ความเป็นมาของโครงการพระดาบส
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำริว่า ขณะนี้ยังมีบุคคลอีกจำนวนมากที่มีความตั้งใจจริง มีศรัทธา ขวนขวายหาความรู้เป็นวิชาชีพใส่ตน แต่ประสบปัญหาไม่มีความรู้พื้นฐาน และไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะเข้าศึกษาต่อ ในสถาบันการศึกษาวิชาชีพระดับต่างๆ ได้ หากมีช่องทางช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ ให้มีความรู้วิชาชีพที่เขาปรารถนา ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติได้ ในการช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ ได้ทรงรำลึกถึงวิธีการประสิทธิ์ประสาทวิชา ของครูบาอาจารย์ในโบราณกาล เช่น พระดาบส ฯลฯ ว่าในยุคสมัยนั้น ผู้ที่ต้องการเป็นลูกศิษย์ของพระดาบส จะต้องเป็นผู้ที่มีความตั้งใจศรัทธาอย่างแท้จริง เพราะพระดาบสนั้นจำศีลภาวนาอยู่ในป่าดงพงไพรกันดาร ผู้ที่จะไปหาจะต้องขึ้นเขา ลงห้วย บุกป่า ฝ่าดง ด้วยความลำบากแสนเข็ญ
เมื่อไปพบพระดาบสจึงเข้าไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ก่อนที่พระดาบสจะรับตัว เข้าเป็นลูกศิษย์ ท่านจะทดสอบความศรัทธาความอดทนอีกหลายประการ จนเป็นที่แน่ใจว่า ผู้ที่มาสมัครเป็นลูกศิษย์นั้นมี ความตั้งใจอยากได้วิชาจริง ท่านจึงรับไว้เป็นลูกศิษย์ ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ตามที่ท่านถนัด โดยไม่คิดค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่ลูกศิษย์นั้นจะต้องปรนนิบัติรับใช้ เมื่อศิษย์นั้นมีความรู้เพียงพอ จึงกราบลาพระอาจารย์กลับบ้านกลับเมือง เพื่อนำความรู้ศิลปะศาสตร์ที่พระอาจารย์ถ่ายทอด ไปใช้ประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นต่อไป ดังเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ ของ ไทย เช่น จันทโครพ พระอภัยมณี เป็นต้น พระดาบสดังกล่าวจะมีคุณลักษณะประจำตัว คือ มีจิตใจเปี่ยมไปด้วยเมตตา กรุณา มีกุศลศรัทธาที่จะถ่ายทอดศิลปะศาสตร์ให้แก่ลูกศิษย์ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
บางอาศรมอาจจะมีพระดาบสจำศีลภาวนาอยู่หลายรูป แต่ละรูป อาจมีความรู้ในศิลปะศาสตร์แตกต่างกัน บางรูป จำศีลภาวนาอยู่เป็นเอกเทศ ดังนั้นหากนำเอาวิธีการประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาการของพระดาบส มาประยุกต์ใช้ โดยจัดเป็นรูปการศึกษานอกระบบแล้ว นอกจากจะช่วยให้ผู้มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้ความรู้เป็นวิชาชีพแล้ว ยังช่วยให้ผู้นั้นเป็นผู้ที่มีศีลธรรมจรรยา มีน้ำใจ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาสังคมส่วนรวมได้ผลยิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบันนี้ ป่าธรรมชาติที่เป็นที่พำนักอาศัยของพระดาบสนั้นนับว่าจะน้อยลงไป จึงจำเป็นต้องใช้ป่าสังเคราะห์หรือป่าคอนกรีต เป็นที่ตั้งสำนักพระดาบสแทน
จากแนวกระแสพระราชดำริดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ . ศ . ๒๕๓๒ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จดทะเบียนเป็นโรงเรียน ผู้ใหญ่พระดาบสกรมการศึกษานอกโรงเรียนและเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ . ศ . ๒๕๓๓ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระ บรมราชานุญาต ให้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิพระดาบสขึ้น ซึ่งได้มีการจดทะเบียนตามกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ . ศ . ๒๕๓๓ โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิ ณ ปัจจุบันประกอบด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิกิตติมศักดิ์
และ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
ทรงดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการมูลนิธิกิตติมศักดิ์
พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ ที่ปรึกษา
พลอากาศตรี กำธน สินธวานนท์ ประธานกรรมการ
นาย อาสา สารสิน กรรมการ
นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการ
นาย วีระ รอดเรื่อง
กรรมการ
พลเรือเอก ชุมพล ปัจจุสานนท์ กรรมการ
ท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ กรรมการและประธานคณะกรรมการ
นายแก้วขวัญ วัชโรทัย กรรมการ และ เหรัญญิก
นายเกษม วัฒนชัย กรรมการและเลขาธิการ
หลักสูตรของมูลนิธิพระดาบสที่เปิดสอน
การจัดการเรียนการสอน จัดแบ่งหลักสูตรเป็น ๓ ประเภท
๑ . หลักสูตรวิชาชีพหลัก
ได้แก่ หลักสูตรระยะยาว ๑ ปี เป็นหลักสูตรหลักของโรงเรียนพระดาบส เมื่อจบแล้วได้รับพระราชทานประกาศนียบัตรพระดาบส มีสิทธิ์ในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานขั้นที่ ๑ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รายวิชาบางวิชาสามารถเทียบโอนเครดิตกับหลักสูตร ปวช . กศน . ได้เปิดการสอนใน 7 หลักสูตรวิชาชีพ
- ช่างยนต์
- ช่างไฟฟ้า
- ช่างอิเล็กทรอนิกส์
- ช่างซ่อมบำรุง
- การเกษตรพอเพียง
- เคหบริบาล
- ช่างไม้เครื่องเรือน
การจัดหลักสูตรแบ่งผังกำหนดระยะเวลา ดังนี้ ๓ เดือน เตรียมช่าง ๖ เดือนวิชาเฉพาะสาขา ๓ เดือน ฝึกปฏิบัติใน สถานประกอบการ
๒.หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น
ได้แก่ หลักสูตรเฉพาะเรื่อง ที่มุ่งเน้นให้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้โดยตรง มีระยะเวลาการเรียนอย่างน้อย ๑๐๐ ชั่วโมง เมื่อจบแล้วได้รับประกาศนียบัตรและมีสิทธิ์ในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานขั้นที่ ๑ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เช่น หลักสูตรการนวดไทยเพื่อสุขภาพ จำนวน ๑๕๐ ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักสูตรร่วมของโรงเรียนพระดาบส และกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
๓ . หลักสูตรการอบรมระยะสั้น
ได้แก่หลักสูตรสั้นๆ เฉพาะเรื่อง ตามความสนใจของชุมชุนมีระยะเวลาอบรมตั้งแต่ ๓ ชั่วโมง เป็นต้นไป เช่น การสอนทำขนม ทำสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือของกรมการศึกษานอกโรงเรียน จัดขึ้นในวันอาทิตย์หรือวันหยุด หรือการอบรมการปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ ของโครงการลูกพระดาบสสมุทรปราการ เป็นต้น
นับตั้งแต่ปี พ . ศ . ๒๕๔๐ ประเทศไทยได้ประสบปัญหาวิกฤติด้านเศรษฐกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีกระแสพระราชดำริ เกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในรูปแบบต่างๆ พระราชดำริดังกล่าวมีส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับโครงการพระดาบสโดยทรงมีพระราชดำริผ่านทาง พล . ต . ต . สุชาติ เผือกสกนธ์ เลขาธิการมูลนิธิพระดาบส เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๔ เป็นการส่วนพระองค์ว่า ให้มุ่งหน้าไปด้านเกษตรกรรมอย่างจริงจัง
โดยมีพระราชประสงค์ให้นักเรียนของโรงเรียนพระดาบสมีความรู้ในวิชาชีพเกษตรกรรมอีกแขนงหนึ่งเพื่อจะได้นำความรู้ทางด้านการเกษตรไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง ครอบครัวและช่วยเหลือสังคมในชนบทได้ ต่อมามูลนิธิพระดาบสได้สนองแนวกระแสพระราชดำริดังกล่าว โดยได้จัดตั้งหลักสูตรทางด้านการเกษตรขึ้น โดยนายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ได้มอบให้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นผู้ออกแบบโครงสร้างหลักสูตรขึ้นใช้ชื่อหลักสูตรว่า หลักสูตรพืชอาหารสัตว์และการเลี้ยงโคนม
และได้มอบหมายให้ นายเอกสิทธิ์ วัฒนปรีชานนท์ ผู้อำนวยการกองบำรุงรักษาราชอุทยาน เป็นประธานคณะทำงานจัดตั้งหลักสูตรเกษตรมี ว่าที่ ร . ต . สมานมิตร พัฒนา เป็นเลขานุการคณะทำงานฯ โดยได้ใช้ห้องประชุมชั้น ๒ อาคารออมสินเฉลิมพระเกียรติ สวนจิตรลดา เป็นสำนักงานและห้องเรียนชั่วคราว ซึ่งได้เปิดการเรียนการสอนครั้งแรกในปีการศึกษา ๒๕๔๔ มีนักเรียนรุ่นที่ ๑ จำนวน ๖ คน ใช้ระยะเวลาเรียนตลอดหลักสูตร ๑๐ เดือน
ต่อมาในปีการศึกษา ๒๕๔๕ คณะทำงานโครงการจัดตั้งหลักสูตรการเกษตร ได้จัดประชุมคณะที่ปรึกษาฯและคณะทำงานเพื่อติดตามประเมินผลการดำเนินงานในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๕ ณ ห้องประชุมชั้น ๒ อาคารออมสินเฉลิมพระเกียรติ สวนจิตรลดา ที่ประชุมเห็นว่าสมควรเปลี่ยนชื่อหลักสูตร เพื่อให้ครอบคลุมการเกษตรในสาขาอื่นๆ ด้วย จึงใช้ชื่อ ใหม่ว่า การเกษตรพอเพียง โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.พัฒนา สุขประเสริฐ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาและมีการปรับปรุงหลักสูตรอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับความพร้อมและความต้องการของผู้เรียน โดยใช้ระยะเวลาในการเรียนตลอดหลักสูตรเป็นเวลา ๑๕ เดือน
ต่อมาในปีการศึกษา ๒๕๔๖ ฯพณฯ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ น . พ . เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิพระดาบสคนใหม่ได้ปรับระยะเวลาการเรียนของทุกหลักสูตร วิชาชีพหลักคงเหลือ ๑ ปี และในปีการศึกษา ๒๕๔๗ หลักสูตรการเกษตรพอเพียง ได้ย้ายไปเรียน ณ โรงเรียนพระดาบสจังหวัดสมุทรปราการ ภายในพื้นที่โครงการลูกพระดาบส ต . บางปลา อ . บางพลี จ . สมุทรปราการ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางเหมาะสมกับการทำแปลงเกษตรให้นักเรียนโรงเรียนพระดาบสได้ฝึกปฏิบัติมากยิ่งขึ้น

|