ในนิราศพระบาทของสุนทรภู่ ยังมีกล่าวถึงนกตามเส้นทางขาขึ้นจากบางกอกสู่สระบุรีอีกหลายแห่ง คราวนี้ลองไปดูในนิราศเมืองแกลง(นิราศแรกที่แต่ง)บ้าง แถวๆเส้นทางไประยองมีบันทึกถึงนกอะไร

เสียงนกร้องก้องกู่กันกลางป่า ฟังภาษาสัตว์ไพรก็ใจหาย
จนออกดงลงเดินเนินสบาย ค่อยเคลื่อนคลายรอเรียงมาเคียงกัน
ถึงเขาขวางว่างเวิ้งชะวากวุ้ง เขาเรียกทุ่งสงขลาพนาสัณฑ์
เป็นป่ารอบขอบเขินเนินอรัญ นกเขาขันคูเรียกกันเพรียกไพร
บ้างถาบถาพาคู่ส่งฟุบฝุ่น เห็นคนผลุนโผผินบินไถล
บ้างก่งคอคูคูกุกกูไป ฝูงเขาไฟฟุบแฝงที่แฝกฟาง
โอ้ปักษีมีคู่ที่ชูชื่น สำราญรื่นปกปิดด้วยปีกหาง
พี่เปลี่ยวใจอายนกเพราะห่างนาง มาเดินกลางดงแดนแสนกันดาร

เมื่อคราวที่สุนทรภู่บวช และอยู่วัดพระเชตุพน ได้เดินทางไปพระนครศรีอยุธยาอีกครั้งกับเณรพัด กับบุตรคนเล็กของสุนทรภู่ คราวนี้ได้ แต่งนิราศอีกเรื่องชื่อว่า นิราศวัดเจ้าฟ้า และในนิราศดังกล่าวได้กล่าวถึงนกในเส้นทาง พร้อมกับบอกเล่าพฤติกรรม หรือธรรมชาติของนกอย่างน่าสนใจด้วย

พอออกคลองล่องลำแม่น้ำวก เห็นนกหกเหินร่อนว่อนเวหา
กระทุงทองล่องเลื่อนค่อยเคลื่อนคลา ดาษดาดอกบัวขาวคลัวเคลีย
นกกาน้ำดำปลากระสาสูง เป็นฝูงฝูงเข้าใกล้มันไปเสีย
นกยางขาวเหล่านกยางมีหางเปีย ล้วนตัวเมียหมดสิ้นทั้งดินแดน
ถึงเดือนไข่ไปลับแลเมืองแม่ม่าย ขึ้นไข่ชายเขาโขดนับโกฏิแสน
พอบินได้ไปประเทศทุกเขตแคว้น คนทั้งแผ่นดินมิได้ไข่นกยาง
โอ้นึกหวังสังเวชประเภทสัตว์ ต้องขาดขัดคู่ครองจึงหมองหมาง
เหมือนอกชายหมายมิตรคิดระคาง มาอ้างว้างอาทะวาเอกากายฯ

สมัยก่อนก็นิยมเลี้ยงนกแก้วเหมือนกัน อย่างที่ประพันธ์ไว้ในนิราศวัดเจ้าฟ้าตอนหนึ่งดังนี้

พวกโพงพางนางแม่ค้าขายปลาเต่า จับกระเหม่ามิได้เหลือชั้นเรือแห
จะล่องลับกลับไปอาลัยแล มาถึงแพเสียงนกแก้วแจ้วเจรจา
เจ้าของขาวสาวสอนชะอ้อนพลอด แวะมาจอด แพนี้ก่อนพี่จ๋า
น่ารับขวัญฉันนี่ร้องว่าน้องลา ก็เลยว่าสาวกอดฉอดฉอดไปฯ