นิ ท า น
โดย::คุณหมอ
ดินแดนแห่งอมตะแสนสดชื่นสวยงามอ่อนหวาน
เป็นต้นกำเนิดนิทานและเทพนิยายอันเบิกบานใจ
สภาพภูมิสถาปัตย์
ต้นสนสีเขียวต้นใหญ่ใบพริ้วแต่ไม่หนาแน่นพอสบายตาจำนวนมากมายเป็นป่ากว้าง
พื้นดินแข็งเรียบสะอาดสะอ้าน
มีท้องทุ่งอยู่ไม่ไกลนักมีดอกไม้ตูมบานสลับกันตลอดเวลา
คล้ายต้องมนต์วิเศษสีสันงามนุ่มละมุนสายตาแต่สดใสชัดเจนเหล่านางฟ้ามีปีกอ่อนหวานพริ้ว
บินนุ่มนวลกำลังดูแลลูกสัตว์และมนุษย์น่ารักน้อยๆที่ทำกสิกรรมกันอยู่
ทุกคนล้วนมีหน้าตาน่ารัก
และสดใส
มีรอยยิ้มอยู่ทั่วไป
มีลานกว้างเป็นที่ประชุมกลางคืนใต้แสงจันทร์
ประดับประดาอย่างงดงามด้วย
กิ่งสนและช่อดอกไม้หอมระรื่น
ปูลาดด้วยหญ้าเขียวดุจพรม
อากาศลมเย็นค่อนข้างหนาว
พัดพอสบายใจ
แสงสว่างเป็นแสงอาทิตย์ยามเช้าอ่อนๆตลอดเวลา
ลมค่อนข้างแรงจนใบไม้กระทบกันเป็นเสียงเพลงไพเราะบรรยากาศเบาสบายปลอดโปร่งจริงๆ
ที่นี่เป็นที่ทำงานของคุณแม่สาวน้อยน่ารัก
ผู้มีปีกทิพย์โบยบินไปทั่วโลกแห่งความฝันและมีแววตา
อมตะที่จารึกความเป็นจริงไว้
ในดวงตาสีฟ้าแสนหวานอ่อนโยน
พวกเราเหล่านางฟ้าและเทพบุตรน้อย
ต่างมีชีวิตอมตะเพื่อทำประโยชน์ให้แก่มนุษย์
ในโลกจริง
พวกเราได้รับการสั่งสอนสืบเนื่องมาว่าเรามีหน้าที่ต่อผู้ยากไร้ต่างๆทั่วจักรวาลนี้
อันมักจะพบแต่ความปวดร้าวจากสัจธรรมและความตายอันแสนเปล่าเปลี่ยว
ทิงเกอร์เบลกับเบ็คกี้นางฟ้าน้อยกลุ่มปีกสีส้มอ่อน
กำลังถกเถียงกันอย่างเคร่งขรึมว่า
ประชุมคราวนี้ควรจะเลือกมนุษย์ที่น่าสงสารคนใดเข้าที่ประชุมสภา
ระหว่าง ปีเตอร์แพน
ผู้ปราดเปรียวและทอม
ซอว์เยอร์ผู้แสนเปรื่องปราด
เขากำลังตกที่นั่งลำบากทั้งคู่
เสมือนมีตัวอะไรมาทำให้ความสดชื่นในชีวิตหายไป
ทำให้หนุ่มน้อยทั้งสอง
กลายเป็นคนซึมเศร้าเหงาหงอย
ไม่เล่นอย่างเคย
ทิงเกอร์เบลกล่าวว่า
ถึงคราวที่โลกแห่งความฝันของเด็กๆจะสูญสิ้นไปแล้วกระมัง
เบ็คกี้ตอบทันทีฉันสังเกตมานานแล้วว่า ดินแดนแห่งนิทานอมตะที่เคยเรืองโรจน์เหล่านี้ กำลังมืดมนลงอย่างช้าๆ
ทั้งสองสบตากันอย่างหวาดหวั่น ทิงเกอร์เบลเอ่ยอย่างจริงจังว่านั่นคงจะเป็นเพราะแม่มดน้อยถูกกักขังในนามของเวทมนต์ที่ชั่วร้ายของแม่มดแก่ๆแน่ๆเลย
เบ็คกี้หุบปีกนางฟ้าสีส้มอย่างหดหู่
และนั่น เป็นสาเหตุที่ทำให้แม้แต่เด็กผู้ชายแสนซนทั้งสองคนของเราต้องตกอยู่ในฝันที่ร้ายกาจ
ทิงเกอร์เบลพูดอย่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
เราควรจะรีบนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมสภาเทวนิทานอย่างเร่งด่วน ก่อนที่โลกของเราจะถูกทำลาย
นางฟ้าทั้งสองโบยบินจากไปจากสถานที่นั้น เพื่อไปเข้าเฝ้าราชินีแห่งโลกนิทาน
ไพรพนา
ซึ่งมีที่พำนักเป็นปราสาทหลังน้อยที่งดงามที่สุด
น่ารักสดใสด้วยสิ่งประดับ
ที่มาจากหัวใจของมนุษย์ผู้ใหญ่
ที่ส่งมาให้ทางความฝัน
เพื่อจรรโลงโลกแห่งความฝัน
และนิทานพรรณรายทั้งหลายให้คงอยู่ตลอดกาล
ขอให้ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ เพื่อโลกฝันของพวกเรา
ดินแดนแห่งเทพยดาองค์น้อยนั้น
มีความสุขมากเพราะมีแสงแห่งความสุขชนิดหนึ่ง
ซึ่งฉายส่องเข้าไปในหัวใจน้อยๆเหล่านั้น
ทำให้เป็นผู้มีดวงใจบริสุทธิ์
เมตตา อ่อนโยน
และมีความรักในทุกสรพสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเทพด้วยกันหรือมนุษย์และสัตว์รวมไปถึงต้นไม้ดอกไม้
ไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดดินแดนงดงามแห่งนี้จึงมีความสุขมากเช่นนั้น
.
ทอม เฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงความผิดที่เคยทำต่อคุณป้าผู้แสนดีและเคยใช้เล๋ห์กลอุบายเหล่านั้นด้วย
ความสนุก
เขาสำนึกผิดแล้ว
แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากความทุกข์
ส่วนปีเตอร์แพนก็เฝ้าแต่โกรธแค้น
และเชื่อมั่นว่า
กัปตันฮุค
ต้องร่วมมือกับแม่มดแน่ๆ
มิใยเพื่อนจะมาเยี่ยมเยียนแต่ทั้งสองก็ลุกไม่ขึ้น
เขาทั้งสองมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นทุกวัน
.
เธอต้องไปหาราชินีนางฟ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ราชินีนางฟ้ากำลังนั่งอยู่บนชิงช้าที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนหวานแซมด้วยสีม่วง
กลิ่นหอมระรื่นชื่นใจเป็นยิ่งนัก
เธอมองดูเทพธิดาน้อยทั้งสองที่อาสาจะช่วยเหลือเพื่อนด้วยการยอมเอา
อมตนิรันดร์แห่งสภาวะไปแลกกับชีวิตชีวาของเพื่อนรัก
ก็ทรงยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวด้วยเสียง
นิยมยกย่องชมเชยอันไพเราะว่า
เธอทั้งสองเป็นเพื่อนแท้ที่หามิได้อีกแล้ว
เด็กชายทั้งสองช่างโชคดี
เสียจริงเชียว
แต่ภายใต้อำนาจอมฤตนิรันดร์กาลของพระองค์
จะไม่มีแม่มดตนใดมาทำอันตราย
เหล่าเทพในการคุ้มครองของเธอได้เพราะสถานที่นี้
เปรียบเสมือนบ้านพักอันอมตะของทวยเทพ
ผู้มุ่งหมายจะรังสรรค์ความดีงาม
สดชื่น สนุกสนาน
ให้แก่เด็กและผู้ใหญ่ทั้งหลายในโลกมนุษย์ต่อไป
ตราบชั่วนิรันดร์.
พระนางเรียกประชุมลับกับสภาเทพโดยเร่งด่วนขณะนั้นเองในที่สุดก็มีวิธีการ
แต่นางฟ้าน้อยทั้งสองต้องลำบากเล็กน้อย
แม้ว่าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปขอยาแก้ฤทธิ์จ
ากแม่มดผู้หลงในความชั่วร้ายและเสพติดกับผลไม้แห่งความทุกข์
ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก
ที่จะขอร้องหรือทำลายแม่มดเหล่านี้
แต่ทั้งสองต้องหาวิธีทำให้เกิดความสุขอันแท้จริงขึ้นใน
จิตใจของเด็กชายทั้งสองคนนั้นและถ้างานครั้งนี้สำเร็จการช่วยเหลือเจ้าหญิงแสนงาม
ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือแม่มดก็จะง่ายขึ้น
ในที่สุดมังกรโบโบ้ก็ได้พ่นไฟแต่เป็นไฟที่มีกลิ่นหอมอบอุ่นของผลไม้สุกเข้าใส่เด็กชายทั้งสอง
เมื่อตอนอาทิตย์ลับขอบฟ้าพอดี
เด็กชายทั้งสองสลบไปทันที
ก่อนที่เขาจะล้มลงเขามองไปที่เพื่อนรัก
ของเขาเป็นครั้งสุดท้ายเห็นเธอมีน้ำตาอาบแก้มและดูหมดเรี่ยวแรง
แต่เธอก็ตะโกนให้ได้ยินเสียงแผ่วๆว่า
จงเชื่อในความรัก
พวกเขาได้ยินแว่วๆก่อนจะล้มลงหลับนิ่งสนิทไปในทันที
..
ราชินีเสด็จแล้ว
เสียงองครักษ์ที่เป็นเทพธิดาน้อยประกาศขึ้นด้วยเสียงกังวานใสแจ๋ว
พระนางงดงามอยู่ในชุดราชินีชุดยาวสีฟ้าอ่อน
ประดับอัญมณีเลื่อมพรายพร้อมมงกุฎเพชรสีน้ำเงิน
งดงามเฉิดโฉมที่สุด
..พระนางให้เกียรติต่อทั้ง
4 เทพยดาเป็นอย่างยิ่ง
ทรงตรัสยกย่องชมเชยความเสียสละของทั้งสี่อันหาได้ยากและประกอบด้วยความกล้าหาญ
มุ่งมั่นพยายามไม่ยอมท้อถอย
เมื่อเด็กชายร่วมรบ
ฝ่ายหญิงก็ต้องร่วมพลังส่งไปช่วยด้วย
เพราะหัวใจน้อยๆที่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดทั้งสองฝ่าย
พระนางตรัสว่าวิธีการที่ทั้งสี่ได้กระทำนี้
เป็นกลยุทธหรือวิธีการรักษาโรคที่เกิดจากผลไม้พิษ
ทำนองนี้วิธีหนึ่ง
ที่ปฏิบัติได้ยาก
พระนางทรงพระสรวลน้อยๆด้วยความเมตตา
และตรัสว่า
ถึงอย่างไรก็ยังไม่เคยมีเทพยดาองค์ใดที่มีคุณธรรมความดีและความงามความรักในจิตใจ
ต้องพ่ายแพ้เลยแม้แต่องค์เดียว
จากนั้นราชินีนางฟ้าน้อยก็ทรงบอกว่าได้จัดงานเฉลิมฉลองการเอาชนะอำนาจแม่มด
ที่ในวังหลวง
และเป็นเกียรติแก่ ทั้งสี่
เทพยดาน้อย
ดังนั้นเทพยดาและมนุษย์น้อยๆทั้งหลาย
ก็ได้มาร่วมแสดงความยินดีและร่วมรื่นเริงจนตราบชั่วราตรีนั้น
3 oct. 2001::20.00
สโนว์ไวท์
สโนว์ไวท์เป็นชื่อของเจ้าหญิงน้อย ที่เกิดมาท่ามกลางความรักของพระราชาและพระราชินีผู้เป็นบิดามารดา
ชื่อของเธอแปลว่า หิมะสีขาว เพราะผิวของพระองค์งดงามละเอียดอ่อนขาวผ่อง
เธอมีดวงตาที่แสนหวานและ
ริมฝีปากแดง แก้มแดงเปล่งปลั่งตั้งแต่ยังเป็นทารกน้อยๆอยู่
แต่โชคร้ายจริที่เธอมีแม่เลี้ยงเป็นนางแม่มดร้าย
แปลงกายมาเป็นราชินี นางเป็นผู้หลงใหลในความงามของตนและอิจฉาผู้อื่นที่สวยกว่านางในระยะที่เจ้าหญิง
ยังเล็กอยู่ราชินีให้เธอทำงานดุจคนรับใช้แต่ความมีจิตใจดีและอดทนยอมรับสภาพของตนเองได้ทำให้สโนว์ไวท์
มีความชำนาญในงานบ้านเรือนทุกประเภทเป็นเด็กดีและมีประชาชนรักมากมาย
.สโนว์ไวท์ร้องเพลงได้ไพเราะ
แม้ว่าเธอจะต้องทำงานหนัก แต่เธอก็ยังคงความงดงามที่เพิ่มขึ้นตามวัย และมีหัวใจที่บริสุทธิ์
สโนว์ไวท์เป็นผู้ที่มีความอดทนและจัดแจงการงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้เก่งมากมีความกล้าหาญและใจดี
วันหนึ่งขณะที่เธอทำงานบ้านและร้องเพลงที่แสนไพเราะ ฝันถึงเจ้าชายหนุ่มรูปงาม
สักวันหนึ่งเธอจะได้พบกับเขา
ราวกับปาฏิหารย์ เมื่อเจ้าชายหนุ่มน้อย ซึ่งเสด็จประพาสป่าได้ยินเสียงร้องเพลงของเธอซึ่งใสไพเราะน่าฟังเป็นที่สุด
เจ้าชายเกิดความสนใจและตามมาจนพบเธอเจ้าชายอยากรู้จักเธอแต่เธอวิ่งหนีไปซ่อนตัวเพราะความตกใจ
เจ้าชายเห็นความงามบริสุทธิ์และความน่ารักมาก ทำให้เจ้าชายคิดจะแต่งงานกับเธอให้ได้แล้วเจ้าชายก็รีบเดินทาง
กลับวัง เพื่อบอกพระราชาว่าพบกับหญิงงามที่ถูกพระทัยแล้ว
แต่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเพราะแม่มดถามกระจกวิเศษว่าผู้ใดงามที่สุดในปฐพีกระจกวิเศษเอ่ยชื่อเจ้าหญิงออกมา
ราชินีใจร้ายโกรธมากและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันความงามระหว่างผู้หญิงทั้งสองคนนี้และสโนว์ไวท์
ก็ตกอยู่ในภยันตรายตั้งแต่บัดนั้น
เพราะราชินีนั้นแท้จริงแล้วคือแม่มดร้าย
ที่มีอำนาจสูงและดูหมิ่นผู้หญิงดีๆ
เรียบร้อยแบบสโนว์ไวท์นางมักจะดุว่าเธอราวกับเธอเป็นคนโง่เง่า
นางเป็นผู้หญิงที่เก่งในการปกครองบ้านเมือง
โดยอาศัยอำนาจที่มีอยู่
แต่ทนไม่ได้ที่ผู้หญิงธรรมดาที่ทำการบ้านการเรือนอย่างสงบเสงี่ยมนั้นมีความงดงามมากกว่า
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน โดยกระจกวิเศษซึ่งพูดแต่ความจริงเท่านั้นเป็นผู้ตัดสิน
แผนการร้ายที่ลึกล้ำของราชินีจึงเกิดขึ้น
ขั้นแรก นางคิดจะกำจัดเธอโดยใช้การฆ่าเพื่อให้ปราศจากเธอในโลกนี้ แต่พรานผู้ถูกสั่งนั้นกระทำไม่ลง
ได้แต่บอกให้เธอ
จงหนีไป ...
สโนว์ไวท์หวาดกลัวมากเพราะเธอต้องเดินทางไปสู่ป่าที่เธอไม่คุ้นเคยแต่ในที่สุดเธอก็ได้รับรู้ว่าในป่ามีเพื่อนสัตว์
มากมายที่น่ารักและเป็นมิตรกับเธอ
เธอได้รู้จักกับคนแคระทั้งเจ็ดและได้อาศัยอยู่กับพวกเขาอย่างมีความสุขในฐานะแม่
ของคนแคระเหล่านั้นและทำงานบ้านอย่างดีที่สุดจนกระท่อมน้อยสวยงามและมีเพื่อนเป็นสัตว์ป่าเหล่านั้น..ที่มาฟังสโนว์ไวท์
ร้องเพลงให้ฟังทุกๆวัน
.
แม่มดราชินีลองถามกระจกวิเศษอีก แต่กระจกยังตอบเหมือนเดิม
และพระนางเห็นสโนว์ไวท์อยู่อย่างมีความสุข
กลางป่าใหญ่ ก็ทนความริษยาไม่ได้ จึงปลอมตัวเป็นหญิงชรานำหวีที่สวยงามแต่เป็นหวีอาบยาพิษ นำไปขายให้สโนว์ไวท์
ด้วยความสวยงามของหวีนั้นเธอหลงกลแม่มดเมื่อสับหวีเข้าที่ศีรษะเธอก็ล้มสลบลงทันทีราชินีดีใจที่สโนว์ไวท์มีความ
อยากได้และขาดความระมัดระวังตัว จนนางได้กลับเป็นผู้ที่สวยที่สุดอีกครั้ง แต่นางมีความสุขได้ไม่นานนัก
คนแคระทั้งเจ็ดกลับบ้านมาพบเธอจึงดึงหวีออกจากศีรษะเธอเธอก็ฟื้นขึ้นใหม่
เหล่าคนแคระต่างเตือนเธออย่าง
จริงจังเรื่องการคบผู้คน โดยลืมไปว่าสโนว์ไวท์เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี
และรักทุกคน
พวกเขาพยายามปกป้องเธอ
จริงๆแล้วคนแคระก็คือเหล่าเทพผู้พิทักษ์เจ้าหญิงนั่นเอง
ราชินีรู้ข่าวว่าสโนว์ไวท์ยังรอดชีวิตหนนี้นางใช้แอปเปิลพิษที่น่ากินที่สุดในโลกไปหลอกล่อสโนว์ไวท์..สโนว์ไวท์ก็หลงกล
กินแอปเปิลที่นางนำไปให้เพราะความซื่อและจริงใจเกินไปจนขาดความระวังมีความประมาท ทำให้เธอสิ้นสติ
หนนี้ราชินีทำงานสำเร็จ..คนแคระเศร้าโศกมากที่ต้องสูญเสียเธอไปเพราะแอปเปิลที่มีรสหวานกลิ่นหอมสีสวยและเป็นอาหาร
เพื่อสุขภาพที่แฝงด้วยยาพิษจากผู้ที่มีจิตใจร้ายกาจเมื่อสโนว์ไวท์กินเข้าไปจึงเป็นยาพิษที่ทำลายชีวิต
คนแคระนำเธอใส่โลงแก้วและปลูกดอกไม้ไว้ให้เธอพร้อมกับไปเฝ้าเธอทุกวันจนกระทั่งเจ้าชายที่เดินทางกลับมาหา
สโนว์ไวท์อีกครั้ง...ได้มาพบเข้า..พระองค์โศกเศร้าเสียใจมากเช่นกันแต่ก็ขอร้องคนแคระว่า.จะนำเธอกลับไปที่วังด้วย
เพราะพระองค์รักเธอมาก
ราวกับปาฏิหารย์เมื่อเคลื่อนโลงแก้ว มีความกระเทือนเกิดขึ้น แอปเปิ้ลพิษก็หลุดจากปากของสโนว์ไวท์
เธอฟื้นคืนชีพเป็นปกติทุกอย่าง..และมีความงามมากขึ้นกว่าเดิมทั้งยังสุขุมรอบคอบและเป็นผู้ใหญ่จริงๆ
ราวกับเธอเป็น
คู่แข่งที่ทัดเทียมกันของแม่มดร้ายที่มีความงามเลิศในปฐพี
เจ้าหญิงยิ่งงดงามขึ้นเมื่อมีความรัก..วันนั้นราชินีแม่มด
ส่องกระจกดูอีกครั้งและกระจกบอกว่าสโนว์ไวท์สวยที่สุดในปฐพี
คราวนี้แม่มดเห็นความจริงที่ว่าทำอย่างไรเธอก็ไม่อาจ
งดงามกว่าสโนว์ไวท์ได้อีกแล้ว
เพราะสโนว์ไวท์สวยงามจากภายในและมีอำนาจวิเศษจากใจบริสุทธิ์และความรัก
ในสิ่งทั้งปวงแม้นางจะเก่งกาจเพียงใดก็ต้องพ่ายแพ้แก่อำนาจคุณความดีที่แท้จริง
ซึ่งคือความรักที่สโนว์ไวท์ได้มอบ
ให้กับทุกคนด้วยจิตใจอันงดงามยิ่ง
.ราชินีจึงอกแตกตายด้วยความเคียดแค้นที่พ่ายแพ้
.ส่วนสโนว์ไวท์ได้อภิเษกกับเจ้าชาย
และทั้งสองก็มีความสุขตลอดไป
เธอเป็นที่รักของทุกคนจนบัดนี้
เจ้าหญิงนิทรา
ออโรร่า .หรือ แสงอรุณ เป็นชื่อของเจ้าหญิงน้อยแสนงามที่สุด ผิวของเธอผุดผ่องขาวสะอาด
วันงานเหล่าเทพยดามาร่วมกันอวยพรเจ้าหญิง
แม่ทูนหัว3พระองค์แม่ทูนหัวองค์ที่1ให้พระพรเป็น
ความงามจากสวรรค์องค์ที่2ให้เป็นเสียงอันไพเราะจากสวรรค์ก่อนที่องค์ที่3จะถวายพระพรก็ปรากฏร่าง
ของแม่มดร้ายที่ตรงเข้ามาด้วยบรรยากาศอันน่าสพึงกลัว
นางกล่าวคำสาปให้เจ้าหญิงสิ้นพระชนม์เมื่ออายุครบ
16 ปี
ด้วยการถูกเข็มเครื่องปั่นฝ้ายแทงมือ
โชคดีที่เหลือพรอยู่อีก 1 ข้อ
แม่ทูนหัวองค์ที่ 3แก้คำสาปไม่ได้แต่บรรเทาลงให้เพียง
เจ้าหญิงนิทราจนกว่าจะพบกับรักแท้
.
เอเมอราลด์โรสหรือกุหลาบมรกต
วันที่เธออายุครบ 16 ปี
เป็นวันที่แม่ทูนหัวทั้งสามยินดีที่สุด
พวกเธอวางแผนการณ์จัดฉลอง
วันเกิดให้แก่เจ้าหญิงเธอให้เจ้าหญิงออกไปเก็บลูกเบอร์รี่ในป่า
.ขณะที่พวกเธอเตรียมงานฉลองนั้น
เจ้าหญิงเข้าไปเก็บผลไม้ในป่าและร้องเพลงด้วยเสียงอันไพเราะเพราะพริ้งยิ่งนัก..ล้อมรอบไปด้วย
เพื่อนสัตว์น่ารักทั้งหลาย
เจ้าหญิงฝันถึงชายหนุ่มรูปงาม..พระองค์อยากเต้นรำ
เพื่อนสัตว์เหล่านั้น
จึงพยายามเป็นคู่เต้นรำให้กับเจ้าหญิง
น่ารักน่าเอ็นดูมาก
.เจ้าหญิงมีความสุขสดใสร่าเริงเป็นอย่างมาก
เสียงร้องเพลงของเธอกังวานไปไกล
ขณะนั้นเจ้าชายหนุ่มซึ่งเป็นพระคู่หมั้นตอนเล็กๆ
ซึ่งได้รับเชิญร่วมกับพระบิดาให้มางานฉลองครบรอบ
อายุ 16 ปีของเจ้าหญิง
ได้เสด็จประพาสป่าโดยปลอมตัวเป็นสามัญชน
หลบผู้คนองครักษ์ทั้งหลายขี่ม้า
มาเพียงลำพังพระองค์ได้ยินเสียงเพลงไพเราะนั้นจึงขี่ม้าลัดเลาะเข้ามาจนเจอเจ้าหญิง
และได้ทำความรู้จักร้องเพลงร่วมกันอย่างไพเราะ
และทั้งสองก็หลงรักซึ่งกันและกัน
ในที่สุดเจ้าชายจะตามไปพบเธอเวลาค่ำวันนั้นที่กระท่อมของเธอ
ทั้งสองต่างคิดว่าแต่ละฝ่ายเป็นสามัญชน
ฝ่ายแม่ทูนหัวพยายามจัดงานเลี้ยงแบบคนธรรมดาจัดแต่ไม่สำเร็จ
เพราะพวกเธอชำนาญแต่เวทมนตร์วิเศษในที่สุดก็เผลอใช้เวทมนตร์เนรมิตสิ่งต่างๆ
แสงจากเวทมนตร์พุ่งทะลุปล่องไฟเห็นเป็นประกายสีต่างๆอย่างสวยงาม
โชคไม่ดีที่กาดำ
สัตว์เลี้ยงแสนรู้ของแม่มดได้ออกมาสืบหาเจ้าหญิง..และได้เห็นแสงเหล่านี้จึงนำไปบอกนางแม่มด
เมื่อเจ้าหญิงกลับมาพบกับความมหัศจรรย์เหล่านั้นก็แปลกใจ
แต่เธอตกตลึงเมื่อรู้ฐานะอันแท้จริงของตน
พร้อมทั้งมีพระคู่หมั้นแล้วเป็นเจ้าชาย
เธอบอกว่าเธอพบรักแล้วกับหนุ่มรูปงามที่ในป่า
แต่เทพธิดาแม่ทูนหัวบอกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้
เพราะเจ้าหญิงต้อง-อภิเษกสมรสกับเจ้าชายตามราชประเพณี
เจ้าหญิงรู้สึกเศร้าโศกและสับสนในจิตใจเธอวิ่งหนีไปซบหน้าร้องไห้ในห้องที่มีเตาผิง
เป็นโอกาสดีของแม่มดร้ายที่อาศัยจังหวะนี้สะกดจิตเจ้าหญิงให้เดินตามเสียงของนางไปยังห้องใต้หลังคา
ภายในพระราชวัง
เล็ดลอดจากสายตาของแม่ทูนหัวโดยใช้ทางออกที่เตาผิงนั่นเอง
เมื่อแม่ทูนหัวรู้เข้าก็ตกใจมาก
พวกเธอรีบตามไปแต่
ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
แม่มดหลอกล่อเจ้าหญิงไปที่เครื่องปั่นฝ้ายและให้เข็มแทงนิ้วมือของเธอเมื่อเลือดหยดจากปลายนิ้วเธอก็
หลับสนิทไปทันที
พวกนางฟ้าแม่ทูนหัวเสียใจมาก
แต่ก็ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้คือร่ายเวทมนตร์ให้อาณาจักรแห่งนี้หลับไหลอยู่ในนิทราเช่นเดียวกับ
เจ้าหญิงทุกคนหลับไปในทันที
.
ในเวลานั้นเจ้าชายไปหาเอเมอราลด์โรสตามที่นัดกันไว้
เมื่อไปถึงกระท่อมก็รู้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น
แม่มดและสมุนช่วยกันจับเจ้าชายไปขังไว้ในห้องใต้ดิน
แม่ทูนหัวทั้งสามลักลอบเข้าไปช่วยเจ้าชายโดยใช้อำนาจวิเศษและเล่าความจริงทั้งหมดให้เจ้าชายฟัง
เจ้าชายซึ่งรักเจ้าหญิงมาก..รู้สึกโกรธมากและต้องการกำจัดนางเพื่อถอนคำสาปให้แก่เจ้าหญิง
เจ้าชายขี่ม้าขาวแสนรู้ไปต่อกรกับนางแม่มด
ซึ่งกำลังโกรธจัดที่เจ้าชายฟันฝ่าเวทมนต์ของนาง
มาจนถึงปราสาท
นางแปลงร่างเป็นมังกรที่ดุร้ายที่สุด
.
เจ้าชายสู้อย่างกล้าหาญและมีแม่ทูนหัว
ทั้งสามคอยช่วยเหลือตลอดเวลาของการต่อสู้นั้น
เหล่าเทพยดาน้อยทั้งหลายตกตลึงมองอย่างหวาดหวั่น
เกรงเจ้าชายจะพ่ายแพ้
แต่ก็ร่วมพลังส่งเวทมนตร์แห่งรักแท้ให้แก่คทาวิเศษของแม่ทูนหัวทั้งสาม
ทำให้เจ้าชายแคล้วคลาดจากอันตรายทุกครั้งในที่สุดเจ้าชายได้พุ่งดาบกายสิทธิ์เข้าสู่หัวใจของแม่มด
ที่แปลงเป็นมังกรนางตกจากหน้าผาสูงและถึงแก่ความตาย
.ทำให้คำสาปของนางเสื่อมฤทธิ์ไปด้วย
แม่ทูนหัวพาเจ้าชายขึ้นไปสู่ห้องหอคอยชั้นบนที่เจ้าหญิงนิทราอยู่เจ้าชายเดินเข้าไปหาและได้เห็น
ความงดงามยิ่งนักของเจ้าหญิง
เจ้าชายจุมพิตเธอด้วยรักแท้เจ้าหญิงจึงตื่นขึ้น
และแสนจะยินดีที่ได้ทราบว่า
ผู้ชายที่เธอรักนั้นคือเจ้าชายนั่นเอง
แม่ทูนหัวช่วยกันคลายมนตราที่สะกดอาณาจักรนี้ให้อยู่ในความหลับไหล
ทุกอย่างตื่นขึ้น
เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
.ทุกคนทำหน้าที่ของตนต่อไป
พระราชาและพระราชินีปลื้มปิติที่สุด
เมื่อเห็นเจ้าหญิงออโรร่าเสด็จลงมาพร้อมกับเจ้าชาย
เจ้าหญิงช่างสวยงามนักและมีพระทัยที่ดีงาม
..พระราชาประกาศพิธีสยุมพร
เจ้าชายและเจ้าหญิงทรงเต้นรำด้วยกันอย่างมีความสุข
คืนนั้นเป็นคืนที่มีความสุขที่สุดของทุกคน