คุณกฤษฎา ทองขาว อายุ ๕๑ ปี อยู่ที่อำเภอลาดกระบัง จังหวัดกรุงเทพฯ เล่าว่า
ได้เข้าวัดครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๘ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน โดยการชักชวนของคุณวิชัย ตั้งประสิทธิภาพ พอช่วงบ่าย มีโอกาสได้ไปกราบ คุณยายอาจารย์ อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง พอเข้าไปพบ คุณยายท่านก็พูดขึ้นมาว่า เวลาเหลือน้อยแล้วนะ พอได้ยินประโยคนี้เท่านั้น ก็แทบจะร้องไห้โฮออกมา แต่เพื่อนรวมทั้งคนอื่นๆ พากันหัวเราะ
พอตกเย็นนั่งรถบัสกลับบ้าน ก็พยายามทบทวนคำพูดของคุณยาย พอกลับถึงบ้านเวลาเข้านอน อยู่ๆ ก็มองเห็นคุณยาย นั่งอยู่บน อาสนะสีแดง ลอยอยู่บนอากาศ ก็นึกว่าตนเองตาฝาด พอหลับไป ก็ยังเห็นในฝันอีก ตื่นขึ้นมา ลืมตาก็ยังมองเห็นอีก
เห็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เป็น เวลา ๑ เดือนเต็ม จึงมาปฏิบัติธรรมที่วัดเป็นประจำ ทุกวันอาทิตย์ จนวันหนึ่ง ได้ไปกราบหลวงพ่อทัตตชีโว จึงได้กราบปฏิญาณกับท่านว่า ตนจะเข้าวัดพระธรรมกายตลอดชีวิต จนกว่าจะหมดลมหายใจ และก็ได้ปฏิบัติเช่นนั้น และอยู่ในบุญ ตลอดมา ได้ร่วมบุญ ทุกโครงการ ที่ทางวัดจัดขึ้น ได้รับพระมหาสิริราชธาตุ จากการสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว และก็ได้พบกับ อานุภาพ ความ ศักดิ์สิทธิ์ ขององค์พระ คือ
เรื่องแรก เหตุเกิดเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ เวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. ขณะที่คุณกฤษฎา กำลังนั่งเขียนหนังสือ นั่งเขียนอยู่ประมาณ ชั่วโมงเศษๆ พอจะลุกก็รู้สึกว่า มีอาการขาชาลุกขึ้นไม่ได้ รู้สึกเจ็บและปวด ไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้ ขาไม่มีกำลังเลย ภาษาทางแพทย์แผนโบราณเรียกว่า กระดูกทับเส้น จึงเรียกให้คนในบ้านมาช่วยพยุง
ก่อนนอน ก็ได้สวดมนต์ไหว้พระ และได้นำพระมหาสิริราชธาตุรุ่นพิชิตมารใส่ในแก้วน้ำ แล้วสวดสรรเสริญ ๓ จบ หลังเสร็จแล้ว ได้นำ น้ำมนต์นั้น มาดื่มและทาบริเวณที่ปวด วันรุ่งขึ้นก็ยังนอนรักษาตัวอยู่ และทำน้ำมนต์แบบเดิมอีก พอถึงเช้าวันเสาร์ที่ ๑๗ เมษายนเท่านั้น ก็ สามารถเดินได้เป็นปกติ และในวันเดียวกันนั้น ก็สามารถไปรับงานติดโปสเตอร์ โดยเดินเป็นระยะทาง ๑ กิโลเมตรกว่าๆ และวันอาทิตย์ ก็เข้า วัด ปฏิบัติธรรมได้เป็นปกติ คุณกฤษฎาบอกว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ
เรื่องที่สอง คุณกฤษฎามีอาชีพขายอาหารสำเร็จจำพวกแกงถุง ที่ตลาดหัวตะเข้และเขตลาดกระบัง ก่อนจะขายอาหารทุกครั้ง เวลาที่ แม่ครัวทำอาหาร ก็จะบอกให้ทำใจให้สบายๆ ตั้งใจทำอาหารอย่างประณีต และก่อนออกไปขาย คุณกฤษฎาก็จะอธิษฐาน อาราธนา พระมหาสิริราชธาตุ ให้ช่วยดึงดูดทรัพย์ ให้ขายดีมีกำไร และบอกกับองค์พระว่า จะนำกำไรที่ได้ไปทำบุญ และชำระค่าหนี้สินต่างๆ
เวลาออกขายก็ทำใจเบิกบาน ขายไปก็ภาวนา สัมมา อะระหังไป คุณกฤษฎาบอกว่า อัศจรรย์มาก ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทันตาเห็น จริงๆ และคุณกฤษฎาก็นำเงินที่ได้จากกำไรทุกครั้ง เก็บออมทรัพย์ไว้ทุกวันๆ เพื่อจะนำไปทำบุญ ตามที่บอกกับองค์พระจริงๆ
คุณกฤษฎาบอกว่า เวลาอธิษฐาน ต้องอธิษฐานเอาบุญเป็นที่ตั้ง และต้องปฏิบัติตามอย่างนั้น อย่างสม่ำเสมอ แล้วคำอธิษฐาน จะ สำเร็จดังใจปรารถนา
โดยปกติคำทักทายของคุณยายอาจารย์ที่พูดกับผู้มาพบ มักเป็นเรื่องในชีวิตของผู้นั้น ที่ท่านเห็นญาณทางสมาธิ แม้จะเป็นเวลาลืมตา อยู่ ก็ตาม คำพูดเหล่านั้น จึงมักกินใจ จับใจผู้ฟังเสมอ อย่างรายคุณกฤษฎา เมื่อถูกทักว่า เวลาเหลือน้อยแล้วนะ ผู้ถูกทักแทบจะร้องไห้เอา ทีเดียว เพราะรู้ตัวอยู่ว่า มัวเสียเวลายุ่งอยู่กับเรื่องทำมาหากิน ไม่ได้ให้เวลาทำบุญกุศลมากเท่าที่ควรทำ
คุณยายอาจารย์ทักคุณกฤษฎาไว้เมื่อเดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๘ ไม่นานนัก ท่านก็สุขภาพอ่อนแอ จนไม่สามารถรับแขกได้อีก จนถึง ปัจจุบัน ใครมาเวลานี้ ย่อมเป็นการสายไปแล้ว ที่จะได้พบ แต่ยังดีที่ยังมีโอกาสได้ทำบุญกับ คุณยายอาจารย์ บุญนั้นเอง สามารถค้ำจุนให้ พระมหาสิริราชธาตุ แสดงพุทธานุภาพได้โดยง่าย ทำให้หายป่วย และทำมาหากินรุ่งเรือง
[สารบัญ] [๓๐๕] [๓๐๖]
[๓๐๗]
[๓๐๘] [๓๐๙]
[๓๑๐]
[๓๑๑]
[๓๑๒]
[๓๑๓]
[๓๑๔]
[๓๑๕]
[๓๑๖]
[๓๑๗]