สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับผมชื่อเอกราช ตอนนี้อายุ 27 ปี ทำงานแล้วในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง อยากจะลงเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ไปสัมผัสมา อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับผู้ที่จะใช้เป็นแนวทางในการไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่ผมได้ไปมาครับ ถ้าสนใจก็เมลล์มาถามกันได้ครับ
เรื่อง น้ำตกป่าละอู
.เราจะกลับมา
น้ำตกป่าละอู ชื่อนี้ผู้ที่ชอบท่องเที่ยวหลายท่านคงจะคุ้นชื่อหรือคงได้ไปสัมผัสมาแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่คุ้นผมขอแนะนำพอสังเขปนะครับ น้ำตกป่าละอู ตั้งอยู่ที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นอุทยานที่มีพื้นที่มากที่สุดครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันต์ ด้วยความที่เป็นอุทยานที่มีพื้นที่มากนี้เอง จึงมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ในส่วนของจังหวัดเพชรบุรีจุดที่ สนใจที่นักท่องเที่ยวไปมากก็คือบริเวณเขื่อนแก่งกระจาน และ การขึ้นไปพิชิตยอดพะเนินทุ่ง ฯลฯ ซึ่งผมได้ไปมาแล้ว ส่วนน้ำตกป่าละอูที่กลุ่มพวกผมจะไปกันนั้นอยู่ในเขตของจังหวัดประจวบคีรีขันต์ ตัวน้ำตกอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยป่าเลา ซึ่งมีน้ำตกอยู่หลายแห่ง เช่น น้ำตกชลนาฎ น้ำตกห้วยทองปาน แต่จุดมุ่งหมายของผมนั้นคือน้ำตกป่าละอูซึ่งตามข้อมูลที่ผมได้มาตัวน้ำตกทั้งหมดจะมี 15 ชั้น ผมรวบรวมเพื่อนที่จะไปได้อีก 3 คน ที่จะรวมทุกข์รวมสุขกัน
การเดินทางไปน้ำตกป่าละอูนั้น เราสามารถเลือกเดินทางได้ 2 ทาง คือทางรถไฟ และทางรถยนต์ ทางรถไฟก็ขึ้นได้ทั้งสถานีหัวลำโพง และบางกอกน้อย โดยลงที่สถานีหัวหิน และนั่งรถประจำทางสาย หัวหิน - น้ำตกป่าละอูเข้าไป ส่วนกลุ่มผมนั้นเลือกที่จะมารถประจำทางโดยมาขึ้นที่ ขนส่งสายใต้ใหม่ มาลงหัวหิน หลังจากที่มาถึงหัวหิน ก็เลยถือโอกาสเดินเล่นที่ตลาดกันหน่อยนะครับ ก็ต้องซื้อเสบียงเข้าไปทำกินด้วย เพราะตามข้อมูลเบื้องแล้วที่ตัวน้ำตกจะไม่มีร้านค้าจำหน่ายอาหารเลยครับ ร้านที่ใกล้ตัวน้ำตกที่สุดก็ประมาณ 5 กม. พอซื้อของที่จำเป็นเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลยครับ
ไปถึงทางแยกไปน้ำตกก็ต้องลงครับเพราะรถมาสิ้นสุดแค่นี้จากจุดนี้ก็ประมาณ 10 กม. ก็ต้องใช้วิธีโบกรถ นักท่องเที่ยวเขาไป ซึ่งช่วงที่ผมไปนั้นก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวขึ้นแล้วครับมีแต่จะลงมาเท่านั้น ก็เดินไปเลยๆ ครับ ยังดีกว่ารออยู่เฉยๆ ซึ่งเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างครับ มีรถเจ้าหน้าที่จะไปที่หน่วยพอดี เลยขออาศัยไปลงที่หน่วยครับ แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ใจดีมากครับ เป็นกันเองมากเลย พอถึงด่านเก็บเงินก็จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าคนละ 20 บาท พอมาถึงเจ้าหน้าที่ได้แนะนำว่าควรจะขึ้นไปตัวน้ำตกในวันต่อไปดีกว่าเพราะใกล้เย็นแล้ว ให้พักที่หน่วยก่อนพวกเราก็เห็นตรงกันนะครับจัดแจงก่อไฟทำอาหารทานกัน เกือบลืมไปครับสำหรับท่านที่จะขึ้นไปให้ถึงชั้นบนสุดต้องนอนที่ตัวน้ำตกครับ และสถานที่ไม่อื้ออำนวยต่อการกางเต๊นท์เลยครับ พอดีพวกผมเดินทางกันบ่อยนะครับ เพื่อความคล่องตัวจึงมีเปลนอนกับครบทุกคน สะดวกในการกางนอนดีครับไม่ต้องใช้พื้นที่ให้มากด้วย
เย็นนั้นหลังจากทานข้าวเสร็จก็ไปนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่พึ่งรู้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะไม่ให้นักท่องเที่ยวเขาไปพักแรมที่น้ำตกเลยครับ เว้นแต่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วย พวกเราจึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่เลยตอนนั้นซึ่งเขาแนะนำให้รู้จักกับลุงทองใบ ผู้ที่เชี่ยวชายป่าแถบนี้
ลุงทองใบไม่แนะนำให้เราขึ้นไปช่วงนี้เพราะฝนตก น้ำแรงมาก และค่อนข้างลื่นด้วย และเมื่อไม่นานนี้เองลุงทองใบได้นำตชด. ขึ้นไปตัวน้ำตกชลนาฎเพื่อไปวัดเขตแดนกับพม่า ก็มี ตชด. ได้เยียบกับระเบิด ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของกระเหรี่ยงหรือพม่าแต่โชคดีที่สลักมันไม่หลุด พวกเราฟังแล้วขนลุกเลย แต่ด้วยความที่อยากจะขึ้นไปและที่เราจะไปก็เป็นน้ำตกป่าละอู ไม่ใช้ชลนาฎก็เลยอ้อนวอนให้ลุงแก่พาขึ้นไป ลุงเห็นความตั้งใจของเราแก่ก็ใจอ่อนแต่ไม่ใช่แกจะนำทางไปนะครับ แกวาดแผนที่ให้เราไปแทน เพราะแกต้องอยู่เฝ้าหน่วย พรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะลาหลายคนครับ แบบว่าเบี้ยเลี้ยงพึ่งออกกันนะครับ หลังจากเราศึกษาเส้นทางกันพอเข้าใจแล้ว ก็ไปพักผ่อนเอาแรง ไว้เดินทางในวันต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้นก็จัดแจกทำอาหารทานและทำเผื่อขึ้นไปทานข้างบนด้วย ตามเป้าหมายเราต้องขึ้นไปพักแรมที่ชั้นเก้า เพราะจะมีบริเวณให้พักผ่อนได้ จากหน่วยไปตัวน้ำตกชั้นแรกก็ต้องเดินทางไปอีก 5 กม . ระหว่างทางก็เดินเลียบลำห้วยป่าเลาซึ่งไหลลงมาจาก น้ำตกป่าละอู ช่วงแรกเส้นทางเป็นทางลาดยางอยู่ แต่เดินไปอีกสักพักก็เป็นทางรุกรังเป็นเนินขึ้นเล่นเอาเหนื่อยก่อนที่จะถึงน้ำตกเสียอีก
พอถึงชั้นที่หนึ่งก็มีคนมาเที่ยวบ้างพอสมควร เราเดินไปเรื่อยๆเลียบน้ำตก ซึ่งต้องยอมรับว่าที่นี่ธรรมชาติยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก โดยเฉพาะผีเสื้อนั้นเยอะมากที่เดียว ระหว่างทางเราได้พบกับค่างแว่นดำที่ห้อยโหนอยู่ไม่ไกลนัก มันอยู่กันเป็นฝูงที่เดียว และบริเวณ ชั้นหนึ่งนั้นมีต้นไม้ใหญ่เยอะมาก เราได้เห็นนกในวงของนกเหงือกอีกด้วย แค่นี้เราก็รู้สึกหายเหนื่อยที่เดียว การเดินทางขึ้นน้ำตกนั้น หลังจากชั้นที่ 3 เริ่มเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะตอนเดินสลับตัวน้ำตก ซึ่งน้ำไหลแรงมาก ดีที่เราไม่ลืมที่นำเอาเชือกไปด้วย ก็ต้องใช้เชือกขึงเกาะข้ามลำธารกันไปไม่งั้นน้ำพัดเราตกเหวแน่ บางช่วงก็ต้องป่ายปีน มุดถ้ำทุกรักทุเรน่าดู ต้องขอบอกว่าที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการเดินทางแบบผจญภัยครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่ บางช่วงก็ต้องพักเหนื่อยกันบ้างก็หามุมถ่ายภาพ พักผ่อนซักพักก็ต้องลุยกันใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยเลย คือความบริสุทธ์ของธรรมชาติที่นี่ลุงทองใบเล่าว่าเมื่อก่อนนี้น้ำตกป่าละอูยังไม่มีสภาพแบบนี้ แต่เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา สภาพของตัวน้ำตกก็เปลี่ยนมาแบบที่เห็นซึ่งก็สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
เราเดินทางมาถึงชั้น 7 ซึ่งนับว่าเร็วมากถึงบริเวณนี้ฝนเริ่มตกป่อยๆ ลงมาแล้วแต่เราก็ยังสู่อยู่ บริเวณชั้น 7 นี้ นับว่าเป็นจุดหนึ่งที่สวยมากเราสามารถมองเห็นตัวน้ำตกของห้วยทางปานและน้ำตกปาละอูไหลเป็น 2 สายมาบรรจบกัน ผมก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพไว้เหมือนกัน แต่ระยะทางที่จะไปชั้น 8 เนี่ยสิครับเริ่มยากลำบากกว่าเก่ามากเลย ตามแผ่นที่ต้องเดินตัดขึ้นเขาไปเราจึงเปลี่ยนเส้นทางจากเดินตามน้ำตกมาปีนขึ้นเขาแทน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ เพราะฝนที่ตกลงมาเริ่มที่จะเม็ดใหญ่ขึ้นแล้วครับ ทำให้ทางที่เต็มไปด้วยกรวดหินนั้นลื่นมากครับ สร้างอุปสรรคในการเดินทางเป็นอย่างมาก เป้ที่สะพายอยู่ข้างหลังเริ่มหนักขึ้นตามความสูงของเขา แถมโดนน้ำฝนเขาไปอีก ไม่ต้องบรรยายเลย ยิ่งขึ้นสูงเท่าไรสภาพป่าก็ยิ่งหนาทึบยิ่งขึ้น มีดที่เราใช้ในการเดินป่าครั้งนี้แต่ละคนพกมาขนาดแค่ 4- 6 นิ้วเท่านั้น มีดใหญ่หน่อยก็ขนาด 8 นิ้วเห็นจะได้ มันเล็กเกินไปที่จะฝ่าเข้าไปขนาดนั้น ปกติแล้วถ้าเป็นการเบิกทางละก็ต้องใช้มีดที่มีลักษณะ ใหญ่ซักหน่อยครับ ถึงจะลุยไหว ก็สาระวนอยู่หลายชั่วโมงละครับทั้งเหนื่อยและท้อเลยพวกเราติดอยู่ในป่าหลายชั่วโมง ตะวันก็เริ่ม จะคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ แล้ว พวกเราจึงลงความเห็นกันว่าต้องกลับลงที่ชั้น 7 ก่อนเพราะขืนลุยต่อไปมืดเสียก่อน จะหาที่พักอยากลำบากแน่ๆ เราจึงต้องกลับลงมาเตรียมที่พักทำอาหารทานกันที่ตัวน้ำตกชั้น 7 แต่ด้วยความที่เหนื่อยล้าพวกเราจัดการปรุงอาหารเกือบทั้งหมด ที่เตรียมมา
การพักแรมในป่าสิ่งที่จำเป็นอีกอย่างคือกองไฟต้องรักษาไว้อย่าให้ดับเพื่อป้องกันสัตว์ป่า ที่จะลงมากินน้ำ ยิ่งเราพักใกล้น้ำตกด้วยแล้วยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องน้ำป่าด้วยครับ วิธีการรักษาไฟของพวกผมคือ เราได้เตรียมขวดเล็กๆ และน้ำมันก๊าซที่เราซื้อมาจากตลาดหัวหินขึ้นมาแล้วใช้กระดาษเช็ดชูพันทำเป็นไส้ตะเกียง รับรองอยู่ได้ทั้งคืนแน่นอนครับ จุดไว้ซัก 2 - 3 ขวด รอบที่พักก็ดีครับ ผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไรหรอกครับ เพราะต้องคอยสังเกตน้ำด้วยเพราะเมื่อเย็นน้ำเริ่มเปลี่ยนสีแล้วกลัวน้ำป่าจะมานะครับ แต่แล้วก็รอดพ้นคืนนั้นมาได้ด้วยดี
ตอนรุ่งเช้าฝนเริ่มโปรยมาอีกเมื่อรวมกับสายหมอกและน้ำตกที่ฟุ้งมาด้วยแล้วเป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆ ภาพของน้ำตก 2 สายที่ไหลมารวมกันยังไม่เคยจางจากความทรงจำของผมเลย ขณะนี้ฝนเริ่มที่จะตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ เราไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายไปไหนกันได้อีกแล้วครับน้ำเริ่มไหลแรงขึ้นด้วย
ประกอบการอาหารที่เตรียมมาพวกเราก็ซัดกันเกือบเลียบแล้ว และเรายังมีโปรแกรมที่จะไปสำรวจถ้ำที่อุทยานเขาสามร้อยยอดกันอีกพวกเราจึงต้องถ้อยหลังกลับสู่พื้นล่างอีกครั้งครับ
นับเป็นความ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการที่จะพิชิตยอดน้ำตกป่าละอูของพวกเราแต่สำหรับผม คิดว่ามันคุ้มค่ามากครับสำหรับธรรมชาติความสวยงามที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแบบนี้ ..ครับ พอมาถึงที่หน่วยเราได้เล่าให้ลุงทองใบฟัง ถึงได้รู้ว่าพวกเราโดนธรรมหลอกเอาจนได้ครับ เราตัดเขาขึ้นผิดทาง ก็ใครจะไปสังเกตได้ละครับ สภาพป่ามันทึบและเหมือนกันไปหมด แต่กลุ่มพวกเราสัญญากับไว้แล้วว่าต้องกลับมาล้างตาใหม่มาคราวหน้าคงต้องพึ่งลุงทองใบช่วยนำทางละครับ ไม่งั้นคงต้องหลงป่าอีกแน่ๆ เลย
เราจะกลับมาป่าละอู
|