อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๓๗๙. สตรี ๙ โรค

คุณพรพรรณ ลาเลิศ ปัจจุบันอายุ ๓๗ ปี เป็นคน จังหวัดปราจีนบุรี พื้นฐานชีวิตมาจากครอบครัวที่ยากจน และเป็นคนขี้โรคมาตั้งแต่เกิด พอจบชั้นประถมปีที่ ๔ ตัดสินใจเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ เป็นโรงงานเย็บผ้าส่งออก ต้องทำงานหนักมาก ตั้งแต่ ๘ โมงเช้าถึง ๔ ทุ่ม ถ้ามีล่วง เวลาก็ต้องทำงานจนถึงเที่ยงคืน คุณพรพรรณ เข้าวัดพระธรรมกายเป็นเวลานานกว่า ๒๐ ปี โดยการชักชวนของลูกเจ้านาย ซึ่งตอนนั้น ยังเป็น เด็กเล็กๆ อยู่เลย เขาบอกว่า พี่ไปวัดกับหนูไหม อาจารย์ ที่โรงเรียนเขาพาไป แล้วพูดว่า ดีนะ คุณพรพรรณจึงตัดสินใจเข้า วัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

พอเข้าวัดพระธรรมกาย คุณพรพรรณเริ่มเข้าใจในบุญ และผลบุญที่ได้สร้างไว้ดีแล้วมาโดยตลอด รู้สึกว่า ชีวิตของตนเอง พลิกผันจากคนที่ ทำมาหากิน หามรุ่งหามค่ำ จนสุขภาพทรุดโทรม เพราะเธอทำงานหนักมาก บางครั้งทำตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทำงานโต้รุ่ง โดยไม่ได้พักผ่อน ติดต่อกัน เป็นอาทิตย์ๆ ชีวิตตอนนั้นลำบากมาก 

แต่พอพบวัดพระธรรมกายที่ได้ถ่ายทอดคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนเข้าใจ และรู้จักเป้าหมายชีวิตว่า คนเราเกิดมาต้องสร้าง บารมี ต้องหมั่นประกอบบุญกุศล เพื่อเป็นเสบียงติดตัวข้ามภพข้ามชาติ ทุกครั้งที่คุณพรพรรณทำบุญ จะนึกถึงคำสอนของหลวงพ่อว่า พ่อ แม่ เปรียบเสมือนพระอรหันต์ของเรา 

ทุกครั้งที่ทำบุญถวาย ปัจจัยที่วัด คุณพรพรรณจะส่งเงินไปให้คุณพ่อ คุณแม่ เพราะครอบครัวทางบ้านนั้นยากจน ซึ่งคุณพรพรรณจะทำ อย่างนี้มาตลอด เป็นการทำบุญได้ อานิสงส์ทั้งสองทาง ไม่เคยลืมแม้สักครั้งเดียว นอกจากนี้ คุณพรพรรณรู้สึก ปีติใจมากที่ได้มีโอกาสสร้าง พระแกนกลางบูชาธรรมคุณยาย 

คุณพรพรรณกล่าวว่า การที่ได้สร้างองค์พระแกนกลางบูชาธรรมคุณยาย ถือเป็นบุญยิ่งใหญ่ การที่ได้พบวัดพระธรรมกาย ได้ร่วมบุญกับ คุณยายถือเป็นการบูชาบุคคลที่ควรบูชา เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีแด่ผู้มีพระคุณ เพราะคุณยาย หลวงพ่อ และวัดพระธรรมกาย เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ถ้าหากไม่ได้วัดพระธรรมกาย ไม่พบพระพุทธศาสนา ป่านนี้ชีวิตจะตกต่ำอย่างไรก็ไม่รู้ ยิ่งมาวัด ก็ยิ่งเข้าใจในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ว่าท่านทรงสอนให้เราทุกคนเป็นคนดี และคนดีที่ท่านกล่าวไว้ ควรประพฤติปฏิบัติตัว อย่างไร จึงเริ่มเข้าใจตั้งแต่นั้นมา และเข้าใจมากขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้ 

วันที่ได้สร้างองค์พระแกนกลางนั้น เป็นวันสุดท้ายพอดี ซึ่งคุณพรพรรณยังรู้สึกถึงความปลื้มปีติในบุญมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันถึง แม้ ไม่ร่ำรวย มาก แต่ก็ไม่เคยขัดสน คิดว่าผลบุญเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงชีวิต มาได้จนถึงทุกวันนี้ รู้สึกเป็นสุขทุกครั้งที่มีโอกาสได้สร้างบุญกุศล คุณ พรพรรณได้ ปวารณาตนเป็นประธานรองฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น แต่ก็ได้สร้างบุญองค์พระ มาโดยตลอด จนเพื่อนคนหนึ่งพูดว่า นี่นะ ทำบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวอยู่เรื่อย แล้วจะเก็บเงินที่ไหนไว้เป็นประธานรอง 

ซึ่งคุณพรพรรณพูดอย่างมั่นใจว่า ถ้าหากธรรมกายเจดีย์ไม่สำเร็จแล้วเราจะเอาอะไรไปฉลองล่ะ พี่จะสร้างองค์พระจนกว่าธรรมกายเจดีย์ จะเสร็จ ถึงแม้วันฉลองจะไม่มีเงินมาเป็นประธานรอง แต่จะสร้างองค์พระ จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของการปิดธรรมกายเจดีย์ 

คุณพรพรรณเห็นว่าการทำบุญองค์พระธรรมกายประจำตัวนั้นเป็นบุญใหญ่ที่ไม่มีประมาณจริงๆ ไม่มีบุญใดมหาศาลเท่าบุญ แห่งการได้ สร้างธรรมกายเจดีย์นี้อีกแล้ว คุณพรพรรณกล่าวว่าบุญที่ได้สร้างองค์พระธรรมกาย และบุญต่างๆ ที่ประกอบไว้ดีแล้ว บวกกับการ ประพฤติ ปฏิบัติ สวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ และเจริญสมาธิ ทำให้รอดตายหายป่วยเป็นอัศจรรย์ 

ปัจจุบันคุณพรพรรณได้เปิดบ้านกัลยาณมิตรด้วย แต่เดิมนั้นเธอเคยนั่งสมาธิได้แค่ครึ่งชั่วโมง ปัจจุบันนั่งได้ถึงวันละ ๖ ชั่วโมง โดยไม่มีอาการ เหน็บชาหรือปวดตามร่างกายอีกเลย มีแต่ความสุข สบาย และสงบอยู่ในจิตใจตลอดเวลา คุณพรพรรณเล่าประสบการณ์ ชีวิตการรอดตาย จากโรคภัยที่สุมอยู่ในร่างกายมาตั้งแต่เกิด ว่า

เธอเป็นตุ่มๆ น้ำเหลืองขึ้นตามร่างกายไม่รู้จักหาย ชาวบ้านเรียกว่าโรคสะเก็ดเงินสะเก็ดทอง หรือโรคเรื้อนกวาง ทั้งยังเป็นโรคโลหิตจาง โรคริดสีดวง โรคเหน็บชา ปวดกระดูกไขสันหลัง ซึ่งเป็นเพราะร่างกายขาดสารอาหารแคลเซี่ยม เนื่องจากเธอไม่ค่อยชอบดื่มนม และสาร อาหาร แคลเซี่ยม ทำให้กระดูกไม่แข็งแรง และโรคขัดปัสสาวะซึ่งเป็นโรคที่ใครเป็นแล้วจะรู้สึกว่าทรมานมาก และยังมีโรคภูมิแพ้อีก แพ้ทุกอย่าง 

นอกจากนี้เมื่ออายุประมาณ ๒๐ ปี หมอตรวจพบโรคมะเร็งที่ทรวงอก และได้ผ่าตัดเนื้องอกออกไป ๓ ชิ้น แต่ยังไม่หมดเพราะยังมีรากเหลืออยู่ ช่วงเวลา ๓-๔ ปีนั้น ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คร่างกายตลอดเวลา 

เมื่อผ่าตัดเนื้องอกในครั้งแรกแล้ว พอจะต้องผ่าตัดครั้งที่สองอีกทำให้คุณพรพรรณ คิดมาก เกิดอาการเครียด และเป็นโรคไมเกรนขึ้นมาอีก จึงต้องทานยามา ตลอดเกือบ ๑๐ ปี เวลาที่เป็นไมเกรน คุณพรพรรณจะปวดมาก ถึงขนาดกระดุกกระดิกตัวเองไม่ได้เลย ถ้าเคลื่อนไหว แม้เพียงเล็กน้อย จะมีอาการเหมือนกับมีคนเอาฆ้อนมาทุบศีรษะ ทุบๆจนเละ และเหมือนร่างกายถูกตรึงไว้ ต้องอยู่นิ่ง ๆ เป็นประจำ เวลาเป็น ไมเกรนขึ้นมา ร่างกายเริ่มซูบผอมทรุดโทรม จนน้ำหนัก ลดลงมาเหลือ ๔๕ ก.ก. ดังนั้นปีหนึ่งๆ คุณพรพรรณจะต้องเข้าตรวจเช็คร่างกาย บ่อยมาก 

สามีคุณพรพรรณคือคุณธีรพงษ์เป็นคนดีมาก คอยดูแลอย่างดี คุณธีรพงษ์เข้าวัดปี พ.ศ.๒๕๔๑ คุณพรพรรณเล่าว่า ตั้งแต่แต่งงานเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔ ก็อธิษฐาน มาตลอดอยากให้คุณธีรพงษ์เข้าวัด วันที่คุณธีรพงษ์เข้าวัดครั้งแรกตรงกับวันอัศจรรย์ตะวันแก้ว จึงมีความศรัทธา ในวัดพระธรรมกาย และหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระสงฆ์ ที่วัดแห่งนี้ 

จากวันนั้นคุณธีรพงษ์เริ่มปฏิบัติธรรม และรักษาศีล ๕ มาโดยตลอด ครอบครัวจึงอยู่เย็นเป็นสุข ถึงแม้ภรรยาจะป่วยเป็นโรคร้ายแรง ก็ไม่เคย ท้อแท้ต่อชีวิต และวันหนึ่งคุณพรพรรณถึงเวลาต้องไปตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด เพื่อเตรียมตัวผ่าตัดเนื้องอกที่ยังคงค้างอยู่เป็นครั้งที่ ๒ 

คุณพรพรรณได้ไปที่โรงพยาบาลรามา ตามที่หมอนัด เมื่อไปถึงคุณหมอพาเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ ตรวจอาการคุณพรพรรณอย่างละเอียด จนวันนั้นคุณพรพรรณปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว คุณหมอบอกว่า ก้อนเนื้อได้กระจายแพร่เป็นสิบๆ เม็ด และยังมีเม็ดหนึ่งที่ใหญ่มาก เป็นราก ของเนื้องอก คุณหมอบอกว่าจะต้องผ่าตัดทันที แต่คุณพรพรรณขอร้องคุณหมอให้เลื่อนออกไปก่อน เพราะตอนนั้นร่างกายรับไม่ไหวจริงๆ 

พอกลับถึงบ้านก็ไม่สบายรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เป็นเวลา ๒-๓ วัน อาการเริ่มหนักลงเรื่อย ๆ แต่ก็ทานยาประคองไว้ พอตอนหัวค่ำ คุณพรพรรณ เริ่มอาเจียน และท้องเสียพร้อม ๆ กันอย่างรุนแรง จนร่างกายอ่อนเพลียลุกไม่ไหว ต้องนั่งทรุดอยู่หน้าห้องน้ำตั้งแต่หัวค่ำ ตกดึกอาการหนักจนช็อกหมดสติไป เนื่องจากหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก อึดอัดเหมือนใจจะขาด มีอาการเหมือนกับว่า ร่างกายถูกแยกออก เป็นส่วนๆ ทรมานมากที่สุดในชีวิต

คุณพรพรรณได้ปวารณาขอเป็นเจ้าภาพบวชสามเณรแก้วไว้ ประมาณวันที่ ๖-๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๑ ซึ่งอีกหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น จะถึง งานบุญใหญ่ ช่วงที่กำลังได้รับความทรมานอยู่นั้น จิตใจก็นึกไปถึงงานบวชสามเณรแก้วว่า ตนเองจะมีโอกาสได้ไปงานบุญใหญ่นี้ หรือเปล่า หนอ พอช่วงใกล้สว่างรู้สึกใจสบาย นึกถึงภาพตนเองจะได้เป็นเจ้าภาพบวชสามเณรแก้ว นึกจนเพลิน และรู้สึกเหมือนตนเองไม่หายใจไปเลย 

คุณธีรพงษ์เล่าว่า ตอนนั้นคอยดูแลคุณพรพรรณอยู่ตลอดเวลาไม่ห่างเลย อาการคุณพรพรรณเริ่มแย่ลงทุกขณะ และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่า ตัวคุณพรพรรณอ่อนปวกเปียกไม่หายใจ คุณธีรพงษ์ตกใจมาก รีบตั้งสติวิ่งขึ้นไปที่ห้องพระ ซึ่งภายในห้องพระนั้น จะมีรูปพระมหาสิริราชธาตุ รูปหลวงพ่อสด รูปพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณยาย และรูปต่างๆ ที่ได้รับจากวัดพระธรรมกาย

คุณธีรพงษ์อธิษฐานจิตขอให้คุณพรพรรณฟื้น พอคุณพรพรรณฟื้นขึ้นมารู้สึกบอกว่าเหมือนกับว่าตัวเองหลับไป คุณธีรพงษ์จึงรีบพาส่ง โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งทำการรักษาโดยการให้น้ำเกลือเพียงอย่างเดียว และอนุญาตให้กลับบ้าน คุณพรพรรณกลับมาบ้านนอนพักครึ่งวัน อาการดีขึ้นเป็นปกติสามารถไปร่วมงานเป็นเจ้าภาพบวชสามเณรแก้วได้ทันเวลาพอดี ในวันนั้นคุณพรพรรณไปพร้อมกับคุณธีรพงษ์ รู้สึกดีใจ ที่ได้มาร่วมงานบุญใหญ่ ครั้งนี้ เป็นบรรยากาศที่ประทับใจมาก

นอกจากนี้คุณพรพรรณเล่าว่าตนได้เคยไปร่วมงานบุญ อัญเชิญพระบรมพุทธเจ้าประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ในวันนั้นคุณพรพรรณ ได้อธิษฐานจิตต่อหน้าองค์พระธรรมกายเจดีย์ ในช่วงที่หลวงพ่อกำลังทำพิธี เธออธิษฐานขอบุญกุศลที่ได้สร้างมา จากการที่เคยเป็น เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ฝ่ายต้อนรับอยู่ธุดงค์ และการสวดมนต์รักษาศีลอย่างบริสุทธิ์ ขอบุญทั้งหมดนี้ช่วยให้โรคภัยไข้เจ็บมลายหายสูญไป และขอให้ปฏิบัติธรรมได้โดยสะดวก อย่าได้ปวดเมื่อย ฯลฯ 

หลังจากนั้นอีก ๒-๓ เดือนก็ถึงเวลาที่คุณหมอนัดตรวจร่างกาย ซึ่งเป็นก้อนเนื้อที่ยังคงค้างอยู่ แต่ยังไม่ถึงกับกระจายออกไป ก่อนถึงวันตรวจ ประมาณ ๖ วัน คุณธีรพงษ์ได้แนะนำคุณพรพรรณให้ทำน้ำมนต์พระมหาสิริราชธาตุไว้ดื่ม ช่วงหัวค่ำ สวดมนต์ สวดสรรเสริญ และนั่งสมาธิ แช่องค์ท่านตั้งแต่หัวค่ำ พอรุ่งเช้าก็สวดมนต์ สวดสรรเสริญ นั่งสมาธิ และดื่มน้ำมนต์ โดยอธิษฐานจิตตอกย้ำทุกวันทุกคืนว่า ขออัญเชิญ บุญบารมี รัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิเฉียบขาดของพระมหาสิริราชธาตุ ช่วย ดลบันดาลให้น้ำแก้วนี้ เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ รักษาโรคภัย ให้มลายหายสูญไปทุกๆ โรคทุกๆภัย อธิษฐานอย่างนี้เป็นประจำถึง ๖ วัน ๖ คืน 

รุ่งเช้าเป็นวันที่คุณหมอนัดตรวจก้อนเนื้อ ซึ่งเป็นรากที่ค้างอยู่ พอตรวจเสร็จคุณหมอก็แปลกใจ แต่ก็แสดงความยินดีด้วยอาการยิ้มแย้มแจ่มใส บอกคุณพรพรรณว่า ตอนนี้ร่างกายคุณพรพรรณไม่มีก้อนเนื้อเหลืออยู่อีกเลย หมอบอกว่าในร่างกายตอนนี้ ไม่มีอะไรแล้ว ให้ไปคอยรับคำ แนะนำข้างนอกได้ พอออกมาพยาบาลก็บอกว่า พี่ขึ้นไปจ่ายเงินแล้วกลับบ้านได้เลยนะคะ คุณพรพรรณรับคำด้วยอาการงงๆ ยังไม่เชื่อหู ตัวเอง และยังไม่คลายความสงสัยว่า เอ๊...ทำไมไม่มีใบนัด

เพราะปกติตลอด ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ตรวจเสร็จแล้วร่างกายจะต้องมีใบนัดทุกครั้ง จึงถามย้ำเพื่อขอใบนัด แต่พยาบาลก็ยังยืนยัน คำเดิมว่า พี่ไม่มีใบนัด เพราะไม่มีอะไรแล้ว คุณพรพรรณก็ค้านและขอรับใบนัดอยู่เหมือนเดิม จนคุณพยาบาลอ่อนใจและบอกว่า เอางี้แล้วกัน ถ้าพี่เป็นอะไรพี่ค่อยมาใหม่แล้วกัน คุณพรพรรณจึงกลับบ้านด้วยความงงๆ ระคนกับความแปลกใจ

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาการโรคภัยต่างๆ ทั้งหลายที่เคยเป็นอยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง โดยเฉพาะโรคที่เรื้อรังมานานคือโรคเรื้อนกวาง ที่มีอาการ เป็นตุ่มเหลืองๆ เป็นสะเก็ดตามตัว เหมือนเป็นเกล็ดๆ แต่ตอนนี้ ไม่มีอาการดังกล่าวให้เห็นอีกเลย ผิวพรรณสดใส ผิวละเอียด สะอาดเกลี้ยง เกลา และนิ่มนวลขึ้น โรคกระดูกที่เคยเป็น เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.๒๕๔๑ มีอาการคล้ายเป็นอัมพาตที่นิ้วชี้ เพราะ หิ้วของหนัก เป็นระยะทาง หลายเมตร จนไม่สามารถใช้มือข้างขวาได้อีกเลย ก็กลับเป็นปกติ อาการปวดไมเกรน เหน็บชา และอาการโรคต่างๆ ที่มีอยู่มลายหายสิ้น ไม่มีอาการดังกล่าวเหลืออยู่เลย

เหมือนกับเปลี่ยนชีวิตจากคนเดิมเป็นคนใหม่ในฉับพลัน น้ำหนักที่เคยลด ถึง ๔๕ ก.ก. ตอนนี้เพิ่มเป็น ๖๐ ก.ก. หน้าตาผิวพรรณสดใส ถ้าหาก คนไม่เคยรู้จักกัน จะดูไม่ออกเลยว่า คุณพรพรรณเคยมีโรคร้ายต่างๆ ในร่างกายถึง ๙ โรค ซึ่งแต่ละโรค ล้วนแต่สร้างความทุกข์ทรมาน ให้ คุณพรพรรณ มาเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี

รายนี้พิจารณาแล้วเป็นการเจ็บไข้ ได้ป่วยที่มาจากสาเหตุครบทั้ง ๔ ประการ คือ กรรม จิต อุตุ และอาหาร เหตุเกิดจากกรรม เช่นเป็น โรค สะเก็ดเงินสะเก็ดทอง (เรื้อนกวาง) โรคมะเร็งซึ่งเป็นโรครักษาไม่หาย เหตุเกิดจากจิต เช่นกลุ้มใจ เครียดทำให้ปวดศีรษะรุนแรง เรียกโรค ไมเกรน เหตุเกิดจากอุตุคือ ดินฟ้าอากาศ สิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่นโรคภูมิแพ้ เหตุเกิดจากอาหาร เช่น บริโภคไม่ถูกหลักโภชนาการ ขาด แคลเซี่ยม ทำให้เป็นโรคกระดูก

ตามที่เล่ามาสามีของคุณพรพรรณมีความรักที่บริสุทธิ์ใจ มีเมตตาต่อภรรยาน่าชื่นชมในน้ำใจ เพราะภรรยาไม่ใช่เพิ่งเจ็บป่วย ป่วยมานับ เป็นสิบปี อดทนดูแลรักษาพยาบาลตลอดมาได้ เป็นที่น่านับถือยกย่อง ความดีเพียงเรื่องเดียวเท่านี้ สามารถทำให้คาดคะเนได้ว่า ต้องเป็น คนดีในอีกหลายๆ เรื่อง เรียกว่าเป็นคนมีบุญมาก่อน เมื่อภรรยามาชวนสร้างบุญใหม่ เข้าวัดในปี พ.ศ.๒๕๔๑ จึงตามมาด้วยโดยง่าย ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของพระของขวัญมหาสิริราชธาตุ มีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย หมั่นกราบไหว้เคารพบูชา เป็นอปจายนกุศล และเมื่อทั้ง ๒ คน หมั่นกันทำบุญกุศลกันทั้งครอบครัว ผลบุญจึงหนุนเนื่องให้โรคภัยไข้เจ็บของภรรยาที่มีอยู่ถึง ๙ โรคที่เป็นมานับ ๑๐ ปี จึงหายได้ อย่างอัศจรรย์


[สารบัญ] [๓๗๔] [๓๗๕] [๓๗๖] [๓๗๗] [๓๗๘] [๓๗๙]