คุณตฤณพรรษ ตำนานวัน เป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ เล่าว่า ช่วงต้นปี พ.ศ.๒๕๓๗ มีเพื่อนชวนไปนั่งสมาธิ ๗ วัน ที่ทางวัดพระธรรมกาย จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการประพฤติปฏิบัติธรรมแก่สาธุชน เนื่องจากเป็นคนชอบนั่งสมาธิอยู่แล้ว พอมีเพื่อนมาชวน ก็ถือโอกาส เริ่มต้นชีวิตใหม่เลย พอได้ไปนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง เธอเล่าว่าได้พบในสิ่งที่เธอไม่เคยพบเลยในชีวิต สิ่งนั้นคือความสุขภายใน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คุณตฤณพรรษก็ตั้งใจมาวัดทุกอาทิตย์ เพราะสามารถพบความสุขที่เกิดจากความสงบ โดยการทำใจหยุดใจนิ่ง
ซึ่งอยู่ ภายในตัวนี่เอง
ยิ่งได้มาประกอบเหตุ
ทางมาแห่งบุญกุศล ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ความสงบ ทำให้เข้าใจ
ในชีวิตว่า
ต้องมีบุญเป็นเครื่อง
หล่อเลี้ยงรักษา
ให้ได้พบแต่สิ่งที่ดีงาม
และที่สำคัญ
เธอยังคอยชักชวนบุคคลรอบข้าง ให้ได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม
นำธรรมะของ พระสัมมา สัมพุทธเจ้า มาชี้นำในการทำความดี เพื่อชีวิตจะได้มีบุญคอยคุ้มครองรักษาทั้งโลก นี้และโลกหน้า
ช่วงเวลานี้ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งทุกอาทิตย์ทางวัดได้จัดให้มีพิธีกรรมการหล่อองค์พระ
และได้นำไปประดิษฐาน
บนเจดีย์เป็นบางส่วนแล้ว
ทุกอาทิตย์จึงมีเจ้าภาพ
ที่สร้างองค์พระประจำตัว มาร่วมพิธีหล่อองค์พระด้วยตนเอง
ซึ่งเป็นการประกอบพิธี ที่
ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นบุญใหญ่ ภาพเหล่านี้ทำให้เกิดความ ปีติใจแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของ คุณตฤณพรรษอยากให้ผู้มีพระคุณคือคุณพ่อ
คุณแม่ที่อยู่ที่ สุพรรณบุรี ได้มีโอกาสมาประกอบบุญใหญ่นี้ด้วย เพราะท่านทั้ง ๒ ก็อายุมากแล้ว คุณพ่ออายุ ๘๓ ปี คุณแม่อายุ ๘๐ ปี
จึงได้พาท่านทั้งสอง
มาที่วัด
เพื่อร่วมบุญหล่อองค์พระด้วย พี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดก็กำชับว่า
ท่านอายุมากแล้ว พาท่านไป
ต้องรับผิดชอบนะ คุณตฤณพรรษ
ก็รับปาก บอกว่าพาไปแค่วันเดียว เดี๋ยวก็กลับแล้ว
เย็นวันอาทิตย์นั้น หลังจากเสร็จพิธีหล่อองค์พระ จึงได้พาคุณพ่อคุณแม่มาพักที่บ้านของเธอ แล้วคุณตฤณพรรษให้ท่านนอนอีกห้องหนึ่ง
ตอนเช้า เธอคิดว่า คุณแม่คงจะเพลียนะ ตื่นสายหน่อยไม่เป็นไร ปรากฏว่า สามีของคุณตฤณพรรษวิ่งหน้าตื่นมาบอกว่า
คุณแม่ลื่นหน้า ห้องน้ำ พอได้ยินก็ตกใจ เพราะก่อนพาแม่มา พี่สาวย้ำอยู่ว่า แม่เป็นอะไรต้องรับผิดชอบ จึงรีบวิ่งออกไปดู
เห็นแขนข้างขวาของคุณแม่บวมคล้ำทั้งแถบ ตรงบริเวณใกล้ข้อศอกมีกระดูกเล็กๆ ทิ่มเนื้อออกมา เห็นเป็นขาวๆ คุณแม่บอกว่า ลื่นตั้งแต่ตี ๔ ตอนมาเข้าห้องน้ำ
พอคุณตฤณพรรษทราบ
จึงบอกแม่ว่า อยากจะรีบพาไปหาหมอ แต่ท่านไม่ยอมไป กลัวหมอมาก
คนโบราณกลัวหมอ ทำยังไงดีล่ะ นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุ ตัดสินใจเริ่มลงมือรักษากันเอง
ตามที่อ่านหนังสือ
และฟังจากประสบการณ์ที่เขาพบกันมา
นำน้ำมาเหยือกหนึ่ง ช่วยกันทั้งคุณพ่อและสามี ทุกคนได้ทำบุญสร้างองค์พระแล้ว
จึงช่วยกันสวดสรรเสริญ
พระมหาสิริราชธาตุ พอครบ ๓ จบ ก็นำองค์พระไปวนในน้ำ วนไปทางขวา วนไปก็สัมมา
อะระหังไปด้วย อธิษฐานบอกว่า
ด้วยเดชะบุญ
ที่ลูกได้ทำมาแล้ว
นับภพนับชาติ ไม่ถ้วน และบุญในปัจจุบัน อีกทั้งอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ ช่วยดลบันดาล ให้น้ำนี้เป็นน้ำพุทธมนต์ มีฤทธิ์ มีเดช
ในการรักษาความ เจ็บปวด
ของคุณแม่ บอกชื่อนามสกุล เสร็จเลย พอให้คุณแม่ดื่มแล้วอาการปวดบวมก็ทุเลาลง
สามีคุณตฤณพรรษ เห็นแขนที่กระดูกโผล่ออกมาก็นึกขึ้นได้ว่า จะต้องเข้าเฝือก แต่อุปกรณ์ไม่มี สักครู่เห็นสามีวิ่งขึ้นไปบนห้องพระนำธง ชิตังเม ซึ่งที่บ้านมีอยู่เยอะ มีทั้งรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระพิชิตมาร จึงนำมาพันแขนให้คุณแม่ โดยมีด้ามธงติดด้วย เอาสายสิญจ์ที่ได้มาจาก
วัด
ที่ใช้ในพิธีอัญเชิญเสาเข็ม มหาธรรมกายเจดีย์ ผูกแล้วอธิษฐานว่า ขอให้กระดูกเข้าที่เร็วๆ รักษาด้วยวิธีนี้ ๑๕ วัน คุณแม่วัย ๘๐ ปี ก็หายเป็นปกติ รักษาด้วยพุทธคุณล้วนๆ
ปัจจุบันทุกคนในครอบครัวอยู่ในบุญกันหมด แต่การเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เป็นเรื่องธรรมดา เธอเล่าถึงลูกของตนเองว่า
ก่อนหน้านั้น
เป็นโรคเรื้อรัง ชนิดหนึ่ง ถ้ามีแผลมีตุ่มนิดหนึ่งพอเกาจะเป็นแผลใหญ่ ขยายวงกว้างเน่าเฟอะ กว่าแผลจะแห้งได้ใช้เวลานาน เกาตรงไหนก็จะเป็นตรงนั้น ไปตรวจน้ำเหลือง ก็ไม่เสีย ครั้งสุดท้ายนี้เป็นตรงจุดที่สำคัญคือ ตรงข้อนิ้วมือข้างขวา ลูกบอกว่ามันเจ็บแล้วก็ปวดมาก เขียนหนังสือแทบไม่ได้
สามีก็พาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาล คุณหมอก็ผ่าตัดให้ แล้วบอกว่าอย่าให้แผลโดนน้ำ นิ้วมือก็พันผ้าปิดแผลไว้ ก็ระวังไม่ให้โดนน้ำ พอวันที่ ๓ แกะผ้าออก เพื่อดูแผลว่าแห้งไปถึงไหนแล้ว พอเปิดผ้าดูเห็นนิ้วแล้วตกใจ เพราะนิ้วคล้ำไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยงเลย
เหมือนนิ้วมือคน
ที่เสียชีวิต แล้ว ทำยังไงดี ขอพึ่งบารมีพระมหาสิริราชธาตุ ช่วยกันสวดสรรเสริญกับสามี
อธิษฐานขอความศักดิ์สิทธิ์
ให้ช่วยถอนพิษด้วย
ขอให้เป็นผล ภายใน ๓ วัน นำน้ำมนต์ไปล้างแผลและให้ลูกดื่มทาตอนเย็น พอเช้าแผลแห้งไป ๓๐% ครบ ๓ วัน แผลแห้งไปโรงเรียนก็ไม่ต้องใช้ผ้าปิด พอแผลหายสนิทดี ก็ไม่เป็นแผลเป็นให้เห็นเลย
ปัจจุบันนี้ทุก ๆ คนในครอบครัวต่างมีทิฐิเสมอกัน อยู่ร่วมกันแบบธรรมาธิปไตย เมื่อเกิดอุปสรรคใด ๆ
เกิดขึ้นนอกจากจะพิจารณาหาเหตุผล
ประกอบให้ดีแล้ว ยังนึกถึงภาพแห่งการสั่งสมความดีผุดขึ้นมา
ทำให้จิตใจผ่องใส
ทำให้มองเห็นหนทางในการดำเนิน ชีวิตที่ดี
และสร้าง กระแส
แห่งความรักความเข้าใจคิดดี พูดดี ทำดี ฤดูกาลเข้าพรรษานี้
ครอบครัวคุณตฤณพรรษ
ได้เปิดบ้านกัลยาณมิตร
บ้านแก้วเรือนธรรม
ทุกเย็นจะพร้อมใจกัน
สวดมนต์นั่งสมาธิ เพื่อเป็นการชำระใจให้บริสุทธิ์ไว้สำหรับการ ดำเนินชีวิตในวันต่อไป ให้ทุกๆ
วันเป็นวันที่ดีที่สุด ในการ
ดำเนินชีวิต
โดยปกติแล้ว การประกอบบุญกุศลต่างๆ หากปรารถนาให้มีผลบุญเกิดมาก ต้องกระทำด้วยตนเอง ตั้งใจทำ เต็มใจทำ มีความยินดีในการทำ และทำด้วยปัญญา ถ้าเป็นบุญกุศลที่เกิดจากผู้อื่นสร้างให้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนใกล้ชิดเพียงใด อานิสงส์ที่เกิดก็ไม่เท่ากับที่ตนเองกระทำ
ดังนั้นคนเราทุกคน เมื่อเข้าใจเรื่องของตนเองดีว่า เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมีแล้ว ไม่ควรนิ่งนอนใจ คอยอ้างเข้าข้างกิเลสว่า เมื่อโน่นเถอะ เมื่อนี่เถอะ จึงค่อยทำบุญกุศล เพราะเวลาในชีวิต รวมทั้งสุขภาพร่างกาย เป็นของไม่แน่นอน ตัดรอนให้สิ้นลงได้ทุกขณะ
ไม่คอยให้ถึงเวลา ที่ตั้งใจ ทั้งนี้เพราะชีวิตของทุกคน มิใช่เพิ่งเกิดชาตินี้เป็นชาติแรก เกิดกันมานับภพชาติไม่ถ้วนมาแล้ว บาปอกุศลที่ทำสะสมเอาไว้
ยังใช้หนี้ ไม่หมด มีอีกมากมายนับไม่ถ้วน ใครจะรู้ว่า จะถูกทวงหนี้ทันเอาวันใด การสร้างบุญกุศลใหม่จึงเป็นสิ่งควรทำไว้ตลอดเวลา
ทำทุกโอกาส ที่ทำได้
แต่ชีวิตชาวโลกทั่วไป ไม่เข้าใจถึงความจริงข้อนี้ ว่าชีวิตเกิดมาเพื่อสร้างบารมี คนส่วนใหญ่จึงคิดกันแค่ วัยเด็กก็เรียนวิชาเพื่อใช้ทำมาหากิน หากินได้แล้ว หรือบางทียังหากินไม่ได้ ก็รีบมีครอบครัวและมีลูกหลานกันเสียแล้ว ทีนี้ก็ตั้งหน้าเลี้ยงพืชพันธุ์เหล่านั้น เลี้ยงกันทั้งรุ่นลูกรุ่นหลาน กระทั่งรุ่นเหลน รุ่นโหลน ยังไม่ตายก็เลี้ยงกันเรื่อยไป จนกว่าจะตายจากโลกนี้ ชีวิตไม่ได้อะไรไปเลย ได้แค่เผ่าพันธุ์
ที่สุดท้ายก็ตายตาม ตนเอง
ไปจนหมด
น้อยคนนักที่จะมีลูกหลานที่รู้ค่าของบุญ และพยายามชักชวนบุพการีให้สนใจสร้างบุญกุศลด้วย ซึ่งถ้าใครมีลูกหลานดังที่ว่านี้ ต้องถือว่า ลูกหลานเหล่านั้นเป็นอภิชาตบุตรของตระกูลทีเดียว
คุณตฤณพรรษ เป็นลูกหลานประเภทดังกล่าวนี้ ควรได้รับการยกย่องชมเชยเป็นอย่างยิ่ง คุณพ่อคุณแม่ มีอายุกว่า ๘๐ ปีแล้ว
ถ้าไม่ใช่ลูก อภิชาตบุตร คงไม่พยายามพาไปประกอบ การกุศลใดๆ การดูแลคนแก่มีภาระหลายอย่าง ยิ่งกว่าดูแลเด็กอ่อน
ลูกธรรมดาจึงมักเก็บพ่อแม่
ผู้ชราไว้แต่ที่บ้าน หาอาหารให้กินหาหยูกยารักษาให้เวลาป่วยไข้ เพียงรักษาร่างไว้รอวันแตกดับก็เท่านั้นเอง
สำหรับคนมีปัญญาย่อมรู้ดีว่า ชีวิตคนเรา การประกอบกุศลกรรมย่อมเป็นสิ่งควรทำที่สุดไม่ว่าเป็นคนวัยใด ทำนองว่า มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว โดยได้ทำความดี ดีกว่ามีชีวิตอยู่ถึงร้อยปี โดยไม่ทำความดีอะไร
คุณตฤณพรรษเป็นคนฉลาด จึงพยายามหาโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ได้ประกอบบุญกุศล พาไปวัดเพราะที่วัดพ่อแม่จะได้เห็นภาพ
ทัสสนา นุตตริยะ ภาพที่เหนือภาพอื่นๆ เช่นภาพพระภิกษุสามเณรจำนวนมาก สงบสำรวมในสมณวินัย เห็นผู้คนมาทำทาน รักษาศีล
เจริญภาวนา โดยสงบ
นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงที่เป็นเสวนานุตตริยะ เสียงที่เหนือเสียงอื่น เช่นเสียงเทศน์ เสียงพระสวดมนต์ เสียงผู้คนสวดสรรเสริญพระรัตนตรัย
บุญกุศลที่ครอบครัวคุณตฤณพรรษประกอบอยู่เป็นนิจ เท่ากับเป็นเสมือนทุนทรัพย์ที่เก็บออมไว้มากมายตลอดเวลา
เมื่อใดมีความจำเป็น
จะต้องใช้ทรัพย์เพียงเล็กน้อย ย่อมใช้ได้ทันที
ด้วยเหตุนี้การป่วยของมารดาก็ตาม ของลูกก็ตาม จึงเป็นเรื่องไม่เกินวิสัยบุญบันดาลแต่อย่างใด