ผจญภัยในเกาะช้าง
โดย หยุ่น
การมาเที่ยวครั้งนี้เหมือนกับว่าเตรียมตัวกันมานานมาก เพราะได้ตกลงกันมานานแล้วว่าจะไปเที่ยว ตอนแรกกะว่าจะไปเกาะเสม็ดตอนปลายเดือน เมษา แต่ก็ไม่ได้ไปเพิ่งจะมาเปลี่ยนแผนกันสดๆร้อนๆก่อนวันไปแค่ 4 วันเอง ช่วงนั้นก็สอบเวลาเตรียมตัวหาข้อมูลก็เลยไม่มี ก็เลยได้การผจญภัยครั้งนี้มาไง
.เริ่มต้นเดินทางกันดีกว่า ไปเลย!!!
ช่วงนี้ได้ข่าวว่าจะมีฝนตกหนักที่ ตราด แต่เราก็ยังจะดันทุรังไปให้ได้ ก็จะให้ทำยังไงหละตกลงกันมาตั้งนานแล้วไม่ไปก็เสียเที่ยวแย่ เที่ยงคืนของวันที่ 13 พค. 2544 การเดินทางของพวกเราก็เริ่มขึ้น ผมออกจากบ้านตั้งแต่ 3 ทุ่ม แต่ว่าบังเอิญไปหน่อยลืมกล้อง ก็เลยต้องย้อนกลับไปเอาอีก ทำให้ไปถึงสายกว่าเวลานัด เราไปขึ้นรถที่ เอกมัย ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 4 ชม. เราก็มาถึงเมืองตราด ตอนเช้าตรู่ของวันที่ 14 พค.
พอมาถึงก็มีรถสองแถวมาเรียกพวกเรา ว่าจะให้ขึ้นรถคันโน้นคันนี้แต่ว่าเราเล่นตัวครับ ต้องทำเป็นผู้รู้ไว้ก่อนจะไม่ถูกหลอกง่ายๆ แต่พอเราจะมาขึ้นรถจริงๆเค้าออกไปกันเกือบหมดแล้ว ก็เลยต้องนั่งรอให้รถเต็ม แต่รอยังไงรถมันก็ไม่เต็มครับ ก็มันไม่มีรถทัวร์มาเพิ่มซักคันเลย คนขับ ก็เลยพาพวกเราทั้ง 5 คน ออกเดินทางสู่ท่าเรือที่จะไปเกาะช้าง (ท่าเรือที่จะไปเกาะช้างมีอยู่ 3 ท่า มีที่ แหลมงอบ แล้วก็อีก 2 ที่เป็นท่าเรือ เฟอร์รี่ พวกผมมาขึ้นที่ท่า รุคก์ เกาะช้างเฟอร์รี่ครับ แต่ไม่ยักกะมีเรือเฟอร์รี่ซักลำ พวกเรานั่งรออยู่นานกว่าเรือเที่ยวแรกจะออก(ค่าตั๋วไปกลับ 120 บาท ต่อคนนะครับ) พวกเราก็เลยออกไปถ่ายรูปที่ท่าเรือเป็นการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ไงหละ
6.30 น. เรือเดินทางออกจากท่าเรือ เย้
ผมจะได้ไปผจญภัยแล้ว ไม่รู้ว่าฝนจะตกรึเปล่า ผมแอบคิดในใจเงียบๆอยู่คนเดียว แต่ก็อย่างว่าแหละรับ ความคิดผม มักจะเป็นจริง เดินทางมาประมาณ 20นาทีฝนก็ตกลงมา แต่ก็ไม่หนักมากครับ พวกเรายังพอสู้ไหว เรือถึงท่าเรือด่านเก่าเวลา 7.15 น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีก็ถึง ถึงที่ท่าเรือฝนตกปรอยๆ แต่ไม่ต้องห่วงผมเตรียมร่มมาครับ เท่จริงๆมาเที่ยวเกาะต้องมากางร่มเนี่ย
วันนี้พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะไปพักที่ไหน ตอกแรกกะว่าจะขึ้นสองแถวไปลงที่ หาดทรายขาว แล้วค่อยเดินหาที่พักไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายพวกเราก็เปลี่ยนใจไม่ลงเดินดีกว่า ก็คนขับรถเค้าบอกว่าระยะทางยังอีกยาวไกล พวกเราก็เลย ไปหาที่พักกันที่หาดคลองพร้าวกันต่อ ไปถึงที่แรกที่พักก็ดีใช้ได้เหมาะสมกับราคา แต่ว่ามันต้องเพิ่มอีกคนละ 50 บาทนี่สิเป็นปัญหา เพราะคงต้องนอนเบียดกันน่าดู คนขับรถสองแถวก็เลยพาเราไปหาที่พักต่อ เรามาถึงที่ครองพร้าวรีสอร์ท ที่นี่หรูมากครับ ที่พักสวย ชายหาดก็สงบ แต่ว่าแพงมากกกกกก แต่ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ได้พักที่นี่อยู่ดี เพราะมันเต็มแล้วครับ แล้วเราก็เดินทางต่อมาที่หาดไก่แบ้(ชื่อแปลกดี) ที่นี่แหละครับเป็นที่พักของเรา ถึงแม้ว่าชายหาดจะไม่สวยเท่าไหร่ แต่ว่าก็ยังดีครับ ถูกดี เราพักที่ ไก่แบ้ ฮัท รีสอร์ท ราคาที่พักก็ 800 บาท กับ 300 บาท ถ้าฤดูท่องเที่ยวจะแพงกว่านี้ พวกผม พักบ้านหลัง 800 แต่ได้ราคา 700 ครับพวกเราต่อกันตั้งนาน ลดให้แค่วันละร้อยเองแย่จริงๆ เราหาที่พักได้ตอน เกือบ 8 โมงเช้าแล้วกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จก็เกือบจะ 10 โมงแล้ว
โปรแกรมเที่ยววันนี้เรายังไม่ได้วางแผนกันเลยว่าจะไปที่ไหนบ้าง ตอนแรกกะว่าจะได้ดำน้ำดูปะการัง แต่เค้าไม่ออกเรือให้เลย เค้าบอกว่าช่วงนี้หน้าฝนแล้วมันไม่ปลอดภัย แต่ก็ไม่เป็นไรเที่ยวอย่างอื่นก็ได้ วันนี้เรากินข้าว ตอน 11.00 น. แล้วก็ออกไปเดินตามชายหาดเรื่อยๆ ทีนี่มีชิงช้าด้วย ชายหาดตรงนี้สวยใช้ได้ครับ พวกเราถ่ายรูปกันไปหลายใบ วันนี้ท้องฟ้าสีสวยมาก โชคดีจริงๆที่ฝนไม่ตก พวกเราเดินมาเรื่อยๆ จนสุดหาด ตรงบริเวณนี้สวยมากครับคลื่นมันมาปะทะกันสองข้าง ทำให้กลายเป็นคลื่นสี่เหลี่ยมแปลกตาดี ที่หน้าหาดบริเวณนี้มีเกาะที่ดูไกลๆ แล้วสวยดีครับ แต่ไม่รู้ว่าใกล้ๆแล้วจะสวยเหมือนที่เห็นรึเปล่า ถ้าน้ำลดแล้วเค้าบอกว่าเดินไปถึงได้ ก็น่าจะลองดู พอน้ำลดเราก็ออกเดินทางกันน้ำตื้นมาก ลึกไม่เกินหัวเข่า แรกๆก็เดินสบายดีเพราะมันมีแค่ทรายแต่หลังนี่สิมันเริ่มมีหิน ปะการังที่ตายแล้วเต็มไปหมด เดินยากมากๆ พวกผมก็ใส่รองเท้าเดินกันครับ แต่ว่ามันก็เดินยากมาก เดินมาได้เกือบจะถึงอยู่แล้วเชียวเท้ามันพลิกครับ จากเดินโดยไม่เจ็บก็เลยต้องเจ็บเพราะรองเท้ามันขาดแย่จริงๆ แต่ไม่เป็นไรจะถึงอยู่แล้ว พอไปถึง ฮือๆๆ อยากร้องไห้เจ็บก็เจ็บไม่เห็นมีอะไรเลยชายหาดก็ไม่สวยเสียเที่ยวจริงๆ ร้อนก็ร้อน แถมดำอีกตะหาก ก็เลยนึกถึงน้ำตกขึ้นมาทันที วันนี้ไปน้ำตกกันดีกว่าไปอาบน้ำคลายร้อนซักหน่อย
ประมาณบ่ายสองกว่าๆ เราก็ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ ที่นี่ค่าเช่า ชั่วโมงละ 50 บาท วันละ 300 บาท เราเช่ากัน 2 ชม. แค่นี้ก็เวลาเหลือแล้ว เพราะน้ำตกอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง ขับรถประมาณ 15นาทีก็ถึงที่จอดรถ แล้วต้องเดินต่อไปอีก 15 นาที ก็ถึงตัวน้ำตก ลืมบอกไปว่าน้ำตกชื่อว่าน้ำตกคลองพลู น้ำตกที่นี่น้ำเยอะมาก นึกไม่ถึงเลยว่าบนเกาะอย่างนี้จะมีน้ำตกสวยๆอย่างนี้ ตรงบริเวณตัวน้ำตกมีแอ่งน้ำให้ว่ายน้ำได้ด้วย พวกเราอยู่ที่นี่เกือบเต็มเวลาที่เช่ารถมา เราปีนหินไปถึงเกือบบนสุด สายน้ำแรงมาก ถ้าตกลงไปต้องแย่แน่ๆเลย พอใกล้เวลากลับ เราก็เลยไปสระผม น้ำเย็นชื่นใจดีจัง ไม่ได้สนุกอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว
ตกเย็นเราก็ไม่ได้ทำอะไรนั่งมองทะเล ลมพัดแรงมาก ลมทะเลก็ไม่เหนียว แสดงว่าที่นี้น้ำทะเลสะอาดจริงๆ แล้วอีกหนึ่งวันก็ผ่านไป
วันที่ 2 ของการอยู่บนเกาะของพวกเรา ( 15 พค. 2544) วันนี้ผมตื่นมา 7 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ประมาณ 8 โมงกว่า ก็ได้เวลาเดินไปกินข้าวกัน อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้ครับ ราคาก็ไม่ถึงกับแพงเกินไปจานละ 40 บาท(อาหารทะเลนะครับ) เรากินข้าวที่ร้านอาหารของรีสอร์ททุกวันหลังจากกินข้าวเสร็จวันนี้พวกเรามีโปรแกรมจะไปขี่รถรอบเกาะ เพราะตอนที่นั่งรถสองแถวมาเห็นวิวสวยๆ วันนี้จะได้ไปดูด้วยตัวเองแล้ว เราเช่ารถ 2 คัน เช่าทั้งวันราคาคันละ 300 บาท เริ่มออกเดินทางตอน 10.30 น. ทางตอนแรกๆก็ดีครับ ขับง่ายดีเพราะมันเป็นทางราบ แต่พอผ่านหาดทรายขาว อู้ฮู้..ทางชันมากๆ แถมเลี้ยวหักศอกอีกตะหาก ขับกันมันที่เดียว จุดชมวิวจุดแรกที่เราเล็งไว้ตั้งแต่ตอนมาว่าจะดู มันจอดรถไม่ได้เพราะเป็นทางลงเขาพอดี ก็เลยต้องไปจอดอีกที่ ตรงนี้ก็สวยข้างล่างมีชายหาดด้วยท่าทางจะสงบมาก แต่ไม่เห็นมีทางลงเลย หลังจากหยุดพัก พวกเราก็เดินทางกันต่อ ระยะทางประมาณเกือบ 20 กม.เราก็เดินทางถึงน้ำตกธารมะยม ซึ่งอยู่อีกฟากของน้ำตกคลองพร้าว น้ำตกที่นี่เดินเข้าไปไม่ค่อยไกลมากก็ถึงน้ำตกชั้นแรกแต่ว่าดูท่าทางจะไม่ค่อยมีคนมาเท่าไหร่ เพราะทางเดินแทบจะมองไม่เห็น (ที่ป้ายทางเข้า เขาบอกว่าชั้นที่ 3 สวยที่สุด)
พอมาถึงชั้นที่ 1ผมก็ว่าสวยแล้วนะ แต่มาถึงแล้วหนิ ก็ต้องไปให้ถึงที่สุด เราเดินต่อมาเรื่อยๆ ทางเดินค่อนข้างลำบาก เพราะต้องปีนเขาตลอด แต่แล้วเราก็มาถึงทางตัน ไม่มีทางเดินต่อแล้วจะไปยังไงหละเนี่ย พวกเราหาทางไปอยู่นาน เพราะด้านหน้าเป็นหินลาดลงไปค่อนข้างชันก็เลยกลัวไม่กล้าไปเดี๋ยวจะลื่นไถลตกน้ำซะก่อน ก็เลยเดินอ้อมขึ้นไปบนเขา ทางลำบากมากเพราะไม่เคยมีใครเดิน ทางค่อนข้างชัน ต้องไต่เลาะเขาตลอดเวลา เดินมาได้ซักพักเราก็ลงมาที่น้ำตก คงจะเป็นน้ำตกชั้นที่ 2 แต่ว่าก็ยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่พวกเราแวะเล่นน้ำกันที่นี้เพราะไม่อยากจะเดินต่อแล้ว น้ำตรงนี้ค่อนข้างลึก น้ำตกไหลเลาะริมหน้าผาลงมาดูๆ ไปแล้วก็สวยดี เล่นได้ซักพักก็มีคนเดินมา พวกเราก็ตกใจว่าเค้ามาได้ยังไง เค้าบอกว่าก็เดินมาตามทางเท้านั่นแหละ พอได้ยินแค่นั้นเราก็งง เฮ้อ
ทำไมพวกเราถึงโง่กันนัก ต้องไปปีนบ่ายหน้าผา แต่ยังไงก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะ
หลังจากเล่นได้พักนึง คนที่เดินมาเค้าก็เดินไปต่อ พวกเราก็เลยเดินตามไปบ้างข้างบนก็ไม่ค่อยมีอะไร เราเดินไปเรื่อยๆ ก็ไปถึงชั้น 3 เราว่าอย่างนั้นนะไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า เป็นน้ำตก 2 สายไหลมาชนกันดูแล้วก็สวยดี ถ้ามีน้ำเยอะกว่านี้ ตอนเดินกลับ ผมร่าเริงมากไปหน่อยไม่ได้ระวังก็เลยลื่นตกไปในน้ำ เจ็บก็ไม่เท่าไหร่หรอกแต่ที่หนักกว่าก็กล้องที่ยืมเพื่อนมามันตกลงไปในน้ำ แพงก็แพงจะทำยังไงดีเนี่ย แต่ว่าก็แค่แป็บเดียวนะ ตอนแรกมันก็ไม่เป็นอะไรหรอกยังถ่ายได้ แต่อีกไม่เกิน 1 นาทีมันก็ช็อต ระบบเดิมหายไปหมดเลย ไอน้ำก็เข้าไปในแฟลต มันกระพริบไม่หยุด ปิดหน้ากล้องก็ไม่ได้ ตอนนั้นกลัวกล้องจะพังมากๆ แต่จะทำไงได้หละ พอปิดหน้ากล้องได้ พวกเราก็เดินทางกลับออกจากน้ำตก ผมเป็นคนขับตอนขากลับในช่วงแรก ทางเป็นทางดินแดงฝุ่นเยอะมาก ตอนที่ออกมาหิวมาก กว่าจะมาถึงที่กินข้าวก็ประมาณ 15 กม. พวกเราแวะพักกินข้าวที่ ท่าเรือเฟอร์รี่ระหว่างที่รอข้าวผมก็เอากล้องออกมาดู ตอนนี้กล้องไม่มีไอน้ำแล้ว แปลกมากอยู่ดีๆก็หายก็เลยลองเปิดหน้ากล้องดูกล้องไม่เป็นอะไรแล้วค่อยโล่งหน่อย ก็เลยไปถ่ายภาพทดลองกล้อง ตอนที่ถ่ายรูปอยู่ สาวก็รองเท้าหลุดลงไปในน้ำ ตลกดีมาเที่ยวครั้งนี้ซื้อรองเท้าใหม่ตั้ง 4 คนแหนะ
พอกินข้าวเสร็จก็เดินทางกันต่อไปที่คลองพร้าวรีสอร์ท ไม่ได้มาพักนะครับมาถ่ายรูป เพราะหาดที่นี่กว้างมาก แต่เสียอย่างเดียวท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจก็เลยไม่สวยเท่าไหร่ หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางต่อเพื่อที่จะไปจุดชมวิว แล้วก็เลยไปที่ Lonely beach ชื่อเพราะดี จุดชมวิวตรงนี้ก็สวยแต่ผมว่าตรงหาดทรายขาวสวยกว่าเราเพราะว่าเห็นหาดได้ทั้งหาด แต่ก่อนที่เราจะแวะที่หาดนั้น เพื่อนผมที่ชื่อหยุ่น บอกว่าไหนๆก็ขับมาถึงนี่แล้วก็ไปให้สุดๆดีกว่า เพราะทางที่ผ่านมาลำบากมากเป็นทางเลนเดียวเวลารถสวนกันน่ากลัวมาก เราไปต่อได้อีกไม่ไกลก็ต้องกลับ เพราะไม่มีอะไรให้ดูเรามาแวะที่Lonely beach ที่นี่ชายหาดสงบมาก สวยกว่าที่คลองพร้าวซะอีก ตอนแรกกะจะเล่นน้ำที่หาดนี้แต่ว่าเวลามีไม่พอเพราะต้องเอารถไปคืนตอน 17.00 ก็เลยต้องกลับ แต่ไม่เป็นไรความทรงจำดียังอยู่เยอะแยะไป ระหว่างที่ขี่รถกลับ เป็นทางลงเขา มีรถกระบะคันนึงสวนมา ทำตัวน่าเกลียดมากเพราะทางเป็นเลนเดียวไม่ชะลอรถให้เลย แถมยังไม่หลบรถให้เราอีก เกือบไปซะแล้ว
และแล้วพวกเราก็ต้องกลับมาเล่นน้ำที่หาดไก่แบ้ กว่าจะได้เล่นน้ำก็ต้องเดินไปไกลเพราะว่าหาดที่อยู่ใกล้ๆค่อนข้างสกปรก แต่พอลงไปเล่นน้ำก็ใส หาดก็สวยเสียอย่างเดียวว่ายน้ำไม่ได้เพราะน้ำตื้นมาก ขนาดเดินมาเกือบ 100 เมตรแล้วยังลึกไม่ถึงเอวเลย เล่นอยู่ตรงนั้นซักพักก็ย้ายที่ไปเล่นที่หน้า ไก่แบ้ บีช ที่นี่มีคลื่นด้วยเราก็หลงดีใจ แต่พอลงไปมันมีหินก็เลยเล่นไม่ได้คราวนี้ก็เลยต้องย้ายที่อีก ก็เลยต้องกลับมาเล่นที่เดิมที่เล็งไว้แต่แรก ถึงแม้จะออกไปลึกไม่ได้เพราะมีหินแต่ก็ยังดีว่าที่ที่ผ่านมา พวกเราเล่นน้ำจน 6โมงครึ่งก็มาก่อกองทรายเล่นแล้วก็ถ่ายรูปซะหน่อย วันนี้เป็นวันที่มีความสุขจริงๆ รู้สึกว่าได้ปลดปล่อย ทำให้รู้สึกสบายตัวยังไงก็ไม่รู้ หลังจากเล่นน้ำแล้วเราก็มาอาบน้ำแต่งตัวไปกินข้าวกันเหมือนเดิม และกิจกรรมหลังกินข้าวก็เหมือนกับเมื่อวานก็เล่นไพ่ไงหละ วันนี้เราเล่นกันจนดึกเพราะไม่ค่อยเพลียเท่าไหร่
เช้าวันใหม่(16 พค. 44) วันนี้เราได้รับการต้อนรับจากสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โชคดีจริงที่ฝนตกลงมาวันที่พวกเราจะกลับ ไม่งั้นคงจะแย่น่าดู วันนี้พวกเราไม่ได้ทำอะไรเพราะกว่าจะตื่นก็สายแล้ว กว่าจะกินข้าวเสร็จก็เกือบ 10 โมงเช้า ก็ได้เวลาขึ้นสองแถวไปท่าเรือ 11.00 ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องลาเกาะช้างซะแล้ว มาเที่ยวครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปดำน้ำอย่างที่ตั้งใจ แต่ว่าพวกเราก็ได้สิ่งดีๆมามากกว่านั้น มิตรภาพดีๆที่เรามีให้กัน สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำก็ได้ทำ เป็นการมาเที่ยวที่ได้ประสบการณ์และความทรงจำที่ดีกลับมาเยอะจริงๆ
ขอบคุณเพื่อนๆ ขอบคุณ ผู้จัดการรีสอร์ทที่เป็นมิตรกับเราเป็นอย่างดี และขอบคุณเกาะช้างที่ทำให้พวกเรามีความทรงจำดีๆกลับไป 13.00 น. พวกเราเดินทางออกจาก ตราด ขากลับใช้เวลาเดินทาง 6 ชม. กว่าๆ พวกเรามาถึงเอกมัยแล้ว การผจญภัยในครั้งนี้ก็จบลง พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พบกับความทรงจำดีๆได้ใหม่กับการไปเที่ยวครั้งหน้า แล้วพบกันความทรงจำที่ดีของผม
รายละเอียดการเดินทาง รถไปกลับคนละ 189 บาท มีรถออกทุก ชม. เที่ยวสุดท้าย 23.30 น. ค่าสองแถวไปท่าเรือ 20 บาท ค่าเรือไปเกาะไปกลับ 120 บาท แต่ถ้าไปท่าอื่นถูกกว่านี้ ค่ารถสองแถวบนเกาะจากท่าด่านเก่าไปหาดไก่แบ้ คนละ 40 บาท ค่าที่พัก ที่ไก่แบ้ ฮัท หลังละ 300 กับ 800บาท นอกจากนั้นก็เป็นค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ ชม.ละ 50 บาท วันละ 300 บาท ต่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 1500 บาท 3 วัน 2คืน
---------------------------------------------------------------------------------
|
|