หน้าที่ชาวพุทธ
ชาวพุทธที่ดีต้องปฏิบัติหน้าที่ดังนี้
๑.
ศึกษาหาความรู้
ได้แก่
ความรู้ทางโลกและความรู้ทางธรรม
ความรู้ทางโลก
คือความรู้ที่จะฃ่วยในการประกอบอาชีพตามที่ตนถนัดและจะทำให้ตนเป็นนพลเมืองที่ดีของสังคม
ส่วนความรู้ทางธรรม
คือตวามรู้ที่จะช่วยให้บุคคลเป็นคนดี
มีศีลธรรม
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างเป็นสุข
๒.
การปฏิบัติตนตามหลักธรรมและประเพณีพิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนิกชนควรจะทำความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธสาสนาเป็นอย่างดี
และนำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อความสงบสุข
ของตนเอง
ครอบครัว
และสังคม
นอกจากนี้การปฏิบัติตามประเพณีพิธีกรรมทางศาสนา
ถือว่าเป็นสิ่งขำเป็นที่ชาวพุทธควรปฏิบัติเพื่อเป็นแบบอย่างและเป็นการสืบทอดไปยังพุทธศาสนิกชนรุ่นหลัง
เป็นการธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา
๓.
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เมื่อเราได้รับความรู้และประโยชน์จากธรรมะแล้ว
เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้า
จึงควรทำตามพระประสงค์ของพระพุทธเจ้าที่ต้องการให้สัตว์โลกได้เข้าถึงธรรมะไม่มากก็น้อย
วิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนามีหลายวิธี
เช่นการสนธนาธรรม
การอภิปรายและการเขียนหนังสือทางพระพุทธศาสนา
ชักชวนคนให้เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา
ทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี
การเผยแผ่ผลงานของบุคคลที่ประพฤติธรรมอย่างเตร่งครัดและประสบความสำเร็จในชีวิต
เป็นต้น
๔.
การปกป้องพระพุทธศาสนา
ถ้าพบเห็นการกระทำที่หลบลู่ดูหมิ่นไม่ว่าจะเป็นศาสนวัตถุหรือศาสนาสถานควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือช่วยกัยบำรุงรักษาบูรณะและซ่อมแซ่มศาสนวัตถุและศาสนสถานให้คงอยู่ต่อไปปกป้องสถาบันพระสงฆ์กำจัดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมไปในทางที่เสื่อมเสียซึ่งจำทำให้เสียชื่อแสียงของถาบันสงฆ์
เป็นต้น
มรรยาทชาวพุทธ ศาสนพิธีและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
มรรยาทที่ฆราวาสพึ่งปฏิบัติต่อพระสงฆ์
เช่น
๑.
การไปหาพระสงฆ์ที่วัดควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยต้องถอดรองเท้าแล้วกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์
นั่งพับเพียบ
เวลาคุยหรือสนทนากับพระสงฆ์ควรประนมมือ
พูดคุยด้วยกริยาและน้ำเสียงที่แสดงความเคารพ
๒.
เมื่อพระสงฆ์มาหาหรือมาเยี่ยมที่บ้านควรเดินออกไปต้อนรับ
ยกมือไหว้แล้วนิมนต์ให้ท่านนั่งในที่เหมาะสม
จัดหาน้ำหรือเครื่องดื่มที่พระฉันได้มาถวาย
พูดคุยกับท่านด้วยความเคารพ
เมื่อท่านกลับก็ให้ทำความเคารพด้วยการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์แล้วเดินไปส่งท่านจนพ้นเขตบ้าน
๓.
เมื่อพบพระสงฆ์
เช่นเดินสวนทางกับพระสงฆ์ควรหลีกชิดเข้าข้างทาง
เมื่อพระสงฆ์เดินผ่านให้น้อมตัวลงไหว้
เมื่อท่านพูด้วยให้ประนมมือพูดกับท่าน
หรือเมื่อเดินผ่านพระสงฆ์ขณะที่ท่านยืนอยู่
ให้หยุดแล้วแล้วน้อมตัวไหว้
จากนั้นเดินก้มตัวหลีกไป
๔.
มรรยาทในการเคารพสถานที่
เช่นวัด
พระบรมมหาราชวัง
ปูชนียสถาน
ศาสนสถาน
เป็นต้น
เป็นต้น
ควรสำรวม
วาจา
ถ้าสวมหมวกให้ถอดหมวก
ไม่ควรกางร่ม
ไม่ควรขีดเขียนหรือทำความสกปรกเสียหายต่อสถานที่
ไม่ควรสวมรองเท้าเข้าไปในสถานที่ที่เคารพสักการะ
เช่นโบสถ์
วิหาร
พระที่นั่งต่าง
ๆ เป็นต้น
ศาสนพิธี
๑.
การทำบุตักบาตร
หรือบางที่เรียกการใส่บาตร
คือการเอาเข้าและกับข้าวใส่ลงในบาตรของภิกษุสามเณรการตักบาตรเป็นการทำบุญแบบง่าย
ๆ
ไม่มีพิธีรีตรองที่นิยมทำกันก็คือ
ตอนเช้าตรู่เตรียมของใส่บาตรออกไปยืนในเส้นทางที่พระจะเดินผ่าน
ก่อนใส่บาตร
หรือตักบาตรนิยมตั้งจิตอธิษฐานก่อน
โดยกล่าวว่า สุทินฺนํ
วต เม ทานํ
อาสวกฺขยาวหํ
โหตุ ทานที่ข้าพเจ้าให้ดีแล้ว
ของจงเป็นเครื่องนำมาซึ่งความสิ้นไปแห่งอาสวกิเลสเทอญ
ภานหลังการตักบาตรแล้วนิยมอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ
วิธัทำก็คือใช้น้ำสะอาดใส่ภาชนะไว้พอสมควร
มือขวาจับภาชนะน้ำใช้มือซ้ายประครองรินน้ำลงในภาชนะที่สะอาดอีกใบหนึ่ง
แล้วว่าบทกรวดน้ำในใจจนจบว่า
อิทํ ญาตินํ
โหตุ สุขิตา
โหนตุ ญาตโย
ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า
ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุข
ๆ เถิด
๒.
การถวายภัตตาหาร
ถือเป็นวิธีง่าย
ๆ
ในการถวายอาหารแก่พระภิกษุสามเณร
สามารถทำได้ทุกวันหากมิจิตศรัทธา
อย่างไรก็ตามชาวพุทธก็ยังมีพิธีถวายอาหารแก่พระอีกแบบหนึ่ง
เรียกว่า การทำบุญเลี้ยงพระ
๓.
การถวายสังฆทาน
แปลว่า
การให้แก่พระสงฆ์โดยไม้เจาะจงองค์ที่จะรับ
ความสำคัญของสังฆทานอยู่ที่ต้องตั้งใจถวายแก่พระสงฆ์จริง
ๆ
ไม่เห็นแก่หน้าบุคคล
ผู้รับจะเป็นพระรูปใดก็ตามผู้ถวายก็ต้องตั้งใจอุทิศถวายด้วยความเคารพ
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
๑. วันวิสาขบูชา
เป็นวันคล้ายวันประสูติ
ตรัสรู้
ปรินิพพาน
ของพระพุทธเจ้า
ตรงกับวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๖
ถ้าปีใดมีอธิกมาส
คือมีเดือน
แปด
สองหนก็เลื่อนไปเป็นวันเพ็ญเดือน
๗
นอกจากนี้
ในการประชมสมัชชาสหประชาชาติ
สมัยสามัญครั้งที่
๕
เมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๔๒
องค์การสหประชาชาติได้มีมติกำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลในกรอบขององค์การสหประชาชาติ
๒. วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน
๓
ถ้าปีใดเป็นปีอธิกมาส
คือมีเดือน
แปด สองหน
ก็อยู่ในวันเพ็ญ
เดือน ๔
มีเหตุการณ์ที่สำคัญดังนี้
๑)
พระสงฆ์จำนวน
๑,๒๕๐ รูป
มาประชุมโดยที่มิได้นัดหมาย
๒)
พระสงฆ์เหล่านี้ล้วนได้รับเอหิภิกขุอุปสัมปทา
๓)
พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น
๔)
เป็นวันสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์
๓. วันอาสาฬหบูชา
ตรงกับวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน
๘
ถ้าปีใดเป็นปีอธิกมาส
คือมีเดือน
แปดสองหนจะอยู่ในวันเพ็ญเดือนแปดหลังถือว่าเป็นวันพระสงฆ์ก็ว่าได้
มีเหตุการณ์ที่สำคัญ
เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาที่เรียกว่า
ัธัมมจักกัปปวัตนสูตร
โปรดปัจจวัคีย์พระโกณฑัญะได้ดวงตาเห็นธรรมขออุปสมบทเป็นพระสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา
๔.
วันเข้าพรรษา
เริ่มตั้งแต่วันแรม
๑ ค่ำ เดือน
๘
ถึงวันขึ้น
๑๕ ค่ำ
เดือน ๑๑
เป็นเวลา ๓
เดือน
เป็นเวลาที่กำหนดให้พระสงฆ์อยู่ประจำแห่งเดียวตลอดฤดูฝน
๕.
วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน
๑๑
เป็นวันที่สิ้นสุดกำหนดการอยู่จำพรรษา
ในวันนอกพรรษา
จะมีพิธีสังฆกรรมพิเศษที่เรียกว่า
พิธีปวารณา
คือ
การยินยอมให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ในทุกกรณี
วันรุ่งขึ้นถัดจากวันออกพรรษาจะมีการตักบาตรเทโวโรหณะ