สุนทรภู่ดูนก
โดย โอฬาร สุขเกษม

ความจริงน่าจะใช้คำว่า"ชมนก"น่าจะเหมาะกว่า เพราะถ้าพูดถึงเรื่องร้อยกรองแล้วละก็ ต้องใช้คำที่ไพเราะ เป็นต้นว่า "ชมนก-ชมไม้" แต่เห็นว่าคงไม่ตรงเท่าไหร่ หากจะมาใช้คำว่า"ชมนก"ในที่นี้ คำว่า"ดูนก"จะสื่อความหมายได้ดีกว่านั่นเอง

สุนทรภู่เกิดสมัยรัชกาลที่ 1 สิ้นอายุขัยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4 ชื่อเสียงเรียงนามนั้นคนไทยส่วนใหญ่ทราบกันดี สุนทรภู่เป็นนักเลงกลอนระดับบรมครู เป็นกวีเอกของแผ่นดิน ผลงานมีออกมามากมาย เป็นผู้บันทึกเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยลีลาร้อยกรอง หรือที่เราเรียกกันว่า"นิราศ" และจากปลายปากกาของท่านผู้นี้ ทำให้พวกเรารุ่นหลัง ได้ทราบสภาพแห่งหนตำบลต่างๆ ที่เดินทางผ่าน ได้เห็นบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำ หรือฝั่งคลอง ได้เห็นภาพชีวิต ทั้งของสุนทรภู่และชีวิตผู้คนที่ผ่านเข้ามาในสายตา รวมทั้งสภาพบรรยกาศทั่วๆ รวมถึงสิงสาราสัตว์ต่างๆด้วย ซึ่งเกี่ยวกับนกนั้นจะพบเห็นเขียนไว้มากมายในหลายๆนิราศ เป็นต้นว่า นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท หรือ แม้แต่โคลงนิราศสุพรรณ ซึ่งลีลา"ดูนก"ของท่านสะท้อนออกมาดังว่านี้

 
ครั้นพอสิ้นถิ่นเกาะค่อยเลาะเลียบ นาวาเพียบน้ำลงกำลังไหล
โอ้อนาถเหนื่อยน่าระอาใจ ถึงบางไทรด่านดักนาวาเดิน
เขาบอกชื่อสีกุกตรงด่านข้าม เป็นสามง่ามน้ำนองในคลองเขิน
ปักษาโบกปีกบินลงดินเดิน มัจฉาเพลินผุดพล่านในคงคา
นกยางเลียบเหยียบปลานขาหยิก เอาปากจิกบินฮือขึ้นเวหา
กระทุงน้อยลอยทวนนาวามา โอ้ปักษาเอ๋ยจะลอยถึงไหนไป
หน้าวังฤาจะสั่งด้วยนะนก ให้แนบอกของพี่รู้ว่าโหยให้
มิทันสั่งสกุณินก็บินไป ลงจับใกล้นกตะกรุมริมวุ้มวน
ศีรษะเตียนเลี่ยนโล่งหัวล้านเลื่อม เหนียงกระเพื่อมร้องแรงแสยงขน
โอ้หัวนกนี่ก็ล้านประจานคน เมื่อยามยลพี่ยิ่งแสนระกำทรวงฯ
นั่นเป็นกลอนที่คัดลอกมาจาก"นิราศพระบาท" และอีกไม่กี่คำกลอนถัดมา ก็ได้พยานหลักฐานว่าสมัยก่อนนิยมดูนกเหมือนกัน ซึ่งเมื่อนั้นเรือผ่านย่านบางประอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาปัจจุบัน(อออิน/เกาะอิน) ท่านว่าไว้ว่า
 
อันเท็จจริงสิ่งนี้ไม่รู้แน่ ได้ยินแต่ยุบลแต่หนหลัง
ว่าที่เกาะบางอออินเป็นถิ่นวัง กษัตริย์ครั้งครองศรีอยุธยา
พาสนมออกมาชมคณานก ก็เรื้อรกรั้งร้างเป็นทางป่า
อันคำแจ้งกับเราแกล้งสังเกตตา ก็เห็นน่าที่จะแน่กระแสความ

(กลับไปหน้าแรก) (อ่านหน้าถัดไป)