ความสุขของดิฉัน

 

 

 

นิ  ท   า   น
  โดย::คุณหมอ

>> Home :: Varities


 

ดินแดนอมตะ

 ดินแดนแห่งอมตะแสนสดชื่นสวยงามอ่อนหวาน เป็นต้นกำเนิดนิทานและเทพนิยายอันเบิกบานใจ
สภาพภูมิสถาปัตย์

ต้นสนสีเขียวต้นใหญ่ใบพริ้วแต่ไม่หนาแน่นพอสบายตาจำนวนมากมายเป็นป่ากว้าง
พื้นดินแข็งเรียบสะอาดสะอ้าน มีท้องทุ่งอยู่ไม่ไกลนักมีดอกไม้ตูมบานสลับกันตลอดเวลา
คล้ายต้องมนต์วิเศษสีสันงามนุ่มละมุนสายตาแต่สดใสชัดเจนเหล่านางฟ้ามีปีกอ่อนหวานพริ้ว
บินนุ่มนวลกำลังดูแลลูกสัตว์และมนุษย์น่ารักน้อยๆที่ทำกสิกรรมกันอยู่ ทุกคนล้วนมีหน้าตาน่ารัก
และสดใส มีรอยยิ้มอยู่ทั่วไป
มีลานกว้างเป็นที่ประชุมกลางคืนใต้แสงจันทร์ ประดับประดาอย่างงดงามด้วย
กิ่งสนและช่อดอกไม้หอมระรื่น ปูลาดด้วยหญ้าเขียวดุจพรม อากาศลมเย็นค่อนข้างหนาว
พัดพอสบายใจ แสงสว่างเป็นแสงอาทิตย์ยามเช้าอ่อนๆตลอดเวลา
ลมค่อนข้างแรงจนใบไม้กระทบกันเป็นเสียงเพลงไพเราะบรรยากาศเบาสบายปลอดโปร่งจริงๆ

ที่นี่เป็นที่ทำงานของคุณแม่สาวน้อยน่ารัก ผู้มีปีกทิพย์โบยบินไปทั่วโลกแห่งความฝันและมีแววตา
อมตะที่จารึกความเป็นจริงไว้ ใน
ดวงตาสีฟ้าแสนหวานอ่อนโยน

พวกเราเหล่านางฟ้าและเทพบุตรน้อย ต่างมีชีวิตอมตะเพื่อทำประโยชน์ให้แก่มนุษย์ ในโลกจริง
 พวกเราได้รับการสั่งสอนสืบเนื่องมาว่าเรามีหน้าที่ต่อผู้ยากไร้ต่างๆทั่วจักรวาลนี้
อันมักจะพบแต่ความปวดร้าวจากสัจธรรมและความตายอันแสนเปล่าเปลี่ยว

วันนี้ เรามาประชุมกันเพราะเป็นวันเพ็ญ เราประชุมกันทุกวันแรม 8ค่ำและ
ขื้น 15ค่ำ
เพื่อพิจารณามนุษย์ที่สมควรได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษจากเทวสภาน้อยๆ
ของเทพเล็กๆแบบพวกเรา โดยมีคุณแม่เป็นผู้ให้คำปรึกษา และถ้าคุณพ่อว่าง
 ก็จะแวะมาเยี่ยมเยือนพร้อมกับนำข่าวจากพฤกษ์ไพรอื่นมาเล่าให้ฟัง ทำให้เราหูตากว้างขึ้น

ทิงเกอร์เบลกับเบ็คกี้างฟ้าน้อยกลุ่มปีกสีส้มอ่อน กำลังถกเถียงกันอย่างเคร่งขรึมว่า
 ประชุมคราวนี้ควรจะเลือกมนุษย์ที่น่าสงสารคนใดเข้าที่ประชุมสภา ระหว่าง ปีเตอร์แพน
ผู้ปราดเปรียวและทอม ซอว์เยอร์ผู้แสนเปรื่องปราด เขากำลังตกที่นั่งลำบากทั้งคู่
เสมือนมีตัวอะไรมาทำให้ความสดชื่นในชีวิตหายไป
ทำให้หนุ่มน้อยทั้งสอง
กลายเป็นคนซึมเศร้าเหงาหงอย ไม่เล่นอย่างเคย

ทิงเกอร์เบลกล่าวว่า

”ถึงคราวที่โลกแห่งความฝันของเด็กๆจะสูญสิ้นไปแล้วกระมัง”

                เบ็คกี้ตอบทันที

“ฉันสังเกตมานานแล้วว่า ดินแดนแห่งนิทานอมตะที่เคยเรืองโรจน์เหล่านี้ กำลังมืดมนลงอย่างช้าๆ”

ทั้งสองสบตากันอย่างหวาดหวั่น ทิงเกอร์เบลเอ่ยอย่างจริงจังว่า

“นั่นคงจะเป็นเพราะแม่มดน้อยถูกกักขังในนามของเวทมนต์ที่ชั่วร้ายของแม่มดแก่ๆแน่ๆเลย”

เบ็คกี้หุบปีกนางฟ้าสีส้มอย่างหดหู่

“และนั่น เป็นสาเหตุที่ทำให้แม้แต่เด็กผู้ชายแสนซนทั้งสองคนของเราต้องตกอยู่ในฝันที่ร้ายกาจ”

ทิงเกอร์เบลพูดอย่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

“เราควรจะรีบนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมสภาเทวนิทานอย่างเร่งด่วน ก่อนที่โลกของเราจะถูกทำลาย”

นางฟ้าทั้งสองโบยบินจากไปจากสถานที่นั้น เพื่อไปเข้าเฝ้าราชินีแห่งโลกนิทาน

ไพรพนา ซึ่งมีที่พำนักเป็นปราสาทหลังน้อยที่งดงามที่สุด น่ารักสดใสด้วยสิ่งประดับ
ที่มาจากหัวใจของมนุษย์ผู้ใหญ่ ที่ส่งมาให้ทางความฝัน เพื่อจรรโลงโลกแห่งความฝัน
และนิทานพรรณรายทั้งหลายให้คงอยู่ตลอดกาล

ความจริงแล้ว ราชินีน้อยรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอาณาจักรแห่งนี้มานานแล้ว
 แต่พระนางไม่มีกำลังทหารที่จะออกไปต่อกรกับแม่มดร้ายทั้งหลาย
เพราะดินแดนแห่งนี้คือความอ่อนโยน เมตตาปรานี ไม่ใช่สนามรบ หรือมีความชอบใจกับ
สงครามอำมหิต
ต่างๆ  แต่บัดนี้ ถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง และ น่าจะต้องอาศัยเด็กผู้ชายด้วยซิ  
และนั่นคงจะทำใ ห้ เด็กชายทั้งสองที่กำลังเศร้าสร้อยจากมนต์บทที่ชื่อว่า ชีวิตไร้ความหวังและความสุข
ของเหล่าแม่มดได้ทำงานที่จะคลายมนต์สะกดบทนี้เสียที

ราชินีน้อยต้องหาทางติดต่อกับพระราชาน้อยที่กำลังเสด็จไปประกอบภารกิจ
ของโลกเทพนิยายที่
โลกจริงๆซึ่งอยู่ไกลอีกฟากหนึ่งของความฝันเพราะพระราชามีความรอบรู้
ในกลอุบายที่นำมาชนะความชั่วอย่างเชี่ยวชาญ พระองค์เป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของพระนาง

นางฟ้าน้อยทั้งสองบินมาถึงพระราชวังพอดีกับยามใกล้ค่ำของคืนเพ็ญ
นางฟ้าน้อยได้นำสิ่งที่ตนเองสังเกตมาทูลต่อราชินี และได้รับคำปลอบใจให้คลายความวิตกกังวล
พร้อมกับพระนางพิจารณาให้เรื่องนี้เข้าเทวสภาเป็นวาระด่วนที่สุด
เพราะพระนางต้องการการระดมสมองเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังแล้ว

ในที่สุด วันนั้นก็มาถึงเข้าจนได้  วันที่โลกแห่งความฝัน จะรวมพลังกันต่อสู้กับความจริงที่โหดร้าย
ที่เป็นมายาลวงเหล่ามนุษย์ให้หลงใหลกับความชั่วร้ายของแม่มดทั้งหลาย
แต่จะทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยที่สุด
พราะมีบรรดาเจ้าหญิงโฉมงามหลายพระองค์
ที่ตกเป็นตัวประกันอยู่กับนางแม่มด
….และเราไม่อาจทำให้องค์หญิงต้องได้รับอันตรายใดๆจากสงคราม
เพราะเธอคือความฝันอมตะของเด็กๆในโลกนี้
และนี่เป็นบทเริ่มต้นของวีรบุรุษวีรสตรีน้อยๆทั้งหลาย
ผู้ที่มีความดีงามในหัวใจจนเอาชนะสิ่งชั่วร้ายต่างๆในมนตราของแม่มดได้อย่างเสียสละน่าชมเชยที่สุด

ขอให้ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ  เพื่อโลกฝันของพวกเรา

ดินแดนแห่งเทพยดาองค์น้อยนั้น มีความสุขมากเพราะมีแสงแห่งความสุขชนิดหนึ่ง 
ซึ่งฉายส่องเข้าไปในหัวใจน้อยๆเหล่านั้น ทำให้เป็นผู้มีดวงใจบริสุทธิ์ เมตตา อ่อนโยน 
และมีความรักในทุกสรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเทพด้วยกันหรือมนุษย์และสัตว์รวมไปถึงต้นไม้ดอกไม้
ไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดดินแดนงดงามแห่งนี้จึงมีความสุขมากเช่นนั้น…….

แต่มีข้อแม้ว่า วันใดที่แม่มดพ่อมดผู้ชั่วร้าย ซึ่งแม้แต่ดินแดนจอมคาถาของ
เหล่าพ่อมดแม่มดที่ดีๆก็ยังเกรงกลัว เกิดมีอำนาจขึ้นมา โดยมนตราแห่งแสงจันทร์
ที่หม่นสลัวด้วยความโศกเศร้า ของมนุษย์ที่มีใจงดงามหรือเมื่อได้รับประทานผลไม้
แห่งสังสารวัฏ
หรือความทุกข อันเป็นผลไม้โอชะที่สุดสำหรับเหล่ามาร เพราะประกอบไปด้วย
เปลือกรสช็อคโกแลตแห่งความขมขื่นของผู้ที่ความรักสลายมีเนื้อชั้นนอกรสสตรอว์บอรีของเด็กวัยรุ่น
ที่หลงผิดไปกับความคึกคะนองและการล้อเล่นกับชีวิตอย่างไม่เกรงอันตราย และถือว่าตัวเองเก่ง
หรือเป็นเด็กที่มีปัญหาที่หาทางออกดีๆไม่ได้
มีรสบลูเบอรี่ของเนื้อชั้นในสำหรับเด็กๆที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง
และหิวโหยอดอยากแม้ในวันคริสต์มาส แถมมี
เมล็ดในเป็นลูกเชอรี่ที่หอมหวานที่สุดของเด็กที่เกิดใน
ครอบครัวยากจนมีสงครามและไร้ความปลอดภัย พ่อแม่ดุร้ายมีชีวิตที่เป็นทุกข์ทั้งกายและใจอย่างสาหัส

เหล่าเทพยดาน้อยสงสัยว่าแม่มดผู้ชั่วร้ายที่ชื่อ ไลล่า ได้กินผลไม้ชั่วร้ายนั้นเข้าไปแล้วเป็นแน่ 
เพราะเขตแดนที่เธอครอบครองอยู่นั้น กำลังเกิดสงครามและความทุกข์ยากอยู่ทั่วไป 
เป็นสงครามทางเศรษฐกิจ คนยากจนแล้วเครียด มีการติดยาเสพติด และดำเนินชีวิตชั่วร้ายทุกรูปแบบ
 แต่บรรดาเหล่าเทพน้อยๆไม่เคยนึกว่าจะเป็นภัยมาถึงดินแดนเหล่านี้กับเพื่อนของเขา

ทอม ซอเยอร์ เป็นเด็กมนุษย์ผู้ซุกซนและไม่ค่อยเชื่อฟังใคร จึงถูกพิษของผลไม้นี้ 
ทำให้แสงแห่งความสุขถูกปิดกั้นจากดวงใจ ส่วน
ปีเตอร์แพน ก็เป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต

ที่รักการผจญภัยและไม่ค่อยนึกถึงจิตใจผู้อื่น ทำให้พิษจากลมหายใจของแม่มดแทรกซึมเข้าไปโดยง่าย
ผลของมันทำให้เด็กที่มีชื่อเสียงทั้งสองคนไม่มีความสุขใดๆ เขาไม่สามารถผลิตแสงแห่งความสุขได้เอง
เพราะวันๆเอาแต่เล่นไปตามประสาด้วยความประมาทว่า ชีวิตนี้มีแต่ความสุข ไม่ได้เตรียมตัวหา
ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เพื่อเป็นพลังต้านอำนาจของแม่มด เขาจึงล้มป่วยลง

เพื่อนๆพากันมาเยี่ยมเด็กผู้น่าสงสารทั้งสองคนพยายามให้กำลังใจและบอกวิธีสร้างพลังแห่งความหวัง
และความสุขเพื่อต่อต้านฤทธิ์อำนาจของแม่มด แต่เด็กทั้งสองทำไม่ได้

ทอม เฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงความผิดที่เคยทำต่อคุณป้าผู้แสนดีและเคยใช้เล๋ห์กลอุบายเหล่านั้นด้วย
ความสนุก เขาสำนึกผิดแล้ว แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากความทุกข์ ส่วน
ปีเตอร์แพนก็เฝ้าแต่โกรธแค้น
และเชื่อมั่นว่า กัปตันฮุค ต้องร่วมมือกับแม่มดแน่ๆ มิใยเพื่อนจะมาเยี่ยมเยียนแต่ทั้งสองก็ลุกไม่ขึ้น
เขาทั้งสองมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นทุกวัน…….

ในที่สุดก็มีผู้อาสาช่วยเด็กชายทั้งสองคน คือเทพธิดาน้อยเบคกี้และเทพธิดาน้อยทิงเกอร์เบล
ทั้งสองเป็นเพื่อนที่รักเด็กชายทั้งสองอย่างที่สุด

เธอต้องไปหาราชินีนางฟ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว

 ราชินีนางฟ้ากำลังนั่งอยู่บนชิงช้าที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนหวานแซมด้วยสีม่วง 
กลิ่นหอมระรื่นชื่นใจเป็นยิ่งนัก เธอมองดูเทพธิดาน้อยทั้งสองที่อาสาจะช่วยเหลือเพื่อนด้วยการยอมเอา
อมตนิรันดร์แห่งสภาวะไปแลกกับชีวิตชีวาของเพื่อนรัก ก็ทรงยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวด้วยเสียง
นิยมยกย่องชมเชยอันไพเราะว่า
เธอทั้งสองเป็นเพื่อนแท้ที่หามิได้อีกแล้ว เด็กชายทั้งสองช่างโชคดี
เสียจริงเชียว แต่ภายใต้อำนาจอมฤตนิรันดร์กาลของพระองค์ จะไม่มีแม่มดตนใดมาทำอันตราย
เหล่าเทพในการคุ้มครองของเธอได้เพราะสถานที่นี้ เปรียบเสมือนบ้านพักอันอมตะของทวยเทพ
ผู้มุ่งหมายจะรังสรรค์ความดีงาม สดชื่น สนุกสนาน ให้แก่เด็กและผู้ใหญ่ทั้งหลายในโลกมนุษย์ต่อไป
ตราบชั่วนิรันดร์.

พระนางเรียกประชุมลับกับสภาเทพโดยเร่งด่วนขณะนั้นเองในที่สุดก็มีวิธีการ
แต่นางฟ้าน้อยทั้งสองต้องลำบากเล็กน้อย แม้ว่าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปขอยาแก้ฤทธิ์จ
ากแม่มดผู้หลงในความชั่วร้ายและเสพติดกับผลไม้แห่งความทุกข์ ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก
ที่จะขอร้องหรือทำลายแม่มดเหล่านี้ แต่ทั้งสองต้องหาวิธีทำให้เกิดความสุขอันแท้จริงขึ้นใน
จิตใจของเด็กชายทั้งสองคนนั้นและถ้างานครั้งนี้สำเร็จการช่วยเหลือเจ้าหญิงแสนงาม
ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือแม่มดก็จะง่ายขึ้น

ราชินีครุ่นคิดอยู่ไม่นานนักก็บอกให้นางฟ้าน้อยทั้งสองไปร่ำลาเด็กชายและบอกว่า
จะไปปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยให้เด็กชายทั้งสองพ้นทุกข์ โดยต้องเสี่ยงภัยและ
ยอมสละชีวิตเพื่อเพื่อนทั้งสองคน ดังที่ตั้งใจเอาไว้ เด็กชายทั้งสองงงงันมาก เพราะ
ไม่เคยนึกว่าตนเองมีค่าขนาดมีผู้ยอมสละชีวิตให้ เขาได้แต่ทัดทานแต่ในที่สุดก็ต้องปล่อยให้
เพื่อนจากไปด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเองไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทำให้พวกเธอต้องลำบาก
ทิงเกอร์เบล มีประวัติเคยกลืนยาพิษร้ายเพื่อช่วยชีวิตปีเตอร์แพนในอดีต
ปีเตอร์แพนคิดถึงความหลังแล้วเขาเศร้าโศกและอาลัยในทิงเกอร์เบลยิ่งนัก
ไม่มีเพื่อนคนไหนจะดีกว่านี้อีกแล้ว ส่วน
เบคกี้ก็เคยร่วมผจญภัยกับทอม ซอว์เยอร์มาตลอด
ไม่ว่าเขาจะไปเล่นซุกซนหรือเสี่ยงอันตรายเพียงใดแม้เบคกี้จะเป็นเทพธิดาน้อยที่แสนอ่อนหวาน
เรียบร้อยและไม่ชอบการผจญภัยนัก แต่เธอก็เฝ้าติดตามไปดูแลและเคยช่วยเหลือทอมจากภยันตราย
บ่อยครั้งด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ.....

ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองจากไป ชาวอาณาจักรอมตะที่แสนสุขก็ได้รับข่าวว่า
เพื่อนหญิงทั้งสองถูกแม่มดจับไว้
และจะสังหารเพื่อดูดความอมตะออกไปแล้ว
ทั้งสองก็ต้องหายไปชั่วนิรันดร์กาล เด็กชายทั้งสองทราบเรื่องแล้วตกใจมาก
เขาลืมความทุกข์ของตนจนหมดสิ้น มีแต่แรงใจที่จะต้องไปช่วยเหลือ
เพื่อนน้อยๆที่แสนดีให้จงได้ เขาเดินทางไปยังป่าแห่งปริศนาและได้พบกับ

มังกรโบโบ้
ผู้ซึ่งเฝ้ากักขังเด็กหญิงทั้งสองอยู่ ตามคำสั่งของแม่มด มันบอกเด็กชายทั้งสองอย่างนั้น
และจากนั้นก็
ท้าดวลกันเมื่อรู้ว่าเด็กชายทั้งสองจะมาช่วยเทพธิดาน้อย
มังกรโบโบ้หน้าตาใจดีแต่มีอาวุธรอบตัว แถมมีขนแหลมๆที่คอยทิ่มแทงให้เจ็บปวด
มีหอกอาญาสิทธิ์ มีดาบอัศวินชั้นที่หนึ่ง มีปืนพระแสงของราชาที่ได้จาก
การทำสงครามเมื่อ700ปีที่แล้ว มีโล่ห์วิเศษที่มีมีดสั้นสีแดงเพลิงแสบตาดุจดวงตะวัน
มีอาวุธอีกมากมายสำหรับต่อสู้เด็กผู้ชายได้ทั้งกองทัพ แต่เด็กทั้งสองคน 
เมื่อเห็นเพื่อนหญิงน้อยๆตกอยู่ในอันตราย ก็คิดแลกชีวิตให้แก่เธอเช่นกัน

ทั้งสองร่วมกันสู้รบกับมังกรโบโบ้จากเช้าจรดเย็นอย่างเหนื่อยอ่อน
และเหลือบมองเห็นปีกระยิบระยับของนางฟ้าทั้งสองจางแสงลงไปทุกที 
พวกเขารู้สึกเศร้าโศกอย่างแท้จริง ถ้าเขาไม่มัวแต่โศกเศร้ากับอำนาจของแม่มด
ด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนั้น เหตุใหญ่อันถึงกาลดับสูญชั่วนิรันดร์คงไม่เกิดขึ้นเป็นแน่ 
เขาทั้งสองช่างโง่เขลาเสียจริงเชียว

ในที่สุดมังกรโบโบ้ก็ได้พ่นไฟแต่เป็นไฟที่มีกลิ่นหอมอบอุ่นของผลไม้สุกเข้าใส่เด็กชายทั้งสอง
 เมื่อตอนอาทิตย์ลับขอบฟ้าพอดี เด็กชายทั้งสองสลบไปทันที ก่อนที่เขาจะล้มลงเขามองไปที่เพื่อนรัก
ของเขาเป็นครั้งสุดท้ายเห็นเธอมีน้ำตาอาบแก้มและดูหมดเรี่ยวแรง แต่เธอก็ตะโกนให้ได้ยินเสียงแผ่วๆว่า
“จงเชื่อในความรัก” พวกเขาได้ยินแว่วๆก่อนจะล้มลงหลับนิ่งสนิทไปในทันที……..

มหัศจรรย์จริงๆที่เด็กชายทั้งสองตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง บนที่นอนอันอ่อนนุ่ม
มีกลิ่นหอมและเต็มไปด้วยสิ่งงดงามรอบๆตัว สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุดในขณะนี้คือ
เบคกี้และทิงเกอร์เบลกำลังนั่งยิ้มอยู่ข้างๆเตียงนอนและมีแสงระยิบระยับสดใสมากขึ้น
กว่าที่เคยเป็นมาจนเป็นความสว่างพร่างพรายเหมือนแสงเพชร เขาก้มดูตัวเอง
เขากลายเป็นเทพบุตรน้อยในดินแดนนิทานของเราไปแล้ว
แสงในตัวของปีเตอร์แพนเป็น
สีมรกต ส่วนทอม ซอว์เยอร์เป็นสีทับทิมชมพูใสสว่าง
เขามีความสุขที่ได้เห็นเพื่อนทั้งสองอีกครั้งเสียจนมนตราแม่มดทำสิ่งใดไม่ไได้
มันช่างดูเล็กน้อยเหลือเกินเขาสร้างความสุขขึ้นในใจได้แล้วด้วยการเสียสละ
เพื่อผู้อื่นและด้วยความรักในมิตรภาพอันงดงามที่จีรังยั่งยืนกว่าการเล่นไปวันๆเป็นยิ่งนัก
ในที่สุดเขาก็หายจากโรคนี้อย่างเด็ดขาดและรู้จักมันดีพอที่จะนำไปเล่าให้เพื่อนๆฟังได้

ราชินีเสด็จแล้ว เสียงองครักษ์ที่เป็นเทพธิดาน้อยประกาศขึ้นด้วยเสียงกังวานใสแจ๋ว
พระนางงดงามอยู่ในชุดราชินีชุดยาวสีฟ้าอ่อน ประดับอัญมณีเลื่อมพรายพร้อมมงกุฎเพชรสีน้ำเงิน
งดงามเฉิดโฉมที่สุด…..พระนางให้เกียรติต่อทั้ง 4 เทพยดาเป็นอย่างยิ่ง
ทรงตรัสยกย่องชมเชยความเสียสละของทั้งสี่อันหาได้ยากและประกอบด้วยความกล้าหาญ
มุ่งมั่นพยายามไม่ยอมท้อถอย  เมื่อเด็กชายร่วมรบ ฝ่ายหญิงก็ต้องร่วมพลังส่งไปช่วยด้วย
เพราะหัวใจน้อยๆที่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดทั้งสองฝ่าย
พระนางตรัสว่าวิธีการที่ทั้งสี่ได้กระทำนี้ เป็นกลยุทธหรือวิธีการรักษาโรคที่เกิดจากผลไม้พิษ
ทำนองนี้วิธีหนึ่ง ที่ปฏิบัติได้ยาก พระนางทรงพระสรวลน้อยๆด้วยความเมตตา และตรัสว่า
ถึงอย่างไรก็ยังไม่เคยมีเทพยดาองค์ใดที่มีคุณธรรมความดีและความงามความรักในจิตใจ
ต้องพ่ายแพ้เลยแม้แต่องค์เดียว

ทรงปรบมือสามครั้ง…มีสุนัขน่ารักมากอ้วนขาวขนฟู มีสีน้ำตาลคาดที่ดวงตาแจ่มใสเฉลียวฉลาด
และบอกทั้งสี่ว่านี่คือ……
โบโบ้…….เป็นสัตว์วิเศษที่มีอิทธิฤทธิ์อำนาจมากที่สุด แต่ใจดีที่สุด
โบโบ้เป็นหมอวิเศษที่จะหาทางปรุงยาสกัดออกมาจากจิตใจที่จริงแท้ของเทพทุกองค์ 
เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันวิเศษตลอดไป และช่วยรักษาป้องกันโรคได้ด้วยโบโบ้เป็นมังกรอัศวินชั้น 1
 ที่สงวนไว้เป็นความลับ แต่โบโบ้น่ารักและใจดี ไม่เคยทำให้ใครต้องรับบาดเจ็บ
ถึงขั้นที่แม่มดเคยทำ เพราะโบโบ้ผ่านวิชาเทพยดามาแล้ว  ทุกคนรุมกันเข้ากอดหอมโบโบ้
ผู้ทำให้เขาพ้นจากพิษแม่มดไลล่าอย่างรักใคร่และสำนึกบุญคุณ
และรับปากว่าจะไม่บอกใครว่า…โบโบ้คือใคร……โบโบ้ยิ้มรับและพูดด้วยเสียงห้าวๆ…นุ่มๆ
ว่า ไม่เป็นไร เพราะผู้ใหญ่ในดินแดนนี้กว่าครึ่งรู้จักโบโบ้ดี  แต่เวลาทำงานก็ทำงาน
โบโบ้หลิ่วตา…เด็กๆก้มศีรษะรับทราบสัญญาอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง
ไม่รู้ตัวว่าได้พบกับ
พระราชาน้อยแล้ว

จากนั้นราชินีนางฟ้าน้อยก็ทรงบอกว่าได้จัดงานเฉลิมฉลองการเอาชนะอำนาจแม่มด
ที่ในวังหลวง และเป็นเกียรติแก่ ทั้งสี่ เทพยดาน้อย ดังนั้นเทพยดาและมนุษย์น้อยๆทั้งหลาย
ก็ได้มาร่วมแสดงความยินดีและร่วมรื่นเริงจนตราบชั่วราตรีนั้น

 


>> Home :: Varities

 3 oct. 2001::20.00                                                        

สโนว์ไวท์

    สโนว์ไวท์เป็นชื่อของเจ้าหญิงน้อย ที่เกิดมาท่ามกลางความรักของพระราชาและพระราชินีผู้เป็นบิดามารดา
 ชื่อของเธอแปลว่า หิมะสีขาว เพราะผิวของพระองค์งดงามละเอียดอ่อนขาวผ่อง เธอมีดวงตาที่แสนหวานและ
ริมฝีปากแดง แก้มแดงเปล่งปลั่งตั้งแต่ยังเป็นทารกน้อยๆอยู่ แต่โชคร้ายจริที่เธอมีแม่เลี้ยงเป็นนางแม่มดร้าย
แปลงกายมาเป็นราชินี  นางเป็นผู้หลงใหลในความงามของตนและอิจฉาผู้อื่นที่สวยกว่านางในระยะที่เจ้าหญิง
ยังเล็กอยู่ราชินีให้เธอทำงานดุจคนรับใช้แต่ความมีจิตใจดีและอดทนยอมรับสภาพของตนเองได้ทำให้สโนว์ไวท์
มีความชำนาญในงานบ้านเรือนทุกประเภทเป็นเด็กดีและมีประชาชนรักมากมาย….สโนว์ไวท์ร้องเพลงได้ไพเราะ
แม้ว่าเธอจะต้องทำงานหนัก แต่เธอก็ยังคงความงดงามที่เพิ่มขึ้นตามวัย และมีหัวใจที่บริสุทธิ์

    สโนว์ไวท์เป็นผู้ที่มีความอดทนและจัดแจงการงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้เก่งมากมีความกล้าหาญและใจดี
วันหนึ่งขณะที่เธอทำงานบ้านและร้องเพลงที่แสนไพเราะ ฝันถึงเจ้าชายหนุ่มรูปงาม สักวันหนึ่งเธอจะได้พบกับเขา

    ราวกับปาฏิหารย์ เมื่อเจ้าชายหนุ่มน้อย ซึ่งเสด็จประพาสป่าได้ยินเสียงร้องเพลงของเธอซึ่งใสไพเราะน่าฟังเป็นที่สุด
เจ้าชายเกิดความสนใจและตามมาจนพบเธอเจ้าชายอยากรู้จักเธอแต่เธอวิ่งหนีไปซ่อนตัวเพราะความตกใจ
เจ้าชายเห็นความงามบริสุทธิ์และความน่ารักมาก ทำให้เจ้าชายคิดจะแต่งงานกับเธอให้ได้แล้วเจ้าชายก็รีบเดินทาง
กลับวัง เพื่อบอกพระราชาว่าพบกับหญิงงามที่ถูกพระทัยแล้ว

    แต่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเพราะแม่มดถามกระจกวิเศษว่าผู้ใดงามที่สุดในปฐพีกระจกวิเศษเอ่ยชื่อเจ้าหญิงออกมา
ราชินีใจร้ายโกรธมากและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันความงามระหว่างผู้หญิงทั้งสองคนนี้และสโนว์ไวท์
ก็ตกอยู่ในภยันตรายตั้งแต่บัดนั้น…เพราะราชินีนั้นแท้จริงแล้วคือแม่มดร้าย ที่มีอำนาจสูงและดูหมิ่นผู้หญิงดีๆ
เรียบร้อยแบบสโนว์ไวท์นางมักจะดุว่าเธอราวกับเธอเป็นคนโง่เง่า…นางเป็นผู้หญิงที่เก่งในการปกครองบ้านเมือง
โดยอาศัยอำนาจที่มีอยู่…แต่ทนไม่ได้ที่ผู้หญิงธรรมดาที่ทำการบ้านการเรือนอย่างสงบเสงี่ยมนั้นมีความงดงามมากกว่า
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน โดยกระจกวิเศษซึ่งพูดแต่ความจริงเท่านั้นเป็นผู้ตัดสิน…แผนการร้ายที่ลึกล้ำของราชินีจึงเกิดขึ้น
ขั้นแรก นางคิดจะกำจัดเธอโดยใช้การฆ่าเพื่อให้ปราศจากเธอในโลกนี้ แต่พรานผู้ถูกสั่งนั้นกระทำไม่ลง ได้แต่บอกให้เธอ
จงหนีไป ...
    
     สโนว์ไวท์หวาดกลัวมากเพราะเธอต้องเดินทางไปสู่ป่าที่เธอไม่คุ้นเคยแต่ในที่สุดเธอก็ได้รับรู้ว่าในป่ามีเพื่อนสัตว์
มากมายที่น่ารักและเป็นมิตรกับเธอ…เธอได้รู้จักกับคนแคระทั้งเจ็ดและได้อาศัยอยู่กับพวกเขาอย่างมีความสุขในฐานะแม่
ของคนแคระเหล่านั้นและทำงานบ้านอย่างดีที่สุดจนกระท่อมน้อยสวยงามและมีเพื่อนเป็นสัตว์ป่าเหล่านั้น..ที่มาฟังสโนว์ไวท์
ร้องเพลงให้ฟังทุกๆวัน….

    แม่มดราชินีลองถามกระจกวิเศษอีก แต่กระจกยังตอบเหมือนเดิม และพระนางเห็นสโนว์ไวท์อยู่อย่างมีความสุข
กลางป่าใหญ่ ก็ทนความริษยาไม่ได้ จึงปลอมตัวเป็นหญิงชรานำหวีที่สวยงามแต่เป็นหวีอาบยาพิษ นำไปขายให้สโนว์ไวท์
ด้วยความสวยงามของหวีนั้นเธอหลงกลแม่มดเมื่อสับหวีเข้าที่ศีรษะเธอก็ล้มสลบลงทันทีราชินีดีใจที่สโนว์ไวท์มีความ
อยากได้และขาดความระมัดระวังตัว จนนางได้กลับเป็นผู้ที่สวยที่สุดอีกครั้ง แต่นางมีความสุขได้ไม่นานนัก
คนแคระทั้งเจ็ดกลับบ้านมาพบเธอจึงดึงหวีออกจากศีรษะเธอเธอก็ฟื้นขึ้นใหม่…เหล่าคนแคระต่างเตือนเธออย่าง
จริงจังเรื่องการคบผู้คน โดยลืมไปว่าสโนว์ไวท์เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี และรักทุกคน พวกเขาพยายามปกป้องเธอ…
จริงๆแล้วคนแคระก็คือเหล่าเทพผู้พิทักษ์เจ้าหญิงนั่นเอง

    
    ราชินีรู้ข่าวว่าสโนว์ไวท์ยังรอดชีวิตหนนี้นางใช้แอปเปิลพิษที่น่ากินที่สุดในโลกไปหลอกล่อสโนว์ไวท์..สโนว์ไวท์ก็หลงกล
กินแอปเปิลที่นางนำไปให้เพราะความซื่อและจริงใจเกินไปจนขาดความระวังมีความประมาท ทำให้เธอสิ้นสติ
หนนี้ราชินีทำงานสำเร็จ..คนแคระเศร้าโศกมากที่ต้องสูญเสียเธอไปเพราะแอปเปิลที่มีรสหวานกลิ่นหอมสีสวยและเป็นอาหาร
เพื่อสุขภาพที่แฝงด้วยยาพิษจากผู้ที่มีจิตใจร้ายกาจเมื่อสโนว์ไวท์กินเข้าไปจึงเป็นยาพิษที่ทำลายชีวิต

    คนแคระนำเธอใส่โลงแก้วและปลูกดอกไม้ไว้ให้เธอพร้อมกับไปเฝ้าเธอทุกวันจนกระทั่งเจ้าชายที่เดินทางกลับมาหา
สโนว์ไวท์อีกครั้ง...ได้มาพบเข้า..พระองค์โศกเศร้าเสียใจมากเช่นกันแต่ก็ขอร้องคนแคระว่า.จะนำเธอกลับไปที่วังด้วย
เพราะพระองค์รักเธอมาก…

    ราวกับปาฏิหารย์เมื่อเคลื่อนโลงแก้ว มีความกระเทือนเกิดขึ้น แอปเปิ้ลพิษก็หลุดจากปากของสโนว์ไวท์
เธอฟื้นคืนชีพเป็นปกติทุกอย่าง..และมีความงามมากขึ้นกว่าเดิมทั้งยังสุขุมรอบคอบและเป็นผู้ใหญ่จริงๆ…ราวกับเธอเป็น
คู่แข่งที่ทัดเทียมกันของแม่มดร้ายที่มีความงามเลิศในปฐพี…เจ้าหญิงยิ่งงดงามขึ้นเมื่อมีความรัก..วันนั้นราชินีแม่มด
ส่องกระจกดูอีกครั้งและกระจกบอกว่าสโนว์ไวท์สวยที่สุดในปฐพี…คราวนี้แม่มดเห็นความจริงที่ว่าทำอย่างไรเธอก็ไม่อาจ
งดงามกว่าสโนว์ไวท์ได้อีกแล้ว…เพราะสโนว์ไวท์สวยงามจากภายในและมีอำนาจวิเศษจากใจบริสุทธิ์และความรัก
ในสิ่งทั้งปวง
แม้นางจะเก่งกาจเพียงใดก็ต้องพ่ายแพ้แก่อำนาจคุณความดีที่แท้จริง…ซึ่งคือความรักที่สโนว์ไวท์ได้มอบ
ให้กับทุกคนด้วยจิตใจอันงดงามยิ่ง….ราชินีจึงอกแตกตายด้วยความเคียดแค้นที่พ่ายแพ้….ส่วนสโนว์ไวท์ได้อภิเษกกับเจ้าชาย
และทั้งสองก็มีความสุขตลอดไป………เธอเป็นที่รักของทุกคนจนบัดนี้… 

 


>>Home::Varities

 เจ้าหญิงนิทรา

     ออโรร่า….หรือ แสงอรุณ เป็นชื่อของเจ้าหญิงน้อยแสนงามที่สุด ผิวของเธอผุดผ่องขาวสะอาด
ผมสีทองและริมฝีปากดุจกลีบกุหลาบ….วันที่เธอเกิดเป็นวันที่พระราชาและพระราชินีโสมนัสเป็นที่สุด
พสกนิกรต่างยินดีปรีดากันถ้วนหน้า
พระราชาจัดงานฉลองต้อนรับพระธิดาน้อยๆองค์นี้อย่างใหญ่โต
โดยเชิญพระราชาอีกแคว้นหนึ่งมาร่วมด้วยพร้อมทั้งเชิญเทพธิดามาให้พรแก่เจ้าหญิง
แต่น่าเสียดายที่พระองค์ไม่ยอมเชิญนางแม่มดใจร้ายประจำอาณาจักรมาร่วมงานด้วยเพราะเกรง
จะก่อความไม่สงบ..แต่นางไม่ยอมเข้าใจและรู้สึกอาฆาตแค้นเป็นยิ่งนัก

     วันงานเหล่าเทพยดามาร่วมกันอวยพรเจ้าหญิง แม่ทูนหัว3พระองค์แม่ทูนหัวองค์ที่1ให้พระพรเป็น
ความงามจากสวรรคองค์ที่2ให้เป็นเสียงอันไพเราะจากสวรรค์ก่อนที่องค์ที่3จะถวายพระพรก็ปรากฏร่าง
ของแม่มดร้ายที่ตรงเข้ามาด้วยบรรยากาศอันน่าสพึงกลัว
นางกล่าวคำสาปให้เจ้าหญิงสิ้นพระชนม์เมื่ออายุครบ 16 ปี ด้วยการถูกเข็มเครื่องปั่นฝ้ายแทงมือ
โชคดีที่เหลือพรอยู่อีก 1 ข้อ แม่ทูนหัวองค์ที่ 3แก้คำสาปไม่ได้แต่บรรเทาลงให้เพียง
เจ้าหญิงนิทราจนกว่าจะพบกับรักแท้…
.

     พระราชาและพระราชินีเกรงกลัวว่าเจ้าหญิงจะเป็นไปดังคำสาป
จึงพระราชทานเจ้าหญิงให้กับเทพธิดาทั้งสามพระองค์คอยดูแลเลี้ยงดูและคุ้มครองเจ้าหญิง
เทพธิดาทั้งสามต้องงดใช้เวทมนตร์จนกว่าจะพ้นจากคำสาปนั้น เพื่อไม่ให้แม่มดหาตัวเจ้าหญิงพบ.

     เจ้าหญิงเติบโตขึ้นมาในกระท่อมกลางป่าอันงดงามแวดล้อมด้วยความรักความอบอุ่นจากแม่ทูนหัว
ทั้งสามพระองค์ เธอมีเสียงอันไพเราะและมีความงามยิ่งนัก และมีเมตตากรุณารื่นเริงสดชื่น
เธอไม่รู้ศักดิ์ศรีที่แท้จริงของตนเองแม้แต่น้อย…เธอมีเพื่อนก็เพียงเหล่าเทพยดาน้อยๆที่แปลงร่าง
เป็นนกน้อยและสัตว์ป่าน่ารักต่างๆ..เช่นกระต่าย กระรอก ฯลฯ….เธอมักจะร้องเพลงเสมอเมื่อเข้า
ไปเก็บผลไม้ในป่าใหญ่……เพื่อนน้อยๆเหล่านี้รักเธอมากเพราะเธอมีความฝันอันงดงามและมีจิตใจ
ผ่องใสไม่เคยพบพานกับความโหดร้ายใดๆ…จึงเป็นผู้มีความงดงามทั้งใจและกาย…เธอทำให้
ทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอมีความสุขมากเพราะความน่ารักของเธอ…….เธอได้รับนามใหม่ว่า

เอเมอราลด์โรสหรือกุหลาบมรกต

 

     วันที่เธออายุครบ 16 ปี เป็นวันที่แม่ทูนหัวทั้งสามยินดีที่สุด พวกเธอวางแผนการณ์จัดฉลอง
วันเกิดให้แก่เจ้าหญิงเธอให้เจ้าหญิงออกไปเก็บลูกเบอร์รี่ในป่า….ขณะที่พวกเธอเตรียมงานฉลองนั้น
เจ้าหญิงเข้าไปเก็บผลไม้ในป่าและร้องเพลงด้วยเสียงอันไพเราะเพราะพริ้งยิ่งนัก..ล้อมรอบไปด้วย
เพื่อนสัตว์น่ารักทั้งหลาย…เจ้าหญิงฝันถึงชายหนุ่มรูปงาม..พระองค์อยากเต้นรำ…เพื่อนสัตว์เหล่านั้น
จึงพยายามเป็นคู่เต้นรำให้กับเจ้าหญิง…น่ารักน่าเอ็นดูมาก….
เจ้าหญิงมีความสุขสดใสร่าเริงเป็นอย่างมาก
เสียงร้องเพลงของเธอกังวานไปไกล

     ขณะนั้นเจ้าชายหนุ่มซึ่งเป็นพระคู่หมั้นตอนเล็กๆ ซึ่งได้รับเชิญร่วมกับพระบิดาให้มางานฉลองครบรอบ
อายุ 16 ปีของเจ้าหญิง ได้เสด็จประพาสป่าโดยปลอมตัวเป็นสามัญชน หลบผู้คนองครักษ์ทั้งหลายขี่ม้า
มาเพียงลำพังพระองค์ได้ยินเสียงเพลงไพเราะนั้นจึงขี่ม้าลัดเลาะเข้ามาจนเจอเจ้าหญิง
และได้ทำความรู้จักร้องเพลงร่วมกันอย่างไพเราะ และทั้งสองก็หลงรักซึ่งกันและกัน
 ในที่สุดเจ้าชายจะตามไปพบเธอเวลาค่ำวันนั้นที่กระท่อมของเธอ
ทั้งสองต่างคิดว่าแต่ละฝ่ายเป็นสามัญชน

     ฝ่ายแม่ทูนหัวพยายามจัดงานเลี้ยงแบบคนธรรมดาจัดแต่ไม่สำเร็จ
เพราะพวกเธอชำนาญแต่เวทมนตร์วิเศษในที่สุดก็เผลอใช้เวทมนตร์เนรมิตสิ่งต่างๆ
แสงจากเวทมนตร์พุ่งทะลุปล่องไฟเห็นเป็นประกายสีต่างๆอย่างสวยงาม…โชคไม่ดีที่กาดำ
 สัตว์เลี้ยงแสนรู้ของแม่มดได้ออกมาสืบหาเจ้าหญิง..และได้เห็นแสงเหล่านี้จึงนำไปบอกนางแม่มด

     เมื่อเจ้าหญิงกลับมาพบกับความมหัศจรรย์เหล่านั้นก็แปลกใจ แต่เธอตกตลึงเมื่อรู้ฐานะอันแท้จริงของตน
พร้อมทั้งมีพระคู่หมั้นแล้วเป็นเจ้าชาย…เธอบอกว่าเธอพบรักแล้วกับหนุ่มรูปงามที่ในป่า
แต่เทพธิดาแม่ทูนหัวบอกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้าหญิงต้อง-
อภิเษกสมรสกับเจ้าชายตามราชประเพณี

     เจ้าหญิงรู้สึกเศร้าโศกและสับสนในจิตใจเธอวิ่งหนีไปซบหน้าร้องไห้ในห้องที่มีเตาผิง
เป็นโอกาสดีของแม่มดร้ายที่อาศัยจังหวะนี้สะกดจิตเจ้าหญิงให้เดินตามเสียงของนางไปยังห้องใต้หลังคา
ภายในพระราชวัง เล็ดลอดจากสายตาของแม่ทูนหัวโดยใช้ทางออกที่เตาผิงนั่นเอง เมื่อแม่ทูนหัวรู้เข้าก็ตกใจมาก
พวกเธอรีบตามไปแต่ ไม่ทันการณ์เสียแล้ว    

     แม่มดหลอกล่อเจ้าหญิงไปที่เครื่องปั่นฝ้ายและให้เข็มแทงนิ้วมือของเธอเมื่อเลือดหยดจากปลายนิ้วเธอก็
หลับสนิทไปทันที……พวกนางฟ้าแม่ทูนหัวเสียใจมาก
แต่ก็ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้คือร่ายเวทมนตร์ให้อาณาจักรแห่งนี้หลับไหลอยู่ในนิทราเช่นเดียวกับ
เจ้าหญิงทุกคนหลับไปในทันที….

     ในเวลานั้นเจ้าชายไปหาเอเมอราลด์โรสตามที่นัดกันไว้
เมื่อไปถึงกระท่อมก็รู้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…แม่มดและสมุนช่วยกันจับเจ้าชายไปขังไว้ในห้องใต้ดิน
แม่ทูนหัวทั้งสามลักลอบเข้าไปช่วยเจ้าชายโดยใช้อำนาจวิเศษและเล่าความจริงทั้งหมดให้เจ้าชายฟัง
เจ้าชายซึ่งรักเจ้าหญิงมาก..รู้สึกโกรธมากและต้องการกำจัดนางเพื่อถอนคำสาปให้แก่เจ้าหญิง

     เจ้าชายขี่ม้าขาวแสนรู้ไปต่อกรกับนางแม่มด ซึ่งกำลังโกรธจัดที่เจ้าชายฟันฝ่าเวทมนต์ของนาง
มาจนถึงปราสาท นางแปลงร่างเป็นมังกรที่ดุร้ายที่สุด…. เจ้าชายสู้อย่างกล้าหาญและมีแม่ทูนหัว
ทั้งสามคอยช่วยเหลือตลอดเวลาของการต่อสู้นั้น
เหล่าเทพยดาน้อยทั้งหลายตกตลึงมองอย่างหวาดหวั่น…เกรงเจ้าชายจะพ่ายแพ้
แต่ก็ร่วมพลังส่งเวทมนตร์แห่งรักแท้ให้แก่คทาวิเศษของแม่ทูนหัวทั้งสาม 
ทำให้เจ้าชายแคล้วคลาดจากอันตรายทุกครั้ง
ในที่สุดเจ้าชายได้พุ่งดาบกายสิทธิ์เข้าสู่หัวใจของแม่มด
ที่แปลงเป็นมังกรนางตกจากหน้าผาสูงและถึงแก่ความตาย….ทำให้คำสาปของนางเสื่อมฤทธิ์ไปด้วย

     แม่ทูนหัวพาเจ้าชายขึ้นไปสู่ห้องหอคอยชั้นบนที่เจ้าหญิงนิทราอยู่เจ้าชายเดินเข้าไปหาและได้เห็น
ความงดงามยิ่งนักของเจ้าหญิง เจ้าชายจุมพิตเธอด้วยรักแท้เจ้าหญิงจึงตื่นขึ้น
 และแสนจะยินดีที่ได้ทราบว่า…ผู้ชายที่เธอรักนั้นคือเจ้าชายนั่นเอง

     แม่ทูนหัวช่วยกันคลายมนตราที่สะกดอาณาจักรนี้ให้อยู่ในความหลับไหล ทุกอย่างตื่นขึ้น
เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…….ทุกคนทำหน้าที่ของตนต่อไป

     พระราชาและพระราชินีปลื้มปิติที่สุด เมื่อเห็นเจ้าหญิงออโรร่าเสด็จลงมาพร้อมกับเจ้าชาย
เจ้าหญิงช่างสวยงามนักและมีพระทัยที่ดีงาม…..พระราชาประกาศพิธีสยุมพร
เจ้าชายและเจ้าหญิงทรงเต้นรำด้วยกันอย่างมีความสุข คืนนั้นเป็นคืนที่มีความสุขที่สุดของทุกคน

บรรดาเหล่าเทพยดาน้อยๆต่างก็ร่วมกันร้องรำทำเพลงในงานฉลองนั้นอย่างมีความสุข
พร้อมๆกับแม่ทูนหัวทั้งสาม…..ภารกิจหน้าที่ในการพิทักษ์ปกป้องเจ้าหญิงแสนงามได้สิ้นสุดลงแล้ว
ด้วยความปิติยินดีของทุกๆคน