 
|
1.พระธาตุเชิงชุม |
ตั้งอยู่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ปลายถนนเจริญเมือง
ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนฐานรูปสี่เหลี่ยม สูงประมาณ
24 เมตร สำหรับยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุม ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์
น้ำหนักทองคำถึง 247 บาท มีซุ้มประตูปิด-เปิดทั้ง 4 ด้าน ข้างในทึบ สร้างด้วยศิลาแลง
เป็นเจดีย์สร้างขึ้นสวมรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ซึ่งหมายถึง
พระกกุสันธะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระพุทธโคดม (คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชาวพุทธศาสนิกชนเคารพสักการะบูชาอยู่ทุกวันนี้)
สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด เป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ
ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่เคารพนับถือและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในตอนค่ำ
จะมีประชาชนไปบูชากราบไหว้พระธาตุและหลวงพ่อองค์แสนเป็นจำนวนมาก งานประจำปีของพระธาตุเชิงชุมจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น
9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ของทุกปี (กำหนดตามจันทรคติ)
|
2.พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ |
อยู่กลางเทือกเขาภูพานในเขตอำเภอเมืองสกลนคร บนเส้นทางหลวงสายสกลนคร-กาฬสินธุ์
(ทางหลวงหมายเลข 213) ห่างจากตัวเมืองสกลนคร 13 กิโลเมตร มีทางแยกเข้าไปทางด้านขวามือ
พระตำหนักภูพานราชนิเวศเป็นสถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ตลอดจนพระราชวงศ์ ในคราวเสด็จแปรพระราชฐานเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บริเวณสถานที่ตั้งเป็นป่าไม้ร่มรื่น มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
ในระหว่างที่ไม่ได้ประทับอยู่ที่พระตำหนัก ทรงอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน
โดยทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการพระราชวัง พระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน
กรุงเทพฯ 10200 และเมื่อได้รับหนังสือตอบรับแล้วจึงจะเดินทางไปชมได้
|
3.น้ำตกคำหอม และโค้งปิ้งงู
|
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 14 กิโลเมตร บริเวณใกล้เคียงกันจะเป็นที่ตั้งของน้ำตกต่างๆ
อีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกเหวสินธุ์ชัย น้ำตกตาดโตน อยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่ร่มเย็นและหน้าทางเข้าบริเวณน้ำตกคำหอม
บนถนนสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ เป็นช่วงที่คดเคี้ยวไปมาเหมือนกับงูที่ถูกย่างหรือปิ้ง
ซึ่งมีไหล่ทางลดหลั่นเป็นชั้นๆ กินพื้นที่บริเวณกว้าง สามารถทำให้มองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองสกลนคร
และหนองหานในระยะไกลที่สวยงาม การคมนาคมเข้าแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้สะดวกปลอดภัย
สามารถเดินทางเข้าถึงตลอดทั้งปี สำหรับน้ำตกต่างๆ ในฤดูฝนจะมีน้ำมาก ส่วนในฤดูแล้งน้ำจะแห้ง
|
4.หนองหาน |
เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีชื่อเสียงและกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่งของประเทศไทย
อยู่ในตัวเมืองสกลนคร มีเนื้อที่ประมาณ 123 ตารางกิโลเมตร เป็นที่รวมของลำห้วยต่างๆ
หลายสาย และยังเป็นต้นน้ำของลำน้ำก่ำ ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม
จังหวัดนครพนม เป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญทั้งด้านการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์
การประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหาน ระดับน้ำในหนองหานลึกประมาณ
3-8 เมตร ในบริเวณหนองหานมีเกาะต่างๆ กว่า 20 เกาะ เช่น เกาะดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด
บนเกาะมีวัดร้าง และพระพุทธรูปซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าสร้างมานานเท่าใด นอกจากนั้น
ตามเกาะต่างๆ เหล่านี้จะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่อยู่อาศัยของนานาชนิด
บางเกาะได้สร้างศาลาพักร้อน เช่น เกาะแก้ว เกาะดอนสะคาม และเกาะดอนสะทุง
ฯลฯ ในบริเวณหนองหานมีเรือยนต์ท้องแบนขนาดจุ 90 คน บริการนำเที่ยวรอบหนองหาน
ซึ่งในเวลากลางวันสาหร่ายสีทองซึ่งอยู่ใต้พื้นน้ำ เมื่อแดดส่องลงในน้ำ จะเห็นสาหร่ายรูปต่างๆ
สวยงามมาก ติดต่อสอบถามรายละเอียดการจองเรือได้ที่ สกลนครอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(042) 711016
|
5.พระธาตุดุม
|
เป็นพระธาตุที่สร้างด้วยศิลาแลง สมัยเดียวกับพระธาตุนารายณ์เจงเวง
ตั้งอยู่ที่ตำบลธาตุดุม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 5 กิโลเมตร อยู่ในท้องที่อำเภอเมืองสกลนคร
มีปรางค์องค์เดียวสร้างด้วยศิลาแลง พบทับหลักภาพเทวดาทรงพาหนะเหนือหน้ากาลประกอบด้วยสัตว์
เช่น ช้าง สิงห์ และลายใบไม้ม้วน การกำหนดอายุ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17
ศิลปะเขมรแบบบาปวน |
6.สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ |
ตั้งอยู่ติดกับหนองหานบริเวณตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ
1 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 120 ไร่ ได้รับอนุมัติให้จัดสร้างขึ้นเป็นแห่งที่
10 ของประเทศไทย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีเปิดสวนฯ
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2530 มีลักษณะเป็นสวนล้อมสระน้ำขนาดใหญ่ ชื่อสระพังทอง
เป็นสระโบราณ เชื่อกันว่าสร้างมาพร้อมกับการสร้างพระธาตุเชิงชุม ภายในบริเวณสวนประกอบด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ
สวนป่า สวนน้ำ สวนหิน และสวนออกกำลังกาย ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาหาความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ได้อีกด้วย
|
7.ปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง |
ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง เขตอำเภอเมืองสกลนคร
ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 5 กิโลเมตร ในเส้นทางสกลนคร-อุดรธานี ทางหลวงหมายเลข
22 อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงสี่แยก เป็นพระธาตุที่ชาวบ้านสักการะบูชามากอีกแห่งหนึ่ง
ปรางค์สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลง มีทับหลังจำหลักภาพพระกฤษณะฆ่าสิงห์
ในรูปแบบศิลปะเขมรแบบบาปวน ลักษณะคล้ายกับปราสาทหินของขอมที่ปรากฎหลายแห่งในภาคอีสาน
ลวดลายสลักหินบนซุ้มประตูหน้าต่างยังมีลักษณะสมบูรณ์ปรากฏชัด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงสร้างทั้งหมด
เพื่อแข่งขันกับผู้ชายที่สร้างพระธาตุภูเพ็ก รูปแบบและศิลปะกำหนดอายุว่าราวพุทธศตวรรษที่
16-17 งานประเพณีของพระธาตุเจงเวงจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 11 ค่ำ-15 ค่ำ เดือน
4 ของทุกปี
|
8.พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต |
จากตัวเมืองออกมาตามเส้นทางที่จะผ่านศูนย์ราชการจังหวัด บนถนนสุขเกษม
ทางเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่ด้านซ้ายมือ ตรงกับกับที่ตั้งศูนย์ราชการจังหวัด เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ
250 เมตร จะถึงพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ในวัดป่าสุทธาวาส ตัวพิพิธภัณฑ์มีลักษณะการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ประยุกต์
สร้างด้วยกระเบื้องดินเผา ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อเหมือนองค์ของพระอาจารย์มั่น
ภูริทัตโต ในท่านั่งสมาธิ องค์โตกว่าตัวจริงเล็กน้อย และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกใสสีขาว
ยกฐานสูงพื้นปูด้วยหินอ่อน พร้อมทั้งตู้แสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กำเนิดในสกุลแก่นแก้ว ที่ตำบลโขงเจียม
จังหวัดอุบลราชธานี บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี และอุปสมบทเมื่ออายุ
22 ปี ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในปฏิมาธุดงด์กรรมฐานเป็นวัตร
มีพระในสายเดียวกับท่านอีกหลายองค์ ที่ได้เข้ามาปฏิบัติและฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามแนวของท่าน
เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว อาลนาโย หลวงปู่แหวน สุจินต์โน เป็นต้น
ในระยะหลังท่านเริ่มมีอาการป่วยบ่อย จึงย้ายจากการธุดงด์กรรมฐานเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส
และมรณภาพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492
|