถอดมันออก ประธานาธิบดีไม่ต้องใช้นาฬิกา จะมีคนที่คอยบอกเขาว่าต้องทำอะไรต่อ เหมือนกับที่ตอนนี้มีคนค้นชั้นแขวนเสื้อคลุม เตรียมยื่นสิ่งที่ต้องการให้กับไรอันและครอบครัวก่อนที่พวกเขาจะก้าวออกไปข้างนอก มีแอนเดรีย ไพรซ์ และคนอื่น ๆ ในชุดคุ้มกัน ข้างนอกจะมีอีก กองทัพไม่ค่อยเล็กของคนที่มีปืนกับความหวาดกลัว และรถที่จะนำเขาไปจุดหมายต่อไป ที่เขาจะทำหน้าที่ทางการอื่น ๆ จากนั้นก็ไปยังที่ต่อไป ต่อไป ต่อไป

เขาปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ควบคุมชีวิตเขาไม่ได้ ไรอันขมวดคิ้วย่นกับความคิดนี้ เขาจะทำงาน แต่เขาไม่อาจทำผิดพลาดแบบเดียวกับโรเจอร์กับแอนน์ได้ เขาคิดถึงใบหน้าที่เขาเห็นตอนเดินออกจากโบสถ์ และรู้ว่ามันเป็นสโมสรที่เขาอาจจะถูกบังคับให้เข้า แต่เขาจะไม่มีวันร่วมด้วยแน่นอน เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้น

.

.


By Kaii


This page hosted by Get your own Free Home Page