Image Loading...
7. อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
MUANG SING HISTORICAL PARK

| บทนำ | ประวัติความเป็นมา | จุดเด่นและสถานที่เที่ยวชม | แผนผังอุทยาน | การเดินทาง | สถานที่พัก |
| สถานที่เที่ยวชมอื่นๆ | บันทึกจากประสบการณ์ |
เมืองหน้าด่าน..เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์

Image Loading...
ปราสาทเมืองสิงห์ตั้งอยู่บนที่ราบด้านทิศเหนือ ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ในเขต ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี แวดล้อมด้วยทิวเขาอยู่โดยรอบ มีเนื้อที่ประมาณ 641 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวา สภาพพื้นที่ภายนอกเมืองส่วนใหญ่ใช้ในการเกษตรกรรม ลักษณะเมืองมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลง มีประตูเข้า-ออก 4 ด้าน กำแพงด้านในถมดินลาดเป็นคัน กำแพงเมืองด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ปรากฏแนวคันดินและคูน้ำล้อมรอบอีก 7 ชั้น คงทำเพื่อระบายน้ำที่หลากลงมาจากภูเขาสู่แม่น้ำแควน้อย ส่วนกำแพงด้านทิศใต้นั้นคดโค้งไปตามลำน้ำแควน้อย ภายในเมืองมีสระน้ำขนาดใหญ่และเล็กมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม จำนวน 6 สระ

ประวัติความเป็นมา

ปราสาทเมืองสิงห์มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี เพราะเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรมช่วงหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งเคยมีบทบาทในดินแดนแถบจังหวัดกาญจนบุรีมาแล้วในอดีต
ปราสาทเมืองสิงห์เป็นโบราณสถานซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกสุดของประเทศไทยที่ได้รับรูปแบบทางศาสนาและวัฒนธรรม จากขอมเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 18-19 หรือประมาณ 800 ปีมาแล้ว รูปแบบทางสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรมเหล่านี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับศิลปแบบบายนในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1720-1780) แต่มีลักษณะของท้องถิ่นผสมอยู่ด้วย โบราณสถานนี้เป็นโบราณสถานในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ศิลปกรรมรูปเคารพที่สำคัญที่พบได้แก่ พระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตา ซึ่งรูปเคารพทั้งสามนี้ รวมเรียกว่า "รัตนตรัยมหายาน" นอกจากนี้ยังพบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง มีลักษณะคล้ายคลึงที่พบ ณ ปราสาทเปรียถกลในประเทศกัมพูชา
ศิลาจารึกพบที่ปราสาทพระขรรค์ เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา ซึ่งพระวีรกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงจารึกข้อความสรรเสริญพระราชบิดานั้น ได้กล่าวถึงชื่อเมืองต่างๆจำนวน 23 เมือง ที่พระราชบิดาประดิษฐานพระชัยพุทธมหานาถ มีชื่อเมืองหนึ่ง คือ "ศรีชยสิหบุรี" ซึ่งนักวิชาการส่วนหนึ่งเชื่อว่าคือปราสาทเมืองสิงห์ในปัจจุบัน ส่วนเมืองอื่นๆที่มีชื่อปรากฏอยู่ในจารึก รวมทั้งมีหลักฐานจากโบราณสถานร่วมสมัยเดียวกันได้แก่ ลโวทยปุระ คือเมืองละโว้หรือลพบุรีมีพระปรางค์สามยอด, สุวรรณปุระ คือเมืองโบราณที่เนินทางพระ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี, ศรีกัมพุกปัฏฏนะ คือเมืองโบราณที่สระโกสินารายณ์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี, และศรีชยวัชรปุรี คือวัดกำแพงเลง จังหวัดเพชรบุรี
ชื่อของเมืองสิงห์ จากหลักฐานทางด้านเอกสารที่พบในประเทศไทย เพิ่งมีปรากฏในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ว่าทรงตั้งเมืองสิงห์เป็นเมืองหน้าด่านขึ้นอยู่กับเมืองกาญจนบุรี แต่เนื่องจากที่เป็นกันดาร เจ้าเมืองสิงห์ขณะนั้นจึงไปอยู่ที่บ้านโป่ง โดยส่งหมวดลาดตระเวณไปตรวจตราแทน ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เจ้าเมืองสิงห์จึงจะขึ้นไปดูแลระยะหนึ่ง ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานนามเจ้าเมืองสิงห์ว่า "พระสมิงสิงห์บุรินทร์" เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ยุบเมืองสิงห์ เป็น ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี จนกระทั่งปัจจุบัน
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทเมืองสิงห์เป็นโบราณสถานแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งและบูรณะจนแล้วเสร็จ และทำพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2530 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
จุดเด่นและสถานที่เที่ยวชม

ภายในบริเวณกำแพงเมืองมีโบราณสถานที่ปรากฏหลักฐานเรียงตามลำดับการขุดแต่งและบูรณะดังนี้
  • โบราณสถานหมายเลข 1 เป็นอาคารขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด สร้างด้วยศิลาแลงฉาบปูน มีลวดลายปูนปั้นประกอบ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ทางขึ้นด้านทิศตะวันออกอยู่แนวเดียวกับประตูเมือง ยกพื้นเป็นชานรูปกากบาทปูด้วยศิลาแลง ตัวปราสาทประกอบด้วย ระเบียงคต ซุ้มประตู (โคปุระ) ทั้ง 4 ทิศ ที่มีร่องรอยของการตั้งรูปเคารพอยู่โดยรอบ ภายในระเบียงคตทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อด้วยศิลาแลง เจาะช่องหน้าต่างเล็กๆ
    พบจารึกอักษรขอมที่แท่นฐานรูปเคารพหินทรายแท่งหนึ่ง อ่านความว่า "พรญาไชยกร" เป็นอักษรเขมรเขียนในรูปภาษาไทย
  • โบราณสถานหมายเลข 2 ตั้งอยู่ใกล้โบราณสถานหมายเลข 1 เยื้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่บนฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โบราณสถานนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก สภาพพังทลายมาก มีปรางค์ประธานตั้งอยู่ตรงกลางอาคาร บางส่วนใช้เครื่องไม้ประกอบเพราะพบหลุมเสารูปกลม และกระเบื้องดินเผามุงหลังคา
  • โบราณสถานหมายเลข 3 เป็นซากโบราณสถานขนาดเล็กก่อด้วยอิฐและศิลาแลง อยู่ในสภาพพังทลาย
  • โบราณสถานหมายเลข 4 ซากโบราณสถานก่อด้วยศิลาแลง ลักษณะเป็นฐานอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งเป็นห้อง 4 คูหา ภายในอัดแน่นด้วยทราย และหินกรวดแม่น้ำ พบแท่นฐานรูปเคารพหินทรายในอาคารด้านทิศเหนือ โบราณสถานนี้คงเป็นอาคารที่เกี่ยวกับศาสนา
  • อัตราค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
  • อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท นักท่องเที่ยวที่ต้องการขอวิทยากรนำชม หรือสอบถามรายละเอียด ติดต่อได้ที่ที่ทำการอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โทร. (034) 591-122
    สถานที่เที่ยวชมอื่นๆ
  • หลุมฝังศพมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้ ติดกับแม่น้ำแควน้อย พบโครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์อายุประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว ฝังรวมกับภาชนะสำริด เครื่องมือเหล็ก ภาชนะดินเผา เครื่องประดับจากเปลือกหอย ลูกปัดหินและลูกปัดแก้ว ซึ่งแหล่งโบราณคดีที่เป็นหลุมฝังศพในลักษณะนี้พบหลายแห่งตามริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ในเขต อำเภอไทรโยค จนถึงอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี แสดงถึงกลุ่มคนในวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำมาก่อนที่จะมีการก่อสร้างปราสาทเมืองสิงห์ ในพุทธศตวรรษที่ 18
    นอกจากการพบโบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาแล้วยังพบ เศษภาชนะดินเผาแบบเครื่องเคลือบของจีนสมัยราชวงศ์ซุ่ง (พุทธศตวรรษที่ 16-19) เครื่องเคลือบเขมรแท่นหินบดยา ลูกปัด ขวานหินขัดและหัวคานหามสำริด เป็นต้น

    การเดินทาง

    การเดินทางจากกรุงเทพฯไปกาญจนบุรี
    1. รถยนต์ ไปตามถนนเพชรเกษมหรือไปตามถนนบรมราชชนนี ผ่านนครชัยศรี นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วง ถึงจังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 129 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
    2. รถโดยสารธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 04.00-20.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.(02) 434-5557-8
    3. รถโดยสารปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ รถปรับอากาศชั้นหนึ่งออกทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 05.00-22.30 น. รถปรับอากาศชั้นสองออกทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 05.10-20.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.(02) 435-5012,435-1199
    4. รถไฟ ออกจากสถานีรถไฟบางกอกน้อยวันละ 2 เที่ยว เวลา 7.50 น. และ 13.45 น. แวะจอดที่สถานีกาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแคว ท่ากิเลน สถานีน้ำตก สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.(02) 411-3102
      วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ มีรถไฟเที่ยวพิเศษ นำเที่ยวไปกลับภายในวันเดียว รายละเอียดสอบถามได้ที่ โทร. (02) 223-7010,223-7020,225-6964
    5. การเดินทางภายในจังหวัด จากสถานีขนส่งกาญจนบุรี ถนนแสงชูโต มีรถโดยสารไปยังอำเภอและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น บ่อพลอย หนองปรือ น้ำตกเอราวัณ น้ำตกเขาพัง น้ำตกไทรโยคใหญ่ ทองผาภูมิ และสังขละบุรี รายละเอียดสอบถามได้ที่ สถานีขนส่งกาญจนบุรี โทร.(034) 511-182

    บันทึกจากประสบการณ์

    ขอเชิญท่านที่เคยท่องเที่ยวหรือมีความทรงจำถึงอดีตต่ออุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ บันทึกเรื่องราวของท่าน เพื่อเป็นการระลึกถึง
    บันทึกเรื่องราวของท่านได้ที่นี่