อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๓๒๗.คุณยายขาเหล็ก

ด.ญ.พิมพ์วดี อินทรศรี เล่าว่า

เธอตามคุณแม่มาวัดตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๓๙ ตอนนั้นอายุประมาณ ๘ - ๙ ขวบ จากการที่ได้ตามคุณแม่มาวัดทุกวันอาทิตย์ ประทับใจ ในความเป็นระเบียบเรียบร้อยของวัด และได้เห็นแบบอย่าง ในการทำความดี การสร้างบารมีของ เหล่ากัลยาณมิตรทั้งหลาย จึงได้เกิดแรง บันดาลใจ ที่จะสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว เพื่อจะได้ประดิษฐานไว้ที่ มหาธรรมกายเจดีย์ ด้วยเงินของตนเอง

จึงได้เบิกเงินที่เคยสะสมไว้ตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งยังไม่เคยเบิกมาใช้เลย แต่ครั้งนี้อยากสร้างบุญด้วยตนเอง เมื่อทำไปแล้ว รู้สึกภูมิใจมาก ประทับใจ ในการทำบุญครั้งนี้มาก และมีความเชื่อว่า บุญนี้จะติดตามผู้ที่เป็นเจ้าของ คอยปกป้องรักษาชีวิต ให้ปลอดภัย และประสบ ความ สำเร็จ ในสิ่งที่พึงปรารถนา

อานุภาพพระมหาสิริราช-ธาตุที่ผู้เป็นเจ้าของบุญ สร้างองค์พระประจำตัว ได้พบก็คือ คุณยายของน้องพิมพ์วดีเอง น้องพิมพ์วดีได้เล่าว่า

คุณแม่ได้สร้างพระธรรมกายประจำตัว โดยจารึกชื่อคุณยาย ซึ่งคุณยายก็ไม่ขัดข้อง และได้อนุโมทนาบุญ กับคุณแม่ด้วย แต่คุณยาย ยังไม่ได้รับพระมหาสิริราชธาตุ เพราะยังไม่ถึงกำหนดรับ มีแต่รูปภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ซึ่งคุณยายเก็บไว้ติดตัว ตลอดเวลา

วันนั้นคุณยายจะขึ้นรถเมล์ไปธุระ รถเมล์คันนั้น มีคนแน่น แต่ยังพอขึ้นได้ คุณยายขึ้นรถทางด้านหน้า มือขวาถือเงิน มือซ้ายถือตะกร้า ขณะที่คุณยายก้าวขึ้นรถ ผู้หญิงที่ขึ้นก่อนด้านหน้า ยังไม่ยอมเดินขึ้นไปข้างบน คุณยายก็เก้ๆ กังๆ

เหตุการณ์วิกฤติก็เกิดขึ้นคือ คนขับรถออกไปทันที คุณยายยืนทรงตัวยังไม่ดี ก็หงายหลัง ตกลงมาจากรถเมล์ หลังฟาดกับฟุตบาท นอนเหยียดยาว ขาอีกข้าง เข้าไปใต้ท้องรถ ถูกล้อรถทับขา เมื่อรถทับผ่านขาคุณยายแล้ว คนบนรถเมล์ ก็ตกใจลงมาช่วย และได้พาคุณยาย ไปโรงพยาบาล ให้คุณหมอเอ็กซเรย์ ตรวจที่กระดูก เมื่อผลเอ็กซเรย์ออกมา คุณหมอก็แปลกใจว่า ทำไมทั้งหลังและขาไม่หัก เพราะรถเมล์ ทั้งคันนั้น มีน้ำหนักตั้งหลายตัน

หลังจากเจออานุภาพกับตนเองแล้ว คุณยายจึงยิ่งมีความเชื่อมั่น ในพระรัตนตรัย และเร่งมาสั่งสมบุญ ทุกอาทิตย์เลย และสวด สรรเสริญทุกวัน

ส่วนเรื่องของน้องพิมพ์วดีที่ประสบด้วยตนเอง เกี่ยวกับเรื่องเรียนคือ มีช่วงที่จะต้องย้ายโรงเรียน และต้องสอบเข้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โดยใช้วิธีจับฉลาก เธอจึงอธิษฐานจิต ในวันจับฉลาก โดยสวดสรรเสริญเป็นพิเศษ ปกติสวดวันละ ๓ จบ ในวันที่จะอธิษฐานจิต ได้สวด ๙ จบ แล้วบอกว่า ถ้าจับฉลากได้ จะไปปฏิบัติธรรมที่สวนบัว เมื่อถึงคราวที่ตนเองจับ ก็ตื่นเต้น เขานำฉลากทั้งหมดใส่เข้าไปในโอ่ง แล้วให้จับขึ้น มาใบเดียว 

น้องพิมพ์วดีจับด้วยความมั่นใจ เพราะขอพระมหาสิริราชธาตุ ให้ท่านช่วยตลอด และก็จับได้ใบสีชมพู เลยได้เข้าเรียน สมหวังที่ตั้งใจไว้
น้องพิมพ์วดีเล่าให้ฟัง อย่างแจ่มใสเบิกบาน และกล่าวทิ้งท้ายว่า

อานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุไม่มีประมาณ เพราะเกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองแล้ว จึงเชื่อมั่น และเลื่อมใสศรัทธามาก บางคนไม่ได้ ประสบกับตัวเอง มักจะลังเลสงสัย แต่เมื่อได้ประสบกับตัวเอง ก็จะะรู้ว่า อานุภาพนั้นมีมากเพียงใด

นับว่าหนูพิมพ์วดี เป็นเด็กมีบุญเก่ามาเกิด อายุเพียง ๘-๙ ขวบมีใจใหญ่ คิดทำบุญใหญ่ด้วยตนเอง นำเงินที่สะสมไว้มา สร้างองค์พระ ด้วย ศรัทธาเต็มเปี่ยม ผู้ใหญ่บางคน แม้มีเงินมากมาย ยังไม่กล้าตัดใจทำบุญได้ เหมือนเด็กหญิงพิมพ์วดี

นอกจากจะมีบุญที่ติดตัวมาจากชาติปางก่อนแล้ว หนูน้อยผู้นี้ยังต้องอยู่ในที่ที่ดี คือได้อยู่กับผู้ปกครอง ที่ชอบเรื่องบุญ กุศล ทำทาน ฟังธรรม เจริญภาวนา และความดีอื่น ๆ เมื่อมารดาพาลูกสาวไปวัด หนูพิมพ์วดีก็ได้มีโอกาส พบและสมาคมกับ เหล่ากัลยาณมิตร ทั้งวัย เดียวกัน และผู้สูงอายุต่างวัย ได้ฟังคำสอนดีๆ ได้ทำตามคำสอนนั้น ทำให้มีโอกาสสร้างแต่บุญกุศล น่าอนุโมทนา

สำหรับอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุที่เล่ามา เกิดขึ้นแก่คุณยายของหนูพิมพ์วดี น่าจะตั้งชื่อเรื่องว่า คุณยายขาเหล็ก ล้อรถเมล์ทับขาไป ทั้งล้อ ไม่มีกระดูกหัก นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ขณะนั้น ยังไม่มีพระ-ของขวัญองค์จริง คุณยายมีเพียงรูปภาพของท่าน ติดตัวอยู่ตลอดเวลา เท่านั้น ยังพบอานุภาพเป็นอัศจรรย์

ส่วนเรื่องการจับฉลากเข้าเรียนของเด็ก ก็เป็นไปด้วยบุญของเด็กเองจัดสรร เมื่อมีจิตเชื่อมั่นใน อานุภาพพระรัตนตรัย ทำสมาธิด้วย การสวดสรรเสริญ หลายเที่ยว นับว่ามีบุญกว่าเด็กคนอื่น ๆ อยู่แล้ว จะจับฉลากไม่ได้อย่างไรกัน

เรื่องนี้นับเป็นตัวอย่างแก่ชีวิตครอบครัวของทุกคน การพาลูก ๆ ไปในที่ดีงาม เด็กจะได้พบ ได้สัมผัสสิ่งดี ๆ ชีวิตของเขา ย่อมมีพัฒนา ไปในทางที่น่าพอใจ

การพาไปศูนย์การค้า ไปสถานที่มีเครื่องเล่นฟุ่มเฟือย ก็ย่อมเพาะนิสัยให้เด็ก เป็นคนใช้จ่ายเงินมือเติบ ใช้เงินไม่เป็น จะแก้นิสัยกัน ทีหลัง ก็ย่อมสายเกินไป


[สารบัญ] [๓๑๘] [๓๑๙] [๓๒๐] [๓๒๑] [๓๒๒] [๓๒๓]
[๓๒๔] [๓๒๕] [๓๒๖] [๓๒๗] [๓๒๘] [๓๒๙]