|
ถ้าการประกวดนางงามเวทีต่างๆ การประกวดดัชชี่บอย ดัชชี่ เกิร์ล
การประกวดหนุ่มสาวแพรว หรือแม้แต่การประกวดพริทตี้ก่อนการการแสดงมหกรรมรถยนต์
และการประกวดอีกหลายเวที คือ เส้นทางก้าวสู่เส้นวงการบันเทิงในรูปแบบต่างๆ
ที่จะมีเกียรติยศ ชื่อเสียง และทรัพย์สินที่จะตามมาของคนในยุคหนึ่ง
วันนี้ โอกาสเข้าสู่วงการมายา
และสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองสำหรับคนทั่วไป
ยิ่งเปิดกว้างมากขึ้นเมื่อกระแสของรายการโทรทัศน์บ้านเราทุกวันนี้
หายใจเข้าออกเป็นรายการประเภทเรียลลิตี้กันเกือบทุกช่อง ทุกสถานี
รางวัลล่อใจที่มีทั้งเงินสดเลข 7
หลัก, บ้านเดี่ยว,
รถยนต์คันหรู
หรือแม้แต่การพลิกชีวิตสู่การเป็นนักร้องในสังกัดค่ายเพลง
คือรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศ และเป็นแม่เหล็กอย่างดีที่ทำให้ใครหลายคน
ต้องการสไลด์ตนเองเข้าสู่วงการบันเทิงผ่านช่องทางรายการประเภทนี้
สงครามเรียลลิตี้
โชว์ที่กำลังเปิดสงครามแย่งชิงคนดูแบบหายใจรดต้นคอ
จึงเป็นอีกเส้นทางหนึ่งในการพลิกตนเองของคนธรรมดาให้ทะยานสู่การเป็นดาวจรัสแสงบนฟากฟ้าการแสดง
บางทีมันอาจจะมีบางมุมที่
เชื่อมเข้าไปหาอะไรบางอย่างกับ "วัฒนธรรมไทยมุง"
อยู่บ้าง (คล้ายกับ "การมุงดู"
เหตุการณ์อะไรบางอย่างของคนไทย)
ขณะที่ เรียลลิตี้ โชว์
สิ่งที่ผู้คนกลุ่มหนึ่งกระทำในแต่ละวัน และนำมาถ่ายทอดสู่การรับรู้ของสาธารณชน
นั้น มันก็บ่งบอกโดยตัวมันเองอยู่แล้วว่า ทั้งคนเสพและคนเล่นนั้น
มีอะไรบางอย่างไม่ปกติในชีวิต
จริงหรือ ? ที่รายการเรียลลิตี้
โชว์นั้น สะท้อนถึงสังคมไทย ภาพหนึ่งที่น่าจะฟ้องอย่างชัดเจนแล้ว ก็คือ
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา สังคมยุคใหม่มีสภาพเป็นสภาพแบบเดี่ยว คือ
ต่างคนต่างอยู่ (กับโลกของตัวเอง)
และเมื่อเรื่องราวภายนอกเกิดสถานการณ์บางอย่างขึ้น
สังคมก็แสดงภาพของการนิ่งดูดายมาตลอด
เรียลลิตี้ โชว์ นั้นอาจจะบอกอะไรหลายอย่าง
แต่สิ่งหนึ่งที่ให้ภาพโดยตัวมันเองอย่างชัดเจน ก็คือ สังคมยุคใหม่ไม่เพียงแค่
"เหงา" แต่ยัง "ป่วยทางอารมณ์" อย่างรุนแรง
ไม่มีเพื่อน และต้องการเพื่อน (ทางทีวี)
และที่สุด.. ไม่มีใครได้ประโยชน์
ยกเว้นคนสองกลุ่ม
กลุ่มแรก คือ นักแสดงเรียลลิตี้ โชว์ ได้ "ตัวตน" ในสังคม
กลุ่มที่สอง คือ ผู้ผลิต -
ได้ผลประโยชน์มหาศาล
|
|