"อุสา-บารส" ตำนานรักพื้นบ้าน..บนแผ่นดินอีสาน
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นที่ตั้งของสถานที่ซึ่งแสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศ
ซึ่งมีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายที่ถูกขัดเกลาจากขบวนการกัดกล่อนทางธรรมชาติ ทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่างๆกัน
ปรากฏเป็นหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในอดีตที่น่าสนใจหลายแห่ง และยังเป็นกำเนิดแห่งตำนานรักพื้นบ้านบนแผ่นดินอีสาน.."อุสา-บารส"
|
ภูพระบาท เป็นภูเล็กๆลูกหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ตั้งอยู่ในเขตอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี นอกเหนือจากความมหัศจรรย์ของธรรมชาติบนภูพระบาท
ซึ่งประกอบด้วย โขดหิน เพิงหินทราย รูปร่างแปลกตา สัตว์และพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้พบก็คือ
ร่องรอยอารยธรรมของมนุษย์สมัยโบราณได้เคยประทับติดไว้บนภูแห่งนี้มานานมากกว่า 3,000 ปี
เริ่มตั้งแต่มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ใช้สีแดงเขียนภาพต่างๆทั้งพอจะแปลความหมายได้ใกล้เคียงและไม่ทราบความหมาย
ลงบนพื้นผนังถ้ำหรือเพิงหิน จวบจนกระทั่งมีการสกัดแต่งเพิงหินสลักรูปประติมากรรมเป็นรูปพระพุทธรูปและเทวรูป
ตลอดจนสร้างโบราณสถานขนาดเล็กก่อด้วยอิฐและรอยพระพุทธบาทในสมัยประวัติศาสตร์ยุคทวารวดีและล้านช้าง ตามลำดับ
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเขตโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ครอบคลุมพื้นที่ 3,430 ไร่ ในราชกิจจานุเบกษา
เล่ม 98 วันที่ 28 เมษายน 2524 และกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้กรมศิลปากรเข้าทำประโยชน์และพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานประวัติศาสตร์
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2534
สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานประกอบพิธีเปิด
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2535
จุดเด่นและสถานที่เที่ยวชม
|
กลุ่มโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มีผสมกันหลายยุคหลายสมัย หากจะกล่าวรวมทั้งหมดแล้ว
มีที่โดดเด่นอยู่หลายจุดด้วยกัน มองภาพรวมแล้วจะเหมือนกับเป็นอุทยานสวนหินตามธรรมชาติที่กระจัดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้าง
สอดแทรกด้วยโบราณสถานที่ก่อสร้างขึ้นมาแทรกอยู่เป็นหย่อมๆ
ตั้งอยู่บริเวณทางแยกซ้ายมือก่อนถึงที่ทำการอุทยานฯสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2463-2477 ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์
คำว่า "บัวบก" เป็นชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่เกิดตามป่า มีหัวและใบคล้ายใบบัว ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า ผักหนอก
บัวบกนี้คงจะมีอยู่มากในบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาท จึงเรียกรอยพระพุทธบาทนี้ว่า "พระพุทธบาทบัวบก"
หรือคำว่าบัวบกนี้อาจจะมาจากคำว่า บ่บก ซึ่งหมายถึง ไม่แห้งแล้ง
รอยพระพุทธบาทมีลักษณะเป็นแอ่งลึกประมาณ 60 เซนติเมตร ลงไปในพื้นดิน ยาว 1.93 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร
เดิมมีการก่อมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาประมาณ ปี 2465 พระอาจารย์ศรีทัตย์ สุวรรณมาโจ ได้รื้อมณฑปเก่าออกแล้วสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นใหม่
และยังสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองวางทับรอยพระพุทธบาทเดิมไว้ ภายในพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ตัวองค์เจดีย์เป็นทรงบัวเหลี่ยมคล้ายองค์พระธาตุพนม ทุกๆปีในช่วงเดือน 3 ขึ้น 13-15 ค่ำ จะมีงานนมัสการพระพุทธบาทบัวบก
พระพุทธบาทหลังเต่า
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระพุทธบาทบัวบก มีลักษณะเป็นรอยพระบาทสลักลึกลงไปในพื้นหิน ลึกประมาณ 25 เซนติเมตร
ใจกลางพระบาทสลักเป็นรูปดอกบัว กลีบแหลมนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และเนื่องจากพระพุทธบาทแห่งนี้อยู่ใกล้กับเพิงหินธรรมชาติ
รูปร่างคล้ายเต่า จึงได้ชื่อว่า "พระพุทธบาทหลังเต่า"
ถ้ำและเพิงหินต่างๆ
ตั้งกระจายอยู่ทั่วไปในบริเวณอุทยานฯแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ในระยะทางไม่ไกลนัก ได้แก่ ถ้ำลายมือ ถ้ำโนนสาวเอ้
ถ้ำคน ถ้ำวัวแดง(ถ้ำเหล่านี้สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นที่พำนักของมนุษย์สมัยหิน และมนุษย์เหล่านี้ได้เขียนรูปต่างๆไว้ เช่น
รูปคน รูปมือ รูปสัตว์ และรูปลายเรขาคณิต) นอกจากนี้ยังมีลายหินที่สวยงาม คือ ลานหินโนนสาวเอ้
ธรรมชาติได้สร้างเพิงหินต่างๆไว้ ทำให้มนุษย์รุ่นหลังๆได้จินตนาการผูกเป็นเรื่องตำนานพื้นบ้าน คือ เรื่อง"อุสา-บารส"
เพิงหินที่สวยงามเหล่านี้ ได้แก่ คอกม้าท้าวบารส หอนางอุสา บ่อน้ำนางอุสา นอกจากนั้นยังพบชิ้นส่วนหลักเสมาและหินทรายจำหลัก
พระพุทธรูปศิลปะสมัยทวาราวดี ที่เพิงหินวัดพ่อตา และเพิงหินวัดลูกเขย
พระพุทธบาทบัวบาน
ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองอันเก่าแก่และมีการขุดค้นพบใบเสมาที่ทำด้วยหินเป็นจำนวนมาก
ใบเสมาเหล่านี้สลักเป็นรูปบุคคล ศิลปะทวาราวดี
|
อัตราค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ค่าเข้าชม คนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท
ภายในบริเวณอุทยานฯจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและข้อมูลของอุทยานฯ
รวมทั้งบริการแผนที่เส้นทางเพื่อความสะดวกในการเที่ยวชม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง
ตั้งอยู่ที่บ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
- ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้า อยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย
เป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดิน
เพื่อให้ผู้ชมได้ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดีและโบราณวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาชนะเผาที่ฝังรวมกับศพ
- ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีต
ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ รวมทั้งโบราณวัตถุและนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง
ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้น ภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย ฉายภาพยนต์ ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่างๆ
การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงนั้นสะดวกมาก อยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 55 กิโลเมตร
ตามเส้นทางหมายเลข 22 (อุดรธานี-สกลนคร)ตรงกิโลเมตรที่ 50 ก็จะถึงปากทางเข้าบ้านปูลู จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ
เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225 อีกประมาณ 6 กิโลเมตร
พิพิธภัณฑสถานฯบ้านเชียงเปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท
ชาวต่างประเทศ 30 บาท
อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง
อยู่บนทางหลวงแผ่นดินสายอุดรฯ-หนองบัวลำภู ตรง กม.15 แล้วแยกเข้าไปอีก 10 กิโลเมตร เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน พื้นที่อ่างเก็บน้ำประมาณ 20,000 ไร่ กักเก็บน้ำได้ 113 ล้านลูกบาศก์เมตร
และส่งน้ำเพื่อการเกษตรได้จำนวน 86,000 ไร่ เป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตร การประมง การจ่ายน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปา
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศสวยงาม เหมาะสำหรับการล่องแพ ตกปลา และนั่งเรือชมทิวทัศน์
วนอุทยานนายูงน้ำโสม
มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ น้ำตกยูงทอง ตั้งอยู่บ้านสว่าง หมู่ที่ 2 ตำบลนายูง อำเภอน้ำโสม เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่บนสันเขาภูพานและภูย่าอู
มีลำน้ำไหลผ่านโขดหินสลับซับซ้อนสวยงามท่ามกลางความเขียวขจีของแมกไม้นานาพันธุ์ น้ำตกยูงทองเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มี 3 ชั้น
อยู่ห่างจากตัวเมืองอุดรฯประมาณ 103 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวจังหวัดอุดรธานีผ่านเข้าอำเภอบ้านผือและอำเภอน้ำโสม
เมื่อถึงอำเภอน้ำโสมจะมีทางแยกจากหมู่บ้านน้ำซึมต่อไปอีกประมาณ 17 กิโลเมตร จะถึงทางแยกไปวนอุทยานฯ
อุทยานธารงาม
ตั้งอยู่ในเขตบ้านทับกุง ตำบลทับกุง ตามเส้นทางหมายเลข 2 (อุดรธานี-ขอนแก่น)ระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร
แยกขวามือไปสู่อำเภอหนองแสง ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ก็จะเข้าสู่เขตอุทยานธารงาม
บริเวณอุทยานธารงามมีเนื้อที่ประมาณ 130 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม มีลานหินที่กว้างใหญ่
ถ้ำและน้ำตกหลายแห่ง เช่น น้ำตกตาดมะค่า น้ำตกวังตาดแพ ถ้ำมักเกิ้น ถ้ำมักควน แหลสะอาด(ลานหิน) แหลตากผ้า ฯลฯ
ซึ่งแต่ละแห่งมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปอุดรธานี
- รถยนต์
จากกรุงเทพฯไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน)ถึงสระบุรีบริเวณกิโลเมตรที่ 107 แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2(ถนนมิตรภาพ)
ผ่านนครราชสีมา ขอนแก่นถึงอุดรธานี รวมระยะทางประมาณ 564 กิโลเมตร
- รถโดยสารประจำทาง
มีบริการรถโดยสารทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-อุดรธานี ทุกวัน รถออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ
ถนนกำแพงเพชร(หมอชิต 2)สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.936-1880,936-0657
- รถไฟ
มีบริการรถไฟวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-อุดรธานี ทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.223-7010,223-7020
- เครื่องบิน
บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)เปิดบริการเครื่องบิน กรุงเทพฯ-อุดรธานี ทุกวัน รายละเอียดสอบถามได้ที่ โทร.280-0060,
628-2000
- นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางเดินทางระหว่างจังหวัดใกล้เคียง คือ หนองคาย เลย ขอนแก่น สกลนคร นครพนม
อุบลราชธานี เชียงใหม่ ซึ่งจะออกทุกๆ 30-40 นาที
ขอเชิญท่านที่เคยท่องเที่ยวหรือมีความทรงจำถึงอดีตต่ออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท บันทึกเรื่องราวของท่าน
เพื่อเป็นการระลึกถึง
บันทึกเรื่องราวของท่านได้ที่นี่
|
|