คุณน้อมจิตต์ กฐินเทศ รับราชการอยู่ที่กรมสื่อสารทหาร อากาศ สามีปลดเกษียณแล้ว เป็นข้าราชการบำนาญ เธอได้มาวัดครั้งแรก ปี พ.ศ.๒๕๒๙ โดยการสอบถามจากคนที่เคยมา เห็นเป็นทุ่งนากว้างขวาง ผู้คนมากมาย ตอนเพลได้เดินผ่านศาลาดุสิต เพื่อนที่ไปด้วย ชี้ให้ดู หลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งกำลังฉันเพลอยู่กับคณะสงฆ์ เห็นแล้วแปลกใจ คิดในใจว่า นี่หรือหลวงพ่อ ทำไมผ่องใสเหลือเกิน เหมือนติดหลอดนีออน ฝังอยู่ในกายท่าน ยังจำภาพนั้นได้ติดตาจนทุกวันนี้
พ.ศ.๒๕๓๘ ร่วมสร้างพระธรรมกายประจำตัว ๑ องค์ โดยการสะสมบุญผ่านกัลยาณมิตร และในปลายปี พ.ศ.๒๕๓๙ ร่วมสร้างพระอีก ๓ องค์ ให้เป็นของขวัญวันเกิดลูก ๓ คน คิดว่าให้ของขวัญอย่างอื่น ก็มีแต่ใช้ไปหมดไป สู้ให้บุญไม่ได้ เธอและสามี จึงร่วมสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว ให้ตนเอง พ่อ แม่ ลูก หลาน รวม ๑๐ องค์ และได้รับพระของขวัญไปแล้ว เธอและน้องเขย ก็ยังเป็นผู้นำบุญ ช่วยกันได้อีก ๓๐ องค์
หลังจากนั้น เธอและสามีได้มาวัดตลอด เกือบทุกอาทิตย์ ถ้าไม่ได้ติดธุระอะไร และได้มาร่วมงานบวชอุบาสกแก้วด้วย เธอได้พบอานุภาพ ขององค์พระมหาสิริราชธาตุ ที่ช่วยให้สามีรอดชีวิตจากโรคร้ายคือ
เมื่อวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ เธอและสามีได้มาร่วมงานบุญบูชาข้าวพระ วันอาทิตย์ต้นเดือน ได้รับแจกใบบอกบุญ กองบุญมหาภัตร รัตนทาน อ่านแล้วสนใจ อยากจะทำบุญนี้มาก เพราะจะได้ร่วมบุญกับ พระภิกษุสามเณรถึงแสนรูป เมื่อโอกาสมาถึง เราควรจะรีบทำเสีย จึงพูดกับสามีว่า อยากจะทำบุญนี้จังเลย สามีก็ไม่ขัดอะไร
วันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ ประมาณ ๑๗.๐๐ น. เธอขึ้นไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่ห้องพระ ประมาณ ๕๐ นาที และจะนั่งสมาธิต่อ คิดเป็น ห่วงว่า สามีและลูกๆ จะคอยทานข้าวเย็น จึงพักก่อน และลงมาถามสามีว่า จะทานข้าวหรือยัง ขณะนั้น สามีสอยมะม่วงอยู่หน้าบ้าน สามี ตอบว่า ยังไม่ทาน ไปนั่งสมาธิได้เลย
เธอยังไม่ไปทันทีทันใด ยังมองสามีสอยมะม่วงอยู่ และมองหน้าสามี ก็เห็นสิ่งผิดปกติที่ใบหน้าสามีคือ เห็นปากสามีเบี้ยว เลยถามสามีว่า ี่ๆ ทำไมปากถึงเบี้ยวล่ะ แสดงว่าความดันขึ้นแน่ ๆ สามีตอบว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เธอจึงให้สามีไปดูกระจกว่า เบี้ยวจริงไหม
สามีดูกระจกเห็นก็ตกใจ เพราะว่า เบี้ยวจริงๆ จึงหยิบผ้าขาวม้า จะอาบน้ำ ไปโรงพยาบาลภูมิพล แต่ขณะนั้น มือขวาเกิดไม่มีแรง จนไม่ สามารถขยับไปหยิบผ้าขาวม้าได้ เมื่อคุณน้อมจิตต์เห็นก็ยิ่งตกใจ และรีบเข้าไปประคองสามี ให้นั่งพักสักครู่ และให้กินยาลดความดันไป ครึ่งเม็ด แล้วพาไปโรงพยาบาลภูมิพลฯ เ
เธอนึกถึง พระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุ คิดว่า จะนำไปด้วยคงไม่ได้ ของมีค่า หมอจะไม่ให้ผู้ป่วยใส่ จึงนำภาพพระมหาสิริราชธาตุ แผ่นเล็กๆ ใส่กระเป๋าเสื้อ ให้ไปด้วย พร้อมบอกสามีว่า ให้คิดถึงบุญที่ได้สร้างพระ และเป็นผู้นำบุญ พาคนอื่นไปสร้างพระ และคิดถึง พระมหาสิริราชธาตุนะ พระอยู่ในกระเป๋าเสื้อ สามีนอนเอามือกุมพระ ในกระเป๋าเสื้อไว้ตลอดเวลา แม้เวลาหลับ
คุณหมอตรวจปัสสาวะ วัดความดันและเอ็กซเรย์สมอง พบว่า เส้นโลหิตฝอยแตกด้านซ้าย ความกว้างประมาณเหรียญ ๕ บาท หมอจึงมี ความเป็นห่วง เพราะอาการหนัก จึงเรียกเธอและลูกๆ มาอธิบายให้ทราบว่า สมองด้านซ้าย เป็นด้านสำคัญมาก เป็นด้านสมองความจำ และการสั่งงานของร่างกาย และอื่นๆ อีกหลายอย่าง คุณหมอจะยังไม่ผ่าตัดให้ ขอดูอาการไปก่อน ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ก็แค่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เท่านั้น แล้วค่อยๆ มาทำกายภาพบำบัดทีหลัง
ซึ่งเมื่อเธอทราบจากคุณหมอว่า เส้นโลหิตฝอยแตก เธอก็รู้สึกตกใจมาก เพราะที่เคยเห็นญาติเป็นโรคเส้นโลหิตฝอยแตก ถึงกับต้องเสียชีวิต ในเวลาเพียงไม่กี่วัน และในตอนนั้น สามีเธอก็นอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน เธอและลูกๆ จึงได้อาราธนาให้ พระมหาสิริราชธาตุ ช่วยคุ้มครอง และได้ สวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ อยู่ที่ข้างๆ เตียงและนั่งสมาธิ แผ่บุญไปให้สามี ขอให้บุญนี้ช่วยประคับประคองสามี ขออย่าได้เป็นอะไรไป มากกว่านี้เลย และก็ให้สามีนึกถึงบุญกุศลที่เคยทำมา ซึ่งสามีก็ได้นำมือมากุม ภาพพระมหาสิริราชธาตุ ที่กระเป๋าเสื้ออยู่ตลอด
เธอกล่าวว่า ขณะที่เธอเฝ้าดูสามีอยู่ที่โรงพยาบาล ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน เธอจะสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ตลอดเวลา แม้ครั้งใด ที่คุณหมอ บอกว่า ให้ออกมารอข้างนอกห้อง เพราะอาจจะทำให้หมอทำงานไม่สะดวก เธอก็ออกมาสวด สรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ที่หน้าห้องฉุกเฉิน
พอวันรุ่งขึ้น แขนข้างขวาก็ยกได้ และเดินได้เป็นปกติ เพียงแต่ปากเบี้ยวอยู่นิดหน่อย และยังพูดไม่ค่อยชัด จึงอยู่ดูอาการอีก ๑ คืน และใน ระหว่าง ที่เธอเฝ้าไข้อยู่นั้น เธอจะสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ และนึกถึงบุญกุศล ที่เธอได้ทำมาตลอด และในตอนเช้า ก็อัศจรรย์ใจคือ พอคุณหมอมาตรวจอาการ ก็บอกให้ทราบว่า สามีคุณอาการดีขึ้น รวดเร็วมาก และวันนี้สามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้
เธอจึงนึกขอบพระคุณ คุณของพระศรีรัตนตรัย ที่ช่วยคลี่คลายเหตุการณ์ร้าย ให้กลายเป็นดี ในครั้งนี้ เพราะคนอื่นเขา เส้นโลหิตแตกในสมอง บางคนเขาจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต เป็นเดือน เป็นปี หรือเสียชีวิต แต่นี้แค่ ๒ คืนหายได้ เพราะอานุภาพของ คุณพระศรีรัตนตรัยแท้ๆ
ทุกวันนี้เธอจะทำน้ำมนต์ใส่โถใหญ่ๆ โดยนำองค์พระมหาสิริราชธาตุแช่ ไว้ แล้วสวดสรรเสริญ ๙ จบ แล้วนำองค์พระขึ้นมา ให้สามีดื่มทุกเช้า ถึงเย็น หมดแล้วก็ทำให้ใหม่อย่างเดิม ประมาณ ๑๕ วัน สามีสามารถขับรถเองได้ และใช้เวลา ๑ เดือนเศษ ก็หายเกือบเป็นปกติ โดย ไม่ได้ไป รักษาที่อื่นเลย และยาที่คุณหมอให้มา ก็เป็นเพียงยาลดความดัน และวิตามินเท่านั้นเอง
ในการป่วยครั้งนี้ เธอได้เสียค่าใช้จ่ายในการรักษา เป็นค่าเอ็กซเรย์สมอง ค่ายา และค่าตรวจอื่นๆ ประมาณห้าพันกว่าบาท เงินจำนวนนี้ เดิมเธอคิดว่า จะทำบุญกองบุญ มหาภัตรรัตนทานอยู่แล้ว พอดีสามีมาป่วยเสียก่อน เธอจึงอธิษฐานจิตว่า เงินจำนวนนี้ ถ้าสามีหายป่วย แล้ว และเบิกคืนได้แล้ว เธอจะนำไปทำบุญกองบุญ มหาภัตรรัตนทาน ทันที
วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ สามีออกจากโรงพยาบาล วันที่ ๙ เมษายน ก็นำใบเสร็จไปเบิกเงินค่ารักษา ได้เงินมาเลย วันอาทิตย์ที่ ๑๑ เมษายน เธอได้นำเงินมาทำบุญ กองบุญมหาภัตรรัตนทาน และทำบุญกองบุญคุ้มครองโลก ๓ กองบุญ ในวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒
เธอและสามีได้มาร่วมงานบุญวันคุ้มครองโลกด้วย และเธอก็ชวนสามี มาอธิษฐานที่หน้าองค์พระว่า ขอให้สุขภาพแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บ อย่าได้มาเบียดเบียนเลย และเธอบอกว่า พอหลังจากที่อธิษฐานในวันนั้น ปัจจุบันนี้สามีดูไม่เหมือนว่า เป็นผู้ที่เส้นเลือดในสมองแตกมาก่อน เลย สุขภาพแข็งแรงขึ้นอย่างมาก เธอจึงยิ่งศรัทธาเชื่อมั่นในอานุภาพ อันไม่มีประมาณของ พระรัตนตรัยเป็นอย่างยิ่ง
การไปวัดทุกวันอาทิตย์ นอกจากได้บำเพ็ญกุศลต่างๆ เช่น ทำ ทาน รักษาศีล ฟังธรรม เจริญภาวนาแล้ว ยังมีโอกาสทราบ งานบุญใหญ่อื่นๆ ที่ทางวัดจัดเป็นครั้งคราว ทำให้ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ชักชวนหมู่คณะได้ทันเวลา คุณน้อมจิตต์และครอบครัว ก็เป็นเช่นว่านี้
สามีได้มาร่วมงานบวชอุบาสกแก้ว เมื่อทราบเรื่องการทำบุญ มหาภัตรรัตนทาน และกองทุนคุ้มครองโลก ทั้งสามีภรรยา ตั้งใจทำบุญเต็มที่ เพราะการประชุมพระภิกษุสามเณรเรือนแสน เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากยิ่ง
แต่ใครจะรู้ คนเราทุกคนเกิดๆ ตายๆ มานับชาติไม่ถ้วน แต่ละชาติที่เกิดก็สั่งสมไว้ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งกรรมเหล่านั้น จะตามให้ผลทัน วันใด ไม่มีใครรู้ได้ สามีคุณน้อมจิตต์ก็ตกอยู่ในกฎเกณฑ์นี้ เส้นโลหิตฝอยในสมองแตก กระทันหัน เป็นอาการป่วยที่ใครๆ ก็ทราบดีว่า น้อยราย ที่จะหายในเวลารวดเร็ว ถ้าไม่ตาย ก็มักเป็นอัมพาต เวลานั้นก็แสดงอาการปากเบี้ยว แขนขวายกไม่ขึ้นแล้ว
โชคดีที่คุณน้อมจิตต์นึกถึงคุณพระรัตนตรัย และบุญกุศลที่ตนเองและสามี ร่วมกันสร้างไว้ และกำลังคิดจะทำเพิ่ม ในวันคุ้มครองโลก ทั้งแม่ และลูกช่วยกันสวดสรรเสริญ อธิษฐานจิตตลอดเวลา ตัวผู้ป่วยก็ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ใช้มือข้างที่ยังมีแรง กุมภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ในกระเป๋าเสื้อ และในวันรุ่งขึ้น อาการก็ดีขึ้นเป็นอัศจรรย์ เมื่อได้กลับบ้าน ดื่มน้ำมนต์พระมหาสิริราชธาตุ ที่คุณน้อมจิตต์ และลูกสวด สรรเสริญ ครั้งละ ๙ จบ เพียงเดือนเศษก็หายป่วย กลับเป็นปกติ ถึงกับขับรถไปวัดเองได้ ได้ทำบุญมหาภัตรรัตนทาน และกองทุนคุ้มครองโลก ตามที่ตั้งใจ
โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากกรรม สู้กันได้ด้วยบุญ แต่ต้องเป็นบุญ ที่หมั่นสะสมล่วงหน้าไว้ จะได้ประโยชน์มากกว่า บุญที่เพิ่งทำขณะป่วย เพราะ เป็นบุญที่ทำด้วยเจตนาต่างกัน