Scoop Talk To Day

เอาอีกแล้ว ปัญหาเดิมๆยังไม่จบสิ้น แมวมองเมืองมายา หลอกขยี้กามสาว!! ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ที่ต้นต่อ ต้นเหตุ ที่อาจจะสาวต่อไปสู่เรื่องราวของ “วังวนแห่งความอัปยศ”

            “วงการมายา” น้อยคนที่ไม่อยากจะเข้าไปสัมผัส แม้สาวๆบางคนจะ “ไต่เอง หรือใช้เต้าไต่”  ก็เพียงเพื่ออยากจะเข้าไปลิ้มรส คำว่า“ดาวหน้ากล้อง”  อยากให้แสงสปอตไลต์สาดฉาดเข้าหน้าตา  เพื่อให้ดูว่า  กำลังอยู่ในสังคมแห่งความหรูหรา จนเป็น กำดักหลุมใหญ่ ที่ไอ้พวกบ้ากามนำมาแอบอ้าง กลายเป็นคดีความของสังคมที่ยังคงสร้างอันตรายให้แมงเม้าสาวพุ่งบินเข้ากองไฟแห่ง ตัณหาราคะกามของบางคน

                เมื่อล่าสุดนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 3 คณะนิเทศศาสตร์ ได้ให้ปากคำเพิ่มเติมในคดี ถูกโมเดลลิ่งเก๊ ลวงล่อไปบ้านพัก หมายพยายามที่จะข่มขืน ก่อนเจ้าตัวจะออกอุบาย “สมยอม” ขอใช้ปากกับมือ เพื่อให้สำเร็จความใคร่ ครั้นพอสบโอกาสจึงหนี และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ โดยคดีสืบเนื่องมาจาก วันที่31 ก.คที่ผ่านมา ..หากเมื่อคิดว่า ถ้าเธอหนีมาไม่รอด จะมีชะตาเป็นอย่างไร?

            ตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างทางจอโทรทัศน์  เป็นเครื่องหมายการันตีที่หญิงวัยรุ่นสมัยนี้ มักคิดว่าเป็น “ใบเบิกทาง” สู่ตำแหน่งพระ-นาง หรือดาราวัยรุ่นชั้นนำได้ไม่ยากในอนาคต  ทัศนคติการเข้าวงการอาจแตกต่างไปจากแต่ก่อน เพราะตอนนี้ ค่านิยมความฟุ้งเฟ้อยังคงดำเนินคู่ไปตามเงาวัยรุ่นไทย การเข้าสู่แวดวงมายาจึงเปลี่ยนไปเพียงเพื่ออยากปั้นหน้าแต่งองค์สวยๆ อยากมีเงินใช้เยอะๆ เพื่อสนองความต้องการในวัตถุ ดังนั้นดาราหน้าใหม่จึงหาได้ไม่ยากเท่าเมื่อก่อน

พวกบ้ากามเหล่านี้ เพียงแค่ยื่นนามบัตรแนะนำตัว สวมรอยเป็นแมวมองตามห้างดัง  ก็ทำให้เหยื่อสาวที่น่าตาอรชร อ้อนแอ้นได้หัวใจพองโต กับเพียงคำไม่กี่ประโยคที่สร้างความน่าเชื่อถือ แค่เพียงเพื่อต้องการ

“ขยี้ความสาว”

                ความ อยากเด่นอยากดัง ทำให้เหยื่อบางคน ยอมทำตาม “พวกหนังหน้าเก๊” ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม โดยไม่ทันที่จะคำนึงถึงความเสี่ยงและผลลัพท์ที่อาจต่างกับความฝันสุดขั้ว  บางทีพวกคนโฉดเหล่านี้อาจจะทำงานเป็นแก๊งค์ แล้วหลอกเหยื่อต่อ “ซ้ำสอง” เพื่อไปสู่การค้ากามยังต่างชาติ ที่เป็นปมกาฝาก สร้างรากปัญหาให้สังคม ไทยมานาน เพราะจิตใจคนชั่วยากที่จะหยั่งลึกและคาดคะเน

                ตามรายงานของกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อวันสตรีแห่งชาติ กล่าวถึงจำนวนตัวเลขการค้ามนุษย์ยังต่างแดนของหญิงไทยในรอบ 2-3 เดือน แม้จะลดลงก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะหมดสิ้น ยังมีข่าวมาเรื่อยๆว่าหญิงไทยถูกหลอกไป “ขายสาว” ทั้งสมัครใจ และ ถูกล่อลวง ออกมาอย่างต่อเนื่อง และในทางกลับกัน หญิงต่างชาติก็ถูกหลอก แถมหันเหมาขายข้ามประเทศเสียเอง เพื่อสนองอารมณ์ตัณหา กับธุรกิจค้ากามในเมืองไทย เหมือนกัน

                อย่าเพิ่งมองว่า “ทำไมคิดอะไรใหญ่โต” แต่ควรจะเริ่มหันกลับมามองตรงจุดปัญหา เพื่อที่จะสะท้อนให้เห็นแนวการแก้ไขอย่างหมดซาก  การเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงในหลายต่อหลายประเด็น มักจะมีบ่อเกิดที่เล็กเสมอนั่นก็คือ “ความรู้” เป็นจุดเริ่มจนที่ศึกษาได้ง่ายๆ แต่ยากที่จะเข้าใจ และมีสติที่จะปฏิบัติ  แต่ไม่ใช่ว่าคนไม่มีการศึกษาจะไม่ถูกหลอก เพราะจากการสำรวจสถิติคดีการหลอกลวงหญิงสาวไปค้าประเวณีนั้น แก๊งค์โฉดหันเบนเข็มทิศเงินทองคอย หลอกล่อสาวมีการศึกษาสูง ให้มาขายตัวยังต่างชาติ  ซึ่งมีถึงระดับขั้นปริญญาโท!

                ดังนั้น ความรู้ในที่นี้หมายถึง “รู้เท่าทันพวกทรชน” อย่าทะนงตนคิดว่าเราฉลาด เรียนมาสูง หรือเราระวังตัวมาดีโดยตลอด เพราะโอกาสทองของชีวิตที่จะ “พลิกเป็นศูนย์” มีสูง  สำหรับกลุ่มคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะหญิงหรือชายที่เข้ามาเสนอยื่นสิ่งต่างๆ อันง่ายดายให้กับเรา  ควรหัดมองโลกในแง่ร้ายไว้บ้าง อย่าคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ถ้าคนไม่รู้จักมักจี่มาก่อน ก้าวจูโจมเข้ามา “หลุมกามสีดำ” ก็อาจจะกำลังรอให้ลื่นตกอยู่รำไร

                นอกจากคุณผู้หญิงเองที่ควรจะระวังเนื้อระวังตัว เป็นอย่างดีด้วยแล้ว หากไม่ต้องการเป็นเหยื่อทางอารมณ์  ด้านหน่วยงานรัฐบาล หรือกระทรวงการคุ้มครองที่เกี่ยวข้องก็คงต้องคิดวางแผน และทำงานกันอย่างหนัก อีกทั้งยังคงจะต้องเร่งสร้างเครือข่ายการป้องกัน ไปยังกลุ่มประเทศเสี่ยงต่อการหลอกค้าประเวณีหญิงไทย เพราะบางชาติกฎหมายการค้าประเวณีก็ไม่มี  พวกเดนมนุษย์เลยกำเริบได้ใจ ส่งหญิงไทยเป็นอาหารส่งออกอย่างบ้าคลั่ง

                อารยะธรรมบางประเทศชาติเป็นที่แน่นอนว่าย่อมมีความแตกต่างอย่างสินเชิง แต่รสนิยมการเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงค่อนข้างที่จะเหมือนกันในหลายประเทศ จนบางครั้งลุกลามให้เกิดความไร้เสถีรภาพต่อเพศหญิง ดังนั้น เมืองไทย ที่ก่อร่างสร้างมาจากวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ จนหลายชาติให้ความยกย่อง กลับถูกหมอกเมฆดำมืดเหล่านี้บดบังความงดงาม อย่างไม่มีวีแววว่าจะสิ้นสุด